‘อานนท์’แฉตร.ขอหมายจับ
เล่นงานแกนนำ-สกัดชุมนุม
ตู่โวย-อ้างทำเสียบรรยากาศ

‘ธนาธร’ พร้อมคณะก้าวหน้าลั่นลุยการเมืองนอกสภา ประกาศร่วมชุมนุม วันที่ 14 ต.ค.แน่นอน ชี้ผู้มีอำนาจพร้อมรับผลการกระทำหรือยัง ขณะที่ ‘วรชัย เหมะ’ แกนนำนปช.ก็แย้ม คนเสื้อแดงรักและสนับสนุนประชาธิปไตยร่วมม็อบครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ทนายอานนท์เผยตำรวจขอหมายศาลจับกุมอีก หวังสกัดม็อบวันชุมนุมใหญ่ ด้าน‘บิ๊กตู่”เตือนระมัดระวังลูกหลานร่วมชุมนุมอย่าทำอะไรไม่ถูกไม่ควร เชื่อวันนั้นมีประชาชนรอรับเสด็จจำนวนมาก ศาลแขวงขอนแก่นให้ประกัน‘-ไผ่ ดาวดิน-เพนกวิน-หมอลำแบงค์’คดีชุมนุม# อีสานบ่ย่านเด้อ ทีมผู้ต้องหาเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นเข้ารายงานตัวอัยการขอนแก่น หวิดปะทะกับตำรวจหลังขอตรวจยึดป้ายที่เกี่ยวกับสถาบัน

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีฝนตกลงมาตลอดเวลา

ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. เดินทางเข้าพบนายกฯ ที่ห้องทำงาน โดยไม่มีวาระแจ้งล่วงหน้า คาดว่ามารายงานสถานการณ์ทั่วไป โดยเฉพาะการเตรียมรับมือกับการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก เปิดสภาสมัยวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบัน พร้อมประกาศชุมนุมยืดเยื้อ ซึ่งวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ เฝ้าระวังพื้นที่สถานที่สำคัญ และหน่วยงานราชการ

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกลุ่มคณะราษฎรนัดชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า ตนไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังลูกหลานให้ดี อะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว รัฐบาลมุ่งหวังทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่ได้หวังเป็นศัตรูกับใคร ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ถ้าไม่ทำ ก็โดนอาญามาตรา 157 ถ้าทุกคนไม่อยากโดนกระบวนการทางกฎหมาย ก็อย่าทำ ทุกคนทราบกฎหมายทุกตัวอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องไปดูจุดมุ่งหมายของพวกเขาว่าทำเพื่ออะไร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่เป็นห่วง เป็นใย และเคารพสถาบัน ขออย่าตีกัน ที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นรัฐบาลปี 2557 ตนไม่ได้ต้องการที่จะเข้ามา แต่ขอให้ย้อนไปดูว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น แล้วตนเข้ามาแล้วเกิดอะไรขึ้น จะว่าตนไปจำกัดสิทธิ และทำลายใคร ตนก็ไม่ได้ทำ เพียงแต่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน และไม่ได้ก้าวล่วง ตนก็ได้พยายามรักษาความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ถ้าเขาไม่ไปละเมิด และไปก้าวล่วงสถาบันหรือไปด่าใครก็ไม่มีปัญหา แต่ถามว่าตอนนี้เขาทำไปเพื่ออะไร และพวกเรายอมได้หรือ ยอมตามที่เขาเสนอมาได้หรือ ที่เขาเกลียดชัง ไม่เคารพสถาบัน ทุกคนยอมหรือ ตนก็คิดว่าประเทศไทยคงอยู่ไม่ได้หรอก

เมื่อถามถึงการชุมนุมกับเส้นทางในการเสด็จพระราชดำเนินไปพระบรมมหาราชวังในวันที่ 14 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขามีแผนอยู่แล้วในการถวายความปลอดภัย และคงมีประชาชนออกมาเฝ้าฯรับเสด็จจำนวนมาก จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายใช้สถานการณ์ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเวลาอันมงคล ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้ชั่ว ช่วงนี้เป็นเป็นช่วงพระราชทานผ้าพระกฐิน เขาทำบุญกันทั้งประเทศ มาทำลายบรรยากาศการกุศลได้อย่างไร ไม่ควรเลย โตๆ กันแล้ว

ลุยศึกอบจ. – นายธนาธร จึงรุ่ง เรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดตัว ผู้สมัครนายกอบจ. 30 คน ทั่วประเทศ และประกาศนำคณะก้าวหน้าร่วมชุมนุมใหญ่กับคณะราษฎร 2563 วันที่ 14 ต.ค.นี้ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับม็อบวันที่ 14 ต.ค.ว่า ทางแกนนำยังไม่ได้แจ้งการชุมนุม ซึ่งตำรวจคงใช้แผนการชุมนุมเหมือนกับเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. รวมทั้งตั้งด่านคัดกรองโควิด-19 และด่านคัดกรองอาวุธ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ที่มาร่วมการชุมนุม พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด เราต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องเตรียมการตามสถานการณ์ด้านการข่าว จึงอยากขอความร่วมมือผู้ชุมนุมมีความคิดเห็นต่างได้ แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และการชุมนุมสาธารณะต้องแจ้งการชุมนุม เมื่อแจ้งการชุมนุมตำรวจจะออกเงื่อนไขว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า กรณีผู้ชุมนุมประกาศปักหลักอยู่ในเส้นทางเสด็จพระราช ดำเนินในวันที่ 14 ต.ค.นั้น ต้องเน้นการเจรจาพูดคุยกับแกนนำเป็นหลักก่อน ตำรวจมีหน้าที่ถวายความปลอดภัย ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์และปรับการทำงานตามการข่าว ใกล้ถึงวันชุมนุมจะมีการประเมินอีกครั้ง

รองผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดกำลังตำรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบการชุมนุม มีจำนวนพอสมควร เนื่องจากการข่าวผู้ชุมนุมพยายามที่จะปักหลักค้างคืน บางครั้งที่มองว่ามีการนำกำลังพลมาเยอะเพราะต้องเปลี่ยนผลัดหมุนเวียนกำลังพล 24 ชั่วโมง ให้ตำรวจได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ตำรวจมีแผนรองรับอยู่แล้วเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ป้องกันมือที่สามอาศัยโอกาสสร้างการกระทบกระทั่งกัน และจัดตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานโฆษกตร. และ บช.น. จะแถลงความชัดเจนเรื่องเส้นทางให้ปราบอีกครั้งภายใน 2 วันนี้

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรในวันที่ 14 ต.ค.ว่า ไม่มีอะไรกังวล และไม่เห็นว่ามีอะไรแตกต่างจากครั้งก่อนที่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย ถือเป็นการแสดงออกของนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นลูกหลานที่มาแสดงออกตามสิ่งที่เขาคิด และสิ่งที่เขาอยากให้เกิด ส่วนหนึ่งอยู่ที่ประชาชนจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไร จึงต้องรอดูผลความคิดเห็นของสังคมส่วนรวมด้วย ถึงจะไม่กังวลแต่เป็นห่วงนิสิต นักศึกษา ที่เป็นลูกหลาน อยากให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ตามขอบเขตประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การดำเนินการให้บ้านเมืองสงบสุข นำความเห็นต่างสู่เวทีประชาธิปไตยที่โดยไม่เกิดวิบัติกับชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่เราอยากเห็น ซึ่งกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวจะได้เข้าใจขึ้นตามลำดับ ตามที่เขาได้พยายามเรียกร้อง ทั้งนี้ รัฐบาลยังไม่ได้มอบหมายให้ใครเป็นผู้ประสานงานกับผู้ชุมนุม เพราะเขายังไม่ระบุว่าจะยื่นหนังสือมาที่รัฐบาลแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าประเมินว่าจะมีผู้ชุมนุมมากกว่าวันที่ 19 ก.ย.หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ตอนนี้คงประเมินอะไรได้ไม่มาก คงมีผู้ร่วมอุดมการณ์ที่อยู่ในกรอบตามที่เขาดำเนินมาซึ่งคงไม่แตกต่างไปกว่าเดิม ส่วนที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มคณะราษฎร คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเปลี่ยนมิติ เพราะที่ผ่านมายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่เขาคิด จึงเปลี่ยนรูปแบบเพื่อหาแนวร่วมเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่าการเปลี่ยนชื่อกลุ่มเพื่อโยงไปถึงคณะราษฎรในอดีตหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ไม่เป็นไร ถือเป็นความคิดเห็นและเขาต้องการให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง แต่สังคมต้องการด้วยหรือไม่ สังคมจะต้องตอบ อยู่ที่ประชาชนคนไทยจะเป็นผู้ตอบโจทย์ประเทศจะไปในทิศทางไหน

 

“อยากวิงวอนนิสิต นักศึกษา หันหน้ามาคุยกันเพื่อหาทางออกให้ประเทศ รัฐบาล และนายกฯ มีความจริงใจ และเป็นห่วงลูกหลานทุกคน ไม่มีความคิดเป็นอย่างอื่น ไม่มีความคิดมาดร้ายหรือคุกคาม แต่บางครั้งผู้ชุมนุมอาจเกินเลยเรื่องขอบเขตกฎหมาย ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่ เราก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเกินเลยแล้ว แต่รัฐบาล หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอะลุ้มอล่วย ให้เขาได้แสดงออก แต่การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของประชาชนซึ่งคุมเสียงของประเทศ เราต้องช่วยนำพาประเทศพ้นวิกฤตไปให้ได้เพราะมีวิกฤตอยู่หลายเรื่อง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะเขาก็บอกว่าเป็นสิทธิ์” นายอนุชากล่าว

ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.ว่า “คณะก้าวหน้าจะเข้าร่วมชุมนุมอย่างแน่นอน”

เมื่อถามต่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมครั้งสุดท้ายหรือไม่ และทางออกที่ดีที่สุดควรเป็นอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ได้ส่งเสียงและความต้องการของพวกเขาแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งไหนที่นิสิต นักศึกษา เยาวชน เคลื่อนไหวด้วยข้อเรียกร้องเดียวกันทั่วประเทศอย่างกว้างขวางเช่นนี้ ดังนั้น การจะตอบคำถามนี้คือการถามผู้มีอำนาจว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะรับผิดต่อการกระทำที่ผ่านมาแล้วหาทางออกร่วมกันหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการทาบทามให้ขึ้นปราศรัยบนเวทีหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ”

นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ระบุคนเสื้อแดงส่วนใหญ่จะไม่เข้าร่วมชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.ว่า วันที่ 14 ต.ค. นักศึกษาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและต้องการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอุดมการณ์ที่ตรงกับคนเสื้อแดงที่เคยร่วมชุมนุมกันมา ตนเชื่อว่าคนเสื้อแดงทุกคนและแกนนำที่ไม่ทรยศขายตัว และมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยคงออกมาร่วมสนับ สนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย และต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะการชุมนุมที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นการสานต่ออุดมการณ์ของคนเสื้อแดง

นายวรชัยกล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่แค่คนเสื้อแดง แต่คนเสื้อเหลืองหลายกลุ่มก็มีความคิดเห็นเหมือนกันที่ต้องการประชาธิปไตย ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ต้องการผู้บริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะเวลานี้ปัญหาหนักสุดของประเทศคือเรื่องปากท้องที่มาพร้อมวิกฤตของการกดขี่ข่มเหงจากอำนาจเผด็จการคุกคามประชาชน จึงเชื่อว่าจะมีผู้ออกมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก

วันเดียวกัน ที่ จ.ขอนแก่น นายธนภณ เดิมทำรัมย์ หรืออาร์ตยุ่น พร้อมด้วยนายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย และนายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำเเบงค์ พร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อนำแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนจากกลุ่มขอนแก่นพอกันที และประชาชนทั่วไป ร่วมเดินขบวนรณรงค์ให้ประชาชนชาวขอนแก่นออกมาร่วมชุมนุมและร่วมกิจกรรมในวันที่ 14 ต.ค. และร่วมกันเข้าพบพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น ตามหมายเรียก ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบวางกำลังเข้มโดยรอบพื้นที่ดังกล่าว

ระหว่างนั้น พ.ต.อ.ปรีชา เร่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้ใช้เครื่องขยายเสียงแจ้งสิทธิ์การชุมนุม ข้อกฎหมาย และมาตรการควบคุมโรคจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบป้ายที่ผู้ชุมนุมนำมาใช้ในการเดินขบวน พบว่ามี 1 ป้ายที่มีข้อความที่เกี่ยวข้องและหมิ่นเหม่ต่อสถาบัน จึงขอตรวจสอบและตรวจยึด ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจและยื้อแย่งป้ายดังกล่าวจนเกือบการปะทะเกิดขึ้น

เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น ได้มีคำสั่งฟ้องนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วยนายธนภณ เดิมทำรัมย์ หรืออาร์ตยุ่น, นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย และนายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำเเบงค์ ในฐานความผิดร่วมกันจัดให้มีกิจกรรม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรค ต่อศาลแขวง จ.ขอนแก่น พร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนนำส่งศาล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา

เผชิญหน้า – ตำรวจสกัดกลุ่มนักศึกษาเดินขบวนส่ง ‘เพนกวิน’ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และแกนนำ ขอนแก่นพอกันที ไปรายงานตัวต่ออัยการจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

ล่าสุด ศาลแขวง จ.ขอนแก่น มีคำสั่งให้ประกันตัว ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มารายงานตัวต่อศาล ในวันที่ 2 ธ.ค.2563 ในเวลา 13.00 น. หากไม่มารายงานตัวมีคำสั่งปรับคนละ 20,000 บาท และออกหมายจับทันที ซึ่งทันทีที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมา ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้เดินออกมาจากห้องพิจารณาคดี และออกมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งนิสิต และนักศึกษาที่มาปักหลักรอฟังคำสั่งศาลที่บริเวณด้านหน้าศาล ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด จากนั้นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 5 คนรวมทั้งผู้ชุมนุมได้ร่วมกันถ่ายภาพและแยกย้ายกันเดินทางกลับ

นายจตุภัทร์กล่าวว่า แกนนำทั้ง 5 คนนั้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะมารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 2 ธ.ค.ตามที่ศาลนัดหมาย ขณะเดียวกันพนักงานอัยการได้ยื่นขอต่อศาล เพื่อให้ดำเนินคดีกับตนและนายปฏิวัติเพิ่มโทษขึ้นอีก คนละ 1 ใน 3 เนื่องจากเคยต้องคดีมาแล้วในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งประเด็นนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมทางการเมืองและการรณรงค์ต่างๆ ต่อจากนี้

“ในวันที่ 14 ต.ค. ยืนยันชัดเจนว่าจะเป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่และมีประชาชนจำนวนมาก ขณะนี้ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงเทพฯ และมีสัญญาณตอบรับที่ดีมากจากเครือข่ายผู้ร่วมชุมนุมจากทั่วทั้งประเทศที่จะมารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ดังนั้นแม้จะถูกอำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซงหรือการพยายามกระทำการใดๆ ที่ขัดขวางการชุมนุมของพวกเรา แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการจัดการชุมนุมในครั้งนี้อย่างแน่นอน” นายจตุภัทร์กล่าว

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมเยาวชน นิสิต นักเรียน นักศึกษา ทยอยเดินทางมาร่วมประกาศเจตนารมณ์ฝังหมุดคณะราษฎร 2563 พร้อมทั้งอ่านคำแถลงการณ์ เพื่อแสดงจุดยืนอุดมการณ์ต่อต้านเผด็จการ และทวงคืนประชาธิปไตย หลังจากที่ได้มีการนัดหมายกันในโลกโซเชี่ยล “ร่วมกิจกรรม # โคราชจะ ไม่ทน EP.3 มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ปักหมุดคณะราษฎร ใจกลางเมืองโคราช หมุดแรกของโคราช ในวันนี้ เวลา 17.00-21.00 น. ที่ลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชุมนุมวันนี้ มีฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมกันมากขึ้น ท่ามกลางการสแกนพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชายและหญิง ทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก สภ.เมืองนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ปกครอง รวมกว่า 200 นาย ยืนประจำจุดต่างๆ และเดินตรวจตราทั่วบริเวณ พร้อมกับนำอุปกรณ์แผงกั้นเหล็กมาวางล้อมรอบพื้นที่ชุมนุมเอาไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิด เดินสำรวจตามจุดมุมอับต่างๆ อย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มือมืดมาก่อเหตุร้าย

ก่อนเวลา 18.00 น. ตัวแทนแกนนำได้แต่งกายด้วยชุดคอสเพลย์ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวโคราชเข้าร่วมกิจกรรมแสดงจุดยืนต่อต้านเผด็จการ และทวงคืนประชาธิปไตย ซึ่งมีนักเรียน นักศึกษา จากโรงเรียนและสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทยอยเดินทางจับจองพื้นที่ร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะร่วมยืนเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติไทยพร้อมกัน

จากนั้น จึงเข้าสู่กิจกรรมหลักบนเวที ฟังลูกหลานและคนโคราชสะท้อนปัญหาการเมืองที่ล้มเหลว และพบกับแขกรับเชิญ ทนายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย, นายทัดเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด เลขานุการกลุ่มเยาวชนปลดแอก และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ประธานกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย

ก่อนจะอ่านคำแถลงการณ์และการประกาศเจตนารมณ์ฝังหมุดคณะราษฎร 2563 หมุดแรกของโคราช ที่ใจกลางเมืองเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ต่อสู้เรียกร้องให้เกิดการปกครองระบอบประชาธิปไตย พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนที่รักในประชาธิปไตยร่วมกันชุมนุมขับไล่ไล่รัฐบาลในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ

วันเดียวกัน นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความระหว่างไปว่าความที่ศาลอาญาว่า “ตามฟอร์ม ตำรวจมาขอให้ศาลอาญาออกหมายจับผมกับน้องๆ นักศึกษา เพื่อจับไม่ให้ไปชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ก็ดี ให้มันพังไปพร้อมๆ กัน แล้วสร้างขึ้นมาให้ให้มั่นคงแข็งแรงกว่าเดิม

ถ้าผมเป็นอะไรไป ฝากทุกคนไปทวงคืนศักดิ์ความเป็นคนที่ราชดำเนินด้วย เชื่อมั่นและศรัทธาทุกคน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน