กกต.สรุปอบจ.
แขวน49จังหวัด
พท.นำสู้ซักฟอก

 

กกต.ดีเดย์ 28 มี.ค. จัดเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล-นายกเทศมนตรี สรุปยอดแขวนว่าที่นายก อบจ. 49 จังหวัด มีเวลาพิจารณาข้อร้องเรียนถึง 19 ก.พ. ก่อนปล่อยผี ‘บิ๊กป้อม’ ยังกั๊ก ข่าวพลังประชารัฐเตรียมส่ง ‘บิ๊กแป๊ะ’ ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. อ้างไม่รู้ใครทำเพจแฟนคลับลุงป้อม โพสต์เชียร์อดีตผบ.ตร. ฝ่ายค้านถกวันนี้ เคาะศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ-รมต. เร่งยื่นญัตติภายในสัปดาห์หน้า ‘สิระ’ แจ้งความกลับ 55 ส.ส. ปมยื่นประธานสภาถอดถอน ลั่นสัปดาห์หน้าลุยเสนอ กกต.สั่งยุบเพื่อไทย

กกต.เคาะ28มี.ค.เลือกตั้งเทศบาล

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งต่อสำนักงาน กกต.ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ลงมติให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรีนั้น ในวันที่ 14 ม.ค. กกต.ได้พิจารณาร่างแผนการจัดการเลือกตั้ง และประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ตามที่สำนักงาน กกต.เสนอแล้ว มีมติเห็นชอบในหลักการ

ตามแผนการจัดการเลือกตั้ง 1.กกต.จะออกประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี ในวันที่ 1 ก.พ. 2.วันที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาล ประกาศให้มีการเลือกตั้งและวันรับสมัคร เมื่อกกต.ได้ประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งแล้ว ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาล โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะออกประกาศ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาล ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ในวันที่ 28 มี.ค. และวันรับสมัครเลือกตั้ง วันที่ 8-12 ก.พ. เพื่อให้เป็นไปตามแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี

สรุปยอดแขวนนายกอบจ.49จว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 8 จังหวัดสุดท้าย คือ นนทบุรี บุรีรัมย์ ระยอง สมุทรปราการ สระแก้ว อ่างทอง นราธิวาส และชุมพร ซึ่งในส่วนของนายกอบจ. กกต.มีมติไม่ประกาศรับรองทั้ง 8 จังหวัด เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน

ขณะนี้ถือว่ากกต.ได้พิจารณาผลการเลือกตั้งนายกและสมาชิกอบจ.ครบทั้ง 76 จังหวัดแล้วและมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน หรือมีเรื่องร้องเรียนแต่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ได้รับเลือกตั้ง หรือเป็นเรื่องร้องเรียนที่กกต.เห็นว่าไม่มีผลทำให้การเลือกตั้ง ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

โดยในส่วนของนายกอบจ.ที่ถูกแขวนรวมทั้งหมด 49 จังหวัดและสมาชิกสภาอบจ.ที่มีเรื่องร้องเรียน ตามมาตรา 17 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 กกต.ยังมีอำนาจในการพิจารณาอีก 30 วัน ซึ่งจะครบในวันที่ 19 ก.พ. โดยถึงขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนแล้ว 517 เรื่อง เป็นสำนวนแล้ว 250 สำนวน แต่หากกกต.ยังดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวก็ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน

‘บิ๊กป้อม’ไม่รู้เพจเชียร์‘บิ๊กแป๊ะ’

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม ประวิตร’ โพสต์เชียร์ บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร.ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ที่คาดว่าจะเลือกตั้งในปีนี้ว่า ยังไม่ได้ประชุมพรรคเลย เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ที่ประชุมพรรค และต้องไปถามพล.ต.อ.จักรทิพย์เอง ขึ้นอยู่กับตัวเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่าในนามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนหรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ถ้าถามในนามหัวหน้าพรรค ก็ต้องตอบว่า รอประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แต่ประชุมเมื่อไรยังไม่ทราบ ต่อข้อถามว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะส่งชิงผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่รู้ เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด ต้องหารือกับพรรคและกก.บห.ก่อน ที่ผ่านมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ยัง ไม่เคยมาปรึกษาตนในเรื่องดังกล่าว

ต่อมาพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เพจดังกล่าวไม่ใช่เพจของตน และไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ช่วยหาคนทำให้หน่อย ก็เหมือนกับที่มีเพจ “เรารักลุงป้อม” ทราบเพียงว่าแฟนคลับทำให้ แต่เป็นใครไม่รู้ สื่อช่วยหาให้หน่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นหลากหลายในเพจดังกล่าว ล่าสุด พบว่าไม่สามารถค้นหาเพจนี้ทางเฟซบุ๊กได้แล้ว

กมธ.เร่งกม.ประชามติให้จบม.ค.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ รัฐสภา เปิดเผยว่า กมธ.จะพิจารณาปรับแก้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้เสร็จภายในสิ้นเดือนม.ค. แต่ยังมีผู้แปรญัตติเสนอปรับแก้มามากพอสมควร หากจำเป็นต้องเลื่อน หรือขอขยายเวลา จะดำเนินการให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แต่เบื้องต้นกมธ.ยังคงเป้าหมายเดิม คือให้เสร็จภายในสิ้นเดือนม.ค. และจะติดตามการประชุมของกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา เพื่อพิจารณาไทม์ไลน์ให้คู่ขนานใกล้เคียงกันมากที่สุด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูในมาตรา 256 จะต้องออกเสียงประชามติด้วย

ส่วนรายละเอียดที่ ส.ส. และส.ว. เสนอแก้ไขร่างกฎหมายประชามตินั้น นายสุรชัยกล่าวว่า ส่วนใหญ่ขอให้มีการออกเสียงประชามติล่วงหน้าและการออกเสียงนอกราชอาณาจักร ซึ่งกมธ.ได้เชิญผู้แทนกกต. และกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ถึงข้อดีและปัญหา ทั้งการออกเสียงประชามติล่วงหน้าที่คล้ายกับการเลือกตั้งล่วงหน้า และการออกเสียงประชามตินอกราชอาณาจักร คล้ายกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร แต่แตกต่างกันในรายละเอียด เพื่อให้กมธ.พิจารณาได้รัดกุมมากขึ้น

เสนอรัฐสภาวาระ 2-3 ภายในก.พ.

นายสุรชัยกล่าวว่า ที่ประชุมยังพิจารณาถึงรูปแบบการออกเสียงประชามติแบบใช้บัตร กมธ.เห็นว่าควรใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาทดแทน ซึ่งการเขียนกฎหมายไม่ยาก แต่ต้องมองถึงผู้ปฏิบัติด้วยว่า ถ้าออกกติกาไปแล้ว ความพร้อมทั้งเรื่องงบประมาณ กำลังคน อุปกรณ์และระบบโปรแกรม สามารถรองรับได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งกมธ.ได้สอบถามความพร้อมของ กกต.แล้ว พบว่ายังมีข้อจำกัดของระบบ จึงมีความเป็นไปได้ที่กมธ.จะปรับแก้ไข เพื่อรองรับสภาพการณ์ในอนาคตไว้ด้วย ส่วนประเด็นต่างๆ ที่มีการแปรญัตติและยังไม่ได้ข้อสรุป น่าจะมีการลงมติในช่วงปลายเดือนม.ค. แต่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นใดที่ลงมติได้ ก็จะดำเนินการไป มั่นใจว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ในที่ประชุมรัฐสภาได้ ภายในเดือนก.พ.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวันที่ 14 ม.ค. เป็นการประชุมนัดแรก หลังหยุดเทศกาลปีใหม่ และต้องงดการประชุมไปเมื่อสัปดาห์ก่อน จากปัญหาโควิด ซึ่งการประชุมมีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด รวมถึงอนุญาตให้เฉพาะบุคคลที่เป็นกมธ.เท่านั้นเข้าร่วมประชุมได้ โดยงดให้ที่ปรึกษาจากบุคคลภายนอกเข้าร่วมประชุม เพื่อลดความแออัดในห้องประชุม

ฝ่ายค้านจ่อยื่นญัตติซักฟอก

ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีเป้าหมายที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การทำงานตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาเตรียมพร้อม แต่การทำงานทุกอย่างจะต้องเตรียม และตนถือปฏิบัติอย่างนี้ จะทำตามอำนาจหน้าที่ ตามนโยบายรัฐบาล ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย หรือทำอะไรที่เกิดผลประโยชน์ ดังนั้น ตนพร้อมจะตอบทุกเรื่อง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คาดว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนม.ค. แต่เลขานุการประธานสภาได้ประสานมายังผู้นำฝ่ายค้านในสภา บอกว่าอยากให้ยื่นเร็วหน่อย เลยตั้งใจไว้ว่าถ้าเป็นไปได้ อาจยื่นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนม.ค. โดยจะมีความชัดเจนในวันที่ 15 ม.ค. เพราะจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อสรุปประเด็นครั้งสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะขอเปิดอภิปรายรัฐมนตรีกี่คน นายประเสริฐกล่าวว่า ต้องหารืออีกครั้ง เรียกว่าข้อมูลพาดพิงถึงใคร ก็อภิปรายรัฐมนตรีคนนั้น แต่ตัวนายกฯ อยู่ในประเด็นที่จะอภิปรายอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่จะอภิปรายมีหลายเรื่อง ทั้งโควิด-19 สภาวะเศรษฐกิจ เรื่องทุจริต ส่วนหลักฐาน ขอให้รอวันอภิปรายเพราะยังเปิดเผยไม่ได้ แต่ยืนยันว่ามีข้อมูลเพียงพอถึงที่จะดำเนินการต่อ โดยยื่นศาลรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อ

พท.วางตัว‘สมพงษ์-โจ้’นำทีม

ต่อข้อถามว่านายกฯ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ จะถูกอภิปรายใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ขอยังไม่เปิดเผย เพราะอยากรอผลสรุปให้ชัดเจนอีกครั้งก่อน ส่วนผู้ที่จะนำอภิปราย จะมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านและนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร หรือโจ้ ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้อภิปรายหลักอีกคน

ผู้สื่อข่าวถามว่าประธานสภาได้รับปากแล้วว่าจะอภิปรายได้ทันในสมัยประชุมสภาสามัญนี้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ประธานสภาบอกว่าอยากให้เร็ว เพราะเกรงว่าในสถานการณ์โควิด-19 การประชุมสภาจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบ และถ้าจะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญก็เกรงว่าในช่วงเปิดวิสามัญ จะทำได้สะดวกเพียงใด เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จริงๆ แล้วได้หารือในพรรคเพื่อไทยเบื้องต้น สิ่งหนึ่งที่กังวล เราเหลือเวลา 6 สัปดาห์ เพราะจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28 ก.พ. ในเดือนม.ค. เราประชุมสภาเพียงไม่กี่วัน ถ้าเป็นไปได้ หากขยายสมัยประชุมสภาเกินกว่าวันที่ 28 ก.พ. จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และไม่จำเป็นต้องไปเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

‘สุธรรม-กิตติ’คัมแบ๊กเพื่อไทย

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค และนพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรค ให้การต้อนรับ นายสุธรรม แสงประทุม อดีตรมช.มหาดไทย และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และนายกิตติ ลิ่มสกุล นักวิชาการอิสระ นักเศรษฐมิติระดับโลก ผู้ริเริ่มความคิดนโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการโอท็อป และนายภูมิใจ แสงประทุม บุตรชายนายสุธรรม ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดวิกฤต ประชาชนต้องการมองหาทางรอดใหม่ๆ จึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ระดมความคิดของคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายมาทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน ขอต้อนรับทั้ง 3 กลับบ้านเก่า ที่ผ่านมาตนเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยเคยสร้างความเชื่อมั่น และความสำเร็จจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว แต่อดีตไม่สำคัญเท่าอนาคต ดังนั้น เราต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนได้พิจารณา ว่าเรายังเป็นทางเลือกได้หรือไม่ ยืนยันว่าเรายังยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางอยู่เสมอ เชื่อว่ามือในสภา ไม่เท่าศรัทธามหาชน วันนี้ได้เวลาจับมือกัน ดึงมือกันมาฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาประเทศแล้ว

‘สิระ’แจ้งความกลับ‘เก่ง-54ส.ส.’

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ สน.บางโพ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ แจ้งความกับ พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สน.บางโพ ให้ดำเนินคดีนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กับ ส.ส.อีก 54 คน ในข้อหาแจ้งเท็จต่อประธานรัฐสภา และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีร่วมกันเข้าชื่อยื่นขอนายชวน หลีกภัย ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรม นูญวินิจฉัยสถานะความเป็น ส.ส.ของตน สิ้นสุดลงตามมาตรา 101(7) รัฐธรรมนูญ หรือไม่

นายสิระกล่าวว่า วันนี้มาแจ้งความเอาผิด ส.ส.รวม 55 คน นำโดยนายการุณ ในเรื่องแจ้งความเท็จต่อประธานรัฐสภา กรณีตนประพฤติมิชอบ ขัดขวางการทำงานของตำรวจ สภ.กะรน จ.ภูเก็ต ระหว่างตนลง พื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างคอนโดมิเนียม เดอะพีค เรสซิเดนท์ จ.ภูเก็ต ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดได้เพิกถอนใบ น.ส.3 เนื่องจากรุกล้ำผืนป่า และรื้อถอนคอนโดฯดังกล่าวแล้ว

ลั่นสัปดาห์หน้าชงยุบเพื่อไทย

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปแล้วว่า การกระทำของตน ถือเป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส.ตามสิทธิ แต่นายการุณได้ล่ารายชื่อให้ครบ 1 ใน 10 ของรัฐสภาเพื่อถอดถอนตน โดยเรื่องที่ยื่นเป็นเรื่องเท็จและบิดเบือน จึงออกมาปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของตน เชื่อว่า ส.ส.เหล่านั้นไม่ได้อ่านคำร้องของนายการุณ ขอให้เข้าใจว่า หากลงชื่อก็ต้องรับผิดชอบ จะอ้างว่าไม่รู้เห็นไม่ได้ เพราะมีคนประสานมาหาตนว่าอย่าฟ้อง ส่วนตัวมองว่าการทำหน้าที่ของ ส.ส.ควรให้สมศักดิ์ศรีที่ประชาชนเลือกมา ไม่ใช่ล่าชื่อแล้วกลั่นแกล้งใครก็ได้

“สัปดาห์หน้าผมจะไปยื่นยุบพรรคเพื่อไทยต่อ กกต.กรณีมี ส.ส.พรรค ยื่นเรื่องถอดถอนผม จะปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำนี้ไม่ใช่มติพรรค เพราะผมไม่เห็นมีการประชุม หากไม่มีมติพรรค คนที่นำเรื่องมาออกสื่อต้องรับผิดชอบ” นายสิระกล่าว

ทั้งนี้ พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ได้สอบปากคำนายสิระ ก่อนพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

‘กลุ่มไทยภักดี’ยื่นจัดตั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มไทยภักดี นำโดยนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ยื่นคำขอแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรค การเมืองสำนักงานกกต.แล้ว โดยนายวิชัย ล้ำสุทธิ เลขาธิการกลุ่มไทยภักดี ซึ่งเป็นอดีตส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมคณะผู้แจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองรวม 16 คน ได้ยื่นคำขอแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคในชื่อ “พรรคไทยภักดีประเทศไทย” ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพร้อมหลักฐานซึ่งเป็นชื่อย่อ ภาพเครื่องหมายของพรรค (โลโก้) เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.2563

ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคไม่น้อยกว่า 500 คน และทุนประเดิม 1 ล้านบาท ก่อนประชุมใหญ่ และยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 180 วัน นับแต่วันที่นายทะเบียนพรรคการเมืองออกหนังสือรับแจ้งการเตรียมจัดตั้งพรรค

ผู้ตรวจเชิญศบค.แจงเรื่องวัคซีน

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ. วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้องให้ตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า รวมถึงการผลิตหน้ากากของเครือซีพี ที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ว่า ในวันที่ 22 ม.ค. ทางผู้ตรวจฯจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูล เช่น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงมหาดไทย แต่ระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ พูดคุยกับบริษัทเอกชนที่ผลิตหน้ากากเมื่อปี 2563 ว่าผลิตแล้วส่งไปที่ไหน ขายได้เท่าไร บริจาคเท่าไร คิดว่าในวันที่ 24 ม.ค.น่าจะได้ข้อมูล

ส่วนการจัดซื้อวัคซีนของไทยล่าช้า เท่าที่ทราบรัฐบาลเตรียมการว่าใน 3 เดือนแรกจะนำเข้าวัคซีน 2 แสนโดส ซึ่งมองว่ามีบริษัทที่ขายวัคซีนมีหลายแห่ง แต่ประเด็นสำคัญคือ วัคซีนที่นำเข้ามานั้น ต้องได้รับการรับรองคุณภาพ ให้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าจะเกิดความปลอดภัย

ส่วนที่มองว่าการจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทของจีน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนไทยที่เข้าไปถือหุ้นหรือไม่ พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า เรื่องการเข้าไปถือหุ้นของบริษัทเอกชน เป็นเรื่องยากเพราะเป็นสิทธิของเขา เป็นแข่งขันทางการธุรกิจ ตนมองว่าเรื่องวัคซีน ราคาก็เป็นที่รู้กันทั่วโลก แต่ควรเน้นเรื่องมาตรฐานวัคซีนที่ อย.ต้องรับรอง ส่วนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)จะจัดซื้อวัคซีนฉีดให้กับประชาชนในท้องถิ่นเองนั้น ขอให้ดูว่าวัคซีนที่ซื้อได้มาตรฐานหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน