‘ป้าถอน-สามี ’ลั่นพร้อม
เข้าจับเท็จคดีน้องชมพู่

ป่าไม้สั่ง ‘ลุงพล’ รื้อรูปปั้นพญานาครุกป่า ระบุหากแจ้ง 3 ครั้งแล้วยังเพิกเฉย เจ้าหน้าที่จะเข้าไปรื้อถอนเอง แต่ลุงพลต้องเป็นคนจ่าย ค่าเสียหายด้วยระบุชาวบ้านคนอื่นถ้าใช้ที่ดินอยู่อาศัยและทำกินถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ‘ป้าถอน’ พร้อมสามีพยานฝ่ายลุงพลพร้อมเข้าเครื่องจับเท็จคดีน้องชมพู่หากตำรวจเชิญมา

จากกรณีตำรวจปราบปรามการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังกว่า 50 นาย เข้าควบคุมตัวนายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ไปสอบคำให้การ ที่ สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร กรณีการก่อสร้างรูปปั้นองค์พญานาครุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน เมื่อช่วงบ่ายวันพุธที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ศูนย์ ป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร นายพรพิรมณ์ อุรุแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า บ้านที่นายไชย์พลอาศัยอยู่ แจ้งถือครองในชื่อของนายประดิษฐ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ซึ่งส่วนนี้อาจจะมีการซื้อขายไม่ถูกต้องก็จะตรวจสอบอีกที แต่ตรงที่ก่อสร้างพญานาค ไม่มีใครแจ้งสิทธิเป็น ผู้ครอบครอง เพราะยังไม่มีการสำรวจถือครอง ด้วยสภาพพื้นที่ไม่เหมาะที่จะถือครอง ไม่เหมาะที่จะทำเป็นที่อยู่อาศัยหรือทำการเกษตร เพราะเป็นพื้นที่ต่ำติดห้วย และไม่กว้าง ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดพยายามจะครอบครอง โดยการถมที่ แผ้วถางป่า ก็จะเข้าข่ายในความผิดป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14 ว่าด้วยการยึดถือครอบครอง เข้าทำประโยชน์ ก่อสร้าง ตามที่ได้แจ้งข้อหากับลุงพล

นายพรพิรมณ์กล่าวต่อว่า ส่วนนี้หลักฐาน ค่อนข้างประจักษ์ โดยที่ลุงพลมีการถมดิน เข้าไปปลูกสร้างพญานาค เมื่อมีการแจ้ง ข้อกล่าวหาผู้ที่บุกรุกป่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย คือการสั่งแจ้งรื้อถอนตามพระราชบัญญัติ ป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 25 แจ้งผู้ครอบครองทราบให้ผู้ครอบครองรื้อถอนครั้งที่ 1 แล้วก็มีแจ้งรื้อถอนครั้งที่ 2 ถ้ายังไม่มีการ รื้อถอนครั้งที่ 3 จะเป็นการแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ จะเป็นผู้รื้อถอน ในส่วนนี้จะมีค่าเสียหายเกิดขึ้นโดยผู้ถือครองเป็นผู้จ่าย

“ขอฝากไปถึงชาวบ้านที่บ้านกกกอกทุกคน ว่าไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแจ้งข้อหาเหมือน ลุงพล มันแตกต่างกัน ในส่วนที่ชาวบ้านอยู่ มีการสำรวจถือครองไว้แล้ว หากชาวบ้านแค่ทำกินและอยู่อาศัยชาวบ้านก็จะไม่มีความผิด”

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง นางนลิน เงินนาม หรือป้าถอน เพื่อสนิทของลุงพล และเป็นพยานฝั่งลุงพล เปิดเผยว่าตนยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ หากต้องถูกเชิญตัวไปเข้าเครื่องจับเท็จ และจะยังยืนยันคำให้การเดิมกับตำรวจเรื่องไทม์ไลน์ของลุงพล ป้าแต๋น และแม่น้องชมพู่ในวันที่น้องชมพู่หายเมื่อ 11 พ.ค.63 เวลาประมาณ 9 โมง วันที่ 11 พ.ค. 63 ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หาย ตนมาเจอลุงพล ป้าแต๋น แม่ของน้องชมพู่ที่สวนยางพารา ขณะทั้ง 3 คนกำลังเดินจับจีพีเอสอยู่ที่สวนยางพารา จากนั้นลุงพลชวนไปส่งพระที่ อ.หนองสูงใต้ แล้วตนก็ช่วยลุงพล และแม่ของน้องชมพู่หยดน้ำกรด ก่อนที่ลุงพล ป้าแต๋นจะออกไปจากสวน แต่ตนจำเวลา ไม่ได้ว่าตอนกี่โมง จากนั้นตนออกตามมารอที่บ้าน กระทั่งลุงพลมารับขึ้นรถไปส่งพระแล้วกลับมาที่บ้านกกกอกตอนประมาณบ่าย 2 โมง แล้วขึ้นไปที่บ้านน้องชมพู่ หลังรู้ว่าน้องชมพู่หายตัวไป

ป้าถอนกล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 12 พ.ค.63 ตน ลุงพล ป้าแต๋น ไปรับหมอธรรมผลที่ จ.ร้อยเอ็ด ในตอนเช้า แล้วกลับมาทำพิธีที่บ้านกกกอกกับลุงพลตอนประมาณ 11 โมง แล้วทำพิธีหาน้องชมพู่ เสร็จพิธีญาติของหมอธรรมผลที่รับมากลับบ้าน วันที่ 13-14 พ.ค.63 ตนไม่ได้ไปไหน เพราะอยู่ที่บ้านแม่น้องชมพู่ กระทั่งมาเจอศพน้องชมพู่ ส่วนประเด็นพบเสื้อน้องชมพู่อยู่กับลุงพลนั้นเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด เพราะเสื้อน้องชมพู่ที่ลุงพลเอาไปนั้น เป็นเสื้อน้องชมพู่ ที่เอาไปทำพิธี

ด้านลุงม็อค สามีของป้าถอนกล่าวว่า หากตำรวจจะเชิญตัวไปเข้าเครื่องจับเท็จ ก็ยินดีให้ความร่วมมือ และจะยืนยันให้การตามเดิมกับที่ให้กับตำรวจก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับลุงพล ป้าแต๋น และแม่น้องชมพู่ ในวันที่น้องชมพู่หาย 11 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 9 โมง ตนขี่รถออกมาจากสวน แล้วพบลุงพล ป้าแต๋น และแม่น้องชมพู่ กำลังจับจีพีเอสอยู่ห้วยสวนยาง ตนจึงเดินขึ้นไปหาลุงพล ป้าแต๋น และแม่น้องชมพู่ แล้วก็นั่งคุยกัน ก่อนที่ลุงพลจะชวนไปส่งพระ ที่ อ.หนองสูงใต้ ก็ตกลง จากนั้นช่วยลุงพลหยอดน้ำกรด 2 แถว หยดเสร็จก็มานั่งรอ ที่มอเตอร์ไซค์ แล้วลุงพล ป้าแต๋นก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป

“ขณะที่ป้าถอนก็ไปหยอดน้ำกรดช่วยแม่ของน้องชมพู่ ประมาณครึ่งแถว แม่ของน้องชมพู่ เลยบอกให้ป้าถอนออกมา เพราะกลัวจะไปทันส่งพระ ผมจึงออกจากสวนยาง หลังลุงพลออกไปได้ประมาณ 5-10 นาที เมื่อถึงบ้านก็มานั่งอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่ลุงพลจะขับรถไปรับพระที่วัดถ้ำผาแอก ขณะผ่านหน้าบ้านลุงพลได้ชะลอรถแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นเห็นป้าแต๋น ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าไปที่บ้านน้องชมพู่ ลุงพลก็รับพระมาจอด หน้าบ้าน ส่วนป้าแต๋นก็ออกมาจากบ้านชมพู่ แล้วบอกว่าน้องชมพู่หาย จากนั้นทั้งหมด ไปส่งพระ ก่อนกลับมาถึงบ้านกกกอกตอนประมาณบ่าย 2 โมง โดยขากลับได้แวะซื้อปลาเผาและเงาะ 1 กระสอบ เมื่อถึงบ้าน ลุงพลก็ขึ้นไปที่บ้านน้องชมพู่เลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านของลุงพลวันนี้ ปรากฏลุงพลยังไม่กลับมาบ้าน หลังจากออกจากบ้านไปเมื่อวานนี้ มีเพียงกลุ่มยูทูบเบอร์ยืนไลฟ์สด

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่โพสต์เฟซบุ๊กซึ่งมีข้อความปริศนาว่า “สบตาน้องสิ ยังรักน้องอยู่หรือเปล่า วันที่ 11 ทั้งวันน้องยังไม่ตายนะ น้องอยากกลับบ้าน น้องกลัว น้องคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงพี่ดิ้ง น้องหิวนมเปรี้ยวแล้ว อยากนอนกอดผ้านุ่มแล้ว อยากดูการ์ตูนแล้ว ทำไมไม่พา น้องกลับบ้าน ตอบน้องหน่อย มองตาน้องหน่อย รักกันทำแบบนี้ก็ได้เหรอ นี่เรียกว่ารักเหรอ ที่บ้านน้องความรักไม่ใช่แบบนี้” พร้อมกับรูปถ่ายน้องชมพู่ ซึ่งรูปดังกล่าวทางครอบครัวของน้องชมพู่อัดกรอบ ขนาดใหญ่ติดไว้ที่หน้าบ้าน

นางสาวิตรีเปิดเผยสั้นๆ ว่า โพสต์ ดังกล่าว ตนโพสต์ด้วยความคิดถึงน้องชมพู่ และด้วยความโกรธแค้นคนร้ายที่เหตุใด จึงมาทำกับลูกสาวได้ ขณะที่ส่วนตัวยังเชื่อว่า เวรกรรมมีจริง เชื่อว่าคนร้ายจะต้องได้รับกรรมแน่นอน

พยานลุงพล – นางนลิน เงินนาม หรือป้าถอน และลุงม็อค สามี ชาวบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและพยานฝั่งลุงพล ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจหากเชิญตัวไปเข้าเครื่องจับเท็จคดีน้องชมพู่ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน