ครูใหญ่-3คนอ่านแถลง
เข้ารับ112-คดีสถานทูต
‘กวิ้น’ลั่นปีหน้าเดือดแน่
ฟ้องคืนตร.แจ้งข้อหามั่ว

วันนี้ ‘ม็อบเฟสต์’ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัวเสวนา นิทรรศการ ‘ม.112’ ดนตรี ปาฐกถา ออกบูธ อดีตสมาชิกดาวดินยื่นฟ้องศาล เอาผิดตร.แจ้งข้อหามั่ว ออกหมายเรียกคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. สนามหลวง ทั้งที่ไม่ได้ไปม็อบ เป็นพนักงานเสิร์ฟโรงแรมที่อุบลฯ ขณะที่แกนนำราษฎรทยอยรับข้อหา ‘เพนกวิน-รุ้ง’ ไปปอท. คดี ‘ม.112’ และพ.ร.บ.คอมพ์ ‘กวิ้น’ ลั่นชุมนุมปีหน้าดุเดือด เข้มข้นมากขึ้น แพร่หลายวงกว้าง ส่วน ‘ครูใหญ่’ กับ 3 คนอ่านแถลงการณ์ ก็รับข้อหา 112 คดีชุมนุม สถานทูตเยอรมัน

ม.112 – ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ ‘รุ้ง’ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ความผิดมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่บก.ปอท. เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และน.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล นักศึกษา ม.ธรรม ศาสตร์ และแกนนำกลุ่มราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นายพริษฐ์กล่าวว่า กฎหมายทั้งสองตัว เป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง และการตั้งข้อกล่าวหาไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่แรก ส่วนการชุมนุมในปีหน้าจะดุเดือดขึ้น กระบวนการจะเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงแพร่หลายเป็นวงกว้าง ปีนี้เป็นเหมือนการปักธง แต่ปีหน้าจะไปให้ถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ขณะที่น.ส.ปนัสยากล่าวถึงการชุนนุมวันที่ 10 ธ.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ว่าจะมีนิทรรศการยกเลิกมาตรา 112 และพูดถึงมาตรา 112 ยืนยันไม่มีการเคลื่อนขบวน

ส่วนที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่นพอกันที พร้อมด้วย น.ส.รวิศรา เอกสกุล น.ส.สุธินี จ่างพิพัฒน์นวกิจ และน.ส.ณัชชิมา อารยะตระกูลลิขิต ผู้อ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมนี เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112

ม.112 – นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ขอนแก่นพอกันที พร้อมด้วยผู้อ่านแถลงการณ์ระหว่างชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี เข้ารับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 112 ตามหมายเรียก ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.








Advertisement

โดยนายอรรถพลสวมหมวกไดโนเสาร์ สีส้ม กล่าวว่าก่อนหน้านี้ได้รับหมายเรียกจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ ข้อหา ม.116 และตอนนี้มารับทราบข้อหา ม.112 ที่เป็นกฎหมายไดโนเสาร์ จึงต้องแต่งชุดไดโนเสาร์มาสู้กับกฎหมายไดโนเสาร์ ในเบื้องต้นให้การปฏิเสธ ไม่หวั่นไหวใดๆ ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยระบุว่าจะไม่ใช้กฎหมาย ม.112 แต่ตอนนี้กลับนำมาใช้ รัฐและผู้สนับสนุนมีวัตถุ ประสงค์ใดหรือไม่

ขณะเดียวกัน ที่สน.ลุมพินี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานไม่แจ้งจัดการชุมนุม และ ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และให้การปฏิเสธ โดยนายจตุภัทร์กล่าวว่า มีเหตุผลที่ไม่แจ้งจัดการชุมนุมกับที่ตำรวจ เพราะมีหลักคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพ ตราบเท่าที่การชุมนุมยังเป็นไปด้วยความสงบ สันติ ฉะนั้นกฎหมายต่างๆ ที่ถูกบังคับใช้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน หากต้องไปขออนุญาต ตำรวจจะรู้ก่อนว่าจะมีชุมนุมที่ไหน ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้มีพื้นที่สาธารณะมากมาย

นายจตุภัทร์กล่าวต่อว่า อีกทั้งเคยมีคนขอจัดกิจกรรมแล้วไม่ได้รับอนุญาต หมายความว่าสิทธิของเราขึ้นอยู่กับตำรวจ หากใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือมาจำกัด ไม่มองปัญหาที่พูดถึงปัญหาและข้อเรียกร้องต่างๆ จะไม่ได้รับการแก้ไข ซ้ำยังทำให้เสียเวลา แต่ยืนยันว่าไม่มีใครถอย สำหรับการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค. ขอให้ติดตามกันต่อไป ยืนยันจะไปเข้าร่วมด้วย

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นายวสันต์ เสตสิทธิ์ อดีตนักศึกษา ม.ขอนแก่น และอดีตสมาชิกกลุ่มดาวดิน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ รองผกก.สอบสวน สน.ชนะสงคราม เป็นจำเลยในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และกลั่นแกล้งให้เป็นคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200

โดยคำฟ้องระบุว่าโจทก์ถูกหมายเรียกข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2563 จากการร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2563 โดยกล่าวหาว่าพังรั้วกำแพงฝั่งตรงข้ามศาลฎีกาเข้ามาในท้องสนามหลวง โจทก์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด โดยวันที่ 19-20 ก.ย.2563 โจทก์ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟห้องอาหารในโรงแรมที่ จ.อุบลราชธานี

คำฟ้องระบุต่อว่า การกระทำของจำเลยเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะแกล้งให้โจทก์ต้องรับโทษ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่โจทก์เกินความจำเป็น ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่ประชาชนผู้ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาในฐานะผู้ต้องหา

จากนั้นศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบเพื่อตรวจฟ้อง และนัดฟังคำสั่งในชั้นตรวจฟ้องต่อไปในวันที่ 18 ม.ค.2564 เวลา 09.30 น.

ที่รัฐสภา นายคริส โปตระนันทน์ อนุกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร นำนายดิสทัต วัธนา นาย สุรเชษฐ์ แสงศรี และนายยงยุทธ หมกคล้าย ผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช. ผ่านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานอนุกมธ. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์สลายการชุมนุม โดยนายธีรัจชัยกล่าวว่า จะตรวจสอบตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ส่วนประชุมกมธ.การกฎหมาย กระบวน การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนฯ ที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมนั้น ได้เชิญนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง, น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล, นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และนายจตุภัทร์ หรือไผ่ บุญภัทรรักษา แกนนำราษฎร เข้าให้ข้อมูลกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในการชุมนุม รวมทั้งเชิญกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ผบ.ตร. ผบช.น. และผบช.สันติบาล ด้วย แต่ปรากฏว่าแกนนำราษฎรไม่มาร่วม เนื่องจากต้องไปรับทราบข้อหา ม.112 ขณะที่ผบ.ตร.และผบช.น.ส่งตัวแทนมา

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในกมธ. เสนอให้ทำหนังสือเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาชี้แจงแทน โดยระบุว่าที่ผ่านมากมธ.ไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่าย เจ้าหน้าที่เท่าที่ควร ดังนั้น การเชิญนายกฯ มาพูดคุย อาจหาทางออกได้ จากนั้นที่ประชุมมีมติเชิญนายกฯ ผบ.ตร. ผบช.น. ผบช.ส. และประธานกสม. มาชี้แจงในวันที่ 16 ธ.ค.

ที่อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35 นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นัดคิดนักเขียนชื่อดัง กล่าวว่าอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เรียนรู้จากอนุสาวรีย์วีรชน 2535 จะได้ไม่ทำผิดพลาดเหมือน พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ ซึ่ง พล.อ.สุจินดาเป็นคนเก่งคนฉลาดมาก แต่หลงอำนาจจนเกิดหายนะ ขอพูดตรงๆ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ฉลาดไม่ได้เสี้ยว พล.อ.สุจินดา นอกจากโง่แล้วยังงก วันนี้เขาขอเวลานานเกินไปแล้ว แล้วมาอ้างเป็นประชาธิปไตย ซึ่งก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอมที่ควรระลึกได้ ควรเคารพประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ราษฎรมีส่วนร่วม ไม่ใช่ให้เนติบริกรรอบๆ มาร่าง ทำแค่นี้ก็จะเป็นการล้างบาป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ลาออก และประวิงเวลาผ่านกลไกสภา ทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไร นายสุลักษณ์กล่าวว่า เชื่อว่าการชุมนุมเรียกร้องจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ถ้าเขาฟังคำเรียกร้อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ฟังเสียงคนรุ่นใหม่บ้าง เชื่อว่าบ้านเมืองไปได้ เพราะบ้านเมืองนี้อยู่ได้ไม่ใช่ด้วยคนแก่อย่างเดียว ต้องอยู่ด้วยคนรุ่นใหม่ ต้องฟังเขาด้วย แล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มาก คนรุ่นใหม่ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก นอกจากเสรีภาพ เสมอภาค ความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพื้นฐานความเป็นมนุษย์

“เรื่องเพียงเท่านี้ไม่ทำให้พวกเขา แต่ยังไปทำร้ายเขา ผมมองว่าเป็นเรื่องน่าสงสาร และเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น ผมเชื่อว่าความรุนแรงจะไม่เกิดจากฝ่ายประชาชน ผมขอเตือนรัฐบาลให้ใช้สันติประชาธรรม อย่าใช้ความรุนแรง แล้วเชิญกลุ่มผู้ชุมนุมมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก คนไทยเรามีรอมชอมและสติปัญญาพอ แต่นายกฯ ควรใช้สติปัญญาบ้าง อย่าใช้ความดื้อรั้นโง่เขลาปกครองบ้านเมือง” นายสุลักษณ์กล่าว

ต่อข้อถามถึงกรณีใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีแกนนำม็อบ ส.ศิวรักษ์กล่าวว่า เคยพูดไว้ชัดเจนแล้วว่า มาตรา 112 นั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยมีพระราชดำรัส การใช้มาตรา 112 เป็นการทำร้ายพระองค์ และทำลายล้างสถาบัน และเมื่อรัชกาลที่ 10 ขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงประธานศาลฎีกาให้ยุติคดีนี้ และถ้าไม่ยกเลิกก็ต้องแก้ไข เช่น ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดก่อนใช้มาตรา 112 ซึ่งคณะกรรมการนี้อาจมาจากกระทรวงยุติธรรม และสำนักพระราชวังก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ นายสุลักษณ์กล่าวว่าใช่ เรื่องนี้แน่นอน เป็นประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจ มาตรานี้ยิ่งมีความรุนแรงเท่าใด แสดงว่าเผด็จการปกครองมากเท่านั้น

ต่อข้อถามถึงกรณีเสนอแนวคิดสาธารณรัฐ และภาพค้อนเคียว นายสุลักษณ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ต่างคนก็ต่างมีความหมายต่างกัน ใครอยากเป็นมหาชนรัฐ ใครอยากเป็นคอมมิวนิสต์ก็ไม่เป็นไร แต่ควรให้โอกาสเขาแสดงออก ดีกว่าให้เขาไปซ่องสุม เช่น ประเทศอังกฤษที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีคน 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องการเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนตนมองว่าประเทศไทยมีไม่ถึงขนาดนั้น ให้เขาแสดงออกไปเถอะ ไม่เป็นไร ถ้าเราเชื่อมั่นในวิถีทางปกครองของเรา ว่าการปกครองเป็นไปเพื่อสันติประชาธรรมจริงๆ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า รัฐบาลไม่ตอบรับ 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม จะนำไปสู่จุดที่ทุกคนกังวลหรือไม่ ส.ศิวรักษ์กล่าวว่า “รัฐบาลที่ปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐบาลต้องรับผิดชอบแทนพระองค์ แต่ประยุทธ์เตะลูกบอลถวายในหลวง แล้วจะเรียกว่าจงรักภักดีได้อย่างไร จึงขอเตือนว่าถ้าประยุทธ์ยังมีสติปัญญา ต้องปกป้องสถาบัน แต่นี่ไม่ปกป้อง และทำไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว” นักคิดนักเขียนชื่อดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดม็อบเฟสต์ ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง ใช้ชื่องานว่า “ยกเลิก 112 สิ แล้วเราจะเล่าให้ฟัง” มีการเสวนาวิชาการ นิทรรศการ ม.112 การแสดงดนตรี ปาฐกถา และบูธต่างๆ อีกมากมาย

ขณะเดียวกัน กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นัดรวมตัวกันที่หน้าสำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเทศไทย ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ ในเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ธ.ค.นี้ เพื่อร่วมกันเรียกร้องยูเอ็น และนานาชาติกดดันรัฐบาลไทยยกเลิกมาตรา 112 พร้อมพบกับนายสุรภักด์ ภูไชยแสง และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องหาขังคดี 112 จะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว และมาตรการต่อไปในต้นปี 2564 ที่จะหลั่งเลือดสู้กับกฎหมายเผด็จการ

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. แถลงว่าในวันที่ 10 ธ.ค. จะมีการชุมนุมพื้นที่กรุงเทพฯ 2 จุด คือหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเทศไทย โดยน.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ยื่นแจ้งการชุมนุม ตั้งแต่เวลา 08.00 -14.00 น. และที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่เวลา 16.00-20.00 น. ชุมนุมเรียกร้องความเหลื่อมล้ำคนพิการ

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่าขอให้ผู้จัดการชุมนุมทั้ง 2 แห่ง ปฏิบัติตามข้อกำหนดให้อยู่บริเวณทางเท้า ไม่ลงมาพื้นผิวการจราจร ห้ามมีป้ายปลุกระดมยุยง ห้ามเคลื่อนย้าย ผู้ชุมนุม ห้ามชุมนุมระยะ 50 เมตรทำเนียบรัฐบาล ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงเกินกว่าอัตรากำหนด การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อบไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ส่วนการชุมนุมม็อบเฟสต์ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลานั้น เป็นพื้นที่เอกชน แต่หากเคลื่อนขบวนต้องแจ้งการชุมนุม โดยให้บก.น.6 ไปดูแลความสงบเรียบร้อย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน