ผสม’เฮ-ไอซ์-เค-นอนหลับ’
ร่อแร่ส่งรพ.3-ระบาดหนัก
‘บิ๊กปั๊ด’สั่งล้างบางถึงต้นตอ

เสพสยองวันเดียว 6 ศพ โคม่าอีก 3 ยาเสพติดชนิดใหม่ “เคนมผง” กำลังระบาดหนักเพราะราคาย่อมเยากว่า “เค” แท้ๆ แฉผสมมั่วกันเอง “เฮโรอีน-ยาไอซ์-เคตามีน-ยานอนหลับ” ไม่มีสูตรตายตัว แพทย์รามาฯชี้คนที่รอดตายอาจใช้ชีวิตไม่ปกติ เพราะสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ผบ.ตร. สั่งล้างบางถึงต้นตอ

เสพ‘เคนมผง’ดับ 6

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ประชุมร่วมกับพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.สส.บก.น.5 กรณีมีผูเสพสารเสพติดชนิดใหม่ ‘เคนมผง’ เสียชีวิตถึง 6 ราย ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล

พล.ต.อ.สุวัฒน์เผยว่า วันนี้เป็นการเรียกมารายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นอาจมีผู้มาจำหน่ายให้หรือมีแหล่งไปเสพร่วมกันต้องไปขยายผล ทั้งนี้ยังไม่ยืนยันองค์ประกอบของสารตามที่เป็นข่าวว่าเป็นเคตามีนผสมยานอนหลับ ต้องรอผลรายงานแพทย์ แต่ในชั้นนี้เคตามีนเป็นยาที่ใช้ในห้องผ่าตัด เมื่อมาแปลงสภาพใช้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทจึงกำชับเรื่องควบคุมการจำหน่าย ให้ บชน.ภ.1-9 บช.ปส.ดูเรื่องแหล่งจำหน่าย รวมทั้งสารบางตัว นอกจากต้องใช้ใบสั่งแพทย์ อาจนำเข้ามาตามแนวชายแดน บางคนเรียกว่า โคลนาซีแพม หรือ เซ่หนอน นำไปผสมเฮโรอีน พาราเซตามอล อะไรที่สามารถควบคุมแหล่งจำหน่ายได้ เราจะเร่งดำเนินการ เช่น ตามแหล่งจำหน่ายเปิดร้านขายยาควบคุมตามกฎหมายหรือไม่ เพราะยาบางตัวซื้อขายได้ หากมีใบสั่งแพทย์

สำหรับพื้นที่นครบาลสั่งการให้ทุกโรงพักต้องลงไปตรวจสอบพื้นที่ สืบสวนแบบเปิดเผยและเชิงลึก หากมีการจำหน่ายต้องตามหาตัวผู้ขายให้ได้ แหล่งที่มีการซื้อขาย และแหล่งที่ไปเสพ ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์เสพยา ภายในวันเดียวและเสียชีวิตหลายราย โดยเฉพาะ สน.วัดพระยาไกร ท้องที่เดียว 5 ราย เชื่อว่าตัวยาบางส่วนอาจนำเข้าผิดกฎหมาย การควบคุม พวกนี้หากหละหลวมต้องไปขันนอตกันใหม่ได้สั่งการไปทุกหน่วย ทั้งนี้ เมื่อมีผู้เสียชีวิตต้องกลับไปไล่ว่าเสียชีวิตตอนไหนอย่างไร ใครอยู่ด้วย ณ เวลานั้น บางคนได้ไปพูดคุยแล้ว หากเราพูดไปต่อไปเขาคงจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะบางคนไม่อยากเป็นข่าว เป็นพยาน หรือรู้เห็นอะไรเรื่องเหล่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีนี้มีเยาวชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วย ผบ.ตร. กล่าวว่า วันนี้ได้สั่งการให้สำนักการแพทย์ของตำรวจ และทีมของบช.ปส. อย. และป.ป.ส. มาทำรายละเอียดเรื่องตัวยา วิธีการเสพ ลักษณะอาการต่างๆ และจะทำประชาสัมพันธ์ไม่อยากตอบเองวันนี้

ยาเคนมผง – ญาติของหนุ่มที่พาเพื่อน 5 คน มาเสพยาเคนมผง ที่บ้านพักซอยจันทน์ 31 เขตสาทร กทม. จนมีผู้ช็อกตายในบ้าน 1 ศพ ที่โรงพยาบาลอีก 1 เปิดใจ ‘ข่าวสด’ ว่ารู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และปวดใจกับลูกชายที่ติดยา เมื่อวันที่ 11 ม.ค.

แฉกำลังฮิตผสมเสพเอง

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า ได้รับรายงานล่าสุดเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาย 3 หญิง 3 เหตุเกิดในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร 5 ราย และสน.สุทธิสาร 1 ราย ผู้เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 21-34 ปี และเชื่อว่าทั้งหมดเสียชีวิตจากยาเสพติด เนื่องจากในที่เกิดเหตุตรวจพบผงสีขาวซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด อยู่ระหว่างส่งตรวจพิสูจน์ว่าเป็นยาเสพติดดังกล่าวประกอบด้วยอะไรบ้าง ในวันที่ 12 ม.ค. จะทราบผล และยังไม่พบข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีความ เชื่อมโยงกัน อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวมถึงผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

วันเดียวกัน ที่บช.ปส. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. เผยว่า ยาเคนมผงเป็นยาเสพติด ที่ผสมขึ้นเองในหมู่ของผู้เสพเฉพาะกลุ่ม มีส่วนคล้ายนมผงที่ใช้เลี้ยงทารก จึงมีชื่อว่า ยาเคนมผง ให้ยามีฤทธิ์แรงขึ้นเพื่อความมึนเมา เพลิดเพลินที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มมูลค่า ของตัวยาให้มีมูลค่าสูงกว่าปกติ ทั้งนี้พบว่า ยาตัวดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากแหล่งใน จ.ปทุมธานี เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นแหล่งพักยาและสามารถ หาส่วนผสมทั้งหมดได้ง่าย

สำหรับส่วนผสมของยาชนิดดังกล่าวจะมีส่วนผสมด้วยกัน 4 ตัว คือ เฮโรอีน เคตามีน ไอซ์ และยานอนหลับ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่าตัวยาที่อันตรายที่สุดคือเฮโรอีน เนื่องจากยาเสพติดชนิดดังกล่าว มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการโอเวอร์โดสหรือเสพยาเกินขนาดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากที่สุด โดยมียานอนหลับเป็นตัวประสานตัวยาและตัวเร่งฤทธิ์ของยาทั้งหมด ทำให้ผู้เสพจะมีอาการ มึนเมาเหมือนคนเมาเหล้า แต่ไม่มีกลิ่นสุราและจะมีอาการสะลึมสะลือ โดยอาการที่อันตราย ที่สุดคืออาการปากเขียวคล้ำ และมีเลือดออกทางจมูก เนื่องจากอาการดังกล่าวแปลว่าผู้เสพมีอาการเสพยาเกินขนาดจนร่างกาย ไม่สามารถรับได้ หรือน็อกยา หากพบอาการดังกล่าวให้รีบ นำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

“ยาเสพติดประเภทดังกล่าวหากเสพเพียงครั้งเดียวก็อาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเป็นยาที่มีขนาดค่อนข้างรุนแรง ส่วนสาเหตุที่มีผู้เสียชีวิต จำนวนมากในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร จากการ วิเคราะห์ของชุดสืบสวนเชื่อว่าในจุดดังกล่าวเป็นจุดที่มีอพาร์ตเมนต์แหล่งท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเป็นจุดที่ผู้ใช้ยาแต่ละคนนำยา กลับมาเสพในที่พักของตนเอง ทั้งนี้คาดว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดน่าจะมีความเชื่อมโยงกัน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม จึงสามารถนำยาชนิด ดังกล่าวมาเสพในกลุ่มและกระจายกลับไปในพื้นที่ของตนเอง เบื้องต้นตำรวจบช.ปส.ขอตัวอย่างยาที่พบในที่เกิดเหตุ ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. นำไปตรวจสอบแยกสารประกอบและตรวจสอบองค์ประกอบว่ามีตัวยาส่วนผสมชนิดใดมากที่สุดและยาเสพติดตัวใดที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต” ผบช.ปส. กล่าว

น.1ชี้ 6ศพเกี่ยวโยงกัน

ต่อมาที่ สน.วัดพระยาไกร พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.พร้อม พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น.และ พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.วัดพระยาไกร ร่วมกับชุดสืบสวน ประชุมติดตามคดีการเสียชีวิตที่อาจเกี่ยวข้องกับ ยาเคนมผง ซึ่งระบาดหนักหลายพื้นที่กรุงเทพฯ จนมีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร 5 ราย ประกอบด้วย 1.น.ส.พาณิภัค จันทราวราวรรค์ 2.นายนิติเทพ มะแพทย์ 3.นายวรุฒน์ นุชัยภูมิ 4.น.ส.สุทธิณี เมตตาจิตต์ และ 5.นายธงชัย ฮกซุ่นเฮง และ สน.สุทธิสาร 1 ราย คือ น.ส.ลลิตา เทินสะเกษ รวมทั้งสิ้น 6 ราย

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้ เบื้องต้นในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย เป็นผู้ชาย 3 ราย ผู้หญิง 2 ราย ส่วนพื้นที่ สน.สุทธิสาร มีผู้หญิง เสียชีวิตอีก 1 ราย รวมเป็น 6 คน รักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลอีก 3 ราย ทั้งหมด อายุระหว่าง 21-34 ปี ทั้งหมดมีสาเหตุมาจากการเสพ ยาเสพติด แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นยาชนิดใด และมีต้นตอมาจากแหล่งใด จากการตรวจสอบ พบว่าผู้ตายทั้ง 6 รายมีประวัติเกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันด้วย แต่ต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากมีหลักฐานว่าผู้ใดการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุการตาย แพทย์ให้ความเห็นว่ามาจากหัวใจล้มเหลว ตอนนี้ยังมีผู้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล 3 คน เป็นของพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร

“จากการตรวจสอบพบว่ามีการเสพยาเค นมผงในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร 2 แห่ง ไม่ได้พบทุกที่ ยังไม่มีข้อมูลว่ามีการวางยา ผู้หญิง 2 รายในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร ตามที่มีเพื่อนผู้ตายและคนเจ็บโพสต์ข้อมูล ไว้ในโลกออนไลน์ และยังไม่ได้มีการแจ้ง ข้อกล่าวหากับใคร ตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน”

ราคาถูกระบาดทั่ว

ขณะเดียวกันมีรายงานแจ้งว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุลักษณะแบบเดียวกันทั้งสิ้น 9 ราย อยู่ในพื้นที่ บก.น.5 แบ่งเป็น ท้องที่ สน.วัดพระยาไกร 6 ราย, สน.บางโพงพาง 2 ราย และ สน.ทุ่งมหาเมฆ 1 ราย, สน.จรเข้น้อย 2 ราย และ สน.สุทธิสาร 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเสียชีวิตจากยาเสพติด ชนิดเดียวกันหรือไม่ และผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร

วันเดียวกัน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม เปิดเผยว่า ยาตัวนี้ เริ่มระบาดในพื้นที่สายไหมเมื่อเจ็ดวันที่แล้ว โดยทางเราได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านทางเพจสายไหมต้องรอด และจากทาง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขตสายไหม ว่ามียาชนิดใหม่ มีส่วนผสม มียานอนหลับชนิดรุนแรง ยาไอซ์ ยาเฮโรอีน และมาผสมกับยาเค จึงเกิดเป็นยาเคนมผง เพราะยาเคในช่วงเวลานั้นกำลังขาดตลาด ยาเค หรือเคตามีนที่กลุ่มวัยรุ่นใช้ในสถานบันเทิง มีรูปแบบการใช้ด้วยการสูดดม เกิดอาการมึนชั่วคราว ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ส่วนยาตัวใหม่นี้ จะมีอาการคล้ายคนบ้า ขาดสติ โวยวาย แค่เพียง 3-4 วันมีกลุ่มวัยรุ่นติดกันงมงาย ฤทธิ์มันแรงมหาศาล สาเหตุที่ระบาดเยอะเพราะราคามันถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง 1 กรัมมีราคา 4-5 ร้อยบาท

“มันเริ่มระบาดไปทั่วกรุงเทพฯ เพราะราคา มันถูก และมียาไอซ์เอามาเป็นส่วนผสม เมื่อเสพแล้วติดแล้วมันจึงทำให้เกิดความรุนแรง เมื่อผู้เสพได้สูดดมไปจะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง 3-4 วัน อาการนี้จะเกิดจากคน ที่ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น ถ้าเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอ เมื่อดมไปก็จะร่วงเลย หมดสติไปเลย เข้าโรงพยาบาลนับสิบรายแล้ว บางคนมีปัญหา ทางสติไปเลย หรือถึงขั้นตายตามที่เป็นข่าว ซึ่งผมเคยพูดไปแล้วว่าจะต้องมีคนเสียชีวิตจากยาเสพติดตัวใหม่นี้ ก็เกิดขึ้นจริงๆ ในวันนี้ เพราะฤทธิ์มันร้ายแรงจริงๆ ถ้ายังไม่มีการสกัดยาตัวนี้อาจจะมีคนเสียชีวิตกับยาตัวนี้นับร้อยคน ในพื้นที่ผมหลายคนยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ยาตัวนี้มันกดประสาท มากจริงๆ ในอนาคตจะมีคนเสียชีวิตเพราะยาตัวนี้มากกว่าโควิด อยากจะฝากให้ทางภาครัฐศึกษาปัญหานี้อย่างจริงจัง แล้วหยุดวงจรผู้ซื้อ ผู้ขายให้ได้ หน่วยงานต้องลงมาสัมผัสผู้ติดยาเสพติดจริงๆ แล้วควรมีการเพิ่มโทษให้มันหนักขึ้น สำหรับผู้เสพทุกวันนี้โทษมันเบามาก” นายเอกภพกล่าว

รับศพลูก – นายสุรจิต เมตตาจิตต์ ร่ำไห้รับศพน.ส.สุทธิณี หรือมาย เมตตาจิตต์ ลูกสาว ที่แผนกนิติเวช ร.พ.จุฬาลงกรณ์ หลังเสียชีวิตจากการเสพยาเคนมผง (รูปเล็ก) ยาเสพติดรูปแบบใหม่เกินขนาดจนช็อกดับ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.

พ่อร่ำไห้รับศพลูกสาว

ที่สถาบันนิติเวชร.พ.จุฬาฯ กลุ่มเครือญาติของผู้เสียชีวิตทยอยเดินทางไปยื่นเรื่องติดต่อขอรับศพ เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด นายสุรจิต เมตตาจิตต์ อายุ 56 ปี บิดาน.ส.สุทธิณี หรือมาย เมตตาจิตต์ อายุ 24 ปี พีอาร์ของสถานบันเทิงซึ่งเสียชีวิตภายในอาคารพาณิชย์ ซอยจันทน์ 31 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ เผยว่า ปกติลูกสาวมีอุปนิสัยชอบเสพยาเสพติดทุกวัน มานานกว่า 1 ปี แต่ทุกครั้งที่จะเสพมักออกอุบายให้ตนออกไปทำงานนอกบ้าน วันที่เสียชีวิตเห็นสภาพบุตรสาวอาการไม่ค่อยดีจึงห้ามปรามไว้ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จโดยให้เหตุผลว่านัดเพื่อนไว้ก่อนออกไปในเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน หลังจากนั้นตนส่งข้อความ ไปหาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เป็นรูปกับข้าว เพื่ออยากให้กลับมากินข้าวกับลูกๆ ทั้ง 3 คน ของลูกสาว แต่ไม่มีการเปิดอ่านแต่อย่างใด จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าเสียชีวิตดังกล่าว

“ผมเคยเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้ต้องเกิดขึ้น ซึ่งผมพยายาม คอยเตือนสติลูกอยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ผมพยายาม เก็บหลักฐานและไม่ทำให้เค้ารู้ว่าผมรู้เรื่อง ที่เค้าใช้สารเสพติด จนมาพบว่ายุ่งเกี่ยวกับ ยาเสพติดที่ใช้ชื่อว่าเคนมผง ก่อนเสียชีวิต มายได้มากราบเท้าและโผกอดพร้อมพูดว่า รักหนูมั้ยหนูไม่ดี เหมือนคล้ายเป็นลางบอกเหตุ ครั้งสุดท้าย ตอนนี้อยากให้เพื่อนสนิทของมาย ที่ชื่อน้องพลอย ซึ่งหมดสติและอยู่ในอาการสาหัสฟื้นเพื่อที่จะได้รู้เบาะแสว่าเรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเพื่อนสนิททั้ง 4 คน ที่อยู่ๆ ก็แตกคอกันและหายไปตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ผมคิดว่าลูกอาจถูกวางยา เพราะก่อนหน้านี้ ลูกก็เสพยาเสพติดอยู่เป็นประจำแต่ไม่เป็นอะไร” นายสุรจิตกล่าว

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งขณะที่เป็น ผบช.ปส. พร้อมด้วยพล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 พร้อมชุดทำงาน ได้ตรวจยึดกล่องขนมกินเล่นที่ภายในซุกซ่อนสารเสพติดจำนวนหนึ่งที่บริษัท ขนส่งเแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เตรียมส่งไปประเทศทางตะวันออกกลาง จากการแยก ส่วนผสมของสารเสพติดแล้วพบว่า เป็นยาไอซ์ ผสมกับยาเคคล้ายสารเสพติดที่ตรวจพบเป็นข่าว วันเดียวกันนี้

อย.ชี้ฤทธิ์แรงตายทันที

วันเดียวกัน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีพบผู้เสียชีวิตจากยาเสพติด “เคนมผง” ว่า เป็นการเสพยาเสพติดที่มีส่วนผสมอยู่หลายตัว ยังไม่ทราบว่ามีกี่ชนิด แต่เท่าที่ทราบคือมีทั้งเฮโรอีน ยาบ้า เคตามีน และยานอนหลับ เมื่อเอามาบดรวมกันเป็นผงคล้ายผงนม ทั้งนี้ เฮโรอีนออกฤทธิ์กดประสาท ยาบ้า ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท เคตามีนเป็นยาสลบ และยานอนหลับโรเซ่ออกฤทธิ์กดประสาท เมื่อนำยาเสพติดมารวมกันหลายตัวทำให้มีการ ออกฤทธิ์ที่แรงขึ้น แต่ไม่รู้ว่าแรงกว่ากี่เท่าตัว แค่ลำพังยาเสพติดแต่ละตัวมีฤทธิ์รุนแรงมากอยู่แล้ว ยิ่งมาทำงานเสริมฤทธิ์กันจึงยิ่งรุนแรงมากขึ้น โดยอันตรายของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับปริมาณ จำนวนยาที่ผสม และสุขภาพของผู้เสพ แต่ขนาดยาสำคัญที่สุดที่ทำให้ได้รับยาเกินขนาด

“การผสมยาเสพติดแบบนี้ไม่มีสูตรตายตัว และไม่มีปริมาณที่แน่นอน จึงอันตรายมากมีทั้งที่ออกฤทธิ์เสริมกัน และออกฤทธิ์ต้านกัน อย่างกลุ่มยานอนหลับจะกดการหายใจ และเสียชีวิต ส่วนผลระยะยาวทำให้เกิดการเสพติด คลุ้มคลั่ง สมองฟั่นเฟือน สูญเสียความจำ ประสาทหลอนเป็นต้น” รองเลขาธิการ อย.กล่าว

ขณะที่ ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา ร.พ.รามาธิบดี กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่าง รอการตรวจผลจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสาตร์ คาดว่าทราบผลพรุ่งนี้ หากวิเคราะห์ตามอาการเบื้องต้นของสารเสพติดนี้ มีความเกี่ยวข้องมากถึง 4 ชนิดได้แก่ เฮโรอีน เคตามีน ไอซ์ และยานอนหลับ และในการผสมเป็นเคนมผง ก็ไม่มีส่วนผสมลงตัว ทำให้ในร่างกาย ผู้เสียชีวิต มีระดับสารเสพติดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าใส่สารใดมากเป็นพิเศษ

แต่หากสันนิษฐานเชื่อว่า สาเหตุที่อาจทำ ให้เสียชีวิตเพราะร่างกายได้รับเฮโรฮีนที่มีฤทธิ์ กดการหายใจมากเกินไป ส่วนยาไอซ์และ เคตามีนทำให้ภาวะเส้นเลือดหัวใจหดตัว เกร็ง เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด ส่วนยานอนหลับ ทำให้มีภาวะหลับนานมากยิ่งขึ้น เมื่อนำทุกสาร มาผสมกันจะมีการเสริมฤทธิ์กัน การได้รับสารเสพติดเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เสียชีวิตทันที แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกันและแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปริมาณสารที่ได้รับ ภาวะความแข็งแรงของร่างกายในแต่คนไม่เหมือนกัน แต่สารเหล่านี้ออกฤทธิ์กดการหายใจ หากได้รับ ปริมาณมากและนานพอสมควรช่วยเหลือไม่ทันก็เสียชีวิต อยากเตือนนักเสพให้ระวัง เพราะอาจไม่ได้รับความสุขและสนุกอย่าง ที่คิดแต่อาจเสียชีวิตแทนได้ ส่วนผู้ที่รอดชีวิตจากสารเสพติดนี้เนื้อสมองอาจได้รับผลกระทบ จากการหยุดหายใจ เพราะเนื้อสมองต้องขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน