‘จัสติน’วืดด้วย
กวิ้นอดข้าวต่อ

ส่งฝากขัง 2 ม็อบรีเดมหน้าศาล วืดไม่ได้ประกันส่งเข้าเรือนจำทันทีส่วนจัสตินที่ติดโควิดในคุก ก็ไม่ได้ประกันเช่นกัน ชี้การไต่สวนคำร้องยังไม่ได้รายละเอียดเท่าที่ควร เพจเฟซบุ๊กเพนกวินเผย แพทย์ระบุเป็นโรคกระเพาะ เสี่ยงเป็นตับอักเสบ แต่ยังอดอาหารประท้วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 48 จับตาดูไต่สวนวันที่ 6 พ.ค.นี้ ขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรม ออกแถลงพฤติการณ์ม็อบจงใจกดดัน ขู่เข็ญผู้พิพากษา และครอบครัว ยันศาลมีความเป็นกลาง อิสระ ปราศจากอคติ ขณะที่ศาลนัดไต่สวนเบนจา-ณัฐชนน-ชินวัตร ฐานละเมิดอำนาจศาล

จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุม ‘รีเดม’ นัดชุมนุมที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาฯ กทม. เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนประกาศยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 18.00 น. แต่ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนปักหลักอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลอาญา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับ พร้อมกับใช้กำลังเจ้าหน้าที่กดดัน ยิงกระสุนยาง และแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ท่ามกลางเสียงประทัดดังขึ้นหลายนัด โดยมีรายงานว่าสามารถจับผู้ชุมนุมได้จำนวนหนึ่ง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่บช.น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมรีเดมรวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเย็นถึงกลางดึกที่ผ่านมาจนมีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในเวลาประมาณ 15.00 น. ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปที่ศาลอาญา เพื่อรวมตัวกันปราศรัยโจมตีการทำงานของผู้พิพากษาของศาลอาญา รวมทั้งมีการขว้างปาสิ่งของเข้าไปภายในศาล

ยังยืนหยัด – กลุ่มพลเมืองโต้กลับ จัดกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” 1 ชั่วโมง 12 นาที ยืนถือป้าย เรียกร้องสิทธิในการประกันตัวให้กับแกนนำม็อบราษฎรที่ถูกดำเนินคดีข้อหา ม.112 ที่บริเวณสกายวอล์ก อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.

กระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยุติการชุมนุม แต่ยังมีมวลชนอีกกลุ่มที่ยังคงรวมตัวและขว้างปาสิ่งของเข้าไปภายในศาล และเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มรุนแรงมากขึ้น ตำรวจจึงตัดสินใจใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าไปควบคุมสถานการณ์ แต่ยังมีการขัดขวางเจ้าหน้าที่โดยใช้ระเบิดปิงปอง พลุ หัวนอต ขว้างปาเข้ามาที่เจ้าหน้าที่อยู่เป็นระยะ ตำรวจจึงต้องใช้อาวุธควบคุมฝูงชนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ และสามารถจับกุมผู้ชุมนุมได้ 4 คน ส่วนตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวต่อว่า เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เป็นผู้ที่มีประวัติเคยชุมนุม และกระทำความผิดในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และครั้งนี้ก็ถูกแจ้งข้อหาแตกต่างกันไป ทั้งฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ / พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ / มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย และขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนกรณีการทำให้เสียทรัพย์และละเมิดอำนาจศาล ทางผู้บริหารศาลอาญาอยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหาย และจะร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน รวมทั้งยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวบุคคลรายอื่นๆ หากพบการ กระทำความผิด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป การรวมตัวในลักษณะดังกล่าว นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อีกด้วย และที่ผ่านมาก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อจากการรวมตัวในการชุมนุมมาแล้ว จึงขอเตือนให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมควรระมัดระวังการติดเชื้อด้วย

ส่วนที่หน้าทางเท้าศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของสำนักงานเขตจตุจักร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของศาลอาญา และอาสาสมัครกว่า 100 คน เข้าทำความสะอาดบริเวณภายในและภายนอกศาลอาญา

ขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรมออกแถลงการณ์ มีข้อความว่า สำนักงานศาลยุติธรรมขอแจ้งให้ทราบว่าในการดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาและมีคำสั่งในคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรมให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเสมอมา และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความคิดเห็นทางวิชาการที่มุ่งก่อให้เกิดความสร้างสรรค์และพัฒนาการบังคับใช้กฎหมาย ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณศาลอาญาเมื่อคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 64 ที่ผ่านมาที่บุคคลจำนวนหนึ่งใช้ความรุนแรงด้วยการขว้างปาสิ่งของ ใช้เครื่องมือยิงวัสดุเข้ามาในอาคารศาล การใช้วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง จนเกิดความเสียหาย ความรุนแรงและไม่สงบขึ้นนั้น นอกจากจะเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลอาญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตยและ อันเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยชอบธรรมภายในกรอบของกฎหมาย

อีกทั้งยังมีลักษณะของการก้าวล่วงใช้ความรุนแรงเพื่อแทรกแซงโดยหวังผลให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาไปในทางหนึ่งทางใดตามที่กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงมุ่งประสงค์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย อันเป็นการมุ่งทำลายความอิสระของตุลาการตามรัฐธรรมนูญ

นอกจากการใช้ความรุนแรงดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันยังมีพฤติกรรมทำนองขู่เข็ญ และสร้างความหวาดกลัวไม่เพียงแก่บุคลากรในศาลยุติธรรมเท่านั้น หากแต่ยังมีการขู่เข็ญและสร้างความหวาดกลัวไปยังบุคคลในครอบครัวของ ผู้พิพากษาและบุคลากรในศาลยุติธรรมด้วย ทั้งๆ ที่บุคคลดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาพิพากษาคดีแต่อย่างใด

พฤติกรรมดังกล่าวที่มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการ ใช้สื่อโซเชี่ยลต่างๆ ล้วนมุ่งหวังให้เกิดผลในทำนองเดียวกับการใช้ความรุนแรงข้างต้นที่ต้องการให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในทางที่ตนเองหรือขบวนการของตนต้องการโดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย จึงไม่ใช่ การแสดงความคิดเห็นหรือการใช้เสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญอันชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย

ในการนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบการกระทำและพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากมีการกระทำใดที่เป็นการละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนแสดงความคิดเห็นและใช้เสรีภาพของตนอย่างสันติ ด้วยความสงบ และงดเว้นการกระทำใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิต เป็นภยันตรายแก่ร่างกาย หรือสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินไม่ว่าของส่วนบุคคลหรือของทางราชการ และให้การดำเนินกระบวนพิจารณาต่างๆ ดำเนินไปตามครรลองของกฎหมายที่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลตามที่กฎหมายกำหนด

ในการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรมทุกศาลจะยังคงทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ปราศจากอคติ พิพากษาและมีคำสั่งให้คู่ความทุกฝ่ายได้รับความยุติธรรมภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเสมอภาคและ เท่าเทียมกันต่อไป

ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องฝากขังผ่านระบบจอภาพ นายร่อซี กีน นิยมเดชา เเละน.ส.หทัยรัตน์ แก้วสีคราม ทั้งคู่อายุ 20 ปี 2 ผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดย ผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป แต่ผู้กระทำไม่เลิก, ร่วมกันทำให้เสียหายทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย, ร่วมกันมั่วสุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดเกินยี่สิบคนในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหากับโดยแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 3 พ.ค.เวลา 7.30 น.

ท้ายคำร้องระบุว่า หากผู้ต้องหาทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้งสองเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หาก ผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง

ต่อมา น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่ง ส.ส. ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1-2 ซึ่งศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์ แห่งคดี ประกอบข้อคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองไป มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง

ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับกุม 1 ในเยาวชนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มรีเดม ศาลไต่สวนตามที่พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ผู้ร้องขอแล้ว มีคำสั่งว่าให้ออกหมายควบคุมเว้นแต่มีประกัน ต่อมาผู้ปกครองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยให้ ทำสัญญาประกัน วางหลักประกันจำนวน 10,000 บาท

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายข้อหา จึงเห็นควรเรียกหลักประกันเพื่อป้องกันมิให้หลบหนี เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงระบาดของเชื้อโควิด-19 หากควบคุมผู้ต้องหาอาจได้รับการติดเชื้อ จึงเห็นสมควรปล่อยชั่วคราว แต่ให้เรียกหลักประกัน วันนี้ผู้ต้องหานำเงินมาเพียง 2,000 บาท จึงให้วางเป็นหลักประกัน ส่วนที่เหลือให้วางภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ โดยให้วางส่วนที่เหลือถึงวันที่ 17 พ.ค. 2564 หากนำเงินมาวางครบให้ใช้สัญญานี้เป็นสัญญาประกันต่อไป และนัดรายงานตัว ในวันที่ 22 มิ.ย. 2564 เวลา 08.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีร่วมชุมนุมกับกลุ่มรีเดมที่สนามหลวง แปะป้ายที่ทิ้งสิ่งปฏิกูลบนพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2564 ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัว ถูกคุมขังในชั้นฝากขังนั้น ผู้ขอประกันยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 2 แสนบาท ต่อศาล ขอประกันตัวนายชูเกียรติ

ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ขณะผู้ขอประกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหารายนี้ ผู้ต้องหาป่วยด้วย โรคติดเชื้อโควิด-19 การขอไต่สวนตามคำร้องขอผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของผู้ขอประกันในขณะนี้ ย่อมอาจมีผลกระทบต่อบุคคลผู้เกี่ยวข้องและไม่ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงมากนักเท่าที่ควร ที่จะนำมาพิจารณาสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นนี้ จึงให้ยกคำร้องไปก่อน

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ระบุว่า เพนกวิน-พริษฐ์ เดินหน้าอดอาหารวันที่ 48 แม้จะได้รับการรักษาตัวในร.พ. รอการไต่สวนคำร้องประกันวันที่ 6 พ.ค. ล่าสุดแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ และมีอาการมึนหัว หน้ามืด แสบท้อง เสี่ยงเป็นไวรัสตับอักเสบ อย่างไรก็ตาม เพนกวินยังคงอดอาหารต่อต้านอยุติธรรม จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว คืนสิทธิ์การประกันตัว ขอทุกคนโปรดจับตา! ในวันไต่สวนคำร้อง 6 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ณ ศาลอาญา รัชดาฯ

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ยื่นคำร้องคดีละเมิดอำนาจศาลที่กล่าวหาน.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 22 ปี ชาวจ.นครราชสีมา ในการชุมนุมหน้าศาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยคำร้องระบุว่า การกระทำของน.ส.เบนจาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญาว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลอาญา พ.ศ.2564 ฉบับลงวันที่ 17 มี.ค.64 จึงให้เรียกมาไต่สวนฐานละเมิดอำนาจศาลในวันที่ 27 พ.ค.64 เวลา 13.30 น. และลงโทษตามกฎหมายต่อไปเหตุตามคำกล่าวหา

นอกจากนี้ยังยื่นคำร้องดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาลอีก 2 คน

เกิดที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ คือ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง อายุ 28 ปี และนายณัฐชนน ไพโรจน์ อายุ 21 ปี โดยศาลนัดนาย ชินวัตรเเละนายณัฐชนนไต่สวนวันที่ 19 พ.ค. เวลา 13.30 น.

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณทางแยกประตูน้ำ ถนนมิตรภาพตัดกับถนนสุรนารายณ์ เขตเทศบาลนคร นครราชสีมา นายฟ้า (นามสมมติ) พร้อมพวกซึ่งเป็นแนวกลุ่มเยาวชนโคราชมูฟเมนต์ 5 คน ร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้ปล่อยแกนนำที่ถูกคุมขังด้วยข้อหาอาญา มาตรา 112 โดยยืนแถวหน้ากระดานห้อยป้ายกระดาษเขียนข้อความ “ปล่อยเพื่อนเรา” พร้อมชู 3 นิ้ว และถือกระดาษเอสี่ พิมพ์ข้อความ ‘ยกเลิก 112’ สร้างความสนใจให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนที่สัญจรผ่านช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านกลุ่มเพจเฟซบุ๊ก “koratmovement” เพื่อเผยแพร่ความเคลื่อนไหวการเรียกร้อง รวมทั้งแสดงความคิดเห็นถึงการทำงานที่ล้มเหลวด้อยประสิทธิภาพของรัฐบาลในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาโรคระบาดโควิด-19

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน