ม็อบฮือสน.พหลโยธิน
หลังชุมนุมที่หน้าศาล
‘พอร์ท ไฟเย็น’ถูกขังคุก
‘ไผ่’นัดอนุสาวรีย์ปชต.

จู่โจมกวาดจับใหญ่‘การ์ดวีโว่’ กลางห้างเมเจอร์ รัชโยธิน หิ้ว ‘โตโต้’ ส่งคุมตัวตชด.ภาค 1 ‘รีเดม’มาตามนัดชุมนุมพรึบหน้าศาลจี้ปล่อยแกนนำราษฎร ‘ไผ่’ นำขบวน ‘เดินทะลุฟ้า’ ถึงม.เกษตรฯ ชวนผู้คนไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแย้มมีเซอร์ไพรส์ใหญ่ ก้าวไกลวอนจนท.อย่าจับเหมา-ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ศาลไม่ให้ประกัน ‘พอร์ท ไฟเย็น’ คดีม.112 ส่งเข้าคุกทันที

ตร.ย้ำอีกชุมนุมผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการชุมนุมของกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง

พล.ต.ต.ปิยะเปิดเผยว่า จากการข่าวที่มีการรวมตัวจากกลุ่มผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่กลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ชักชวนบริเวณโลตัสรังสิตเคลื่อนมาที่กรมทหารราบที่ 11 รอ. รวมตัวร่วมกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. กลุ่ม “กลุ่มประชาชนสร้างตัว” หรือ “รีเดม” ประกาศชักชวนที่ห้าแยกลาดพร้าวเคลื่อนตัวไปบนถนนรัชดาภิเษกทำกิจกรรมเทขยะหน้าศาล จากการข่าวไปรวมตัวกลุ่มต่างๆ แยกเกษตร กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันแยกปทุมวัน อาชีวะไม่เอาเผด็จการรวมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยย้ายไปที่กรมทหารราบที่ 11 รอ.

ขอแจ้งเตือนว่า กทม.เป็นพื้นที่ห้ามชุมนุมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามพ.ร.บ.ควบคุมโรค ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ก่อความวุ่นวายผิดกฎหมายอาญามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง การชุมนุมที่ผ่านมาตำรวจได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว 22 ราย และคดีอื่นๆ รวม 158 คดี ส่งสำนวนพนักงานอัยการ 116 คดี อยู่ระหว่างสืบสวน 42 คดี มีบาดเจ็บตำรวจ 90 นายได้รับบาดเจ็บ ส่ง ร.พ.27 นาย เสียชีวิต 1 นาย ผู้โพสต์ชักชวน แกนนำจัดการชุมนุม ตลอดจนผู้เข้าร่วมชุมนุมมีความผิดตามกฎหมาย อาจจะได้รับโทษได้เช่นกัน

ชี้ม็อบเจตนาสร้างความวุ่นวาย

พล.ต.ต.ปิยะระบุว่า ผู้ชุมนุมในช่วงหลังมีการใช้อาวุธ วัตถุระเบิด พลุ ปืน และวัตถุอื่นที่สามารถติดไฟได้ง่าย และสร้างกระเเสข่าวเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เช่น เครื่องควัน เพื่อโฆษณาชวนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา นอกจากนี้ยังมีการทุบทำลายสิ่งของ ทั้งทรัพย์สินของราชการและเอกชน ที่ผ่านมาความรุนแรงไม่ได้เกิดขึ้นจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มต้นจากผู้ชุมนุมทั้งนั้น อย่างที่เห็นมาตลอดผู้ชุมนุมมีความพยายามบุกรุกสถานที่ ทำลายรื้อถอนสิ่งกีดขวางที่ เจ้าหน้าที่ได้วางไว้ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง นั่นเเสดงให้เห็นถึงเจตนาของผู้ชุมนุม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อาจปล่อยให้ผู้ชุมนุมสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ หากไม่มีการละเมิดหรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อความไม่สงบเรียบร้อยหรือเกิดความเสียหายลุกลามบานปลาย

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กรณีชายพกพาวัตถุระเบิดที่ตำรวจทำการจับกุมนั้น จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบว่าได้มีการผลิตเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาไปตรวจค้นที่บ้าน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีลักษณะให้การวกวนคล้ายคนวิกลจริต ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ ร.พ.ตร.ก่อน เห็นว่ามีการกล่าวอ้างว่าไปเรียนจากต่างประเทศ บอกไม่ชัดเจนว่านำระเบิดไปทำอะไร ส่วนการตรวจสอบประวัติยังไม่พบเกี่ยวกับการเมือง แต่เคยถูกดำเนินคดีพกพาอาวุธปืนที่ จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและอีโอดีตรวจสอบวัตถุระเบิดก่อน ไม่พบความเชื่อมโยงกับเรื่องทางการเมือง ขณะนี้ได้ทำการฝากขังที่ศาลอาญา

ขนตู้ป้องกันราบ 11

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 04.30 น. เจ้าหน้าที่เริ่มมีการขนตู้คอนเทนเนอร์กว่า 100 ตู้ เตรียมความพร้อมปิดถนนพหลโยธินขาเข้า ตั้งแต่วงเวียนบางเขน หน้าสำนักงานเขตบางเขน และพื้นที่ใกล้เคียงกรมทหารราบที่ 11 รอ. ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญเพื่อสกัดม็อบกลุ่มคนเสื้อแดง และคณะราษฎรที่จะเดินขบวนมาชุมนุม ส่วนช่วงบ่ายมีเจ้าหน้าที่ช่วยกันนำลวดหนามหีบเพลงขึ้นวางบนแนวกำแพงรั้ว เพื่อเป็นการเสริมแนวป้องกันและดูแลความปลอดภัย รวมถึงแนวกำแพงจากด้านนอกพบว่ามีการเสริมลวดหนามตามแนวกำแพง ตั้งแต่กำแพงช่วงแยกบางบัวจนถึงสุดกำแพงช่วงรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีกรมทหารราบที่ 11 ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร รวมทั้งยังพบเห็นตู้คอนเทนเนอร์จำนวนกว่า 10 ตู้ วางอยู่บริเวณโดยรอบของกรมทหารราบที่ 11 รวมไปถึงยังมีตู้คอนเทนเนอร์บางส่วนอยู่ด้านในกรมด้วย

พบว่ามีตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงรายอยู่เป็นระยะๆ เช่น จุดบนฟุตปาธหน้าสถานีดับเพลิงบางเขน และหน้าการไฟฟ้านครหลวงบางเขน เพื่อเตรียมความพร้อมที่อาจจะปิดถนนพหลโยธินขาเข้า ตั้งแต่วงเวียนบางเขน หน้าสำนักงานเขตบางเขน และพื้นที่ใกล้เคียงกรมทหารราบที่ 11 ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญเพื่อสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินขบวนมาชุมนุม แต่ยังไม่มีการนำมาวางไว้บนถนนแต่อย่างใด ทั้งนี้เบื้องต้นพบรถฉีดน้ำ 2 คัน และรถควบคุมฝูงชนจำนวนหนึ่ง บริเวณหน้าสถานีดับเพลิงบางเขน มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

ทั้งนี้ ยังพบเห็นกล้องวงจรปิดที่เมื่อวันที่ 5 มี.ค. กสท.เข้ามาตรวจเช็กระบบกล้องวงจรปิด และเพิ่มวงจรปิดเพิ่มเติมเข้ามาอีก 8 จุด โดยจะเน้นเป็นตามแนวเสาไฟ ของฝั่งถนนพหลโยธิน ตั้งแต่แยกบางบัว ผ่านช่วงกรมทหารราบที่ 11 ไปจนเกือบถึงช่วงของวัดพระศรีมหาธาตุฯ ระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ระบุว่า เพื่อให้ครอบคลุมในการเฝ้าระวังความปลอดภัย ขณะเดียวกันมีกลุ่มชาวบ้านชุมชนบางบัวรวมตัวเดินเท้ามาตามฟุตปาธผ่านหน้ากรมทหารราบที่ 11 พร้อมถือป้ายผ้าที่ระบุว่า “เราคนไทยด้วยกัน มีปัญหาต้องแก้ไข โดยไม่ใช้ความรุนแรง”

ส่วนที่ศาลอาญา รัชดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลอาญา กางลวดหนามหีบเพลงบริเวณริมรั้วทางเข้า-ออก พร้อมกางตาข่ายสแลนต์สีฟ้าป้องกันการขว้างปาสิ่งของของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มประชาชนสร้างตัว” หรือ “รีเดม” นัดรวมตัวบริเวณห้าแยกลาดพร้าวในเวลา 14.00 น. เพื่อเดินทางมาบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มีการประเมินสถานการณ์ในการขว้างปาสิ่งของอาทิ ขยะ ไข่ โดยเตรียมความในการซักซ้อมของพนักงานทำความสะอาดดูแลบริเวณพื้นที่โดยรอบ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขอให้นำรถที่จอดบริเวณลานจอดรถหน้าศาลอาญาไปจอดบริเวณอื่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย

กังวลจนท.สร้างเงื่อนไขใช้กำลัง

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีส่วนเข้าไปแทรกแซงแนวทางการชุมนุม พรรคทำได้เพียงติดตามสถานการณ์และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง โดยพรรคจะติดตามใน 4 ประเด็น คือ 1.ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นมาจากฝ่ายใดก่อน 2.มีการเหมารวมผู้ชุมนุมหรือไม่ เพราะจากที่ตนมีโอกาสไปเยี่ยมผู้ที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ตชด.ภ.1 พบว่ามีผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่อยู่ในแนวปะทะ แต่มาจากกลุ่มที่ชุมนุมโดยสันติวิธี แต่เมื่อหนีไม่ทัน ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับตัว

3.การใช้กำลังเกินสัดส่วนของตำรวจ หลายคนถูกตีมือจนหัก ทั้งที่ไม่ได้ขว้างปาอะไรใส่เจ้าหน้าที่ ไม่ได้หมายความว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน แต่ควรใช้เมื่อจวนตัวเท่านั้น และจะต้องใช้โดยไม่ได้หมายเอาชีวิตหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงกับผู้ชุมนุม เช่น การใช้กระสุนยางสลายการชุมนุมก็เป็นการทำเกินกว่าเหตุ หลายครั้งยิงเข้าไปบริเวณที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ คือ เป็นการยิงที่ไม่ใช่เพื่อสกัด กั้นการชุมนุม และ 4.การใช้กำลังใดๆ ของ เจ้าหน้าที่ เป็นการยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมายเท่านั้น ไม่ใช่การประทุษร้ายเอาคืนผู้ชุมนุมแบบเหมารวม กรณีประชาชนล้มลงแล้วตำรวจเข้าไปเตะซ้ำ นี่ไม่ใช่การควบคุมฝูงชน ทั้งที่ประชาชนแสดงการหมอบและยอม แพ้แล้ว

พรรคหารือกันว่าเราสนับสนุนการชุมนุมที่ให้ความรู้ เน้นเนื้อหาสาระ ซึ่งจะโอบรับมวลชนที่มีความเข้าใจแตกต่างหลากหลาย เพื่อเป็นทางออกและการเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน ให้เข้าใจเจตนาดีร่วมกัน ที่สำคัญก็คือทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมรู้สึกปลอดภัย ที่สำคัญที่สุดคือ ตำรวจน่าจะได้รับคำสั่งเด็ดขาดมาเพื่อหาเงื่อนไขเข้าปะทะหรือใช้กำลังกับผู้ชุมนุมตลอดเวลา แต่หากเจ้าหน้าที่พยายามจะสร้างเงื่อนไขเพื่อใช้กำลัง ทางพรรคจะเข้าไปดูว่า ฝ่ายใดเป็นฝ่ายยั่วยุ หรือมีการแฝงตัวสร้างความรุนแรง เราจะติดตามเรื่องนี้โดยตลอด

‘แอมเนสตี้’จี้ปล่อยตัวผู้ชุมนุม

วันเดียวกัน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยแพร่แถลงการณ์กรณีเกือบหนึ่งปีหลัง ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมทั้งเยาวชน 13 คน ถูกดำเนินคดีอาญา ในขณะที่แกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดียังถูกควบคุมตัวต่อไป ประชาชน 61 คน ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112

แถลงการณ์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ในขณะที่การประท้วงในประเทศไทยเริ่มเข้มข้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทางการต้องลดแนวทางตอบโต้ที่รุนแรงอย่างเร่งด่วน และยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมหลายร้อยคนรวมทั้งเยาวชน ถูกดำเนินคดีอาญา และหลายคนถูกควบคุมตัวมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และคาดว่าจะมีการประท้วงครั้งใหญ่อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 2564

การกลับมาประท้วงใหญ่เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. ส่งผลให้ทางการใช้กำลังจนเกินขอบเขตเพื่อตอบโต้ รวมทั้งการใช้อาวุธที่เสี่ยงน้อยกว่าที่จะทำให้เสียชีวิต อย่างเช่น กระสุนยาง ไม้กระบอง แก๊สน้ำตา และการฉีดน้ำแรงดันสูงที่เจือด้วยสารเคมีสร้างความระคายเคือง

ด้าน เอ็มเมอร์ลีน จิล รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การใช้วิธีข่มขู่อย่างต่อเนื่องและบ่อยครั้งของทางการไทย เป็นการโจมตีอย่างชัดเจนต่อสิทธิของประชาชนในการแสดงความเห็นและการประท้วงอย่างสงบ เกือบหนึ่งปีหลังจากรัฐบาลไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับการประท้วงอย่างสงบที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ทำให้เกิดสภาพที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง กล่าวคือมีบุคคล 383 คนที่ถูกดำเนินคดีอาญาแบบจงใจใส่ความ รวมทั้งเยาวชน 13 คน เพียงเพราะการชุมนุมและแสดงความเห็น

ทางการไทยใช้เวลาทั้งปีที่ผ่านมากับปฏิบัติการอย่างเป็นระบบแบบใหม่ เพื่อปราบปรามประชาชนที่เพียงต้องการแสดงความเห็นของตนอย่างสงบ เรายังคงกระตุ้นทางการให้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเหล่านี้ และให้หาทางคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวทางที่เคารพสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง เป็นเรื่องน่าตกใจที่ทางการปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ประกันตัวผู้ประท้วงอย่างสงบที่เป็นแกนนำ พวกเขาถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 หลังจากถูกดำเนินคดีในหลายข้อหาเพียงเพราะแสดงความเห็นของตน”

“ทางการต้องยกเลิกข้อหาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองกับผู้ประท้วงอย่างสงบโดยทันที รวมทั้งผู้ประท้วงที่เป็นเยาวชน ต้องมีการปล่อยตัวผู้ประท้วงอย่างสงบและแกนนำที่ยังถูกควบคุมตัวทุกคน ให้สอบสวนกรณีที่มีการใช้กำลังอย่างไม่จำเป็นและเกินขอบเขต บ่อยครั้ง และประกันว่าจะมีการควบคุมดูแลการประท้วงเหล่านี้ สอดคล้องตามมาตรฐานระหว่างประเทศ” เอ็มเมอร์ลีน จิลกล่าว

ศาลไม่ให้ประกัน‘พอร์ท ไฟเย็น’

วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน บก.ปอท. คุมตัวนายปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือพอร์ท วงไฟเย็น อายุ 36 ปี ศิลปินนักกีตาร์ ผู้ต้องหาคดี ม.112 ฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญา ตั้งแต่วันที่ 6-17 มี.ค. เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 6 ปาก, รอผลการตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า นายปริญญา หรือพอร์ท ผู้ต้องหา โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Richadan Port เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2559 เป็นภาพข่าวการทำรัฐประหารในประเทศตุรกี พร้อมข้อความไม่เหมาะสม กับวันที่ 30 มิ.ย. 2559 ได้โพสต์เนื้อหาเพลง และวันที่ 27 เม.ย. 2559 ได้โพสต์ข้อความที่มีความผิดตาม ม.112 ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. 2564 ผู้ต้องหาถูกจับกุมตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่บ้านพักแขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ชั้นจับกุมและสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ศาลพิจารณาคำร้องและอนุญาตให้ฝากขังแล้ว

มารดาของนายปริญญายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ระบุพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง เชื่อว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวนายปริญญาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

นัดอนุสาวรีย์ปชต. – กลุ่มเดินทะลุฟ้า นำโดย ไผ่ ดาวดิน ตั้งเวทีหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำทั้งที่ถูกจับกุม พร้อมเชิญชวนร่วมเดินทะลุฟ้าต่อไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.

ตร.สกัดม็อบ‘เดินทะลุฟ้า’

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม เวลา 09.00 น. มวลชนเดินทะลุฟ้ากลุ่มไผ่ดาวดินพร้อมคณะเริ่มเดินทางออกจากหน้าตลาดนัดศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งสู่ที่หมายแยกเกษตรบางเขน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนปิดกั้นไม่ให้เดินเข้าไปยังจุดเป้าหมาย กลุ่มมวลชนจึงนั่งปิดถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า จนเจ้าหน้าที่ต้องเปิดทางให้กลุ่มมวลชนเดินมุ่งหน้าต่อ การเดินทางกำหนดไว้ทั้งหมด 6 จุด จุดแรกเริ่มต้นที่ตลาดนัดหน้าศูนย์การค้าเซียร์รังสิต จุดที่ 2 ลานจอดรถหน้าซอยวิภาวดีรังสิต 76 จุดที่ 3 ใต้สะพานลอยสถานีรถไฟดอนเมือง จุดที่ 4 ลานหน้าฟู้ดแลนด์ไอที สแควร์ จุดที่ 5 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จุดที่ 6 ม.เกษตรประตูวิภาวดีรังสิต และจุดสุดท้ายแยกเกษตรบางเขน

ต่อมา ‘ไผ่ ดาวดิน’ หรือนายจตุภัทร บุญภัทรรักษา เข้าเจรจากับตำรวจขอเปิดเส้นทางให้ใช้ทำกิจกรรม เพราะทางกลุ่มไม่ต้องการใช้เส้นทางที่จะผ่านกรมทหารราบที่ 11 เนื่องจากเป็นพื้นที่เปราะบางทางความมั่นคงและมีความอันตรายต่อการสร้างสถานการณ์ และใช้เวลาเจรจาเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ตำรวจจะยอมเปิดเส้นทางให้มวลชนทำกิจกรรมและเดินไปตามถนนวิภาวดีรังสิต และมาแวะพักกลางวันแถวย่านไอที สแควร์ ก่อนจะออกเดินทางต่อ โดยยังไม่พบกำลังตำรวจที่จะเข้ามาสกัดกั้นเพิ่มเติม

เวลา 16.00 น. กลุ่มเดินทะลุฟ้าหยุดพักในบริเวณรอบสระน้ำ หน้าหอประชุมใหญ่ ภายใน ม.เกษตรฯ มีกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนต่างเดินทางมาให้กำลังใจประมาณ 500 คน ไผ่ดาวดินขึ้นกล่าวกับผู้เข้าร่วมชุมนุม และร่วมกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา ยกเลิก ม 112 และเปิดเวทีให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุม พูดถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลที่อุ้มแต่คนรวยและทุนใหญ่เท่านั้น ในหัวข้อประยุทธ์แอนด์เดอะแก็งค์

ต่อมาได้นำภาพวาดแกนนำทั้ง 4 คน มาแจกให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุมพร้อมเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือ โดยการชุมนุมได้ยุติลงเมื่อเวลา 19.00 น. พร้อมกล่าวเชิญชวนให้ประชาชนเดินทางเข้ามาร่วมกิจเดินทะลุฟ้าต่อไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 7 มี.ค. เวลา 09.00 น. โดยจะมีการพักทุก 3 ชั่วโมง และทุก 15 กิโลเมตร ขอแจ้งพี่น้องที่จะมาร่วมเดินหรือให้กำลังใจให้ติดตามผ่านเพจ และขอให้มีการไปรวมตัวกันในเวลา 17.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้ได้ แม้จะถูกสกัดกั้น อีกทั้งในวันพรุ่งนี้จะมีการประกาศบางอย่างด้วย นอกจากนี้ยังมีการประกาศว่า ในวันจันทร์ที่ 8 มี.ค. จะมีการเดินไปส่งไผ่ ดาวดิน และเพื่อนไปรายงานตัวในข้อหามาตรา 112

แดงใหม่ 4 ภาคไปบ้านสิระ

บรรยากาศที่บริเวณริมถนนใกล้จุดจอดขึ้นลงรถตู้โดยสารหน้าศูนย์อาหารกินซ่า จ.ปทุมธานี หลังเพจ “แนวร่วม แดงก้าวหน้า 63” และแนวร่วมแดงใหม่ 4 ภาค ประกาศทางเพจระดมพลผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เดินขบวนขับไล่เผด็จการ จากโลตัส รังสิตมายังราบ 11 บางเขน กทม. มีมวลชนเข้าร่วมประมาณ 50 คน และมีไปสมทบระหว่างทางด้วย ซึ่งมีการเปลี่ยนเป้าหมายจากราบ 11 ไปศูนย์ราชการแทน

ล่าสุด ไบร์ท ชินวัตร จากกลุ่มราษฎรนนทบุรี เข้าร่วมนำกลุ่มแดงใหม่ 4 ภาค และเปลี่ยนเป้าหมายไปที่บ้านทรงไทยศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พปชร. แทน เพื่อแสดงออกกิจกรรมทางการเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และพื้นใกล้เคียงกว่า 100 นาย สังเกตการณ์ในครั้งนี้ และขบวนแรลลี่ได้เคลื่อนตัวออกจากรังสิตในเวลา 14.40 น. เพื่อเดินทางไปศูนย์ราชการ

ด้านนายสิระให้สัมภาษณ์หลังทราบว่าบ้านตนเป็นเป้าหมายกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ถ้ามาเพื่อแสดงออกกิจกรรมทางการเมืองอยู่บริเวณถนนหน้าบ้านตน ก็ถือว่าอยู่ในพื้นที่สาธารณะ แต่หากบุกรุกเข้ามาบริเวณด้านในบ้าน ตนจะดำเนินการทันที ซึ่งตนไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของใครได้ ขอเตือนว่าอย่าล้ำเส้น ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้กลัวการมาชุมนุมหน้าบ้าน แต่ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียขึ้น เพราะหากรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนบุคคล ด้วยเจตนาปองร้ายต่อตัวหรือทรัพย์สิน ตนสามารถใช้อาวุธป้องกันความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สินได้ตามกฎหมาย

ส่วนที่แยกลาดพร้าว มีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมารวมตัวอย่างต่อเนื่อง กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจอดรถเข็นริมทางเท้า ส่วนหนึ่งวางสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องประชาธิปไตยจำหน่ายบนทางเท้า นอกจากนี้ ‘อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์’ เปิดการแสดงบริเวณหน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพหลโยธิน โดยมีผู้ร่วมชุมนุมนำกระทะมาตีเข้าจังหวะ ด้านรถเสบียงอาหารและน้ำดื่มจอดปักหลักใต้สะพานลอยตรงข้ามห้างสรรพสินค้ายูเนี่ยนมอลล์

ขณะที่กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันนัดหมายรวมตัวบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์แยกราชประสงค์ รถเครื่องเสียงปักธงชาติไทยขนาดใหญ่พร้อมด้วยธงกลุ่มอาชีวะรักสถาบัน จอดเทียบริมทางเดินเท้าริมถนนราชดำริฝั่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้เข้าร่วมส่วนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีเหลือง นำโบสีขาวแดงน้ำเงินผูกบนแขนและศีรษะ บางส่วนสวมใส่เสื้อยืดสีเขียว มีข้อความ ‘นักรบอิสระ ปกป้องสถาบัน’ ตำรวจ สน.ปทุมวัน เข้าพูดคุยกับผู้จัดกิจกรรม ยืนยันว่าได้แจ้งการชุมนุมตามกฎหมายต่อ สน.ปทุมวัน เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกฎหมายตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา 5 มี.ค. เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 5)

รายงานข่าวแจ้งว่า การเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ในหลายพื้นที่รอบกรุงเทพฯ โดยกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 เดินจากโลตัสรังสิตมาที่กรมทหารราบที่ 11 รอ. กลุ่มประชาชนสร้างตัว หรือ “รีเดม” รวมตัวที่ห้าแยกลาดพร้าวเคลื่อนไปศาลอาญา และยังมีการรวมตัวกลุ่มต่างๆ ที่แยกเกษตร กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันที่แยกปทุมวัน อาชีวะไม่เอาเผด็จการรวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ในพื้นที่การชุมนุม 3 จุดคือ กรมทหารราบที่ 11 รอ. จะมีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน ประจำการที่ สน.บางเขน 15 กองร้อย ที่แยกเกษตรอีก 9 กองร้อย และจุดที่ศาลอาญารัชดาภิเษกอีก 5 กองร้อย โดยจุดที่ตำรวจมีความเป็นห่วงคือบริเวณกรมทหารราบที่ 11 เพราะเป็นเขตพระราชฐาน ส่วนกรณีกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ภาคีแดงใหม่ 4 ภาค ประกาศภายหลังให้เปลี่ยนสถานที่ชุมนุมจากที่หน้าราบ 11 เปลี่ยนไปยังศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะบริเวณนั้นมีบ้านของนายสิระ ตำรวจยังคงตรึงกำลังอยู่ที่บริเวณราบ 11 เช่นเดิม 15 กองร้อย แต่เพิ่มกำลังใหม่อีก 5 กองร้อย ไปดูแลบริเวณศูนย์ราชการ และบริเวณหน้าบ้านนายสิระ ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่ากลุ่ม ผู้ชุมนุมจะไปที่จุดใด การวางกำลังบริเวณทหารราบที่ 11 ยังถือเป็นจุดสำคัญ

ขบวนรีเดม – กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนล้นหลาม ในนาม ‘รีเดม’ เดินเต็มท้องถนน เคลื่อนขบวนจากบริเวณห้าแยกลาดพร้าวไปยังศาลอาญา รัชดาภิเษก โดยชูสามนิ้ว เคาะกระทะเป็นจังหวะ พร้อมตะโกนร้องขับไล่เผด็จการไปตลอดเส้นทาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับมือเต็มอัตรา เมื่อวันที่ 6 มี.ค.

พรึบแยกลาดพร้าว

เวลา 17.15 น. บรรยากาศบริเวณแยกลาดพร้าวมีผู้ร่วมกิจกรรมเดินทางเข้าร่วมมากขึ้นตามลำดับ รถกระบะของกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีปักธง ‘REDEM’ จอดปัก หลักบนผิวจราจรหน้าสถานีรถไฟใต้ดินพหลโยธิน กลุ่มแพทย์อาสาเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนขบวน สำหรับการจราจรโดยรอบยังคงสัญจรได้ตามปกติ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศให้ยุติการชุมนุม เนื่องจากเสี่ยงการแพร่กระจายโรคโควิด-19 ประชาชนพากันโห่ไล่พร้อมชู 3 นิ้ว เดินลงผิวจราจรถนนพหลโยธินเข้าหาตำรวจที่ยืนประกาศอยู่ในบริเวณเกาะกลางถนนเจ้าหน้าที่ถอยขึ้นรถตำรวจ ผู้ชุมนุมเดินตามกระทั่งรถเคลื่อนออกจากพื้นที่โดยไม่มีเหตุปะทะ

เวลา 19.00 น. ผู้ชุมนุมเผาขยะหน้าศาลอาญา จากนั้นมีการร่วมกันดับไฟเพื่อความปลอดภัย โดยผู้ชุมนุมยังคงปักหลักบนผิวจราจรหน้าศาลอาญา ร่วมกันตะโกนข้อความต่างๆ อาทิ สันติวิธี, ยกเลิก 112, ปล่อยเพื่อนเรา บางส่วนชูป้ายข้อความต่างๆ อาทิ เราต้องการรัฐสวัสดิการ, การเมืองดีศิลปะเฟื่องฟู และความเท่าเทียมหาได้จากไหนในประเทศไทย เป็นต้น

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจประกาศเตือน ผู้ชุมนุมมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงศาล ครั้งที่ 2 เมื่อ ผู้ชุมนุมพยายามเข้าประชิดรั้วศาล ครั้งที่ 3 เมื่อผู้ชุมนุมเผาเศษกระดาษที่หน้าศาล และครั้งที่ 4 ที่ผู้ชุมนุมปีนฐานรูปหน้าศาล เพื่อติดป้ายสัญลักษณ์เลียนแบบหมายศาล ที่ใช้ชื่อว่า ‘ศาลประชาชน’

ต่อมาเวลา 20.52 น. แกนนำประกาศยุติการชุมนุม โดย ‘อั๋ว’ จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ผู้ชุมนุมแยกย้ายกลับ โดยระบุว่าขณะนี้ปลอดภัยทุกเส้นทาง นอกจากนั้นกลุ่มผู้จัดถือป้ายขนาดใหญ่มีข้อความว่า ‘ยุติชุมนุมแล้ว’ เดินประชาสัมพันธ์รอบบริเวณ ทำให้ผู้ชุมนุมทยอยออกจากพื้นที่ ขณะที่การจราจรฝั่งหน้าศาลอาญาเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ

ตร.รวบ‘โตโต้’การ์ดวีโว่

เวลา 18.00 น. นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” หัวหน้ากลุ่มการ์ดอาสา หรือการ์ด วีโว่ ไลฟ์สดวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพขณะที่มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ พร้อมหน่วยปฏิบัติการอาวุธครบมือเข้ามาควบคุมตัว พร้อมกล่าวในไลฟ์สดว่า ขณะนี้มี เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ พยายามที่จะเข้ามาจับกุมตนพร้อมเพื่อน 4 คนที่บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เมเจอร์ รัชโยธิน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวน 20 นาย พยายามเข้ามาจับกุมตนทั้งที่ไม่มีหมายจับอะไร ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาเพราะอะไร จับเรื่องอะไร ทำอะไรผิด มากินข้าว กำลังจะกลับ อยู่ๆก็มาล้อมผมเพื่ออะไร พี่จะมาห้ามผมไม่ให้ไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดิน เข้ามาขอค้นตัว เสร็จแล้วจึงขอควบคุมตัว โดยไม่บอกว่าจะพาไปไหนอ้างเพียงว่า “จะพาไปคุยกับนาย”

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเจ้าหน้าที่นำนายปิยรัฐพร้อมพวกขึ้นรถควบคุมตัวขับออกจากลานจอดรถ ปรากฏว่ารถควบคุมผู้ต้องหาคันหนึ่งถูกกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายทำลาย และมีการชิงตัวผู้ถูกควบคุมตัวระหว่างทาง ส่วนรถควบคุมตัวผู้ต้องหาอีกคันหนึ่งสามารถขับต่อไปได้ มีรายงานตำรวจได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ‘โตโต้’ ปิยรัฐ แกนนำการ์ดวีโว่ อยู่ที่ใด

เวลา 21.07 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทวีตข้อความว่า ทนายความจากศูนย์ทนายฯ เดินทางไปพบ #การ์ดWevo 14 คน ในรถควบคุมตัวหน้าม.ราชภัฏจันทรเกษม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงการจับกุมที่เกิดขึ้นพร้อมให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ผู้ถูกจับกุมทั้ง 14 คน จะเดินทางไปที่สน.พหลโยธิน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามกระบวนทางกฎหมายต่อไป

ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทวีตข้อความว่า ทีมการ์ดที่ถูกจับกุมหลายสิบคน ถูกแยกขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังเป็น 3 คัน โดยมีคันที่ถูกมวลชนสกัดไว้ ไม่สามารถไปต่อได้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ‘โตโต้’ ปิยรัฐ ถูกจนท.แยกคุมตัวไปคนเดียว และไปถึง บก.ตชด.ภาค 1 แล้ว โดย ‘โตโต้’ ปิยรัฐ แจ้งกับทนายความจากศูนย์ทนายฯว่า มีผู้ถูกจับกุมตัวอยู่ที่ ตชด.ภาค 1 จำนวน 18 คน

เปิดปมจับการ์ดวีโว่

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจับกุมกลุ่มนายปิยรัฐกับพวกรวม 18 คน พร้อมด้วยของกลางที่อยู่ระหว่างตรวจโดยละเอียด เบื้องต้นพบ หนังสติ๊ก 15 อัน, หัวนอต ประมาณ 50 ชิ้น, ลูกแก้ว 300 ลูก, หมวกกันกระแทก 13 ใบ, ระเบิดควัน 30 ลูก, เสื้อเกราะ 10 ตัว, ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน, โล่ทำด้วยวัตถุของแข็ง 1 อัน, ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง, กระเป๋าเป้ 37 ใบ ฯลฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม โดยจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณสี่แยกรัชโยธิน ถ.รัชดาภิเษก แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า 1.ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด- 19 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 15 ลงวันที่ 25 ธ.ค.63 ข้อ 3 และคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มี.ค.63 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินข้อ 3(6) และฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงเรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 5 มี.ค.2564

2.ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ไปสืบสวนสอบสวนขยายผล ที่ควบคุม บก.ตชด.ภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

มารีญาโพสต์ไอจี-อนาคตหดหู่

วันเดียวกัน มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ออกมาโพสต์ อินสตาแกรม โดยรีโพสต์รูปภาพจากบัญชีอินสตาแกรม @padthai.poet เป็นรูปภาพที่ตำรวจทำร้ายผู้ชุมนุมพร้อมข้อความว่า บ้านเมืองถูกแผดเผา ฟูมฟักเนื้อร้าย เหล่าปรสิตชั่วร้าย แอบพรางอยู่อย่างสูงส่ง #Whats HappeningInThailand

มารีญาโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมว่า “ฉันต้องการแบ่งปันเนื้อหาของ @padthai.poet เกี่ยวกับ #WhatsHappeningInThailand (สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย) ..เพราะดิฉันสนับสนุนแนวทางการแสดงออกอย่างสันติและสร้างสรรค์

เมื่อไม่นานนี้ ดิฉันพบว่าเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะแบ่งปันสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น – เพราะดิฉันใช้เวลาทำความเข้าใจมุมมองที่แตกต่างกันทั้งหมด ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวดิฉัน ความ อยุติธรรม และความโหดร้ายที่ยังเกิดขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงเช่นนี้ เพราะเป็นการขัดขวางวิสัยทัศน์ของเราในอนาคต – เรากำลังอยู่ในโลกแบบไหนเมื่ออนาคตเราหดหู่ ดิฉันจะแสดงออกต่อไปจากสถานที่แห่งความสงบและความรัก .. เพราะเป็นสิ่งที่ฉันอยากเห็นในโลกใบนี้ ????…ขอให้อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นไปอย่างสันติ จงปลอดภัย มีไหวพริบ และระวังตัว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน