เข้าเครื่องสอบ11ชั่วโมง
อ้าง-บางเรื่องจำไม่ได้

‘ลุงพล’โวยตร.สอบสวนวกไปวนมา หลังนำเข้าเครื่องจับเท็จมาราธอน 11 ชั่วโมง พร้อมป้าแต๋น ภรรยา คดี‘น้องชมพู่’เสียชีวิตปริศนา ยอมรับบางครั้งจำไม่ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ให้ตอบแค่ว่า“ใช่-ไม่ใช่” เท่านั้น ไม่น่าเกิน 10 คำถาม โดยมีจนท. 4-5 คนคอยซักถาม มีการใช้กล้องถ่าย พร้อมจับชีพจร อยากให้วิญญาณน้องชมพู่ให้กำลังใจลุงป้าเหมือนเดิม เตือนใครทำหลาน ควรออกมารับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ภรรยามาเข้ากระบวนการซักถาม และเข้าเครื่องจับเท็จในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ ตั้งแต่เช้าวันที่ 8 ม.ค. ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์ หลักฐานตำรวจ จ.ปทุมธานี ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมีนักจิตวิทยาร่วมสอบปากคำด้วย เพื่อสังเกตอากัปกิริยาท่าทางต่างๆ ในการตอบคำถามของทั้ง 2 คน รวมทั้งใช้เครื่องมือในการตรวจวัดช ีพจร หรือเครื่องจับเท็จ ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนของกฎหมาย โดยใช้เวลานานเกือบ 11 ชั่วโมง

กระทั่งเวลา 21.51 น. จึงเสร็จสิ้นกระบวนการ จากนั้นเจ้าหน้าที่พาลุงพล และป้าแต๋นเดินออกทางประตูด้านหลังของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 โดยมีแฟนคลับของลุงพล และป้าแต๋นที่เดินทางมาให้กำลังใจนำดอกไม้มามอบให้เพื่อให้กำลังใจ

ไม่กังวล – นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ให้สัมภาษณ์หลังถูกตำรวจเชิญตัวมาเข้าเครื่องจับเท็จ และเข้าสู่กระบวนการซักถามนานถึง 11 ชั่วโมง เพื่อคลี่คลายคดี ‘น้องชมพู่’ โดยลุงพลระบุไม่กังวลและรู้สึกอึดอัดใจ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี

นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ให้สัมภาษณ์ถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเข้าเครื่องจับเท็จว่า เจ้าหน้าที่ถามวนไปวนมา จนบางครั้งเราจำไม่ได้ คำตอบที่เราต้องตอบใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น ใช่หรือไม่ อธิบายไม่ได้ วิญญาณน้องชมพู่ ถ้าดูอยู่อยากให้น้องชมพู่ให้กำลังใจลุงกับป้าเหมือนเดิม ถ้าน้องดูอยู่ ลุงกับป้าต่อสู้มาทุกวันนี้เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับน้อง ใครที่รู้ตัวว่าทำกับน้องชมพู่ อยากให้เขาออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ เพราะว่าผ่านมาหลายเดือนแล้ว ตนคิดว่าการรับสารภาพเรื่องแบบนี้เชื่อว่ากฎหมายเมืองไทยไม่น่าจะถึงขนาดจำคุกถึงตลอดชีวิต ลดหย่อนถ้าเขาออกมายอมรับในสิ่งที่เขาทำ ความรู้สึกตอนก่อนเข้าหรือหลังเข้าก็รู้สึกเหมือนเดิม ห้องข้างในมันเย็น เปิดแอร์เย็นก็เย็น

“หลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านเลย โดยพรุ่งนี้จะไปดูงานที่วัดภูหลวงเพราะมีประเด็นงานที่ภูหลวงก็รู้ว่าแรงเหลือเกิน แต่จะต้องทำให้เสร็จตามวัตถุประสงค์ของ FC เร่งทำพื้นที่ศาลาให้เสร็จที่เราตั้งใจให้ประสบผลสำเร็จ และขอให้ FC ทุกคนภูมิใจที่ได้ร่วมกันสร้าง นอกจากนี้สิ่งที่เกิดกับน้องชมพู่ที่บ้านกกกอดคาดหวังให้เจ้าหน้าที่ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย”

ลุงพลกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ซักถามประมาณ 4-5 ท่าน โดยใช้เครื่องจับเท็จมีการใช้กล้องและเครื่องจับชีพจร ถ้าคนมีพิรุธหรือโกหกชีพจรก็จะไม่ปกติ เพราะใช้กระแสไฟฟ้า ส่วนคำถามนั้นตัวลุงเองจำไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ซักถามวนไปวนมา จนจำไม่ได้ แต่คำตอบที่ให้ตอบคือ ใช่ กับ ไม่ใช่เท่านั้น โดยคำถามจะเป็นการถามซ้ำๆ ไม่น่าจะเกิน 10 คำถาม ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจ แต่คำถามนั้นจะถามวนไปวนมา ทำให้เราตอบผิดตอบถูก เพราะไม่ได้มีการอธิบาย เพียงแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ เท่านี้

ลุงพลกล่าวด้วยว่า หลักฐานข้อมูลขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและก็ยังยืนยันคำเดิมสิ่งที่ผมพยายามทำมาโดยตลอด คือต้องการให้คนที่ทำกับหลานออกมารับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะว่าเด็กอายุแค่ 2 ขวบต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ทำให้ตนซึ่งเป็นลุงของผู้เสียชีวิตรับไม่ได้ ทุกครั้งที่ตนพูดถึงน้องชมพู่ก็มีอาการเสียใจที่ตนได้เห็นสภาพของน้องที่ข้างบน ทำให้นึกเห็นสภาพในวันนั้นเมื่อนึกถึงน้องทีไร ซึ่งตนไม่ได้หนักใจอะไรกับการเข้าเครื่องจับเท็จ มันเป็นวิธีการตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามให้ความยุติธรรมกับพวกเรา ซึ่งคนที่ทำผิดเท่านั้นจะต้องออกมารับผิด ไม่ใช่อยู่ๆ ไปจับคนโน้นคนนี้มา มันคงไม่ใช่ ตนเองเชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงไม่ทำอย่างนั้น

ส่วนป้าแต๋นก็รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกโล่งเพราะพี่น้องมาตรงนี้หมด ก็รู้สึกโล่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน