พบเด็กช็อกที่รพ.
สอบแม่จนรับสิ้น

ตร.ทลายแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ จับ 3 นายหน้า 4 หญิงไทยรับจ้างอุ้มบุญ หลังร.พ.รับรักษาทารกวัย 4 เดือน เกิดอาการชักเลือดคั่งในสมองเหตุกระทบกระเทือนรุนแรง สอบมารดาเด็กพบเกิดจากการอุ้มบุญรอส่งมอบ เผยแก๊งชาวจีนเปิดบริษัททำความสะอาดบังหน้าจ้างหญิงไทย 5 แสนบาทอุ้มบุญ ฝังตัวอ่อนที่เขมร กลับมาดูแลที่ไทย รอถึงกำหนดบินไปคลอดให้ผู้จ้าง แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 จึงคลอดในไทยแล้วรอส่งทารกให้ แพทย์ชี้อุ้มบุญเถื่อนเป็นที่นิยมเพราะไทยพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากร ระบุมีคลินิกถูกกฎหมาย 102 แห่งทั่วประเทศ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 ก.พ. ที่กองกำกับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เมืองทองธานี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อม พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 แถลงผลปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายขบวนการแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ 10 จุด ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จับกุมนายหน้าว่าจ้างหญิงไทยตั้งครรภ์แทน 3 ราย และกลุ่มหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญ 4 ราย พร้อมของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และเอกสาร

นายสาธิตกล่าวว่าการรับตั้งครรภ์หรือการอุ้มบุญเป็นการกระทำที่เข้าองค์ประกอบ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ กล่าวคือมีการ กระทำของนายหน้าผู้เป็นธุระจัดหาหญิงที่มารับจ้างตั้งครรภ์ด้วยวิธีการจูงใจหญิงด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่าการทำงานอย่างอื่นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และอาจเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ จึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังกระทรวงสาธารณสุขรับรายงานว่ามีเด็กทารกอายุประมาณ 4 เดือน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดีด้วยภาวะชักเกร็งและมีเลือดออกในสมอง ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนรุนแรง ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเด็กเกิดจากการอุ้มบุญ

พล.ต.ท.กรไชยกล่าวว่าจากการสอบสวนมารดาของเด็กรายนี้ ทราบว่ารับจ้างอุ้มบุญและรอส่งมอบเด็กให้ผู้ว่าจ้าง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มารดาที่รับตั้งครรภ์แทนไม่สามารถเดินทางออกไปคลอดนอกประเทศได้ จำเป็นต้องคลอดในสถานพยาบาลในประเทศไทยและส่งมอบทารกให้นายจ้าง จึงสืบสวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่าสถานที่รับเลี้ยงเด็กชื่อว่า “GS กิ๊ก บริการศูนย์แม่บ้าน” ผ่านสื่อออนไลน์ ประกาศรับสมัครหญิงที่ต้องการหารายได้จากการรับจ้างตั้งครรภ์แทนด้วยค่าจ้างสูง สืบสวนพบว่าขบวนการนี้มีนายหน้าชาวต่างชาติว่าจ้างมารดาผู้รับตั้งครรภ์แทนเป็นเงินกว่า 5 แสนบาท ทำมานานหลายปีและจะออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้แม่อุ้มบุญทั้งหมด โดยต้องไปฝังตัวอ่อนทารกที่ประเทศกัมพูชา ก่อนกลับมาพักในประเทศไทยจนถึงกำหนดคลอด จะเดินทางไปยังสถานพยาบาลในประเทศที่สามเพื่อคลอดและส่งมอบทารก โดยมีกลุ่มหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์และเดินทางออกนอกประเทศเพื่อฝังตัวอ่อนในลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก

ผบช.สอท. กล่าวอีกว่าจากการตรวจสอบพบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กดังกล่าวเปิดเป็นบริษัททำความสะอาดบังหน้าโดยใช้ชื่อหญิงชาวจีน เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อเป็นเด็ก 2 ราย อายุ 6 เดือน และ 8 เดือน และผู้ดูแลเหยื่อชาวฟิลิปปินส์ 2 ราย ตรวจดีเอ็นเอในเด็กพบว่าพ่อเด็กเป็นคนสัญชาติจีน ตรวจสอบบัญชีเงินฝากพบว่าเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2557 และมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท หลังจากนี้จะสืบสวนขยายผลเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง พร้อมสอบสวนหญิงจากสถานพยาบาลที่พบอีก 3 รายที่รับว่าเป็นแม่อุ้มบุญ แต่ยังไม่พบตัวเด็ก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาผู้กระทำผิดตาม ม.24 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ฐาน ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ม.27 “กระทำการเป็นคนกลางหรือนายหน้าโดยเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเป็นการตอบแทนในการจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน” และความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556

ด้านนพ.ธเรศกล่าวว่าเหตุที่การอุ้มบุญผิดกฎหมายเป็นที่นิยมในไทยเนื่องจากประเทศไทยพร้อมด้านเครื่องมือและบุคลากร ทำให้มีนายหน้าและผู้สนใจมีบุตรเห็นช่องทางในการอุ้มบุญในไทย โดยไทยมีคลินิกอุ้มบุญถูกกฎหมาย 102 แห่งทั่วประเทศ

ทลายอุ้มบุญ – ตำรวจไซเบอร์บุกทลายแก๊งอุ้มบุญจ้างหญิงไทยตั้งครรภ์จับ 3 นายหน้า และ 4 หญิงไทย พบเป็นแก๊งชาวจีนเปิดศูนย์แม่บ้านบังหน้า รับสมัครหญิงที่ต้องการหารายได้ ผ่านออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน