อานนท์ร่ายจม.
สั่งเสีย-ถ้าตาย
สภาเรียกชี้แจง
อธิบดี-ผบ.คุก

ครช.-คนส.เดินสายยื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรมให้นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ ร้ององค์กรนานาชาติสถานทูตสหรัฐ สหภาพยุโรป นอกจากนี้ ยังขอเข้าพบและยื่นจดหมายต่อข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ และ การแสดงเชิงสัญลักษณ์จากกลุ่มเพื่อนนักโทษทางการเมืองด้วย ทนายอานนท์เขียจดหมายจากคุก พร้อมยอมตายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สั่งเสียให้นำศพวางหน้าศาลอาญา

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม็อบรีเดม ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก นัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 20 มี.ค. เวลา 18.00 น. ที่สนามหลวง และจะยุติในเวลา 21.00 น. โดยระบุว่าเป็นการต่อสู้ของผู้ถูกกดขี่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ร่วมลั่นกลองรบและเคลื่อนพลไปพร้อมกัน สนามราษฎรจะไม่ได้เป็นเพียงที่เผาศพอีกต่อไป มวลชนรีเดมทุกท่านโปรดเตรียมความพร้อมสู้ศึกครั้งนี้ โดยจัดกิจกรรมส่งจดหมายถึงคนสั่งล้มรัฐธรรมนูญ การชุมนุมครั้งนี้ไม่มีแกนนำ ร่วมกันแสดงพลังให้เต็มพื้นที่ นำกิจกรรมมาร่วมกันทำ นี่คือพื้นที่ของประชาชนทุกคน

สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น ได้แก่ การร่วมอ่านจดหมายถึงเพื่อนที่ถูกคุมขังให้สะเทือนถึงก้นบึ้งของหัวใจพวกรับใช้เผด็จการ ไถบอร์ดให้รู้ไปว่าเราลื่นไหลไม่มีทางตัน เล่นว่าวที่สนามราษฎร์ให้ทุกคนรู้ว่าใครๆ ก็สามารถโบยบิน มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และยังมีไฮไลต์กิจกรรมเต้นแอโรบิกแบบฟาดๆ ให้เหงื่อออกตามรูขุมขน ดีกว่าถูกกดขี่ชีวิตอับจน จนน้ำตาล้นออกทางตา

พร้อมกันนี้ ยังย้ำชุดพร้อม เพลงพร้อม คนนำเต้นก็พร้อม แล้วพบกันในวันดังกล่าวที่สนามราษฎร์ ขอให้มาขยับเพื่อแสดงออกว่าพวกเรายังต้องการการปฏิรูป

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ฐานะโฆษกบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าการดูแลสถานการชุมนุมว่า กรณีชุมนุมทางการเมืองที่กลุ่ม REDEM (รีเดม) ประกาศนัดพบกัน วันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้ เวลา 18.00-21.00 น. ที่สนามหลวงนั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดเตรียมกำลังของบก.น.1 และบก.น.6 ที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว ไว้ในการดูแลการชุมนุมบริเวณโดยรอบสนามหลวงตามสถานการณ์ หากกรณีมีความรุนแรงเกิดขึ้นก็จะมีการ นำกำลังเสริมเข้าไประงับยับยั้งไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการข่าวบ่งชี้ว่าจะมีการก่อเหตุคงามรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีการพับเครื่องบินกระดาษเพื่อร่อนเข้าไปยังพื้นที่เขตหวงห้ามนั้น พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เบื้องต้นอาจจะต้องป้องกันโดยมีการวางตู้คอนเทนเนอร์ไว้บริเวณพื้นที่สำคัญที่เป็นสถานที่ราชการและพื้นที่เขตหวงห้ามที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงจัดกำลังเพื่อเฝ้าระวังโดยรอบเพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ต้องมีการประชุมเพื่อหารือการดำเนินการต่างๆ อีกครั้งจากการประเมินสถานการณ์ รวมถึงการพิจารณาวางแผนในการปิดถนนโดยรอบหากมีการชุมนุมบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ การลงพื้นที่การชุมนุมถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ระมัดระวังการกระทำต่างๆ ที่ผิดกฎหมาย เพราะอาจถูกดำเนินคดีภายหลัง

ขณะที่มีรายงานอีกด้วยทางบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังทั้งสิ้นประมาณ 21 กองร้อย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณรอบพื้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนกรณีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีความคิดเหตุต่างนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 มี.ค. เวลา 11.00 น.ต่อไป








Advertisement

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน นายนรเศรษฐ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พากลุ่มการ์ด วีโว่ 25 คน ที่ถูกจับกุมบริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าเมเจอร์รัชโยธิน เมื่อวันที่ 6 มี.ค. เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในคดีการชุมนุมกับ พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมคณะพนักงานสอบสวน

นายนรเศรษฐกล่าวว่า วันนี้พากลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมบริเวณลานจอดรถเมเจอร์รัชโยธิน มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาอั้งยี่, ซ่องโจร, ความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ รวมทั้งหมด 25 คน มาเข้าพบพนักงานสอบสวน หลังคืนวันเกิดเหตุได้พากลุ่ม คนเหล่านี้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ สน.พหลโยธิน ว่าไม่ได้หลบหนี หลังมีการสกัดกั้นรถควบคุมผู้ต้องหา แต่วันนั้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ตำรวจจึงปล่อยตัวผู้ถูกจับกลับบ้าน กระทั่งมีหมายเรียกให้เข้ามารายงานตัวในวันนี้

ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ แถลงกรณีที่วันที่ 17 มี.ค. ตัวแทนกลุ่มคลับเฮาส์เพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือต่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะ กมธ. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล กรณีนายอานนท์เขียนจดหมายระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ในเรือนจำพยายามนำตัวแกนนำที่ถูกคุมขังออกจากห้องขังในยามวิกาล ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัย และถือเป็นการคุกคามต่อผู้ต้องหา ว่า ทางคณะ กมธ. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร และกรรมการสิทธิมนุษยชน มาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ในยุคที่ประเทศไทยที่อำนาจของคณะรัฐประหารยังครอบคลุมถึงแม้จะมีการเลือกตั้งไปแล้วหนึ่งครั้ง และผู้ต้องหาทางการเมืองมีความเห็นต่างจากรัฐบาลเหมือนจะถูกคุกคาม และเข้าไปอยู่ในเรือนจำของฝ่ายที่รัฐบาลมีอำนาจเป็นเรื่องที่อันตราย เราจำเป็นที่จะต้องปกป้อง” นายธีรัจฉัยกล่าว

นายธีรัจฉัยกล่าวต่อว่า รวมถึงได้ขอเอกสารสำคัญต่างๆ ประกอบการพิจารณา เช่น บันทึกรายงานของกรมราชทัณฑ์ คลิปวงจรปิดใน วันเกิดเหตุ และคำสั่งที่ให้แกนนำที่ถูกคุมขังไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในยามวิกาล เป็นต้น ว่าเป็นการปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ คณะ กมธ. จะดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นรูปธรรม และจะทำหน้าที่ของคณะ กมธ. อย่างเต็มความสามารถโดยจะขยายผลเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนต่อไป

วันเดียวกัน เฟซบุ๊กอานนท์ นำภา โพสต์ข้อความระบุว่า ข้อความฝากจากเรือนจำ 18 มี.ค.64 วันนี้ผมยังไม่ตาย แต่การอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญเท่ากับการอยู่อย่างมีประโยชน์หรือตายอย่างมีคุณค่า ถ้าการอยู่ในเรือนจำแล้วทำให้เห็นถึงความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทย ผมก็ยินดี หรือถ้าต้องตายภายในเรือนจำ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ถือว่าคุ้มค่า

ถ้าผมตายไป ศพของผมให้นำใส่โลงศพไม่ต้องห่อด้วยถุงพลาสติก ไปวางไว้หน้าศาลอาญาบนถนนรัชดาภิเษก เมื่อเลือดและน้ำหนองของผมไหลออกมาก็ปล่อยให้มันเจิ่งนองบนถนนรัชดา รอให้รถของคนที่มีส่วนทำให้ผมตายวิ่งมาเหยียบมันและกลับไปที่บ้าน เมื่อนั้นเลือดและน้ำหนองของผมจะไหลปนออกมากับน้ำที่เขาอาบและเมื่อเขากินข้าวหรือกาแฟ เลือดและน้ำหนองของผมก็จะอยู่ในนั้น

วิญญาณของผมจะติดตามเขาไปทุกที่ กลิ่นสาบของผมจะติดตามชุดเครื่องแบบของพวกเขา และวิญญาณของผมจะทอดร่างอยู่ใต้โต๊ะทำงานของพวกเขาเหล่านั้นไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ผมจะได้เกิดใหม่และถ้าผมเกิดใหม่แล้วเมืองไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ผมขอเกิดมาบนแผ่นดินไทยและขอเกิดเป็นลูกชาวนาอีกครั้ง เรียนกฎหมาย และกลับมาต่อสู้ร่วมกับพี่น้องจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ “ขอให้เจอมิตรสหายที่ดีอย่างเช่นทุกวันนี้” จนกว่าเราจะพบกันอีก

อานนท์ นำภา ห้อง 7 แดน 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 18 มีนาคม 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 19 มี.ค. เวลา 13.00 น. น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วยทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม จะเข้ายื่นหลักฐานสำคัญที่เคยส่งให้ศาลชั้นต้นแห่งกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว กับอัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ น้องชายถูกประทุษร้ายและบังคับสูญหายระหว่างอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยการเข้าพบอัยการครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก หลังกลับจากกัมพูชา เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเกี่ยวกับการสูญหายของนายวันเฉลิม

ก่อนหน้านี้ น.ส.สิตานันได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงอัยการสูงสุด ให้สอบสวนคดีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม แต่เมื่อทางการกัมพูชาได้แจ้งว่า นายวันเฉลิมไม่ได้หายไปในขณะที่อยู่ในประเทศกัมพูชา ทางอัยการสูงสุดจึงได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว ดังนั้น ในการเข้าพบอัยการสูงสุดครั้งนี้ น.ส.สิตานันจะนำส่งพยานหลักฐานและ ข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อยืนยันว่า นายวันเฉลิมถูกบังคับให้สูญหายไป ขณะที่อยู่ในกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 ดังที่ได้ให้ถ้อยคำและพยานหลักฐานไว้แก่ ศาลชั้นต้นแห่งกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 8 ธ.ค. 2563 เพื่อให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานอัยการสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน(ครช.)ร่วมกับองค์กรเครือข่าย ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเพื่อนนักกิจกรรมของเราที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ โดยกิจกรรมยื่นหนังสือต่อองค์กรนานาชาติ ในวันศุกร์ที่ 19 มี.ค. เวลา 10.00 น. เข้าพบและยื่นจดหมายต่ออุปทูต สถานทูตสหรัฐอเมริกา เวลา 11.30 น. เข้าพบและ ยื่นจดหมายต่อที่ปรึกษาทางการเมือง สหภาพยุโรป เวลา 14.00 น. เข้าพบและยื่นจดหมายต่อข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ และการแสดงเชิงสัญลักษณ์จากกลุ่มเพื่อนนักโทษทางการเมือง เพื่อนเราเป็นนักสู้ ไม่ใช่นักโทษ #ปล่อยเพื่อนเรา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน