ยางบึ้มไฟพึ่บ!
เจ็บอีก12ราย
สายอุดร-กทม.
สถิติอุบัติเหตุ
รวม3วันดับ110

สงกรานต์สลด รถทัวร์ไหม้ คลอกดับ 5 เจ็บอีก 12 เหตุสยองขอนแก่น คนขับเผยยางบึ้มก่อนเกิดไฟลามห้องเครื่อง รีบจอดเรียกผู้โดยสารลง แต่ไม่ทัน เจอข้อหาขับรถประมาททำคนอื่นเจ็บตาย ‘ตู่’ ส่งกระเช้าเยี่ยมคนเจ็บ ประกันเตรียมจ่ายคนเจ็บ-ตายรายละ 1.1 ล้าน ส่วนอุบัติเหตุทั่วไทย แค่ 3 วัน เสียชีวิต 110 เมาขับโดนแล้ว 1,925 คดี

สงกรานต์ดับอีก 54

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เม.ย.ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด” เกิดอุบัติเหตุ 388 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 54 ราย ผู้บาดเจ็บ 373 คน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 30.15 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 28.35 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 87.63 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 58.25 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.08 ถนนในอบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.51 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 30.15 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.74

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,896 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 59,079 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 343,703 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 65,929 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 18,210 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 16,553 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรี ธรรมราช (22 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สกลนคร สุพรรณบุรี (จังหวัดละ 4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรี ธรรมราช (21 คน)

ผ่าน 3 วันตายแล้ว 110 ราย

นายอรรษิษฐ์กล่าวต่อว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (10-12 เม.ย.) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,090 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 110 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,099 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 25 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช 49 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี 6 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 52 คน

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดี ปภ. ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ในวันนี้คาดว่าจะมีการใช้รถใช้ถนนบนเส้นทางสายรอง โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอ อบต.และหมู่บ้านมากขึ้น จึงได้ประสานจังหวัดใช้กลไกในระดับพื้นที่ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน จิตอาสาเน้นการดูแลและป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเพิ่มความเข้มข้นในการจัดตั้งด่านชุมชนบริเวณจุดเสี่ยงที่มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เน้นการเรียกตรวจยานพาหนะและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการกวดขันพฤติกรรมการดื่มแล้วขับ การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ และการใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงบังคับใช้กฎหมายจราจรและกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี ท้ายนี้ขอฝากเตือนประชาชนใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย อีกทั้งร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ด้วยการรด ริน พรมน้ำ และไม่สาดน้ำใส่กัน โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข (DMHTT) เพื่อให้ทุกการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีความปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19

เมาขับจับได้ 1,925 คดี

วันเดียวกัน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่สามของการควบคุมเข้มงวดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สถิติคดีเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติจำนวนทั้งสิ้น 1,406 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถในขณะเมาสุรา 1,398 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.43 คดีขับเสพ 8 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.57 ยอดสะสม 3 วัน ตั้งแต่ 10-12 เม.ย. รวม 1,935 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถในขณะเมาสุรา 1,925 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.48 คดีขับเสพ 10 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.52 โดยศาลสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไลอีเอ็ม ในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุรา 7 ราย ยอดสะสม 3 วันขยับเป็น 8 ราย จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราสะสม 3 วัน สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดสมุทรปราการ 154 คดี อันดับสองจังหวัดชัยภูมิ 140 คดี และอันดับสามจังหวัดอุบลราชธานี 120 คดี

สยอง5ศพ – เหตุไฟไหม้รถทัวร์โดยสารบริษัท 407 พัฒนา จำกัด ขณะมุ่งหน้าหมอชิต กทม. มีผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 12 คน ในพื้นที่ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น คนขับอ้างยางล้อระเบิด เมื่อ 13 เม.ย.

รถทัวร์ไหม้คลอกดับ 5

เวลา 00.48 น. วันเดียวกันนี้ สภ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น รับแจ้งเกิดเหตุบนถนนมิตรภาพ ก.ม. 319 ต.โนนสมบูรณ์ เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้นไหม้ มีผู้ติดค้างอยู่ภายในรถหลายราย เจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำสกัดกั้นไม่ให้เพลิงลุกลาม แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้รถทัวร์เสียหายทั้งคัน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ภายในรถคันดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 5 ราย ติดอยู่บริเวณชั้น 2 เป็นเด็ก 2 คน ผู้ใหญ่ 3 คน นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 12 คน

สำหรับรถทัวร์โดยสาร ทะเบียน 10-7387 อุดรธานี คันที่เกิดเหตุเป็นของบริษัท 407 พัฒนา จำกัด เดินทางออกมาจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจ.อุดรธานี ปลายทางอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต กรุงเทพฯ มีผู้โดยสารรวมพนักงาน 33 คน ก่อนจะเกิดเพลิงลุกไหม้ โดยพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแฮด ลงพื้นที่เก็บหลักฐาน โดยเฉพาะยางล้อรถทัวร์โดยสารที่เกิดระเบิดในเขตพื้นที่ต.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น ก่อนจะมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ต.โนนสมบูรณ์ ซึ่งจุดที่ยางระเบิดและจุดที่เกิดเพลิงไหม้อยู่ห่างกันเพียง 200 เมตร ส่วนสาเหตุนั้นขณะนี้รอเจ้าหน้าที่วิศวกรทางกรมขนส่งทางบก และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 4 เดินทางมาตรวจสอบอีกครั้ง โดยรถทัวร์คันดังกล่าวได้ตรวจสภาพรถเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งยางรถก็มีการเปลี่ยนใหม่เช่นกัน

เผยยางบึ้มก่อนลามทั้งคัน

พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.ขอนแก่น เดินทางมาติดตามความคืบหน้าโดยตรวจดูซากรถทัวร์ที่นำมาเก็บไว้ด้านหลังอาคารสภ.บ้านแฮด เพื่อรอให้ผู้เชี่ยวชาญได้มาตรวจสอบรายละเอียด เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า เบื้องต้นผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลสิรินธร และโรงพยาบาลขอนแก่น ส่วนผู้โดยสารอีก 16 ราย เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว ส่วนรถคันที่เกิดเหตุเข้าตรวจสอบสภาพเมื่อปลายเดือนมี.ค. 2564 ที่ผ่านมา และเปลี่ยนยางช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ในส่วนนี้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางขนส่งต่อไป

พล.ต.ต.พุฒิพงศ์กล่าวต่อว่า ในส่วนพนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายพัศดี คำคอน อายุ 48 ปี พนักงานขับรถทัวร์ โดยหลังเกิดเหตุได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดก็ไม่พบ และได้แจ้งข้อกล่าวหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบหาสาเหตุต่างๆ หากพบเข้าข่ายความผิดใดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมภายหลัง

จากการสอบสวนนายพัศดีให้การว่า ขณะที่ขับรถทัวร์จากจ.อุดรธานี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ล้อหลังด้านหลังคนขับเกิดระเบิดก่อนที่จะเกิดประกายไฟขึ้น จึงขับรถเข้าข้างทาง จากนั้นเปิดประตูให้ผู้โดยสารลงระหว่างนั้นเกิดระเบิดขึ้นจากด้านหลังรถ และมีไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนลงจากรถไม่ทันจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยรถคันนี้ติดตั้งแก๊สเอ็นจีวี

เยียวยาคนเจ็บ-ตายรายละ 1.1 ล.

ที่ร.พ.สิรินทร นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำกระเช้าจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมและมอบให้กับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถทัวร์ โดยผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล สิรินธร 3 ราย ถูกไฟไหม้ที่แขน ใบหน้า และใบหู อาการโดยรวมอยู่ในขั้นปลอดภัยเฝ้าระวังแผลติดเชื้อ พร้อมทั้งพูดคุยและให้กำลังใจกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวด้วย พร้อมทั้งยืนยันให้การช่วยเหลือทุกครอบครัวตามสิทธิเต็มที่ ซึ่งทางคปภ.และบริษัทประกันภัยรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันและสรุปค่าเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตรายละ 1.1 ล้านบาทตามสิทธิที่จะได้รับจากประกันภัยและพ.ร.บ.รถ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะนี้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายคือ น.ส.สุกัญญา เกดหอม อายุ 20 ปี ส่วนที่เหลืออีก 4 รายยังไม่ทราบชื่อ อายุ และที่อยู่

ขณะที่สำนักงานขนส่งจ.ขอนแก่น ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเรียกผู้ประกอบการขนส่งและผู้ขับรถมาชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกจะได้พิจารณาลงโทษขั้นสูงสุดในทุกกรณีความผิดต่อไป ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุได้ให้สำนักวิศวกรรมยานยนต์และสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบกประชุมทางไกลร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่น และได้จัดส่งทีมสืบสวนจากส่วนกลางลงพื้นที่เพื่อประมวลสอบสวนอุบัติเหตุเชิงลึกเพิ่มเติมต่อไป

ผู้โดยสารเผยนาทีชีวิต

ด้านนายปัญจพล ภาคสังข์ อายุ 19 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าวินาทีของอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า ขึ้นรถมาจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจ.อุดรธานี เพื่อที่จะเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยตนเองอยู่ที่ชั้น 2 บริเวณกลางรถ โดยตนเองหลับและมารู้สึกตัวตอนที่รถทัวร์เข้าไปเติมก๊าซเอ็นจีวี ที่บ้านสำราญ อ.เมืองขอนแก่น จากนั้นวิ่งมาบนถนนมิตรภาพ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงยางล้อรถระเบิด ไม่นานได้ยินเสียงระเบิดจากท้ายรถ หันไปเห็นเปลวไฟกำลังลุกไหม้ พร้อมกับกลิ่นก๊าซที่เหม็นมาก จึงได้วิ่งลงมาจากรถทัวร์และก่อนจะวิ่งเข้าป่าข้างทาง และยังได้ยินเสียงระเบิดอีก 1 ครั้ง ต่อจากนั้นรถทัวร์ไฟลุกท่วมก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมารับตัวไปส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว

นางมัชฌิมา พรหมโคตร อายุ 47 ปี ชาวต.หนองเม็ก อ.หนองหาร จ.อุดรธานี 1 ใน ผู้รอดชีวิต กล่าวว่า จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยนั่งอยู่ด้านหลังคนขับ โดยนอนหลับมาตลอดทาง ก่อนที่จะได้ยินเสียงระเบิดดังตูมแล้วรถก็สั่น ส่ายไปมา จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็เห็นมีประกายไฟในรถบริเวณโซนหลังรถ พยายามจะออกทางประตูปกติแต่พอเปิดประตู พบว่ามีแก๊สพุ่งเข้ามาจึงรีบปิด ในใจคิดว่าต้องตายแน่ แต่มีชายคนหนึ่งมีสติ สำรวจรอบๆ จนเห็นทางออกฉุกเฉินในห้องคนขับ จึงพากันรีบปีนออกมาได้อย่างหวุดหวิด ในส่วนคนอื่นๆ ตนเองไม่ทราบว่าชุลมุนกันขนาดไหน รู้แค่ว่าสามารถออกมาได้แล้วก็เกิดไฟไหม้รถทั้งคัน

ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบเหตุไฟไหม้รถทัวร์แล้ว พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับให้หน่วยงานเร่งดูแล และให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่และดูแล ผู้บาดเจ็บให้ดีที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน