ปาดคอย่าตายคาบ้าน
ฉกปืนปู่ขี่จยย.อาละวาด
สาว-ผช.พยาบาลบาดเจ็บ
เผยเพิ่งมาจากอังกฤษ

อุดรฯช็อกอีก! หนุ่มคลั่งใช้มีดปาดคอย่าวัย 66 ตายคาบ้าน แล้วขี่จยย.ออกไปไล่แทงคนในร้านสะดวกซื้อ ชักปืนยิงผู้ช่วยพยาบาลบาดเจ็บ สุดท้ายถูกพลเมืองดีช่วยกันจับตัวไว้ได้ ตร.สอบไอ้คลั่งเพิ่งกลับมาจากประเทศอังกฤษได้ 3 เดือน มาเยี่ยมปู่-ย่าที่เมืองไทย แต่ติดโควิดจึงยังกลับอังกฤษไม่ได้ โดยป่วยโรคทางประสาท ต้องกินยาตลอด ก่อนเกิดเหตุเข้าไปขอปืนปู่มาเล่น แต่ย่าไม่ให้ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งนำมาสู่การก่อเหตุ หลังถูกจับยังมีอาการตาขวาง จนถูกสั่งขังเดี่ยวเพราะอาจไปทำร้ายผู้ต้องหารายอื่นได้อีก

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 ม.ค. ร.ต.อ.ศักดา บุญก้อน รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเกิดเหตุฆ่าปาดคอที่บ้านเลิศอำนวยลาภ เลขที่ 44/24 และ44/10 ซอยโนนพิบูลย์ 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี จ.อุดรธานี จึงรีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี แพทย์เวรของ ร.พ.ศูนย์อุดรธานี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิส่งเสริมธรรม

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 หลังติดกัน หลังหนึ่งหน้าบ้านทำเป็นที่เล่นฟิตเนส ส่วนบ้านอีกหลังพบศพนางอนงค์ เลิศอำนวยลาภ อายุ 66 ปี ภรรยาเจ้าของบ้าน สวมเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลนุ่งกางเกงวอร์ม สวมถุงเท้าสั้น นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดบนพื้นห้อง ตามร่างกายมีบาดแผลถูกของมีคมแทง 10 แผล ลำคอมีบาดแผลถูกมีดปาดคอยาวและลึก แพทย์ระบุว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-5 ชั่วโมง

ส่วนคนร้ายคือนายกิตติภัฏ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี หลานชายแท้ๆของผู้ตาย ทราบต่อมาว่าหลังก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีฟ้าขาว ทะเบียน 1 กฎ 9152 อุดรธานี หลบหนีไปพร้อมอาวุธมีดและอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. และเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกแทงที่ร้านนวดแผนไทย ภายในซอยชุมชนโนนพิบูลย์ ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 400 เมตร ทราบชื่อคนเจ็บคือน.ส.อารียา เมืองมา อายุ 24 ปี หลังเกิดเหตุน.ส.อารียาได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือที่ร้านเซเว่น 7-11 ได้ทัน ส่วนคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกันได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นได้ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งว่า คนร้ายยังไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนางศิริรัตน์ พรมวงศ์ ผู้ช่วยพยาบาลจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขึ้นที่ โรงพยาบาลวัฒนา ถ.เพาะนิยม ตั้งอยู่ห่าง จากบ้านที่เกิดเหตุไปประมาณ 300 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่รปภ.ของโรงพยาบาล สามารถควบคุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด 191 จึงได้ไปควบคุมตัวนายกิตติภัฏกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายขจรศักดิ์ เลิศอำนวยลาภ และนางอนงค์ เลิศอำนวยลาภ ซึ่งเป็นปู่และย่าของนายกิตติภัฏ โดยนาย กิตติภัฏไปอยู่กับพ่อแม่ที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่เล็ก เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว นาย กิตติภัฏกลับมาเยี่ยมปู่ย่าที่บ้าน ทราบอีกด้วยว่าตัวนายกิตติภัฏมีอาการทางโรคประสาท ต้องกินยาเพื่อใช้บำบัดมาตลอด แต่เพราะสถานการณ์โควิด-19 จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอังกฤษได้

พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกิตติภัฏต้องไปรับยาที่ โรงพยาบาลศูนย์อุดรฯมากินไปก่อน ตามปกติย่าจะเป็นคนคอยบอกให้หลานกินยามาตลอด ในที่เกิดเหตุยังพบว่ายาอยู่เป็นชุดจำนวนมาก ซึ่งแพทย์ยืนยันว่า ยาที่พบนั้นเป็นยารักษาอาการกลุ่มโรคประสาท และแผงยาบางตัวถูกแกะกินไปบ้างแล้ว แต่พบว่ายังเหลือยาอีกจำนวนมาก คาดว่าคงต้องไปรับยามาใช้เป็นช่วงๆ และต้องใช้เป็นระยะยาว ทางแพทย์เองก็บอกว่ายาเหล่านี้ต้องกินเป็นประจำ และผู้ป่วยสามารถใช้กินเองได้








Advertisement

พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้นายกิตติภัฏมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมานั้น เชื่อว่าน่าจะยังไม่ได้กินยาควบคุมอาการ ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหารู้ว่าย่าเก็บอาวุธปืนของปู่ไว้ แต่ปู่ออกไปตกปลาที่บ่อตั้งแต่เช้า จึงเข้าไปหาย่าเพื่อขอปืนมาเล่น แต่ย่าไม่ให้ทำให้ขัดใจ นายกิตติภัฏก็เลยมีอารมณ์บวกกับอาการทางประสาทด้วย จึงลงมือใช้มีดกระหน่ำแทงย่าไปประมาณ 10 แผล จากนั้นก็ยังใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต เสร็จแล้วก็แย่งเอาอาวุธปืนนำไปใช้ก่อเหตุที่อื่นอีก โชคยังดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยกันจับตัวไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นก็คงจะซ้ำรอยกับเหตุหนุ่มคลั่งที่เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นานมานี้

เบื้องต้นสั่งดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” ส่วนกรณีใช้อาวุธปืนยิงและมีดแทงผู้อื่นจนได้รับาดเจ็บ ต้องรอตรวจสอบอาการของคนเจ็บและรายละเอียดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป

“สำหรับการสอบสวนนายกิตติภัฏ พอจะพูดกันรู้เรื่อง แต่เขาไม่อยากพูด ถามแล้วไม่ค่อยตอบได้เลยบอกว่าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะพาไปตรวจร่างกาย เพราะมีเลือดผู้เสียชีวิตติดร่างกายเขาอยู่ สามารถใช้เป็นหลักฐานอีกอันหนึ่ง ซึ่งเท่าที่ดูอาการของนายกิตติภัฏโดยทั่วไปยังตาแข็งและขวางๆอยู่ จึงสั่งการให้จับขังเดี่ยวเพื่อป้องกันการไปทำร้ายผู้ต้องขังรายอื่นด้วย” ผบก.ภ.จว.อุดรฯ กล่าว

คลั่งสยอง – ตำรวจสอบปากคำหนุ่มวัย 22 ปี มีอาการทางประสาทเกิดคลุ้มคลั่ง ฆ่าปาดคอย่าตัวเองเสียชีวิตคาบ้าน แล้วอาละวาดไล่แทงผู้หญิง-ยิงผู้ช่วยพยาบาลได้รับบาดเจ็บหลายราย ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน