อ๋อยปลุกสังคม
กดดันตู่แก้รธน.
เอ๋แจกขันป้อม

‘จาตุรนต์’ ปลุกกระแสสังคมกดดัน ‘ประยุทธ์’ ส่งสัญญาณ ส.ว.ลุยแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อร่างฉบับ พปชร.สร้างปัญหา เตือนฝ่ายค้าน ระวังถูกหลอกให้หนุน ‘ไพบูลย์’ โวร่างแก้ไขพรรคพลังประชารัฐเป็นทางออก มั่นใจผ่านฉลุย อ้างตัดอำนาจส.ว. แค่เรื่องชิงอำนาจ ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ‘ชัยวุฒิ’ ยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ‘อนุทิน-วิโรจน์’ โต้เดือด ปมประสิทธิภาพวัคซีนโควิด ‘ยิ่งลักษณ์’ โพสต์วันสงกรานต์ เศร้าใจรัฐบาลแก้ปัญหาโรคระบาดล่าช้า ทำเนียบผวา สั่งเจ้าหน้าที่เวิร์กฟรอมโฮม จำกัดนักข่าวเข้าปฏิบัติหน้าที่ กำหนดโควตาสำนักละ 1 คน

อ๋อยปลุกสังคมกดดันพรรคร่วม

วันที่ 13 เม.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ กล่าวกรณีสภาหวิดล่ม จนร่างพ.ร.บ. ออกเสียงประชามติต้องค้างการพิจารณา ว่า ทั้ง ส.ส.ซีกรัฐบาลและ ส.ว.ต่างฉวยโอกาสที่สถานการณ์โควิด-19 เข้มข้นขึ้น ใช้เป็นข้ออ้างยื้อเวลาออกไป ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว.ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรม นูญ นอกจากมาตราที่ตัวเองได้ประโยชน์ ดังนั้นพวกเขา จึงไม่ต้องการให้มีการทำประชา มติ เพื่อนำไปสู่การมี ส.ส.ร.เพื่อร่างฉบับใหม่

อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ประชามติที่กำหนดเรื่องของ double majority โดยผู้มาใช้สิทธิต้องมากกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือต้องมีคนมาลงคะแนนเกิน 25 ล้านคน ถือเป็นอีกเงื่อนไขที่ทำให้การทำประชามติอาจไม่ผ่าน และแม้ว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติจะผ่าน การพิจารณาของรัฐสภา ก็ต้องมาดูว่าใครจะเป็นผู้เสนอให้ทำประชามติ และเมื่อทำประชามติสอบถามประชาชนแล้วจะมีผลกับร่างรัฐธรรม นูญใหม่ทันทีหรือไม่ หรือรัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่จะให้มีการ ร่างใหม่หรือไม่ และจะเห็นชอบกับร่างใหม่หรือไม่ ท้ายที่สุดก็จะกลับมาสู่การพิจารณาของ ส.ส.ซีกรัฐบาลและ ส.ว.อีก ซึ่งโดยภาวะปกติพวกเขาก็ไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ อยู่แล้ว เพื่อให้มีอำนาจเต็มที่ ยังไม่นับกรณีหากมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแก้ไขบางมาตราอาจขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่

“ดังนั้นสังคมจำเป็นต้องส่งแรงกดดันไปยัง ส.ส.ฝั่งรัฐบาลและ ส.ว. วิธีที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายคือต้องร่วมกันกดดันพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ไปกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แก้รัฐธรรมนูญตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องไปพูดกับ ส.ว.เพื่อเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ” นายจาตุรนต์กล่าว

เตือนฝ่ายค้าน-กับดัก‘พปชร.’

นายจาตุรนต์กล่าวว่า ในระหว่างที่ยังไม่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดที่เสนอโดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะเป็นประเด็นร้อน สร้างปัญหาทางการเมืองอีกรูปแบบ แต่จะสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้กับระบอบสืบทอดอำนาจ เพราะมีบางประเด็นที่ล่อหลอกฝ่ายค้านให้สนับสนุน เช่น ม.185 ให้ ส.ส.สามารถประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานรัฐ หรือเรื่องของการใช้งบประมาณ หรือเรื่องของบัตรเลือกตั้งสองใบ เรื่องใหญ่อยู่ที่การให้ ส.ส.ประสานกับ ส.ว.เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ หากมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง อาจเกิดการจับมือระหว่าง ส.ส.และ ส.ว.ล้มรัฐบาลทั้งชุดได้ง่ายๆ โดยอาศัยช่องนี้

หากฝ่ายค้านสนับสนุนร่างของ พปชร. เท่ากับไปหนุนการสืบทอดอำนาจ ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่ พปชร.ระบุว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้อยู่บริหารประเทศถึง 6 ปี เท่ากับเป็นการวัดความอดทนของสังคมว่าจะทนได้อีกแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ประเทศจะเสียหายอีกมาก

ไพบูลย์โต้-มั่นใจร่างพปชร.ฉลุย

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้า พปชร. กล่าวตอบโต้นายจาตุรนต์ ที่ระบุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพปชร. เป็นประเด็นร้อน สร้างความเข้มแข็งให้ระบอบการสืบทอดอำนาจ ว่า เขาก็พยายามปลุกปั่น บิดเบือน อยู่ตลอด พปชร.ทำอะไรเขาก็หาเรื่องมาโจมตี ร่างของ พปชร.มีความจริงใจและจริงจังที่สุด ในร่างชัดเจนว่ามีเรื่องช่วยเหลือประะชาชนและเป็นประโยชน์กับประชาชน และส.ส.โดยรวม เขาหาเรื่องเพราะไม่อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ริเริ่มโดย พปชร.ประสบความสำเร็จ กลัวว่าถ้าสำเร็จแล้วหลายสิ่งที่เขาพูดโจมตีพปชร.จะเป็นการใส่ความ

“กลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยมักใช้การพูดจา ใช้วาทกรรม แต่ไม่เคยทำอะไรเป็นจริงเป็นจัง และไม่เคยทำอะไรได้เลย แตกต่างจากพปชร. โดยเฉพาะผมที่เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญดี ยืนยันว่าสิ่งที่ พปชร.เสนอคือทางออกของประเทศ ขอให้รอดูผลการพิจารณาในรัฐสภาน่าจะดีกว่า ที่สุดก็จะผ่านวาระสามแล้วประกาศใช้ แทนที่จะมาโต้ด้วยวาจาที่มีแต่ลมปาก” นายไพบูลย์กล่าว

ตัดอำนาจส.ว.ไม่ใช่เรื่องใหญ่

ที่มองว่าร่างของพปชร. ไม่ได้ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยนั้น แล้วแต่คนมอง การเสนอแก้เรื่องเรื่องสิทธิและกระบวนการยุติธรรม ตนเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ และไม่เห็นว่าการเสนอแก้มาตรา 272 ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ เป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน เพราะเป็นเรื่องของการชิงอำนาจรัฐเท่านั้น หรือเห็นเฉพาะเรื่องของตัวเองเป็นเรื่องใหญ่

ส่วนที่ร่างพ.ร.บ.ประชามติต้องค้างในสภา แล้วกล่าวหารัฐบาลยื้อแก้รัฐธรรมนูญนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ประชามติ เดิมการพิจารณาต้องแล้วเสร็จวันที่ 7 เม.ย. แต่ฝ่ายค้านก็อภิปรายเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ร่างพ.ร.บ.ประชามติไม่ผ่านเป็นความรับผิดชอบของใคร ส.ส.รัฐบาลก็ไม่ได้อภิปราย ฝ่ายค้านต่างหากที่เป็นคนใช้เวลาเสียหายมาก มัวแต่อภิปราย สมาชิกเขาก็ห่วงสุขภาพเรื่องโควิด

คำถามคือฝ่ายค้านอยากให้ผ่านหรือไม่ ถ้าอยากให้ผ่านก็อย่าพูดเยอะ ฟุ่มเฟือย อภิปรายซ้ำซาก ฝ่ายค้านต้องมองตัวเองด้วย เพราะทุกคนอยากให้ผ่าน และไม่ใช่ว่าพอร่างพ.ร.บ. ประชามติผ่านแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำได้ ดังนั้นอย่ามาใส่ความกัน และบิดเบือนโดยวิธีนี้ เมื่อเปิดสมัยประชุมสามัญนัดแรกก็ประชุมเลย แป๊บเดียวก็เสร็จ จึงขอฝ่ายค้านให้ความร่วมมือด้วย

ไอติมฉะตู่ไม่จริงใจแก้รธน.

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือไอติม ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า แกนนำกลุ่ม Re-Solution กล่าวถึงท่าทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลช่วงหลังสงกรานต์ ว่า ดูจาก 3 ส่วน 1.ความจริงใจของกลุ่มส.ส.พปชร. และส.ว.ยื้อเวลาหลายครั้ง หยิบยกสารพัดข้ออ้างมาคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.อยากเห็นความกล้าหาญพรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทยที่พร้อมจะยืนยันว่ารัฐธรรมนูญต้องได้รับการแก้ไข และกล้าเอาการอยู่ต่อในรัฐบาลเป็นเดิมพันขับเคลื่อนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพูดเสมอว่าเป็นหนึ่งในเงื่อนไขร่วมรัฐบาล แต่พอมาถึงจุดสำคัญสองพรรคยังไม่เคยกล้าออกมาพูดชัดเจนว่า ถ้าไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญจะถอนตัวจากรัฐบาล และ 3. พล.อ.ประยุทธ์ จะเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ ที่มักอ้างเป็นเรื่องของสภา นายกฯเข้าใจผิด เราอยู่ในระบบรัฐ สภาไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ดังนั้นฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติแยกออกจากกันไม่ได้อยู่แล้ว

“นายกฯมีพรรคที่มีเสียงข้างมากในสภา บวกกับส.ว.ที่ตัวเองแต่งตั้ง จะบอกว่าตัวเองขับเคลื่อนให้ไม่ได้ ผมว่ามันไม่จริงใจ แถมนายกฯเองเคยประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน แต่ไม่เห็นความพยายามที่จะออกมาชี้แจงให้ชัดถึงไทม์ไลน์และกรอบเวลาการแก้รัฐธรรมนูญ พอมีคนถามโบ้ยความรับผิดชอบ” นายพริษฐ์ กล่าว และว่า 3 ส่วนนี้ ต้องการความจริงใจจากส.ส.พปชร. และส.ว. ความกล้าหาญของพรรคร่วมรัฐบาล และความรับผิดชอบของนายกฯ หาก 3 สิ่งที่ตนเสนอยังไม่เกิดขึ้น ยุบสภาก่อนโดยยังไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่ทางออก สิ่งที่ต้องระวังคือความพยายามของ พปชร. นำโดยนายไพบูลย์ พยายามเสนอแก้รายมาตรา 5 ประเด็น นอกจากไม่แตะต้นตอปัญหาเรื่องโครงสร้างที่มาอำนาจส.ว.แล้ว ยังมีของแถมแก้ระบบเลือกตั้งเพื่อให้ประโยชน์แก่พรรคตนเองด้วย จะถูกใช้เป็นข้ออ้างว่ามีการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราแล้ว

พรรคร่วมรัฐบาลเหนียวแน่น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หลังนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุรัฐบาลปัญหารุม ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเว้นระยะห่าง ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่เหมือนเดิม การทำงานต่างๆ ยังคงร่วมกันแก้ปัญหาด้วยดีโดยเฉพาะเรื่องโควิดที่กำลังระบาด ไม่ได้มีความแตกแยกใดๆ เกิดขึ้น

เมื่อถามว่านายชัยธวัชตั้งข้อสังเกตเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา เว้นระยะห่าง นายชัยวุฒิกล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจมีความเห็นไม่ตรงกันนั้นเป็นเรื่องความเห็นของแต่ละพรรค พรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ซึ่งประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาล นายกฯบอกแล้วว่าเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเรื่องของสภาดำเนินการ เชื่อว่าจะหาข้อยุติกันได้ และยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังทำงานร่วมกันเหนียวแน่นเช่นเดิม

พปชร.ย้ำลุยถกใหญ่

แหล่งข่าวจากพปชร. เผยว่า กำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2564 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เบื้องต้นนี้ยังคงเป็นวันที่ 18 เม.ย.เช่นเดิม โดยใช้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด หลังจากนี้คงต้องจับตาดูสถานการณ์โควิด-19 อีกประมาณ 2-3 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ส่วนวาระการประชุมนั้นเป็นวาระตามที่ กกต.กำหนด ส่วนวาระอื่นยังไม่มีการแจ้งอะไรออกมา

ทำเนียบเวิร์กฟอร์มโฮม

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือเวียนด่วนที่สุดถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) แจ้งว่า เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ขอให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สปน. ปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ต่อเนื่องระหว่างวันที่ 16- 30 เม.ย. (จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90) โดยงานส่วนบริการประชาชน การประชุมตามกฎหมายขอให้ดำเนินการประชุมผ่านระบบทางไกล หรือตามแนวทางที่เหมาะสม งานรับเรื่องราวร้องทุกข์และขึ้นทะเบียนองค์กรผู้บริโภคขอให้ดำเนินการผ่านช่องทางโทร.สายด่วน 1111 การส่งทางไปรษณีย์ เว็บไซต์และระบบออนไลน์

ขณะที่เลขาธิ สมช. ได้แจ้งมาตรการดังกล่าวให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สมช.รับทราบเช่นกัน

จำกัดโควตานักข่าวเข้าพื้นที่

น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ แจ้งผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวทำเนียบ ว่า สำนักโฆษกจึงต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในทำเนียบ โดยนำแนวทางของ ศบค.เป็นหลัก ดังนี้ 1.มาตรการเวิร์กฟอร์มโฮม อย่างเข้มข้น จนถึง 30 เม.ย.เพื่อลดการใกล้ชิด สัมผัส จึงขอให้สื่อจำกัดการเข้ามาปฏิบัติงาน ดังนี้ 1.1 สื่อทีวี อนุญาต 1 ทีม 1.2 สื่ออื่นๆ สังกัดละ 1 คน ขอให้แต่ละสังกัดส่งรายชื่อสื่อที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในรอบสัปดาห์ล่วงหน้า เริ่มวันศุกร์ที่ 16 เม.ย.นี้ 2.เคร่งครัดการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตรวจอุณหภูมิ เว้นระยะห่างทุกกรณี 3.งดรุมสัมภาษณ์ทุกกรณี 4.กรณีสั่งของหรืออาหารมาจากภายนอก ผู้สั่งต้องออกไปรับในจุดที่จัดไว้ และ 5.ผู้เคยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงให้งดเข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบอย่างเคร่งครัด

เด้งผกก.ทองหล่อโยงตู่

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ประธานคณะกรรมการฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเด้ง ผกก.สน.ทองหล่อ กรณีปล่อยปละละเลยจนมีการติดโควิดในผับย่านทองหล่อว่า พอเกิดปัญหาสังคมก็ต้องการหาผู้รับผิดชอบ และเมื่อเรายังไม่มียารักษา การป้องกัน ความรับผิดชอบของคนและการทำตามกฎหมายจึงต้องเคร่งครัด ประเด็นที่พบคือสถานบริการที่เปิดไม่ได้รับการอนุญาต และความรับผิดชอบในการอนุญาตคือ ผบช.น. ถ้า ผบช.น.จะโยนความรับผิดชอบให้ตำรวจพื้นที่ก็จะเป็นไปตามลำดับที่ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เรามีปัญหาจำเจมาก คือเมื่อเกิดปัญหาก็จะโยนไปที่ตำรวจแต่รากเหง้าของปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข การย้ายตำรวจเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ จริงๆ แล้วรัฐบาลไม่จริงจัง ที่สำคัญคือการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่ในมือผู้บังคับบัญชาอย่างเดียว ไม่ให้ประชาชนเข้ามาถ่วงดุล และประเมินผลในการแต่งตั้ง ที่ไหนที่มีการเปิดสถานบริการมาก ต้องใช้เส้นสายในการเข้าไปนั่งในพื้นที่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ปฏิเสธความรับผิดชอบทุกเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เลย

อนุทินโต้เดือดโฆษกก้าวไกล

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้แชร์ข้อความของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.และโฆษกพรรคก้าวไกล ที่ทวีตข้อความว่า “โคตรพีค!!! ทราบมาว่า คนที่ตามด่าผม และเถียงแทนรัฐบาลอยู่ตลอดว่า พล.อ. ประยุทธ์ และคุณอนุทิน บริหารวัคซีนดีแล้ว ควบคุมการระบาดดีอยู่แล้ว ปรากฏว่าเขาติด #โควิด19 ตอนนี้กำลังโกลาหลกันทั้งบ้าน วุ่นวายกันทั้งบริษัท”

นายอนุทินได้แชร์ทวีตดังกล่าว พร้อมโพสต์ข้อความสวนกลับว่า “โคตรพีค เรื่องอะไร? ได้ข่าวคนติดโควิด แล้วโคตรพีค? หัวใจทำด้วยอะไร? นี่หรือผู้แทนปวงชนชาวไทย? ด่านายกฯ ว่ารัฐมนตรี ตำหนิหมอและบุคลากรสาธารณสุข ทำไปเถอะ แต่อย่าออกมาสมน้ำหน้าประชาชนที่เขาติดเชื้อเลย มีพรหมวิหารสี่บ้างนะ เป็นผู้แทนของคนน่ะ #กราบอกไม่ต้องกราบเท้า”

วิโรจน์ตอกกลับ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวตอบโต้ว่า แนะนำนายอนุทินว่าควรเอาเวลาไปคิดบริหารจัดการความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนดีกว่า ว่าจะเอาอย่างไรกับวัคซีนซิโนแวค เพราะมีผลวิจัยว่ามีประสิทธิภาพต่ำกับโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ทางการจีนเองก็ยอมรับ เดิมสั่งซื้อซิโนแวค 2 ล้านโดส มีข่าวว่าเจรจาสั่งซื้อเพิ่ม 5 ล้านโดส ไม่ทราบระงับหรือชะลอซื้อได้หรือไม่ แต่ก็มีร่องรอยจัดซื้อมาแล้ว ดังนั้นต้องมีวิธีการบริหารจัดการ ส่วนนี้นายอนุทิน เอาเวลาไปศึกษาดีกว่า เพราะใช้อคติมาโจมตีตนมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ตนไม่ได้ติดใจกับการตอบกลับของนายอนุทิน เพราะรู้ดีว่าเขาก็เป็นคนแบบนี้ แต่ถ้าจะหมกมุ่นเรื่องกราบ ถ้าจะกราบวันนี้ควรกราบประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยที่เขา เดือดร้อน แนะนำสิบนิ้วพนมก้มกราบสวยๆ กับประชาชน และอย่าเอาสมองมาสร้างเรื่องเลยมันไม่มีประโยชน์ เอาสติปัญญามาคิดจัดการว่าจะเอายังไงกับวัคซีนและสถานการณ์ดีกว่า อย่าเอาเวลามาเฝ้าทวิตเตอร์ตนแล้วมาจับผิดกัน ไม่ทราบอยากเป็นรัฐมนตรีหรือไอโอกันแน่

จี้ถามภท.ลงแอพหมอชนะหรือยัง

“เรื่องที่ตนโพสต์ไปนั้นมีแหล่งข่าวมา กระซิบว่าคนที่มาตามด่าผมทุกวันเขาติดโควิดไปแล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าใคร แต่มันพีกไง ว่าขนาดคนที่คอยเชียร์รัฐบาลมาตลอดว่ารัฐบาลบริหารสถานการณ์ได้ดี วันนี้เป็นผู้ประสบภัยกับตัวเองเลย ส่วนจะเป็นใครให้ไปถามนายอนุทิน และลูกพรรคเขาว่าได้ลงแอพพลิเคชั่นหมอชนะกันหรือเปล่า” นายวิโรจน์กล่าว

คนติดโควิดวันนี้ มาเผชิญหน้าเราขนาดนี้ นายอนุทินยังไม่ตระหนักอีกว่านี่คือวิบากแห่งความล้มเหลวการบริหารจัดการวัคซีนของเขา ถ้ารัฐบาลยังบริหารสถานการณ์เช่นนี้ไม่ทราบว่าใครจะติดก่อนใคร เพราะทุกคนมีสิทธิ์ติดได้หมด การที่ประชาชนหวาดหวั่น หลายๆ ที่ต้องเริ่มต้นกันใหม่ แสดงถึงการประเมินสถานการณ์ต่ำไป

ปูเศร้ารบ.ไม่พยายามแก้โควิด

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กอวยพรในเทศกาลสงกรานต์ว่า ขอส่งความรัก ความห่วงใยและความปรารถนาดีไปยังพี่น้องคนไทยทุกคนะ โดยเฉพาะช่วงนี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกครั้งของสถานการณ์โควิด-19 ที่กระจายตัวไปเป็นวงกว้าง เราทุกคนต่างบอบช้ำแต่ก็ได้ปรับตัว เรียนรู้และอดทน เพราะเราหวังว่าจะเห็นสถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้

แต่วันนี้รู้สึกเศร้าใจ ที่ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่จะบริหารจัดการ ทำให้ความหวังของประชาชนเป็นจริง ยังไม่นับรวมถึงปัญหาการเข้าถึงวัคซีนที่ยังต่ำไม่ทั่วถึง และการเปิดกว้างให้ทุกโรงพยาบาลนำเข้าวัคซีนที่หลากหลาย ชะลอและป้องกันการติดเชื้อแก่พี่น้องประชาชนในอีกทางเลือกหนึ่ง สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ต้องงดการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ งดการรวมตัว รวมถึงในหลายจังหวัดก็ต้องกักตัว หลายต่อหลายคนไม่ได้เจอหน้าครอบครัว ขอให้พี่น้องทุกคนมีช่วงสงกรานต์ที่ปลอดภัยไร้โรค มีแรงกาย แรงใจฝ่าฟันอุปสรรค และกลับมามีรอยยิ้มได้โดยเร็ว

ปารีณาแจกขันบิ๊กป้อม

วันเดียวกัน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร. โพสต์เฟซบุ๊ก รูปสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินสกรีนชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. ระหว่างลงพื้นที่ ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม แจกขันน้ำพล.อ.ประวิตร จำนวน 1,000 ใบ อย่างต่อเนื่อง พร้อมข้อความระบุว่า “เพิ่งจอดรถ แค่เห็นปรีณามากับขันน้ำพี่น้องที่เคารพและน่ารักทุกท่านก็เดินมาเอาขันน้ำลุงกันแล้วค่ะ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน