ตรวจเชื้อ-พร้อมกักตัว
เคยอยู่ห้องเดียวกัน
ยืน112นาทีคึกวันหยุด
ชาวอยุธยาร่วมราษมัม
จตุพรจัดม็อบออนไลน์

‘จัสติน ชูเกียรติ’ ผู้ต้องขังคดี 112 ติดโควิดระหว่างถูกคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่งรักษาตัวที่ร.พ.ราชทัณฑ์ พร้อมกักตัวเพนกวิน-แอมมี่ ที่อยู่ในห้องเดียวกัน พร้อมประสาน‘ไผ่ ดาวดิน’ที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัว แจ้งให้ตรวจโรคทันทีเพราะใกล้ชิดกับจัสติน กรมราชทัณฑ์ แจงพบเชื้อขณะอยู่ในแดนกักโรคไม่ใช่แดนต้องขัง เพราะเพิ่งกลับมาจากศาล แม่เพนกวิน กังวลสุขภาพของลูกชาย ส่วนศาลอาญาก็ป่วนเพราะเพิ่งเบิกตัวไผ่ ดาวดิน มาพิจารณาคำร้องปล่อยตัว ฉีดพ่นทำความสะอาดและให้ผู้อยู่ในห้องพิจารณาคดีกักตัวเช่นกัน ม็อบอยุธยา และกลุ่มราษมัม นำโดยแม่ๆ ของผู้ต้องขังคดี 112 รวมตัว‘ยืน หยุด ขัง’ 112 นาที เรียกร้องปล่อยตัว

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าได้รับรายงานจากกรมราชทัณฑ์ ว่านายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือ จัสติน แกนนำกลุ่มราษฎรติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างถูกควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะนี้ส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมี 28 รายสั่งแยกกักตัว โดยมีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ รวมอยู่ด้วย ตรวจหาเชื้อแล้ว และยังมีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับนายจตุภัทร์ ให้เข้าไปตรวจโควิดโดยด่วน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อีก 5 ราย ซึ่งได้สั่งกักตัวและตรวจเชื้อแล้วเช่นกัน การติดเชื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในแดนกักโรค ไม่ใช่แดนทั่วไป เพราะบุคคลกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ และพึ่งกลับจากการไปศาลดังนั้นจึงต้องอยู่ในแดนกักโรค 14 วันตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์

“ผู้ที่ติดเชื้ออยู่ในแดนกักโรค เพราะกลุ่มนี้คือคนที่เข้ามาใหม่และกลับมาจากศาล ต้องกักตัวในแดนกักโรคและตรวจหาเชื้อ ไม่ใช่ผู้ต้องขังที่อยู่ข้างในแดนปกติ ซึ่งการที่มีคนมาจากข้างนอกในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีโอกาสในการติดเชื้อ ดังนั้นการคัดกรองที่เข้มงวดเจอเชื้อได้เร็ว จะสามารถช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของผู้ติดเชื้อเราก็มีมาตรการในการรักษาตามมาตรฐานสาธารณ สุขอยู่แล้ว” ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าว

ด้านนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดานายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน กล่าวว่านายชูเกียรติ ที่ติดเชื้อโควิด 19 พักอยู่ห้องควบคุมเดียวกับ เพนกวิน นายไชยอมร และนายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน หลังทราบข่าวจึงรีบโทร. แจ้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของลูกชายที่อยู่ภายในเรือนจำ เนื่องจากอยู่ระหว่างการอดอาหาร มีสภาพร่างกายที่อ่อนแอ และปัญหาโรคปอดเป็นโรคประจำตัวด้วย

ด้านนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายชูเกียรติ หรือ จัสติน อยู่ในระหว่างแยกกักโรค เป็นระยะเวลา 14 วันหลังกลับจากศาล พบการติดเชื้อโควิด-19 จริงตามที่เป็นข่าว โดยเมื่อวันที่ 23 เม.ย. เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากบริเวณหลังโพรงจมูก ของนายชูเกียรติ ไปตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นบวก พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 จึงส่งตัวไปเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ภายในวันเดียวกัน

นายธวัชชัยกล่าวต่อว่า จากการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ของนายชูเกียรติ ดังกล่าว ทำให้เรือนจำต้องแยกกักตัวเจ้าหน้าที่ 9 ราย และผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงในห้องแยกกักโรคและสถานพยาบาลเรือนจำ จำนวน 26 ราย พร้อมดำเนินการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากบริเวณหลังโพรงจมูก เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทางห้องปฏิบัติการที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกันศาลอาญา เมื่อได้รับแจ้งจากราชทัณฑ์ เร่งฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพิจารณาคดีที่ 912 เนื่องจากเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เบิกตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายจตุภัทร์ 2 เเกนนำ กลุ่มราษฎรเพื่อไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเเละมีคำสั่งปล่อยในวันดังกล่าว โดยนายจตุภัทร์ ถูกควบคุมอยู่ห้องเดียวกับนายชูเกียรติ ที่ติดเชื้อโควิด 19 พร้อมกันนี้ประสานให้ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ตำรวจศาล เเละ คนที่เกี่ยวข้อง ที่อยู่ในห้องพิจารณาดูอาการและดูแลตัวเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างรอผลตรวจของนายจตุภัทร์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาห้องพิจารณาคดี

วันเดียวกันคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จัดเวทีอภิปรายออนไลน์ “#ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศ ไทย” ที่สถานีพีซ ทีวี ซ.รามอินทรา 40 โดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวเปิดเวทีว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาพยายามฟังสิ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แถลงผ่านรวมการเฉพาะกิจ คาดหวังจะได้ฟังแนวทางแก้ปัญหาโควิด-19 แต่เมื่อฟังแล้ว กลับรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ขอประกาศตั้งแต่วันนี้ไปสิ้นหวังในรัฐบาลนี้ สิ้นหวังในตัวพล.อ. ประยุทธ์ ไม่มีความรับผิดชอบ ใช้กฎหมายมาตรา 112 ทำร้ายคนที่เป็นอนาคตของชาติ ทำเกินเหตุ ขอเรียกร้องประชาชนเปล่งเสียงขับไล่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สมควรอยู่เป็นนายกฯ แม้แต่วันเดียว มีก็เหมือนไม่มี

นายนันทพงศ์ ปานมาศ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมา 20 กว่าปีไม่เคยเจอเศรษฐกิจ สังคม การเมืองพังพินาศขนาดนี้ ไม่เคยเห็นใครผูกคอตายเพราะพิษเศรษฐกิจมากขนาดนี้เพราะการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกวันนี้ตนมีคดีเพราะแค่เห็นต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องออกมาขับไล่ เมื่อโควิด-19 หมดไปขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้มีเพื่อนเราคนหนุ่มสาวมากมายที่เสียสละโดนคดี ซึ่งไม่ว่าพวกเราจะโดนอีกกี่คดี ก็จะสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง

จากนั้นเข้าสู่การอภิปรายชำแหละรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กับการบริหารบ้านเมืองผิดพลาดด้านต่างๆ โดยนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง กล่าวว่า ระบอบประยุทธ์ยิ่งอยู่ ลูกหลานไทยไร้อนาคต วันนี้การค้าโลกเปลี่ยนแปลงมาก การค้าจีนกับสหรัฐเข้มข้น สร้างกำแพงทางการค้า แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มองการณ์ไกล กลับหมกมุ่นให้ต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานอุตสาหกรรม โดยเปิดพื้นที่อีอีซี ไม่คำนึงถึงพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีหลายจุดที่สมบูรณ์เป็นแหล่งเลี้ยงลูกพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งจำเป็นต้องทบทวน ทั้งนี้ 7 ปีของ พล.อ. ประยุทธ์หมกมุ่นทำรถไฟความเร็วสูง จากตะวันตกไปตะวันออกหวังเชื่อมสามสนามบิน สุดท้ายเดี้ยงหมดเพราะโควิด

นอกจากนี้รัฐบาลหมกมุ่นสร้างหนี้สาธารณะที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แจกเงินเพื่อความนิยมทางการเมือง ปล่อยให้พวกพ้องเข้าถึงทรัพยากรจนเกิดความเหลื่อมล้ำ เป็นรัฐบาลแรกที่เอานายทุน อภิมหาเศรษฐี 24 ตระกูลใหญ่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตั้งบริษัทประชารัฐหวังเข้ามาช่วยประชาชน แต่การทำธุรกิจย่อมหาช่องทางทำกำไรให้ตัวเองก่อนจะทำการกุศล เอาเงินเล็กๆ น้อยๆ มาแจกเพื่อให้คนรู้สึกถึงบุญคุณ

นายธีระชัยกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาแก้กติกาเฉือนเนื้อประชาชนเพื่อเพิ่มกำไรให้นายทุน โดยในปี 2561 ยกเลิกเพดานกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม ทำราคาพุ่ง ประชาชนเดือดร้อน บริษัทผูกขาดก๊าซได้ประโยชน์ สุดท้ายต้องเอาเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยแทน ส่วนราคาพลังงานเรามีค่าไฟแพงสุดในอาเซียน เพราะยอมให้เอกชนบวกกำไร ส่วนกำลังการผลิตก็เกินความต้องการ สุดท้ายประชาชนต้องแบกรับภาระ ส่วนปัญหาใหญ่สุดทางการเมือง คือความไม่ปรองดอง ในปี 57 ที่ พล.อ. ประยุทธ์ทำรัฐประหารเพราะความแตก แยกระหว่างกลุ่มการเมือง แต่ในช่วง 7 ปีท่านมีความสามารถพิเศษทำให้ความขัดแย้งที่เป็นระดับระนาบ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างบนกับล่างได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นต้องเปิด ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบคอร์รัปชั่น

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นปกติ จะทำให้ระบอบประยุทธ์ แพ้ เราเสนอแก้รัฐธรรมนูญให้กติกาและที่มาขององค์กรอิสระเป็นอิสระอย่างแท้จริง เราจะรื้อ ส.ว. รื้อองค์กรอิสระ แต่พวกเขาก็บอกยังไม่ให้แตะรายมาตรา พอจะแก้รัฐธรรมนูญให้มี ส.ส.ร. คนกลุ่มเดิมก็บอกให้กลับมาแก้รายมาตราก่อน ยังไม่ต้องมี ส.ส.ร. สุดท้ายพอจะแก้ทั้งฉบับก็ไม่ให้แก้อีก เพราะพวกเขาไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อปกป้องอำนาจของตัวเอง ดังนั้นหากเรารื้อรัฐธรรมนูญได้ การเมืองจะกลับสู่สภาวะปกติได้ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ยังทำตัวเหมือนมี ม.44 สมัยเป็น คสช. เสพติดอำนาจโดยใช้วิธีออกกฎหมายเป็นพระราชกำหนด สถาน การณ์วันนี้ไม่ต่างจากปี 2557 ตอนยึดอำนาจ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด -19 นอกจากพูดไม่ได้ความแล้วยังทำไม่ได้ความ ผู้นำที่บริหารจัดการวัคซีนยังไม่ได้ ไม่เพียงพอเพราะประเมินสถานการณ์ผิด คิดว่าคุมได้ เมื่อบกพร่องต้องแสดงความรับผิดชอบ แต่นี่คือ พล.อ. ประยุทธ์ ระหว่างไล่ประยุทธ์กับโควิดหาย คงต้องไล่ประยุทธ์ ก่อนเพราะจนปัญญา แก้อะไรไม่ได้ สะท้อนศักยภาพ ประสิทธิภาพและความโปร่งใส การระบาดทุกรอบอยู่ในมือของ พล.อ. ประยุทธ์ รัฐมนตรียังติดโควิด ต่อให้ท่านตีลังกายุบสภา พล.อ.ประยุทธ์ก็อย่าคิดว่าจะได้กลับมาเพราะประชาชนเข็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณด้านหน้าศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา หรืออาคารศาลากลางจังหวัดหลังเก่า อ.พระนคร ศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มคณะราษฎรอยุธยา ร่วมกันจัดกิจกรรม ยืน หยุด ขัง 112 นาที เป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 เพื่อเแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้ปล่อยตัวหรือให้ประกันตัวกลุ่มผู้ต้องหา ในคดีม.112 ด้วยการยืนหันหน้าไปทางสะพานปรีดีธำรง ถือแผ่นป้าย เขียนข้อความ พร้อมกับภาพของภาพบุคคลที่ยังถูกคุมขังตามความผิด ม.112 โดยทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรม ผ่านการคัดกรองล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา จัดการยืนให้เว้นระยะห่าง นอกจากนี้ยังร่วมกันลงรายชื่อ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” ล่ารายชื่อประชาชน 1 ล้านรายชื่อ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที ฝนตกโปรย ปรายมาตลอดเวลากลุ่มคณะราษฎรอยุธยา ยังคงยืนชูป้าย แสดงสัญลักษณ์ต่อไป ตัวแทนกลุ่มแทนกลุ่มคณะราษฎรอยุธยา กล่าวถึงการจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้มีการปล่อยตัว หรือให้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดี ม.112 ซึ่งสถานที่เป็นที่เราเคยจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีกลุ่มผู้ต้องหาม.112 หลายคนมาร่วมกิจกรรมที่บริเวณนี้ด้วย เราจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรม ยังคงดำเนินต่อ เวลานี้เพื่อนของเราถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม พวกเขาเหล่านั้นถูกขังเพียงเพราะ “พูดความจริง” และที่สำคัญคือ พวกเขายังไม่ได้รับการตัดสินว่าผิดใดๆ ทั้งสิ้น

ทวงลูก – กลุ่มราษมัม นำโดยแม่เพนกวิน แม่รุ้ง และแม่ไมค์ ร่วมยืน หยุด ขัง เป็นเวลา 112 นาที ทวงความยุติธรรมให้ผู้ถูกคุมขัง และทวงคืน ‘ลูก’ ให้กับแม่ของอานนท์ ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 เม.ย.

เวลา 17.00 น.วันที่ 24 เม.ย. ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กลุ่มราษมัม นำโดย นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน, นางสุริยา สิทธิจิรวัฒนกุล มารดาของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นางมาลัย นำภา มารดาของ นายอานนท์ นำภา และนางยุพิน มณีวงศ์ มารดาของนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง เข้าร่วมกิจกรรม‘ยืน หยุด ขัง’เป็นเวลา 112 นาที ที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยลูกๆ แกนนำ คณะราษฎร ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถ.งามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน ชูภาพและข้อความที่เขียนใส่แผ่นกระดาษและป้ายต่างๆ ถือยืนเรียงเป็นแนวยาวตลอดหน้าทางเท้าหน้าเรือนจำ พร้อมทั้งนำสแตนด์รูป ไมค์ รุ้ง เพนกวิน เเอมมี่ และอานนท์ มาตั้งร่วมกิจกรรม การจัดกิจกรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจนครบเวลา ก่อนที่ผู้ร่วมกิจกรรมจะร้องตะโกน“ปล่อยเพื่อนเรา” 3 ครั้ง ก่อนยุติกิจกรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน