ช่วยระทึกคนติดในรถ
ท่วมรีสอร์ตดังปราจีน

น้ำป่าถล่มวังน้ำเขียว ชาวบ้านหนีโกลาหลกลางดึก ทั้งบ้านเรือน ถนนโดนท่วมอย่างหนัก ทะลักจมอุโมงค์เชื่อมป่าเขาใหญ่-ทับลาน บางจุดสูงถึง 2 เมตร ระดมเจ้าหน้าที่ช่วยกันวุ่น ทั้งคนและรถติดอยู่ด้านในอุโมงค์ สลดซ้ำหนุ่มวัย 18 ปี ขี่จยย.กลับบ้าน โดนน้ำซัดตกจมฝายเสียชีวิต ส่วนที่นาดี ปราจีนบุรี ก็ท่วมรุนแรงในรอบ 30 ปี จมบ้านมิดหลังคา โรงพัก บ้านพักตร.ก็โดน ท่วม ‘เวโรนา แอท ทับลาน’ โรงแรมรีสอร์ตชื่อดัง นักท่องเที่ยวหนีอลหม่าน รถจมนับร้อยคัน

จมอุโมงค์ – น้ำป่าจากอุทยานฯ เขาใหญ่ไหลทะลัก ท่วมอุโมงค์เชื่อมผืนป่าอุทยานฯ ทับลาน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร รถยนต์ไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ระดมแก้ไขด่วน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.

เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 1 พ.ย. น้ำป่ามาจากอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนและเส้นทางสัญจรหลายสาย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง เนื่องจากฝนตกหนักในพื้นที่ และบนเทือกเขา จึงมีมวลน้ำสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก โดยน้ำป่าส่วนหนึ่งไหลลงอ่างเก็บน้ำลำเชียงสา ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จนล้นสปิลเวย์ หรือทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน แล้วไหลไปตามเส้นทางน้ำทะลักลงมาท่วมบ้านเรือนและถนนหลายสาย ชาวบ้านต้องหนีน้ำกันอลหม่าน เนื่องจากน้ำป่ามาเร็วและแรงมาก ทำให้ตั้งตัวกันไม่ทัน

โดยเฉพาะที่บ้านอุดมทรัพย์พัฒนา และ บ้านบะด่าน อ.วังน้ำเขียว ถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้าน และยังมีอีกหลายพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ถูกน้ำป่าไหลหลาก จนสะพานข้ามห้วยใหญ่ใต้ หมู่ 6 พังเสียหาย ทางอ.วังน้ำเขียว ประสานกับ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี สนธิกำลังหลายหน่วยงาน รวมทั้งอาสากู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ รวมกว่า 200 คน จัดทีมช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว

ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตจากน้ำป่า 1 ราย เป็นเยาวชนอายุ 18 ปี ประสบเหตุขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านที่ ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว ถูกน้ำป่าโถมเข้ามาซัดจนตกฝาย เพื่อนๆ ที่เดินทางมาด้วยกันพยายามเข้าช่วยเหลือ แต่น้ำป่าไหลหลากรุนแรงมาก ไม่สามารถช่วยไว้ได้ทัน และล่าสุดพบศพแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้น้ำป่ายังหลากท่วมเดอะเวโรน่า แอท ทับลาน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ตั้งอยู่ริมถนน 304 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำสูงมาก รวมทั้งยังหลากท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.วังขอนแดง ต.บุพราหมณ์ ต.วังมืด ต.ขุนศรี อ.นาดี ก่อนจะไหลไปยังพื้นที่ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี

มิดคัน – สภาพอุโมงค์เชื่อมผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กับอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี ถูกน้ำท่วม สูงเกือบ 2 เมตร รถจมน้ำแทบมิดคัน หลังเกิดฝนตกหนักในเขตพื้นที่ป่าเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 พ.ย.

โดยเฉพาะอุโมงค์เชื่อมป่าเขาใหญ่-ทับลาน บนทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย น้ำป่าไหลเชี่ยวรุนแรงผ่านอุโมงค์ทางลอด ระดับน้ำสูง 1.70 เมตร รถยนต์ทุกชนิดสัญจรผ่านไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วมจนเครื่องยนต์ดับอยู่กลางอุโมงค์ และจากสถานการณ์ดังกล่าวมีผู้ตกค้างอยู่ในอุโมงค์หลายราย เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร โดยให้ใช้เส้นทางเลี่ยงอ้อมไปทาง อ.บ้านนา จ.นครนายก หรือ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ขณะที่ทีมกู้ภัยใช้เรือลอดเข้าไปสำรวจในอุโมงค์ เพื่อใช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว

ส่วน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะที่บ้านไร่ หมู่ 1 ต.ท่าอ่าง หลังจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ผ่านมา ขณะนี้ชาวบ้านยังผวากับมวลน้ำที่เพิ่งท่วมผ่าน ประกอบกับล่าสุดทางจังหวัดแจ้งเตือนปล่อยน้ำเขื่อนลำพระเพลิง และเขื่อนลำมูลบน เนื่องจากน้ำเกินที่จะรับได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่จังยังไม่กล้าขนข้าวของลงจากที่สูง หรือทำความสะอาดบริเวณบ้าน

ขณะที่เขื่อนลำมูลบน อ.ครบุรี จ.นคร ราชสีมา มีปริมาณน้ำไหลลงสู่เขื่อนจำนวนมหาศาล และเพิ่มระดับสูงขึ้นเกินระดับกักเก็บ จนล้นทางระบายน้ำน้ำล้นฉุกเฉินแล้ว โดยนายศักดิ์ดา อยู่เดช ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน เปิดเผยว่าขณะนี้ปริมาณน้ำภายในเขื่อน ล่าสุดอยู่ที่ 144 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 102 เปอร์เซ็นต์ของความจุกักเก็บปกติที่ 141 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำสูงกว่าสปิลเวย์ 20 เซนติเมตร แต่ทางเขื่อนมั่นใจว่าน้ำที่ล้นออกจากเขื่อนจะไม่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างแน่นอน และยืนยันว่าตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง

สำหรับสถานการณ์น้ำเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ล่าสุดปริมาณน้ำอยู่ที่ 160.62 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 103.63 เปอร์เซ็นต์ ของความจุเก็บกักน้ำ จนล้นสปิลเวย์ ต้องยกบานระบายน้ำฉุกเฉิน เนื่องจากมีฝนตกหนักบนเทือกเขา ทำให้เกิดน้ำสะสมจำนวนมากบนพื้นที่ต้นน้ำลำพระเพลิง ก่อนจะไหลเข้ามาสู่เขื่อนลำเพลิง ทางเขื่อนเร่งระบายน้ำล้นลงสู่คลองธรรมชาติ ลำน้ำสาขาลำพระเพลิง และคลองชลประทาน

แต่ด้วยมวลน้ำจำนวนมาก จึงมีบางช่วงที่ไหลเอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมพื้นที่ริมลำน้ำ ก่อนท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน และยังทำให้ถนนเส้นเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน หน้าการประปาส่วนภูมิภาค อ.ปักธงชัย มีน้ำเอ่อท่วมผิวจราจร รวมทั้งสะพานบ้านสะแกงาม สะพานบ้านปลายดาบสะพานบ้านโคกสะอาด และสะพานบ้านทุ่งเอื้อง อ.ปักธงชัย ระดับน้ำกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวต้องอพยพขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น

ส่วน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง 2 ตำบล คือ ต.ท่าช้าง และ ต.ช้างทอง มีชาวบ้านเดือดร้อน 320 หลังคาเรือน หลายหน่วยงานเร่งลงพื้นที่นำข้าวสารอาหารแห้ง และน้ำดื่มเข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว คาดประมาณ 1 สัปดาห์ สถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

ด้าน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ลำน้ำจักราชยังไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมสถานที่ราชการ บ้านพักตำรวจ บ้านพักนายอำเภออย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร น้ำท่วมบ้านเรือนกว่า 80 หลังคาเรือน บางหลังน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่สามารถเข้าออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ได้ เหมือนติดเกาะ ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ

ตรวจท่วม – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.โนนสูง และอ.พิมาย จ.นครราชสีมา พร้อมสั่งให้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง เมื่อวันที่ 1 พ.ย.

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.โนนสูง และ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยพล.อ.ประวิตรกำชับให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขังอย่างใกล้ชิด เร่งระบายน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อรีบฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัย รวมทั้งให้สำรวจพื้นที่ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจหลัก เขตโบราณสถานเมืองพิมาย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

จากนั้น พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่วัดบ้านขาม หมู่ 4 ต.ในเมือง อ.พิมาย มอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านผู้ประสบภัย รวมถึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยเหลือควบคู่ไปพร้อมกันหลังน้ำลดระดับลงแล้ว โดยที่ อ.พิมาย เกิดอุทกภัย 8 ตำบล สัมฤทธิ์, ธารละหลอด, ในเมือง, กระเบื้องใหญ่, ท่าหลวง, ดงใหญ่, หนองระเวียง และโบสถ์ รวม 57 หมู่บ้าน บ้านเรือนถูกน้ำท่วม 1,668 หลัง วัด 1 แห่ง และพื้นที่การเกษตรเสียหาย 5,637 ไร่

ด้านสถานการณ์ จ.ปราจีนบุรี เกิดน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในรอบ 30 ปี พื้นที่ อ.นาดี น้ำป่าจากเทือกเขาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน ไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว ที่บ้านคลองยางนา หมู่ 7 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี เพียงไม่กี่นาทีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนมิดหลังคา ชาวบ้านต้องหนีตายกลางดึกขึ้นไปอยู่บนหลังคา เครื่องใช้ในบ้านถูกน้ำท่วมหมด รวมทั้งสัตว์เลี้ยงจมน้ำและลอยหายไปกับกระแสน้ำ

นอกจากนี้กระแสน้ำยังไหลผ่านสะพานคลองลำพญาธาร ที่ถนนสาย 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี ตัดผ่าน ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ระยะทางกว่า 100 เมตร รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ จนกระทั่งเวลา 06.00 น. น้ำลดลงจึงเปิดการจราจรได้ตามปกติ ส่งผลให้รถยนต์ติดยาวนับสิบกิโลเมตร อีกทั้งกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและรุนแรง พัดราวสะพานข้ามหมู่บ้านบุพราหมณ์จนเสียหาย รวมทั้งบ้านเรือนเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน

จากนั้นกระแสน้ำยังได้ไหลไปตามคลองลำพญาธาร เข้าท่วม สภ.วังขอนแดง ที่อยู่ริมคลอง ตำรวจหนีน้ำท่วมกันจ้าละหวั่น บ้านพักตำรวจ รถยนต์ถูกน้ำท่วม ส่วนบ้านวังขอนแดง หมู่ 6 ต.บุพราหมณ์ ที่มีชาวบ้านอาศัยหนาแน่นต้องอพยพหนีน้ำ ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ต้องขนย้ายผู้สูงอายุ คนป่วย เด็กเล็ก คนพิการไปไว้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) บ้านทับลาน และน้ำป่ายังทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นหลายต้น ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง สัญญาณโทรศัพท์บางเครือข่ายใช้การไม่ได้

นอกจากนี้กระแสน้ำป่าที่ไหลมาจากคลองลำพญาธารไหลเข้าท่วมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.ปราจีนบุรี คือ เวโรน่า แอท ทับลาน อย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร นักท่องเที่ยวที่พักอาศัยช่วงวันหยุดหนีน้ำกันอลหม่าน รถยนต์ถูกน้ำท่วมเกือบ 100 คัน และมีผู้ติดค้างอยู่ในห้องพักโรงแรมจำนวนมาก หน่วยกู้ภัยเร่งเข้าไปช่วยเหลืออกมาด้านนอก

นายชัยวัฒน์ เอี่ยมละออ ปลัดอำเภออาวุโส อ.นาดี นำเจ้หน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 163 หมู่ 8 บ้านวังใหม่ ต.บุพราหมณ์ เนื่องจากมีรายงานว่ามีบ้านถูกน้ำพัดหายไป 1 หลัง และมีผู้อยู่ในบ้าน 2 คนหายไปกับสายน้ำ ล่าสุดยังไม่พบตัว และยังไม่ทราบชะตากรรม

ขณะเดียวกันน้ำไหลเข้าท่วมบ้านทับลาน และท่วมอุโมงค์ทางข้ามสัตว์ป่า ที่เชื่อมระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลาน รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวต่างพากันเก็บข้าวของหนีออกจากบ้าน น้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร นายชัยวัฒน์ ปลัดอำเภออาวุโส ระบุว่าขณะนี้น้ำในพื้นที่ลดลง แต่ไหลไปท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นวงกว้าง

นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผอ.สำนักงานทางหลวงที่ 10 นครราชสีมา เปิดเผยน้ำท่วมอุโมงค์ว่าสาเหตุเกิดจากมีพายุเข้า ทำให้ฝนตกต่อเนื่อง 2-3 วัน น้ำป่าไหลหลากเข้ามายังคลองลำพญาธาร ที่อยู่ด้านล่างติดกับอุโมงค์ คลองลำพญาธารเอ่อล้นเข้าท่วมอุโมงค์ ระดับสูงสุดราว 2 เมตร และต่อมาเวลา 16.30 น. น้ำลดลงเหลือ 60 เซนติเมตร ทั้งนี้ ในอุโมงค์ไม่ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ เพราะเป็นอุโมงค์ที่ออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติ และถูกออกแบบให้สามารถระบายน้ำได้ หากน้ำท่วมสูงกว่าถนนไม่เกิน 50 เซนติเมตร

ผอ.สำนักงานทางหลวงที่ 10 นครราชสีมา กล่าวต่อว่าแต่กรณีที่เกิดขึ้นมีมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้ามา จึงป้องกันไม่ได้ รวมทั้งยังไม่สามารถสูบน้ำออกไปจากอุโมงค์ได้ เนื่องจากไม่มีแหล่งรับน้ำ เพราะลำพญาธารเป็นแหล่งรับน้ำแห่งเดียวเต็ม อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีประชาชน หรือทรัพย์เสียหายจากน้ำท่วมอุโมงค์ หากระดับน้ำลดลงต่ำกว่า 20 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่จะเข้าไปล้างทำความสะอาด และซ่อมแซมต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน