ดักคอ‘กปปส.’วงเต้นตู่
กลุ่ม3ช่วยวืด-ขึ้นว่าการ
สว.ขู่คว่ำแก้รธน.วาระ3
ลุ้นศาลฯนัดวินิจฉัยวันนี้

‘บิ๊กป้อม’ แย้มส่งโผรมต.ใหม่ 2 ชื่อ ให้นายกฯ พิจารณา เผย ‘ชัยวุฒิ’ ได้แรงดันกลุ่มพลังงาน มีชื่อลุ้น รมต.สำนักนายกฯ ขยับ ‘อนุชา’ ไปนั่งรมว.ศึกษาฯ ‘ตรีนุช’ หลานป๋าเหนาะ คั่วเก้าอี้รมว.วัฒนธรรม โยก ‘อิทธิพล’ คุมดีอีเอส ส่วน ‘กลุ่ม 3 ช่วย’ อยู่ที่เดิม ‘อาคม’ ปัดย้ายนั่งคมนาคม เพื่อไทยลุยต่อ จ่อยื่นป.ป.ช. ฟัน ‘บิ๊กตู่-อู๊ดด้า’ ปมทุจริตต่อหน้าที่ ก้าวไกลเตรียมขยี้ซ้ำปมภาษีนายกฯ-ตั๋วช้าง ฝ่ายค้านส่งความเห็นศาลรัฐธรรมนูญ ยันรัฐสภามีอำนาจแก้ รธน. ส.ว.ขู่โหวตคว่ำวาระ 3

‘บิ๊กตู่’ลั่นยังมีกำลังใจทำงาน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ บูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาได้ทำหลายโครงการและจะทำต่อไป แต่ต้องขอความร่วมมือ เราต้องเข้าใจกันและกัน ยืนยันว่าตนรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ถ้าดีอยู่แล้วต้องขอบคุณ แต่ถ้ายังไม่ดีก็จะแก้ไข พร้อมย้ำเตือน สนับสนุน และช่วยเหลือ นี่คือทีมแห่งประเทศไทยหรือครอบครัวประเทศไทย

“ผมยินดีทำทุกอย่างให้กับท่าน นี่คือคำสัญญาของผมว่าจะทำให้ดีที่สุดในขีดความสามารถที่ผมมีอยู่ และผมมีกำลังใจที่จะทำอยู่ด้วยความศรัทธา เพราะผมทำเพื่อคนอื่นเพื่อประเทศไทย มันต้องสำเร็จ ถ้ามันไม่สำเร็จ ผมก็ต้องรับผิดชอบ แต่ดูว่าเป็นธรรมกับผมหรือไม่ ผมทำอะไรมากน้อยเพียงใด ขอบคุณทุกคนและขอให้ทุกคนเฝ้ามองสิ่งดีๆ ที่เรากำลังทำให้ประชาชนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนพึงพอใจ มีความสุขและความเจริญไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว

ย้ำปรับครม.อีกไม่นาน

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดสรรบุคคลในครม.ชุดใหม่ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีมติมอบอำนาจให้พล.อ. รองนายกรัฐ มนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นผู้ตัดสินใจว่า ตนเคารพทั้งในกติกาพรรคการเมือง และตนมีหน้าที่คัดสรรคนที่เสนประวิตร วงษ์สุวรรณอเข้ามา เพื่อบรรจุเป็นรัฐมนตรีแทนในตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งคงไม่มีปัญหา ขอให้รอดูว่านายกฯ จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างไร ซึ่งคงไม่นาน

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงข่าวพล.อ.ประวิตร ระบุได้ส่งรายชื่อแคนดิเดตว่าที่รัฐมนตรีถึงมือ นายกฯ แล้วว่า ไม่เห็น

ผู้การสุชาติดอดพบ‘บิ๊กตู่’

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ ประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ปรากฏว่า พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้ประสานงานพปชร.ภาคใต้ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นตท. 12 เดินทางมาเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ ท่ามกลางกระแสข่าวปรับครม. ที่มีรายงานว่า กลุ่มส.ส.ภาคใต้ มีการเรียกร้องขอตำแหน่งรัฐมนตรี

แหล่งข่าวระบุว่า พ.อ.สุชาติ มาพบในฐานะเพื่อน โดยไม่มีประเด็นการเมือง ส่วนข่าวพปชร.มีส.ส.ภาคใต้ถึง 13 คน ควรได้รับการพิจารณาให้เป็นรัฐมนตรีในการปรับครม.ครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนายกฯ จะตัดสินใจ

พ.อ.สุชาติเปิดเผยว่า มาพบนายกฯ เพื่อขอพรในวันคล้ายวันเกิดตรงกับวันที่ 3 มี.ค. ยืนยันไม่ได้พูดเรื่องปรับครม.โควตาภาคใต้ หรือต่อรองเก้าอี้ เพราะไม่ชอบระบบกดดันผู้นำ ด้วยการตั้งมุ้งขึ้นมาต่อรอง ส่วนตัวเห็นว่าควรให้นายกฯ เลือกคนที่เหมาะสม หากเสนอชื่อตนก็ไม่รับ ควรให้คนที่เหมาะสมจะดีกว่า

‘บิ๊กป้อม’ยันส่งชื่อแค่ 2 รมต.

ที่จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้า พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งรายชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคว่า เรื่องภายในพปชร.ตอนนี้เรียบร้อยดี และพรรคส่ง 2 ชื่อรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าจะห้ามไม่ให้คนในพรรคให้สัมภาษณ์หรือไม่ เพราะกว่ารายชื่อจะออกมาคงสัมภาษณ์กันทุกวัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มี อยู่ที่ผมคนเดียว ก็บอกไปแล้วตอนสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ฝากบอกสื่อด้วย ผมส่งรายชื่อคนเดียว คนอื่นไม่ได้ส่ง คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นใคร”

พปชร.ลั่นไม่มีโควตารายภาค

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการ พปชร. กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เมื่อวันที่ 2 มี.ค. เป็นการหารือเพื่อหาบุคคลมาทดแทนในตำแหน่ง 2 รัฐมนตรีที่ว่างลง ส่วนจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างไร เป็นสิทธิ์เด็ดขาดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่จะหารือร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนที่มีข่าวบางคนอยากให้พิจารณาเป็นรายภาคนั้น ยืนยันไม่มี และไม่มีใครพูดอะไร

เมื่อถามว่าจะมีรัฐมนตรีใดต้องพ้นจากตำแหน่งในการปรับครม.ครั้งนี้หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ตนว่าไม่มี เท่าที่พูดคุยมีเพียง 2 ตำแหน่งที่ต้องเสนอขึ้นไป ไม่มีอย่างอื่น ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วง โดยนายกฯ และพล.อ.ประวิตร คงปรึกษาหารือกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งกับพรรคและรัฐบาล รวมถึงการทำงานให้กับประชาชนและประเทศ

‘อนุชา’เหนียม-นั่งดีอีเอส

เมื่อถามถึงการแบ่งเป็นก๊กเป็นกลุ่ม จะเกิดแรงกดันต่อหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วง ถึงเวลาก็มีมติเป็นเอกฉันท์มอบอำนาจให้พล.อ.ประวิตร เป็นคนจัดการ และไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องไปกดดัน เมื่อถามว่าพร้อมหรือไม่ หากต้องไปดำรง ตำแหน่งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายอนุชากล่าวว่า อยู่ที่ผู้ใหญ่อย่างเดียว ตนทำงานตรงไหนก็ได้เพราะตั้งใจทำงาน และจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว

‘เสี่ยเฮ้ง’โยน‘บิ๊กตู่’ตัดสินใจ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพปชร. ให้สัมภาษณ์ว่าที่ประชุมกก.บห.มีมติมอบสิทธิ์ให้พล.อ.ประวิตรเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง เพราะเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพรรค ก่อนจะเสนอรายชื่อต่อพล.อ.ประยุทธ์พิจารณา ส่วนที่มีกระแสข่าวอาจถูกปรับออกนั้น นายสุชาติกล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารงานและ ความเหมาะสม ซึ่งนายกฯ จะเป็นผู้พิจารณาและไม่ทราบว่าการปรับครม.ครั้งนี้จะเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคหรือไม่

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และกก.บห.พปชร.กล่าวว่า รายชื่อรัฐมนตรีต้องเป็นคนในพรรค จะเป็นกก.บห.หรือไม่ก็ได้ แต่ยังไม่รู้ว่าพล.อ.ประวิตรจะเลือกใคร

‘ชัยวุฒิ-ตรีนุช’มีชื่อคั่วรมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพปชร.ว่า รายชื่อที่คาดหมายว่า พล.อ.ประวิตร เสนอไปให้นายกฯ พิจารณาคือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งทำงานร่วมกับพรรคมาตั้งแต่ต้น สนิทสนมกับกลุ่มทุนใหญ่สายพลังงาน และคุ้นเคยกับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ อาจเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ หรือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แทนนายอนุชา นาคาศัย ที่อาจจะขยับไปเป็นรมว.ศึกษาธิการ

อีกคนคือ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส. สระแก้ว 5 สมัย หลานสาวนายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับพล.อ.ประวิตร ตั้งแต่สมัยเป็นทหารประจำการอยู่ที่จ.สระแก้ว และเคยพยายามผลักดันให้เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ช่วงแรก เพราะถือเป็นตระกูลที่ยอมย้ายค่ายจากพรรคเพื่อไทย และไม่เคยเรียกร้องอะไร ทั้งนี้มีรายงานว่า น.ส.ตรีนุช เป็นชื่อที่มาแรง และช่วงเย็นวันนี้ พล.อ.ประวิตรได้เรียกน.ส.ตรีนุช เข้าพบแล้ว คาดว่าอาจจะไปดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม สลับกับนายอิทธิพล คุณปลื้ม ซึ่งจะไปดำรงตำแหน่งรมว.ดีอีเอส ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่คนสำคัญระดับอดีตบิ๊กทหาร

‘กลุ่ม 3 ช่วย’ส่อชวดปรับตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุสำคัญที่พล.อ.ประวิตรขอพิจารณาและเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีต่อนายกฯด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือความขัดแย้งภายในพรรคขึ้นอีก เนื่องจากแกนนำกลุ่มสำคัญในพรรคต่างต้องการปรับตำแหน่งให้สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม “3 ช่วย” นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งพยายามผลักดันตนเองขึ้นเป็นรมว.แรงงาน แทนนายสุชาติ ชมกลิ่น พร้อมดันนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร คนใกล้ชิด เข้ามาแทนในตำแหน่งรมช.เกษตรฯ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ใหญ่ ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ต้องการขยับจากรมช.แรงงาน ไปเป็นรมช.คลัง หรือขยับขึ้นรัฐมนตรีว่าการ ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใหญ่ของพรรคเช่นกัน โดยหลังประชุมพรรควันที่ 2 มี.ค. นางนฤมลมีสีหน้าผิดหวัง ภายหลังพูดคุยกับผู้ใหญ่บางราย โดยระบุว่าไม่เป็นอย่างที่คาด ดังนั้น สูตรการปรับครม.ของกลุ่ม 3 ช่วย มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ได้รับการตอบสนอง ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป เนื่องจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่ต้องการให้นำจำนวนเสียงส.ส.ในมือมาเป็นปัจจัยกดดันในการปรับตำแหน่ง

‘ป้อม’ดักคอกปปส.วิ่งเต้น‘ตู่’

แหล่งข่าวจาก พปชร. เผยว่า กรณีที่พล.อ.ประวิตรพูดในที่ประชุมกก.บห.เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ว่าอย่าไปวิ่งเต้นกับนายกฯ เพื่อสื่อถึงกลุ่มกปปส.ในพรรค หลังจากทราบว่านายณัฏฐพลพยายามเข้าหาพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อผลักดันนายชาญวิทย์ วิภูศิริ ส.ส.กทม. ซึ่งเป็นคนสนิท มาเป็น รมว.ศึกษาธิการ เพื่อสานงานในกระทรวง ต้องจับตาดูว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร

‘อาคม’ไม่ถอดใจเก้าอี้ขุนคลัง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวเบื่อการทำงานในตำแหน่งรมว.คลังว่า ไม่เป็นความจริงและไม่ถอดใจ ยังคงเดินหน้าทำงานปกติ ส่วนการตรวจเยี่ยมโครงการสถานีกลางบางซื่อในวันที่ 3 มี.ค.ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคมนั้น เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเงินกู้ ในฐานะกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของเงินกู้ จึงต้องไปดูและตรวจเยี่ยมโครงการ ไม่ได้ไปดูเพราะจะไปเป็นรมว.คมนาคม

‘เทือก’ยันรปช.ไม่มีต่อรอง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวถึงการโควตารปช.ยังเหมือนเดิมหรือไม่ว่า แล้วแต่นายกฯ หากเห็นว่านายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เหมาะสมแล้ว ทำงานดี ทำโครงการสำคัญเดินถูกทางแล้ว อยากให้ทำงานต่อ เราก็ทำ แต่หากบอกว่าไม่เอาแล้วให้กลับบ้าน เราก็กลับบ้าน ไม่มีปัญหา

“กปปส.ไม่เกี่ยวกับการเมืองอะไรทั้งสิ้น ผมที่เกี่ยวก็เป็นส่วนเล็กมากที่ร่วมก่อตั้งรปช. และมีส.ส.อยู่ 5 คน ไม่มีฤทธิ์ อิทธิพล หรืออำนาจไปต่อรอง เราเจียมตัวอย่าคิดว่าเราสำคัญ” นายสุเทพกล่าว

‘วิษณุ’หนุนกกต.ส่งชี้สถานะส.ส.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะส.ส.ของอดีตแกนนำกปปส.ว่า แม้จะมีความชัดเจนระดับหนึ่งจากคำพิพากษาจำคุก แต่มองเป็นเรื่องดี เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะเกี่ยวข้องกับการเลื่อนส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไป และการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต ซึ่งจะต้องออกเป็นพ.ร.ฎ. หากเลื่อนเลยแล้วมีเรื่องขึ้นมาในภายหลังก็จะยุ่ง ดังนั้น เมื่อกกต.มีอำนาจส่งศาลได้ทุกอย่างจะได้จบ เชื่อว่าผลที่ออกมาจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคต

เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้มีการส่งรายชื่อรัฐมนตรีใหม่มาให้ตรวจสอบหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของ นายกฯ และเลขาธิการครม. แต่เข้าใจว่ายังไม่มีใครส่งมา ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบ หากน้อยคนก็ไม่นาน แต่ถ้ามากคนก็จะนาน และถ้าเป็นรัฐมนตรีที่เคยตรวจสอบแล้วก็ไม่มีปัญหา ไม่เหมือนกับการตั้งครม.ใหม่ทั้งชุดอาจจะวุ่นวาย เนื่องจากต้องดูเรื่องสัมปทาน หุ้นสื่อ ซึ่งหากคนที่เข้ามาใหม่เป็นส.ส.อยู่แล้วปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป

โหวตวาระ 3-ต้องรอศาลรธน.

เมื่อถามถึงการตีความร่างแก้ไขรัฐ ธรรมนูญที่อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการลงมติในวาระ 3 หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ต้องรอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาในทิศทางใด ซึ่งเลขาธิการครม.ได้สอบถามขั้นตอนไปยังสภาผู้แทนราษฎรว่าเมื่อผ่านวาระ 2 และเข้าสู่วาระ 3 ต้องทิ้งระยะเวลาอย่างน้อย 15 วัน เพื่อออกพ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภา เบื้องต้นนอกจากวาระโหวตร่างรัฐธรรมนูญ ยังให้ความเห็นชอบพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายประมวลยาเสพติดด้วย แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หากศาลมีคำสั่งว่าทำได้ก็เดินหน้าโหวตวาระ 3 แต่หากมีคำสั่งทำไม่ได้ กระบวนการต่างๆ ที่ดำเนินการมา ถือว่าเป็นศูนย์ ต้องกลับมาพิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไปได้ แต่ปัญหาคือจะแก้มาตราไหน

ฝ่ายค้านส่งความเห็นศาลรธน.

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แกนนำพรรคร่วม ฝ่ายค้าน นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอส่งบันทึกถ้อยคำและความเห็น ประกอบการพิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ประธานรัฐสภา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

นายประเสริฐกล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นว่าศาลได้ขอความเห็นจากนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้อง 4 คน ดังนั้น เพื่อเปิดรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย จึงขอส่งบันทึกถ้อยคำเป็นข้อมูลต่อศาลรวม 7 หน้า เพื่อยืนยันว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 156(15) บัญญัติว่ารัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดว่าการพิจารณาของศาลจะทันต่อการที่สภาจะพิจารณาวาระ 3 ในช่วงวันที่ 17-18 มี.ค. ทั้งนี้ ฝ่ายค้านยังไม่มีการพูดคุยกันว่าหากตั้งส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้จะทำอย่างไร เพราะเราคาดหวังว่าน่าจะผ่านวาระ 3 ได้เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ประชาชนเรียกร้อง รัฐสภาจะเห็นด้วยกับการผ่านวาระ 3

พท.จ่อร้องปปช.ฟัน‘ตู่-อู๊ดด้า’

นายประเสริฐกล่าวว่า ในวันที่ 10 มี.ค. พท.จะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในประเด็นที่ตนอภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ โดยจะยื่น 2 ราย คือ พล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ฐานทุจริต และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนประเด็นอื่นๆ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ตั้งคณะทำงาน อยู่ระหว่างรวบรวมประเด็นและข้อกล่าวหา เพื่อยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม บางเรื่องเป็นเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรมีสูงกว่าคนอื่น แม้บางเรื่องคำวินิจฉัยจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ควรนำมาตรฐานทางจริยธรรมมาประกอบการพิจารณาด้วย

ก้าวไกลเล็งยื่นปมภาษี-ตั๋วช้าง

ขณะที่นายสงครามกล่าวว่า พรรคประชา ชาติจะยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในเร็วๆ นี้เช่นกัน

ด้านนายชัยธวัชกล่าวว่า พรรคก้าวไกลก็จะดำเนินการเช่นกันตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทั้งกรณีกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่ได้นำค่าน้ำค่าไฟมาคำนวณภาษีเป็นเงินได้พึงประเมินในการเสียภาษี รวมทั้งกรณีที่ดินจะนะ และกรณีตั๋วช้าง ซึ่งจะมีการยื่นร้องไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ซัดตรรกะ‘ไพบูลย์’อันตรายมาก

นายชัยธวัชกล่าวว่า การแก้ไขโดยให้มีส.ส.ร. อยู่ในกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงได้ให้ความเห็นในบันทึกที่ส่งศาลในวันนี้ การเสนอแก้ไขในลักษณะที่ทำอยู่สามารถทำได้ และเป็นอำนาจของรัฐสภา และในอดีตตอนแก้รัฐธรรมนูญ 2534 ก็ทำในลักษณะนี้ จึงยืนยันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านว่ารัฐสภามีอำนาจ ไม่เห็นว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ ในญัตติที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และส.ว.ยื่น ไม่ได้พูดแค่อำนาจรัฐสภา แต่พูดถึงการจำกัดอำนาจของประชาชนที่จะออกเสียงลงประชามติ ว่าจะให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ อันนี้เป็นอันตรายมาก หมายความว่าถ้าญัตตินี้ ศาลเห็นด้วยกับนายไพบูลย์กับคณะ จะทำให้ประเทศ ไทยไม่สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ในระบบรัฐสภาภายใต้กระบวนการประชา ธิปไตยได้เลย

“จะแก้ไข จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้อีกครั้งต่อเมื่อมีรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่บัญญัติไว้ว่าจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น แม้แต่การทำประชามติในญัตติของนายไพบูลย์ การจะถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ก็ทำไม่ได้ เพราะจะขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ซึ่งตรรกะแบบนี้อันตรายมาก” นายชัยธวัชกล่าว

สว.ขู่คว่ำร่างรธน.วาระ3

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวถึงการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ช่วงกลางเดือนมี.ค.ว่า เชื่อว่าการแก้ไขครั้งนี้มีเจตนาจะแตะหมวด 1 และ 2 จึงมั่นใจว่าจะมีส.ว.เกิน 84 เสียง ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 เช่นเดียวกับตน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ส่วนจะเป็นชนวนให้เกิดชุมนุมใหญ่หรือไม่นั้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าส.ว.ปล่อยผ่านวาระ 3 การประท้วงจะไม่สิ้นสุด อีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญและปกป้องสถาบัน ต้องออกมา ยิ่งปล่อยไป ความขัดแย้งยิ่งรุนแรง ส.ว.จึงปล่อยผ่านไม่ได้

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. กล่าวว่า ดูแนวโน้มการโหวตวาระ 3 แล้ว น่าจะมีเสียงส.ว.เห็นชอบไม่ถึง 84 เสียง โดยเห็นสัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่วาระ 2 ทั้งเรื่องจำนวนเสียงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการขอให้เพิ่มข้อความ ห้ามส.ส.ร.แก้ไข 38 มาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ซึ่งสิ่งที่ส.ว.เสนอไป แพ้โหวตทั้งหมด ทำให้ส.ว.เห็นตรงกันว่า จะไม่โหวตผ่านวาระ 3 แต่ต้องรอคำวินิจฉัยศาลในวันที่ 4 มี.ค.ก่อน หากศาลระบุว่าแก้ไม่ได้ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตกไปทันที

กกต.เผยยังไม่มีเรื่องร้องทุจริต

ที่สำนักงานกกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช แทนตำแหน่งที่ว่างในวันที่ 7 มี.ค.ว่า สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในส่วนของกกต. มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง และชุดเคลื่อนที่เร็วจะดูแลจนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งตำรวจจะดูในเรื่องรักษาความเรียบร้อย ทั้งนี้ กกต.ไม่ลำบากใจ แม้จะเป็นการแข่งขันของผู้สมัครพรรคร่วมรัฐบาล เพราะกกต.ยึดหลักว่าเป็นฝ่ายไหนก็ต้องหาเสียงอย่างเท่าเทียมกัน เบื้องต้นจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการทุจริตเข้ามา

พปชร.เชื่อไม่ขัดแย้งปชป.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะ เลขาธิการ พปชร. กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราชว่า ขอดูกำหนดการอีกครั้งว่าพล.อ.ประวิตรจะขึ้นปราศรัยในวันที่ 5 มี.ค.หรือไม่ เนื่องจากยังไม่แน่นอน ซึ่งการอยากได้ส.ส.เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากครั้งที่ผ่านมาคะแนนเสียงใกล้เคียงกับคะแนนของส.ส.เดิม ประชาชนตอบรับและชื่นชอบนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างดี และเชื่อว่าคนนครศรีธรรมราชรักนายกฯ

เมื่อถามว่าครั้งนี้เป็นการต่อสู้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอนุชากล่าวว่า ถือเป็นทางเลือกของประชาชน เชื่อว่าไม่มีผลกระทบตามมา เท่าที่พูดคุยกันก็มีความสัมพันธ์เหมือนเดิม อย่าเอามาเป็นประเด็นการเมือง

มทภ. 4 ยันทหารเป็นกลาง

พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงนายชัยชนะ เดชเดโช ผอ.เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ของปชป. ทำหนังสือพร้อมหลักฐานส่งถึงพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผบ.ทบ. ระบุมีทหารในพื้นที่เข้ามากดดันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขอให้เลือก ผู้สมัครรายหนึ่งในพื้นที่นอ.พระพรหม อ.เฉลิม พระเกียรติ อ.ชะอวด และอ.จุฬาภรณ์ ว่า ขอตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่ปกติแล้วทหารลงพื้นที่แก้ปัญหาเรื่องป่าพรุควนเคร็งครอบ คลุม 5 พื้นที่ 5 อำเภอ รวมถึงช่วยประชาชนประสบภัยแล้ง เราชี้แจงได้ทุกเรื่อง แต่ขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.พล.ร.5 กล่าวว่า นโยบายของ ผบ.ทบ. และมทภ.4 เน้นย้ำไว้ชัดเจนว่าห้ามทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือช่วยนักการเมืองหาเสียง ต้องวางตัวเป็นกลาง ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่าพื้นที่ดังกล่าว ส่วนหนึ่งมีปัญหาไฟป่าป่าพรุควนเคร็ง เพราะเข้าสู่หน้าแล้ง หากพบเห็นทหารเข้าประสานหน่วยงานราชการหรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าวมากกว่า

ฝ่ายค้านเตรียมหารือช่วย‘แอมมี่’

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการ พท. กล่าวถึงศาลอาญาออกหมายจับนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ ในคดีเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรมว่า ทางตำรวจยังไม่แถลงข่าวการจับกุม หากมีความชัดเจน คงจะต้องหารือเพื่อช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งต้องดูข้อกล่าวหาและประเด็นต่างๆ เบื้องต้นตนดูจากข่าวมีเหตุเพลิงไหม้ และเพลิงลุกลามไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อน พวกเราจะพิจารณาอย่างรอบคอบต่อไป

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นกล่าวหา ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่านายไชยอมร ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ในอดีตที่ส.ส.พรรคก้าวไกล เข้าไปมีบทบาทช่วยประกันตัว เราทำในฐานะประกันสิทธิในกระบวนการยุติ ธรรม เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ออกมาต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ส่วนจะถูกหรือผิดก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรามีจุดยืนว่าเราควรเคารพสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมของทุกฝ่าย และให้สันนิษฐานว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจนถึงที่สุด

สภาแก้ได้ – ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านเดินทางไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เข้ายื่นบันทึกถ้อยคำและความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยืนยันว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 156 (15) บัญญัติไว้ชัดเจนว่ารัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน