หื่นวัย49จนมุมดีเอ็นเอ
ชาวสงขลาฮือ-จี้ประหาร

รุมประชาทัณฑ์วุ่น ‘ไอ้หื่นโหด’ ขับเก๋งเฉี่ยวสาว ม.3 กระเด็นตกถนนแล้วขืนใจฆ่าชิงทรัพย์ลากจยย.ทับศพอำพรางคดีเป็นอุบัติเหตุ ตำรวจสงขลาแกะรอยจากวงจร ปิดลากตัวมาเค้นสอบยังปากแข็ง สุดท้ายจนมุมเพราะดีเอ็นเอที่ติดในซอกเล็บผู้ตาย ชาวบ้าน จี้ประหารสถานเดียว พบเคยติดคุกคดีพราก ผู้เยาว์ แต่ไม่สำนึกมาก่อเหตุซ้ำรุนแรงกว่าเดิม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภาค 9) พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช. พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.บช.ภาค 9 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายประถม เอียดขาว อายุ 49 ปีชาว ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ผู้ต้องหาขืนใจฆ่าชิงทรัพย์หญิงสาวอายุ 15 ปี เหตุเกิดบริเวณร่องน้ำกลางถนนสายเอเชียพื้นที่ ม.5 ต.บางกล่ำ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.รณศิลป์เผยว่า เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 27 ก.พ. สภ.บางกล่ำ รับแจ้งพบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มทับหญิงสาวเสียชีวิตอยู่ในบริเวณร่องคูน้ำกลางถนนสายเอเชียจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบผู้ตายเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ นอนเสียชีวิตสภาพศพถูกรถจักรยานยนต์ทับที่ศีรษะและลำตัวท่อนบน ที่เกิดเหตุพบรองเท้าแตะสีชมพูแบบผู้หญิงและรองเท้าแตะแบบผู้ชายสีน้ำเงินตกอยู่ใกล้ศพ

เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น ได้แก่ อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเอง หรือถูกชิงทรัพย์ เนื่องจากกระเป๋าสะพายที่มีเงินสดอยู่ 1,300 บาท พร้อมกับเสื้อฮู้ดสีน้ำตาลของผู้ตายหายไป นอกจากนั้นยังมีข้อผิดสังเกตเพราะหากเป็นอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ไม่น่าจะล้มทับผู้ตาย แต่เหมือนจัดฉากอำพรางให้รถทับร่าง อีกทั้งสภาพบาดแผลที่พบตามร่างกายไม่มีรอยถลอก นอกจากนี้พบรองเท้าแตะสีฟ้าของผู้ชาย 1 คู่สภาพใหม่ตกอยู่ใกล้เคียง จึงส่งศพให้แพทย์ผ่าชันสูตรอย่างละเอียด กระทั่งพบว่าบาดแผลบางจุดเกิดจากถูกกระแทกด้วยของแข็งไม่มีคม และมีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนั้นยังพบเสื้อคลุมมีฮู้ดสีน้ำของผู้ตายถูกทิ้งอยู่ไม่ไกลจุดพบศพ และมีคราบอสุจิของคนร้ายเปื้อนอยู่

เจ้าหน้าที่แกะรอยจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางจากบ้านผู้ตาย พบผู้ตายไปบ้านเพื่อนชาย ออกจากบ้านเพื่อนชายช่วงดึกเพื่อเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร กล้องวงจรปิดปั๊มเดียวกันยังจับภาพรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นโคโรน่า สีเท่า ทะเบียน กง 856 ประจวบคีรีขันธ์ ที่เติมน้ำมันและขับออกจากปั๊มไปในช่วงเวลาที่ผู้ตายเพิ่งขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปเติมน้ำมัน เมื่อไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกเส้นทางเดินรถ เมื่อเทียบเวลาออกจากปั๊มน้ำมันพบว่ารถยนต์คันต้องสงสัยหายไปประมาณกว่า 20 นาที โดยกล้องวงจรปิดอีกตัวบันทึกภาพได้ แต่ไม่ปรากฏภาพรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขับผ่านอีกเลย

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากหมายเลขทะเบียนรถ ทราบชื่อผู้ครอบครองคือนายประถม ผู้ต้องหา พบมีประวัติเคยต้องโทษคดีพราก ผู้เยาว์เมื่อปี 2545 เจ้าหน้าที่จึงไปเชิญตัวมา สอบปากคำ เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ แต่ผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ พบดีเอ็นเอตรงกับเนื้อเยื่อของคนร้ายที่ได้จากซอกเล็บของผู้ตาย และคราบอสุจิที่ติดบนเสื้อฮู้ดสีน้ำตาลของผู้ตาย ทำให้คนร้ายต้องยอมจำนนต่อหลักฐานรับสารภาพว่า ขับรถไล่ตามไปเฉี่ยวผู้ตายจนรถจักรยานยนต์กระเด็นตกไปในร่องกลางถนนแล้วทำทีลงไปช่วย เมื่อผู้ตายเผลอก็ชกท้องไป 3 ครั้ง จนผู้ตายหมดแรงล้มลงและลงมือขืนใจ เสร็จแล้วใช้เสื้อฮู้ดของ ผู้ตายมาเช็ดคราบอสุจิ ก่อนหยิบเหล็กขันนอตล้อที่เตรียมมาฟาดศีรษะและใบหน้าหลายครั้งจนผู้ตายสิ้นลม ก่อนลากรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมาทับศพไว้อำพรางคดีเป็นอุบัติเหตุ แล้วขโมยกระเป๋าสะพายของผู้ตายขับรถหลบหนี กระทั่งถูกตำรวจตามจับตัวได้ในที่สุด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ประกอบด้วย 1.ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, 2.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร และ 3.ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้

หลังเสร็จการแถลงข่าวจับกุมเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่เกิดเหตุ ท่ามกลางเสียสาปแช่งด่าทอของประชาชนและญาติผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาเฝ้าดู ตำรวจต้องเร่งระดมกำลังมารับมือสถานการณ์เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก แต่การทำแผนฯ เป็นไปอย่างเรียบร้อย กระทั่งช่วงที่กำลังนำตัวผู้ต้องหากลับขึ้นรถตู้ เกิดความโกลาหลเป็นอย่างมาก เมื่อฝูงชนพยายามแหวกวงล้อมตำรวจเข้ารุมประชาทัณฑ์ ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ต้องเข้าห้ามกันวุ่นวายพักใหญ่ กว่าจะนำตัวผู้ต้องหาออกจากจุดเกิดเหตุได้ โดยญาติและชาวบ้านยืนยันจะรวมตัวเรียกร้องให้ขบวนการยุติธรรมลงโทษประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น เพราะผู้ต้องหาเคยต้องโทษจากการก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว แต่ยังไม่สำนึกผิดก่อเหตุซ้ำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน