ใช้ฉุกเฉิน-45ปท.ก็ด้วย
‘นพ.ยง’การันตีครบ2เข็ม
ปลอดภัย-สร้างภูมิ 99%
สธ.จัดอีก‘วอล์กอินฉีด’

เลขาธิการ อย. ชี้แจงไทยอนุมัติ ‘ซิโนแวค’ ใช้เองก่อนขึ้นทะเบียนได้ ไม่เกี่ยวการรับรองของอนามัยโลก ยกวัคซีน 6 ยี่ห้อที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน 45 ประเทศก็ใช้ อิงผลศึกษา ‘หมอยง’ ระบุฉีดครบ 2 เข็มสร้างภูมิคุ้มกันได้ 99.4% ด้านกรรมการวัคซีนไฟเขียววอล์กอินฉีด จังหวัดไหนพร้อมเริ่มได้ทันที มิ.ย.เดินหน้าฉีดปูพรม เร่งหาจาก 100 ล้านโดสเป็น 150 ล้านโดสในปี 2565 ‘บิ๊กตู่’ ตรวจจุดฉีดนอกร.พ. ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ชมมีมาตรการตามที่สธ.กำหนด ขอบคุณเอกชน เปิดให้ใช้พื้นที่เป็นจุดบริการฉีด จวกเฟกนิวส์ทำยอดจองน้อย ขอคนไทยร่วมฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

ยกนิ้ว – พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชูนิ้วหัวแม่มือชื่นชมผู้มาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ระหว่างตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนนอกร.พ. บริเวณชั้น 3 สกายฮอลล์ เซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อวันที่ 12 พ.ค.

บิ๊กตู่ตรวจจุดฉีดเซ็นทรัล

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีกำหนดเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดแบบสว็อบ เทสต์ ตามวงรอบปกติ จากนั้นได้เชิญทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เข้าหารือถึงมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระลอกสาม

ต่อมา ที่ชั้น 3 สกาย ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เขตจตุจักร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ในโอกาสตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล โดยมี นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกทม. ผู้บริหารกทม. ผู้บริหารสำนักอนามัย (สนอ.) สำนักการแพทย์ (สนพ.) ผู้บริหารร.พ.รามาธิบดี ผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ป และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

รวมจุดบริการนอกร.พ.25 แห่ง

พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า สถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล หรือ “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นความร่วมมือบริการวัคซีนโควิด-19 ระหว่างกทม. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และร.พ.รามาธิบดี โดยให้บริการ 1,000 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. กลุ่มเป้าหมายแรกของการให้บริการจะเป็นกลุ่มบุคลากรด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติงานในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคและกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยง ซึ่งลงทะเบียนกับสนอ. แล้ว โดยได้จัดเตรียมสถานที่ฉีดนอกร.พ.ไว้รวมทั้งหมด 25 แห่ง แต่ละแห่งมีศักยภาพการให้บริการฉีดที่ 1,000-3,000 คน/วัน รวม 38,000-50,000 คน/วัน ต่อเนื่อง 7 เดือน








Advertisement

ขออย่าเชื่อเฟกนิวส์

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ เยี่ยมชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย 2 โรงพยาบาล คือร.พ.พระมงกุฎเกล้าและร.พ.รามาธิบดี เราต้องทำลายความหวาดวิตกความกลัวในการฉีดวัคซีนให้ได้ ต้องมีความเชื่อมั่น เพราะรัฐบาลยืนยันว่าวัคซีนที่นำเข้ามามีการตรวจสอบมาตรฐาน อาจเข้มงวดกว่าต่างประเทศด้วยซ้ำไป ดังนั้นเราต้องร่วมมือกันและฟังในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าเผยแพร่มาที่ไม่เป็นเรื่องจริงคุณดูก็รู้แล้ว ไม่จริงก็อย่าไปแพร่ต่อ เพราะรู้ว่ามันไม่จริงด้วยเซนส์ของทุกคนก็น่าจะรู้ พยายามฟังช่องทางของรัฐบาลให้มากหน่อย ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สภาหอการค้า และเอกชน ทำงานเป็นทีมให้ได้ นี่คือทีมประเทศไทย ซึ่งทำเพื่อประเทศไทยที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน ขอบคุณทุกคน ขอให้ไปเชิญชวนคนมาฉีดให้มากขึ้น

กำชับท้องถิ่นเร่งกระตุ้นฉีด

“วันนี้ดูแลทั้งหมด ทั้งคนสูงอายุ คนมีโรคประจำตัวร้ายแรง ก็ต้องไปดูเรื่องธุรกิจ เรื่องครู บริการร้านอาหาร ก็จะทยอยไปเรื่อยๆ ต้องชมเชยสธ. และรัฐบาลที่หามาได้ ต้องร่วมมือกันกับร.พ.เอกชนด้วย วันนี้ในระดับท้องถิ่น จังหวัด อำเภอ ตำบล ให้สธ.ประสานกับมหาดไทยแล้ว ทางรัฐมนตรีและปลัดคุยกันแล้ว จะทำอย่างไรชักจูงให้ประชาชนมาฉีดได้มากขึ้น เพราะหลายคนกลัวอยู่ เพราะมันบิดเบือนกันเยอะแยะไปหมด จำไว้แล้วกันว่าใครบิดเบือน ผมก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว อย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ขู่ใครทั้งสิ้นอันตราย มันก็ไม่อยากไปทำร้ายใครซักคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เดินหน้าวัคซีนวาระชาติ

เวลา 14.05 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนและคณะ ทั้งสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และกรุงเทพมหานคร ทั้งหมดได้ร่วมขับเคลื่อนไปในแนวทางเดียวกัน สอดคล้องกับสภาพการเป็นวาระแห่งชาติ การจัดหาวัคซีน การกระจาย การฉีดวัคซีน เป็นแนวทางในการร่วมมือในช่วงเดือนพ.ค. ต่อไปในเดือนมิ.ย.ก็จะมีเพิ่มอีก และในไตรมาส 3 และ 4 มียี่ห้ออื่นเพิ่มเข้ามาอีก เห็นได้ว่าหลายประเทศยังมีปัญหาอยู่ แม้แต่ในประเทศอาเซียนด้วยกัน บางประเทศมีวัคซีนไม่เท่าเรา เพราะบางส่วนเป็นวัคซีนจากการบริจาคเพื่อให้มาทดลอง

ขอพร้อมใจฉีดฟื้นฟูปท.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน พบว่ามีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการประชาชน ขอบคุณห้างเซ็นทรัล ที่อำนวยความสะดวกด้วยความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย เป็นไปตามมาตรฐานของสธ. เช่นเดียวกับที่สถาบันบำราศนราดูร ขอขอบคุณภาคเอกชน สภาหอการค้าสภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระจายวัคซีนสู่ประชาชน อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้นตามเป้าหมาย โดยเดือนมิ.ย.นี้จะปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก เพราะทราบดีว่าแค่การฉีดวัคซีนเข็มเดียวก็ป้องกันได้ถึง 50% ดังนั้นฉีดย่อมดีกว่าไม่ฉีด

“ผมเชื่อมั่นว่าวันหน้าประเทศไทย จะดีขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพราะเราเตรียมการขั้นสูงสุดไว้แล้ว ว่าจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร การค้าการลงทุน การเดินทางมาจากต่างประเทศ ถ้าฉีดวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น ก็จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไปด้วย แต่สิ่งที่ยังมีความเป็นห่วงคือ ครอบครัว ลูก พ่อแม่ คนชรา เพราะติดเชื้อได้หมด แต่ก็รักษาได้ถ้าทันเวลา ทุกอย่างต้องเชื่อฟังหมอ สงสัยต้องรีบมาหา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

หอการค้ามั่นใจเร่งฉีดทั่วปท.

ด้านนายสนั่น ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนของภาคเอกชนได้ผ่านการอนุมัติจากกรุงเทพมหานครแล้ว 14 จุด และอยู่ระหว่างการตรวจพื้นที่เพิ่มเติมอีก 11 จุด ได้แก่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์, ธนาคารไทยพาณิชย์ (สำนักงานใหญ่), มหาวิทยาลัยศรีปทุม, เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, โลตัส พระราม 4, โลตัส ปิ่นเกล้า, บิ๊กซี ร่มเกล้า เชื่อมั่นว่าจะให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในการกระจายวัคซีนให้กับกรุงเทพมหานคร

น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาต์เล็ตแห่งแรกของไทย เตรียมสนับสนุนพื้นที่รวมกว่า 17,500 ตารางเมตร ในกว่า 8 สาขาทั่วประเทศ และคิดเป็นมูลค่าพื้นที่เช่ากว่า 300 ล้านบาท เพื่อเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีน ให้บริการสถานที่ที่สะอาด ปลอดภัย มีขนาดใหญ่ ไม่แออัด จัดการให้มีการเว้นระยะห่าง 100% โดยการให้บริการฉีดวัคซีนที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นที่แรกในกรุงเทพฯ และที่สาขาต่างๆ มีประสบการณ์เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการศูนย์การค้าที่เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนมาแล้วที่เซ็นทรัลระยอง และสมุย

สธ.ถกเคาะแผนวัคซีนปี 65

ด้านนายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธ. พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. และนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ร่วมประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ

ภายหลังการประชุม นายอนุทินแถลงว่า ที่ประชุมได้รับทราบนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้เพียงพอกับประชาชนทุกคน ใน 3 แนวทาง คือ 1.จัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ในปี 2565 2.เร่งทำงานเชิงรุกเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนให้เร็วและมากรายที่สุด เพิ่มโอกาสในการรับวัคซีน และให้ครอบคลุมถึงสายพันธุ์หากมีการทดลองวิจัยแล้ว และ 3.ปรับแนวทางฉีดวัคซีน โดยปูพรมฉีดเข็มแรกให้ประชาชนมากที่สุด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ อาการรุนแรง และเสียชีวิต

ปรับใหม่-วอล์กอินก็ฉีดได้

นายอนุทินกล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนจะเริ่มใน มิ.ย.นี้เป็นต้นไป มี 3 รูปแบบ คือ 1.นัดผ่านไลน์หรือแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” หรือแอพพลิเคชั่นอื่นที่รัฐบาลจะจัดให้ 2.นัดเป็นกลุ่ม เช่น อสม. องค์กรภาครัฐและเอกชน และ 3.การวอล์กอิน ซึ่งรายละเอียดกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้แต่ละจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) เป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ ยังรับทราบมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินและทรัพย์สินให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการวิจัย การพัฒนาการผลิต และการกระจายวัคซีนให้มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอ

เมื่อถามว่าการวอล์กอินเริ่มได้ในเดือนพ.ค. หรือมิ.ย และทั่วประเทศหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า จากที่ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมศูนย์วัคซีนต่างๆ ส่วนใหญ่รับได้ทุกรูปแบบ ซึ่งย้ำว่าขอให้พิจารณาวอล์กอินและต้องจัดวัคซีนให้เพียงพอ และอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด ซึ่งพื้นที่ไหนพร้อมก็เริ่มได้ อยู่ที่แต่ละจังหวัดพิจารณา

ลดแออัดแห่ไปร.พ.

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยอยากฉีดวัคซีน จึงอำนวยความสะดวกจัดบริการรูปแบบวอล์กอิน โดยคร. จะระบุยอดเป้าหมายการฉีดแต่ละจังหวัด ภาพรวมครอบคลุมอย่างน้อย 70% ของประชากร ซึ่งจะฉีดแตกต่างกันตามสถานการณ์ เช่น ขณะนี้มีการระบาดใน กทม.และปริมณฑล จะกระจายวัคซีนไปให้มากที่สุดเพื่อควบคุมการระบาด ส่วนจังหวัดอื่นจะกระจายไปให้ครอบคลุมตามลำดับ หากจังหวัดไหนพร้อมก็เริ่มได้เลย โดยการฉีดปูพรมคือ ฉีดทุกคนในพื้นที่ที่สมัครใจให้มากที่สุด การวอล์กอินจะช่วยลดอุปสรรคการเข้าถึงสอดคล้องกับการปูพรม โดย 1.ผ่านการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น 2.ร.พ.ที่มีชื่อผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายนัดเวลาเข้ามาฉีด และ 3.ผู้ที่ไม่มีประวัติการรักษา แต่มีความจำเป็นต้องฉีด เช่น คนขับแท็กซี่ คนขับรถสาธารณะ ก็วอล์กอินได้ เบื้องต้นจะใช้สูตร 30 : 50 : 20 แต่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ปรับเปลี่ยนได้ตามเหมาะสม เช่น มี 1,000 โดส อาจเป็นนัดจากแอพฯ 30% ร.พ. 50% และวอล์กอิน อีก 20%

“ร.พ.มีข้อจำกัดคือความแออัด อาจเกิดการแพร่ระบาดได้ วอล์กอินจึงเหมาะสมกับพื้นที่โล่ง เช่น สถานีกลางบางซื่อ หรือจุฬาฯ ไปเปิดที่จามจุรีสแควร์ ก็ต้องรอแต่ละจังหวัดประกาศจุด ซึ่งทุกจุดต้องมีมาตรฐานเดียวกัน” นพ.โอภาสกล่าว

ย้ำเป้ากย.ฉีดได้ 70%

ด้านพญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่าที่ประชุมศบค.ชุดเล็กได้มีการสรุปเรื่องการฉีดวัคซีน โดยกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รายงานว่าวันที่ 10 พ.ค. ยอดฉีดวัคซีนไปแล้ว 1,809,894 โดส แยกเป็นเข็มที่ 2 มีประชาชนได้รับวัคซีนไปแล้ว 513,454 ราย และในสัปดาห์นี้จะมีการระดมอาชีพสาธารณะผู้ที่ขับขี่รถ เรือ เครื่องบิน ครู พนักงานเก็บขยะ จะมีการระดมให้ฉีดวัคซีนในช่วงระยะแรกไปพร้อมกับผู้สูงอายุและผู้มีประวัติมีโรคประจำตัว โดยคร่าวๆ ในเดือนก.ย. ทุกจังหวัดจะฉีดวัคซีนแล้วเสร็จ 70% และเก็บเข็มที่ 2 ให้ทันในเดือนธ.ค.

โต้ไม่รีดหัวคิวร.พ.เอกชน

ด้านเพจไทยคู่ฟ้า โพสต์ข้อความระบุว่า ยืนยัน ไม่มีการชาร์จค่าหัวคิววัคซีนเอกชน สืบเนื่องที่มีการแชร์ข่าวการจัดซื้อวัคซีนให้ภาคเอกชนขององค์การเภสัชกรรม ว่าทาง เอกชนต้องเสียภาษีถึง 2 ครั้ง และจะถูกชาร์จค่าบริหารจัดการ 5-10% ขอยืนยันว่าข้อมูล ดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่มีการพูดคุยถึงตัวเลขราคาและต้นทุนต่างๆ ระหว่างองค์การเภสัชฯ กับร.พ.เอกชนแต่อย่างใด

ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมความต้องการวัคซีนจากร.พ.เอกชนต่างๆ เพื่อส่งคำสั่งซื้อไปยังบริษัทนำเข้าที่ได้รับอนุญาต และแน่นอนว่าในการจัดซื้อวัคซีนจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ ทั้งค่าจัดเก็บ ค่าจัดส่ง ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ 3-5% และมีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% องค์การเภสัชฯ เป็นเพียงหน่วยงานอำนวยความสะดวกในการซื้อวัคซีน ตามแนวทางของผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลก

แจงฮูยังไม่รับรอง‘ซิโนแวค’

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสงสัยวัคซีนซิโนแวคที่ไทยจัดหายังไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า ฮูได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ในภาวะฉุกเฉิน 6 รายการ ซึ่งไม่มีวัคซีนซิโนแวคที่นำมาฉีดให้คนไทย

ไทยอนุมัติใช้ได้เอง

“ความเข้าใจว่าวัคซีนที่ใช้ในแต่ละประเทศต้องผ่านการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง จริงๆ แล้วองค์การอนามัยโลกอนุมัติการใช้วัคซีน โควิด-19 ในภาวะฉุกเฉิน วัตถุประสงค์เพื่อ 1.อนุมัติใช้วัคซีนในโครงการโคแวกซ์ 2.องค์การอนามัยโลกมาประเมินเพื่อให้บางประเทศใช้อ้างอิงขึ้นทะเบียนวัคซีนในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ระบบการกำกับดูแลด้านวัคซีนยังไม่สมบูรณ์ ก็จะใช้การอ้างอิงจาก WHO EUL ได้ แต่ประเทศไทยมีระบบการกำกับดูแลวัคซีนที่ฮูรับรองคือ ระบบ WHO PQ (WHO Prequalification) และไทยเป็นสมาชิก PIC/S (Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme) จึงสามารถพิจารณาวัคซีนอย่างมีคุณภาพและมาตรฐานได้เอง อย่างวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ไทยขึ้นทะเบียนแล้วก็ขึ้นทะเบียนก่อนการรับรองของ WHO EUL” นพ.ไพศาลกล่าว

นพ.ไพศาลกล่าวว่า ยกตัวอย่างวัคซีน ไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าเซนเนก้า หรือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศในแถบยุโรป ก็อนุมัติวัคซีนเหล่านี้ก่อนที่จะเข้า WHO EUL เช่นเดียวกับประเทศไทย จึงอยากให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ซึ่งปัจจุบัน อย.ขึ้นทะเบียนวัคซีนแล้ว 3 ราย ได้แก่ 1.วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัท สยาม ไบโอไซเอนซ์ จำกัด 2.วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม และ 3.วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด

ยก 45 ปท.ก็ฉีดซิโนแวค

นพ.ไพศาลกล่าวต่อว่า วัคซีนซิโนแวคมีความปลอดภัย มีประสิทธิผลในการป้องกันโควิด-19 มีการใช้ 45 ประเทศทั่วโลก ซึ่งอย.ประเมินและขึ้นทะเบียนโดยใช้เกณฑ์ที่ผ่านองค์การอนามัยโลก หากเราดูผลการประเมินผลการทดลองในคนระยะที่ 3 ในประเทศบราซิล กลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ตามเกณฑ์ประเมินป้องกันโรคมากกว่า 50% ที่สำคัญคือป้องกันความรุนแรงที่ต้องรักษาในร.พ.ประมาณ 78% และป้องกันการเสียชีวิต 100% เป็นข้อมูลสำคัญคือ ป้องกันการเสียชีวิต ส่วนการใช้วัคซีนซิโนแวคในประเทศชิลี ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่ามีการป้องกันโรค 67% ป้องกันการเข้ารักษาในร.พ. 85% ป้องกันอาการหนัก 89% และป้องกันการเสียชีวิต 80%

ครบ 2 เข็มสร้างภูมิ 99.4%

“การศึกษาของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ พบว่าผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว 1 เดือน มีภูมิต้านทานขึ้นถึง 99.4% เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ติดเชื้อตามธรรมชาติจะมีภูมิต้านทาน 92.4% ทำให้มั่นใจได้ว่า วัคซีนซิโนแวคมีความปลอดภัย มีประสิทธิผลและใช้ได้จริง จึงขอเชิญชวนทุกคนมาฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ให้ครอบครัว สังคม และที่สำคัญคือเพื่อประเทศ ให้เราเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ช่วยเหลือประเทศชาติต่อไป” นพ.ไพศาลกล่าว

มิ.ย.ได้แอสตร้าฯ6ล.โดส

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การจัดหาวัคซีนจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในเดือนพ.ค.นี้ 3.5 ล้านโดส จากซิโนแวค และเดือนมิ.ย.อีก 6 ล้านโดส จากแอสตร้าเซเนก้า ที่ผลิตในประเทศไทย จากนั้นเดือนก.ค. จะได้รับอย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น เช่น ไฟเซอร์ สปุ๊ตนิกวี หรือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน นั้น รัฐบาลตั้งเป้าเร่งจัดหาเพิ่มเติมจากเดิม 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2564

พาณิชย์จ่อถกห้ามนั่งที่ร้าน

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงผลกระทบของสมาคมร้านอาหารที่ยังไม่สามารถเปิดจำหน่ายอาหารแบบนั่งรับประทานที่ร้านได้ว่า จะเชิญนายกสมาคมภัตตาคารไทยมาพูดคุยเพื่อหาหนทางช่วยเหลือต่อไป ส่วนปัญหาการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หากพบจะดำเนินการตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน