ราชทัณฑ์เร่งล้อมคอก
โผล่อีกแหล่งระบาด
แคมป์คนงานติด196
‘กทม.’เฝ้าระวัง11เขต
ปากน้ำวุ่นเจออีก142

เจอคลัสเตอร์ใหม่ แคมป์คนงาน ก่อสร้างย่านหลักสี่ ของบริษัทดังติดเชื้อ 196 หลังจากตรวจเชิงรุกกว่า 300 คน สั่งปิดไซต์งานห้ามเข้าออก เร่งตรวจคัดกรองคนงานทั้งหมดกว่า 1,600 คน ยอดไทยป่วยโควิดทุบสถิติวันเดียว 4,887 มาจากคลัสเตอร์เรือนจำ 2,835 ราย ตายเพิ่ม 32 อาการหนัก 1,209 ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอีก 406 ระบุ 11 เขตกทม.ต้องเฝ้าระวังสูงสุด ‘สมศักดิ์’ โต้ปิดข่าวเคสติดเชื้อในคุก ชี้เหตุระบาดมาจากนักโทษเข้าใหม่ สั่งยกระดับป้องกันคุกทั่วปท. ที่ปากน้ำก็ยังหนัก พบคลัสเตอร์โรงงานอะไหล่รถยนต์ย่านบางเสาธง ติดเชื้อกระฉูด 142 เสี่ยงสูง 247

ทุบสถิติติดเชื้อ 4,887-ตายอีก 32

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 13 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า ประเทศ ไทยมีการติดเชื้อใหม่ 4,887 ราย มาจากการมีผู้ติดเชื้อในทัณฑสถานและมีการคัดกรองเชิงรุก ติดเชื้อ 2,835 ราย และการติดเชื้อตามปกติอีก 2,036 ราย คือระบบเฝ้าระวังในร.พ. 1,439 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 597 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 16 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 1,572 ราย เสียชีวิต 32 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 93,794 ราย หายป่วยสะสม 60,615 ราย

ระลอกตั้งแต่เม.ย.มีผู้ติดเชื้อสะสม 64,931 ราย หายสะสม 33,189 ราย เสียชีวิตสะสม 424 ราย ยังอยู่ระหว่างรักษา 32,661 ราย อยู่ในร.พ. 20,451 ราย และร.พ.สนาม 12,210 ราย จำนวนนี้มีอาการหนัก 1,209 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 406 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิต 32 ราย อายุ 38-93 ปี มาจากกทม. 17 ราย นครราชสีมา 3 ราย ปทุมธานี เชียงใหม่ จังหวัดละ 2 ราย สุรินทร์ สระบุรี นครปฐม พะเยา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี และภูเก็ต จังหวัดละ 1 ราย มีโรคประจำตัวใกล้เคียงเดิม คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไตเรื้อรัง โรคหัวใจ ตับ ปอดเรื้อรัง อ้วน ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังมาจากคนในครอบครัว ร่วมงานเลี้ยง ไปสถานที่คนแออัด ตลาด งานเลี้ยง อาชีพเสี่ยง ทำงานในตลาดและรถไฟ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 518 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 161,080,616 ราย เสียชีวิตสะสม 3,345,018 ราย

สั่งคุมเข้มลักลอบข้ามแดน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศ 16 ราย พบว่าลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ 7 ราย ได้แก่ กัมพูชา 2 ราย มาทางสระแก้ว พม่า 1 ราย มาทางแม่สอด มาเลเซีย 2 ราย มาทางนราธิวาส และลาว 2 ราย เข้ามาทางเชียงใหม่ ส่วนอื่นๆ มาจากสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย อิหร่าน ประเทศละ 1 ราย และอินเดีย 6 ราย ตอนนี้จะเห็นว่าการลักลอบเข้ามา วันนี้จับได้ 197 ราย ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 1 ม.ค.64 รวม 16,239 ราย ถือเป็นประเด็นปัญหา อย่างวันที่ 12 พ.ค. จ.กาญจนบุรี จับกุมแรงงานต่างชาติที่ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ พบรถปิกอัพ 3 คัน ลำเลียงต่างด้าวเข้ามา 75 คน เป็นชาวพม่าเข้ามาผิดกฎหมาย แต่เกิดอุบัติเหตุก่อน เจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการตรวจคัดกรองและดำเนินคดีตามกฎหมาย

กทม.ติดเชื้อพุ่งเกินพัน

“สำหรับ 10 อันดับที่มีการติดเชื้อสูงสุดวันนี้ ได้แก่ 1.กทม. 1,069 ราย สะสม 22,474 ราย 2.สมุทรปราการ 194 ราย สะสม 3,614 ราย 3.ปทุมธานี 105 ราย สะสม 1,582 ราย 4.นนทบุรี 78 ราย สะสม 4,113 ราย 5.สุราษฎร์ธานี 73 ราย สะสม 1,329 ราย 6.สมุทรสาคร 57 ราย สะสม 1,684 ราย 7.ชลบุรี 56 ราย สะสม 3,545 ราย 8.ประจวบคีรีขันธ์ 41 ราย สะสม 1,379 ราย 9. พระนครศรีอยุธยา 39 ราย สะสม 782 ราย และ 10.ระยอง 30 ราย สะสม 729 ราย”

เฝ้าระวัง 11 เขตกรุงป่วยพุ่ง

โฆษกศบค.กล่าวด้วยว่า การติดเชื้อใน กทม. มีแนวโน้มการระบาดคงตัว แต่แนวโน้มไม่ลดลง ยังพบผู้ป่วยอาการหนักและใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น จึงต้องมีร.พ.บุษราคัมที่ดูแล ผู้ป่วยสีเหลือง และร.พ.ที่ดูแลผู้ป่วยสีแดง ทั้งนี้สำนักอนามัย กทม.สแกนภาพพื้นที่ในเขตต่างๆ แบ่งพื้นที่คือ สีแดง พบติดเชื้อมากกว่า 600 คน สีเหลืองพบ 301-600 คน และสีฟ้าน้อยกว่า 300 คน เช่น กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง พบการระบาดในชุมชนในเขตดินแดง ป้อม ปราบศัตรูพ่าย การระบาดในตลาดพบในเขตสัมพันธวงศ์ พระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่ายและดินแดง และการระบาดในที่ทำงานออฟฟิศในเขตราชเทวี เป็นต้น

โดยตอนนี้ที่มีรายงานความเข้มข้น คือ 11 เขต คือ ดินแดง วัฒนา ลาดพร้าว พระนคร ราชเทวี สวนหลวง ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย คลองเตย จตุจักร และหลักสี่ ยังอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังที่จะมีการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 4 เขต คือ ปทุมวัน สาทร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และสัมพันธวงศ์ มีแนวโน้มควบคุมการระบาดได้ ต้องขอบคุณที่ร่วมมือกันดูแล

“เมื่อมีการป่วย จะไปหากลุ่มเสี่ยง และจะเอาเข้าไปอยู่ที่โรงแรมกักตัว 14 วัน โดยวันนี้มีเข้าไปอยู่ 52 ราย หากไม่พอจะให้อยู่ที่บ้านวันนี้มีเพิ่ม 2,120 ราย ตัวเลขสะสมคนกักกันที่บ้านทั้งหมดคือ 6,121 ราย ครบกักกันไปแล้ว 12,706 ราย และสะสมคนกักตัวอยู่ในโรงแรม 226 ราย ดังนั้น ขอให้ 6 พันกว่าคนที่กักตัวที่บ้านขอให้ความสำคัญสูงสุด เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่คนอื่น หากมีอาการให้รีบพบแพทย์”

อธิบดีคุกแจงโควิดเรือนจำ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นพ.วีระกิตติ์ หาญ ปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนาย วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมแถลงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์

นายอายุตม์กล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้อ พบผู้ติดเชื้อในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 1,794 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง 1,039 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อ รวมตั้งแต่เริ่มระบาดระลอกใหม่ในเดือนเม.ย.เป็นต้นมา และผู้ติดเชื้อทั้งหมดรายงานไปยังศบค.แล้ว โดยเมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำจะย้ายผู้ติดเชื้อไปยัง โรงพยาบาลแม่ข่ายในทันที และจะแจ้งไปยังญาติผู้ต้องขังเป็นการเฉพาะราย พร้อมทั้งเร่งขยายผลการสอบสวนโรคจากผู้ติดเชื้อดังกล่าวไปยังผู้ต้องขังที่อยู่ในระยะพื้นที่รับเชื้อทุกราย โดยจะตรวจซ้ำยืนยันภายใน 7 วัน และ 14 วัน และกรณีพบผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการหรือเป็น กลุ่มสีเขียว เรือนจำใดที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อจำนวนมากสามารถขออนุญาตผู้ว่าฯ ในการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามในพื้นที่เรือนจำ ภายใต้ความเห็นชอบของฝ่ายปกครองพื้นที่สาธารณสุขจังหวัด โดยจะต้องจัดเตรียมบุคลากร สถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ให้พร้อม

นายอายุตม์กล่าวต่อว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว คือ 1.บับเบิล แอนด์ ซีล เรือนจำที่มีการระบาดใหญ่จะลดการรับตัวผู้ต้องขังรายใหม่ลง โดยส่งเรื่องพิจารณาให้ศาลทราบและพิจารณาหนทางต่างๆ ที่อาจเป็นไปได้ รวมถึงการไต่สวนทางระบบคอนเฟอเรนซ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผู้ต้องขังไปศาล 2.คัดกรองรายใหม่ก่อนเข้าเรือนจำ ทั้งผู้ต้องขังเข้าใหม่ ออกศาล หรือกลับจากโรงพยาบาลเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน และเร่งตรวจหาเชื้อโดยเร็วที่สุด และตรวจซ้ำอีกครั้งก่อนจะจำหน่ายจากแดนกักควบคุมโรคไปยังแดนทั่วไป และ 3.เจ้าหน้าที่เรือนจำทุกแห่งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้กำชับให้อยู่ในพื้นที่บ้านพัก ลดการสัมผัสกับครอบครัว และต้องเข้ารับตรวจสว็อบ ค้นหาการติดเชื้อที่อาจรับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัวโดยวิธี RT-PCR ทุก 14 วัน

ขอยา-อุปกรณ์รักษาเพิ่ม

ด้านนพ.วีระกิตติ์กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลในการแพร่ระบาดครั้งนี้ คือเรื่องของสายพันธุ์ที่มีความไวต่อการติดเชื้อได้สูง แสดงอาการช้า และมีภาวะแทรกซ้อนอันตราย นับเป็นเรื่องใหม่ที่กรมราชทัณฑ์ต้องเผชิญ อีกทั้งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ อาจจะมีบุคลากรเฉพาะด้านที่ไม่เพียงพอกับการดูแลผู้ป่วยทั้งหมด ซึ่งได้เร่งจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือเพิ่มเติมได้แก่เวชภัณฑ์ ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ที่ยังอยู่ระหว่างการขอรับการอนุเคราะห์จากกระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ เช่นโรงเรียนแพทย์ต่างๆ องค์การเภสัชกรรม, ยากลุ่มพิเศษอยู่นอกบัญชียาหลักซึ่งมีราคาสูงอยู่ในระหว่างขออนุมัติการจัดซื้อจากกรมราชทัณฑ์, อุปกรณ์เครื่องมือ เช่น เครื่องช่วยหายใจ พร้อมระบบความดันออกซิเจนสูง อย่างน้อย 5-15 เครื่อง, วัสดุในการตรวจคัดกรองเชื้อ เช่น ชุดพีพีอี ชุดราปิดเทสต์ สำหรับตรวจแอนติเจน และแอนติบอดี, พัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดตั้งโรงพยา บาลสนาม

นพ.วีระกิตติ์กล่าวต่อว่า แผนดำเนินการหลังจากนี้จะเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลสนาม ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยระดับสีแดง อาการหนัก โดยจะติดตั้งระบบความดันออกซิเจนสูง และเครื่องช่วยหายใจ 5-10 เตียง เพื่อรองรับไว้ และสำรองยาที่ใช้รักษาให้เพียงพอตลอด รวมถึงเตรียมเสนอให้มีการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังในรายที่ไม่ติดเชื้อ และไม่มีภูมิต้านทาน เริ่มต้นในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว หรือค่า BMI สูง จนครอบคลุมผู้ต้องขัง ทุกรายในที่สุด โดยเรียกการบริหารสถาน การณ์ครั้งนี้ว่า “ลาดยาวโมเดล”

โควิดคุก – นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แถลงกรณี ผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง รวมเกือบ 3,000 คน ระบุสาเหตุติดจากเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังเข้ามาใหม่ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.

‘สมศักดิ์’โต้ปิดข่าวนักโทษติดเชื้อ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมนายอายุตม์ นพ.วีระกิตติ์ ประชุมร่วมกัน พร้อมแถลงข่าวกรณีมีผู้ต้องขังในเรือนจำติดโควิด-19 จำนวนมาก

นายสมศักดิ์กล่าวว่า การป้องกันโควิดในเรือนจำ และผู้ต้องขังทั่วประเทศ แนวทางของรัฐบาล นายกฯกำชับตลอดให้หมั่นดูแลเอาใจใส่ เพราะหากติดเชื้อจะเกิดการลุกลามได้ง่าย ส่วนการตรวจหาเชื้อในเรือนจำ เราทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รถพระราชทานตรวจโควิด ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเราส่งข่าวให้ญาติทั้งหมดทราบ แต่มีจำนวนมากทำไม่ได้เร็ว ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้คุม 1 คนจะดูแลผู้ต้องขัง 6 คน แต่สำหรับประเทศ ไทย อัตราส่วนคือ 1 ต่อ 33 เพราะเรามีบุคลากรน้อย ทุกเรือนจำข้างในเข้มงวดมาก แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่นๆ ส่วนการออกไปศาล เราประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่าศาลท่านจะเข้าใจ และสถานการณ์จะคลี่คลายได้

“ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้ นอกจากนี้ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด”

ชี้นักโทษใหม่แพร่เชื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปิดข่าวว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เราไม่มีการปิดข่าว เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด กรณีมีภาพหน้ากากที่บางมากในเฟซบุ๊ก ตนให้สอบข้อเท็จจริงแล้ว

ด้านนพ.วีระกิตติ์กล่าวว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล ร.พ.ราชทัณฑ์มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ในเดือน เม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดยร.พ.สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำ แต่อาจจะตรวจได้ช้า แต่เมื่อเราได้รถพระราชทานจึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก

นพ.วีระกิตติ์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีติดเชื้อที่เรือนจำจ.นราธิวาส แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนที่อื่นๆ ดำเนินการตามสาธารณสุขยังไม่พบการติดเชื้อ ซึ่งเราปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือตอนเข้าและหลังกักตัว และใช้ราปิดเทสต์ จะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น

นายอายุตม์ กล่าวถึงการสอบสวนต้นตอการติดเชื้อในเรือนจำครั้งนี้ว่า ทัณฑสถานหญิงกลางมาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อส่งรักษาแล้ว มีการจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมดมีสีแดง 4 ราย มี 1 รายใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากโรคประจำตัว ซึ่งเรายังใช้แนวทางบับเบิ้ล แอนด์ซีล และมีห้องกักโรคแยกชัดเจน ส่วนเรื่องของวัคซีน ประสานอธิบดีกรมควบคุมโรคในการจัดหาแล้ว และแจ้งไปยังเรือนจำทั่วประเทศให้ควบคุมให้ดี

‘อนุทิน’ใช้โมเดลรง.คุม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้ต้องขังติดโควิดเกือบ 3 พันรายว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าเสียใจที่เกิดการติดเชื้อจำนวนมาก ขณะนี้กรมควบคุมโรคเข้าไปช่วยควบคุมการระบาดในเรือนจำแล้ว มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ และตามหลักการสาธารณสุขอย่างน้อยยังถือว่าเป็นพื้นที่ปิด ไม่มีการออกมาข้างนอกแต่อย่างใด ทั้งนี้มีการหารือว่า น่าจะใช้โมเดลควบคุมการระบาดอย่างที่สมุทรสาคร คือการกักตัวในโรงงาน ไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อคนภายนอก

“นอกจากนี้จะคัดแยกผู้ป่วยไม่มีอาการก็รอดู ถ้าร่างกายแข็งแรง 14 วันหาย ให้ยาตามสีอาการ ส่วนคนที่มีอาการปานกลางก็มี ร.พ.ราชทัณฑ์ ดูแล ส่วนคนที่มีอาการระดับสีเหลืองเข้มมาเป็นสีแดงนั้น สธ.จะรับช่วงต่อ โดยนำผู้ต้องขังมารักษาตามสิทธิ”

แคมป์ก่อสร้างหลักสี่ติด 196

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดคลัสเตอร์ใหม่ในแคมป์คนงานก่อสร้างของบริษัทยักษ์ใหญ่ภายในซอยยายผล บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติจุฬาภรณ์ แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ ซึ่งมีคนงานทั้งหมด 1,667 คน จากการตรวจเชิงรุกคนงานในแคมป์ 359 คน พบติดเชื้อ 196 คน

วันเดียวกัน นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ พร้อมคณะผู้บริหารเขต เข้าตรวจแคมป์คนงานก่อสร้างดังกล่าว พร้อมติดป้ายประกาศห้ามบุคคลเข้า-ออกสถานที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด ภายหลังจากตรวจคัดกรองเชิงรุกเมื่อวันที่ 11 พ.ค. พบว่า คนงานในแคมป์ดังกล่าวติดเชื้อโควิดจำนวนมาก พร้อมทั้งแจ้งให้คนงานในแคมป์ดังกล่าว กักตัวและปฏิบัติตามข้อกำหนดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่ การปฏิบัติตัวสำหรับผู้กักตัว การทำความสะอาดสถานที่ การจัดการน้ำใช้-น้ำทิ้ง และการจัดการขยะอย่างเคร่งครัด

พร้อมกันนี้ เขตจัดรถรับ-ส่งประชาชนที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงแคมป์คนงาน ไปตรวจคัดกรอง ที่สถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค และสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งจำกัดวงการระบาดและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการตรวจเชิงรุก 209 ราย ผลเป็นบวก 120 ราย ตรวจที่โรงพยาบาล 150 ราย ผลเป็นบวก 76 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 196 ราย เขตหลักสี่ประสานสปคม. กรมควบคุมโรค ตั้งเป้าคัดกรองเชิงรุกให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน คือในวันที่ 15 พ.ค. คัดกรองแรงงานต่างด้าว 500 คน และวันที่ 16 พ.ค. คัดกรองเชิงรุกแรงงานไทย 300 คน และเตรียมสั่งปิดแคมป์คนงาน 7 วัน

ขณะที่บริษัทเจ้าของแคมป์คนงานดังกล่าว ยืนยันเป็นแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายทั้งหมด

สั่งปิดไซต์งานก่อสร้างติดโควิด

นายสมบัติกล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานเขตหลักสี่แยกผู้ติดเชื้อไปยังสถานพยาบาลแล้ว พร้อมสั่งปิดพื้นที่ ห้ามบุคคลเข้า-ออกโดยเด็ดขาด และให้บริษัทดูแลคนงานที่ยังไม่ได้รับตรวจคัดกรองให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดอย่างเข้มงวด โดยวันที่ 15-16 พ.ค. สำนักงานเขตหลักสี่ สปคม.และศูนย์บริการสาธารณสุข 53 จะดำเนินการคัดกรองโรคคนงานทั้งหมดให้ครบ 100% เพื่อติดตามสถานการณ์และจำกัดการแพร่ระบาดต่อไป

‘อิตาเลียนไทย’ปิดแคมป์ 7 วัน

ด้านบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า สืบเนื่องจากเขตหลักสี่ตรวจคัดกรอง เชิงรุก แคมป์คนงานบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) บริเวณซอยยายผล บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติจุฬาภรณ์ และพบคนงานติดเชื้อโควิด รวม 196 ราย จากจำนวนคนงานทั้งแรงงานต่างด้าว แรงงานไทย ตลอดจนพนักงาน นายช่างและวิศวกร รวม 1,667 ราย ซึ่งบริษัทได้มีการจัดแบ่งโซนอยู่อาศัยชัดเจนแล้วนั้น

ภายหลังจากพบผู้พักอาศัยภายในแคมป์ติดเชื้อโควิด บริษัทดำเนินการตามคำสั่งของเขตหลักสี่ให้ปิดพื้นที่แคมป์เพื่อทำความสะอาด และพ่นยาฆ่าเชื้อ พร้อมห้ามไม่ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในแคมป์ออกนอกพื้นที่ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปบริเวณแคมป์ 7 วัน ตามคำสั่งของสำนักงานเขต แต่ทั้งนี้บริษัทจะขอพิจารณาเพื่อปรับแผนรับมือกับเหตุการณ์ระบาดของโรคอีกครั้งหลังจากนี้ ขณะนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขลงพื้นที่แล้ว โดยบริษัทคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของทางราชการ

คลัสเตอร์ใหม่ปากน้ำติดเชื้อ 142

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางเสาธง จ.สมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทีมปฏิบัติการเข้าตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ ภายในบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมเทพารักษ์ ถ.เทพารักษ์ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง หลังมีพนักงานรายหนึ่งระดับหัวหน้าเดินทางไปเยี่ยมญาติในย่านชุมชนคลองเตยซึ่งมีการระบาดของโควิดเมื่อกลางเดือนเม.ย.

จากข้อมูล บริษัทมีพนักงาน 342 คนซึ่งมีทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ผลการตรวจเชิงรุกพนักงานทั้งหมด แบ่งเป็นแรงงานคนไทย 164 ราย พบเชื้อ 18 ราย และแรงงานต่างด้าว 196 ราย พบเชื้อ 111 ราย รวมยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 129 ราย และเมื่อวันที่ 12 พ.ค. พบติดเชื้อ 13 ราย รวมผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่โรงงานแห่งนี้ 142 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสั่งปิดบริษัทดังกล่าวชั่วคราวจนถึงวันที่ 24 พ.ค. ขณะที่ทางบริษัทขอปิดยาวจนไปถึง 31 พ.ค. เพื่อความปลอดภัยของพนักงานทุกคน

จากการสอบสวนโรคทราบว่า ก่อนหน้านี้พนักงานระดับหัวหน้าแผนกเดินทางไปเยี่ยมญาติในย่านคลองเตย ก่อนกลับมาทำงานตามปกติ และมีการเรียกประชุมพนักงานรวม 13 คน กระทั่งทราบว่าญาติที่อยู่ในย่านคลองเตยที่หัวหน้าแผนกคนดังกล่าวเดินทางไปเยี่ยมติดเชื้อโควิด เจ้าตัวจึงเดินทางไปตรวจ พบว่าติดเชื้อโควิดเช่นกัน ทางบริษัทจึงประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เข้าตรวจคัดกรองพนักงานทั้งหมด โดยเฉพาะพนักงานที่ร่วมประชุมกับทางหัวหน้าแผนกทั้ง 12 คน ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดทั้งหมด จึงส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม

ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งติดตามพนักงานกลุ่มเสี่ยงสูงอีกกว่า 200 ราย กระจายพักตามห้องเช่าต่างๆ ในพื้นที่อ.บางเสาธงและใกล้เคียง โดยมีบางส่วนใช้รถสองแถวของทางบริษัทมาลำเลียงขนแรงงานส่งไปยังโรงพยาบาลสนามของทางจังหวัด

เจอกลุ่มเสี่ยงอีก 247

ด้านนายพสิษฐ์ แป้นเหมือน สาธารณสุขอำเภอบางเสาธง นำทีมเจ้าหน้าที่และอสม.บางเสาธงลงพื้นที่ร้านอันดามันซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับโรงงานคลัสเตอร์ดังกล่าว และเป็นชุมชนกลุ่มเสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่ โดยสุ่มตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงกว่า 150 คน ทั้งคนทำงาน ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน

นายพสิษฐ์กล่าวถึงคลัสเตอร์โรงงานแห่งนี้ว่า ผลยืนยันเมื่อวานนี้ 142 ราย และยังรอผลตรวจวันนี้อีก 65 ราย โรงงานแห่งนี้มีพนักงานทั้งหมด 433 คน ส่งตรวจหาเชื้อ 342 ราย พบเชื้อ 142 ราย ยังมีพนักงานกลุ่มเสี่ยงสัมผัสสูงอีก 247 รายที่จะต้องนำเข้าสู่สเตต ควอรันทีน โดย 247 รายสามารถติดตามตัวมาได้แล้วส่วนหนึ่ง ยังคงต้องเร่งติดตามตัวที่เหลือกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติที่มีที่พักไม่ทราบหลักแหล่ง และติดปัญหาเรื่องการสื่อสาร

คลัสเตอร์รง.อาหารทะเลป่วย 24

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนัก งานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ร.พ.จะนะ และสำนักงานควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ประชุมวางแนวทางการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดภายในโรงงานแปรรูปอาหารทะเลแห่งหนึ่งในพื้นที่ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา 24 คน จากการตรวจเชิงรุกกว่า 500 คน เป็นพนักงานไทย 10 คนและแรงงานต่างชาติอีก 14 คน โดยวันนี้สอบสวนโรคกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พร้อม สว็อบทันที 60 คน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีก 500 คนที่จะเข้าตรวจเชื้อเชิงรุกในวันที่ 14 พ.ค.

นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์ สาธารณสุขจ.สงขลา กล่าวว่าการสอบสวนโรคพบว่า เริ่มต้นมีพนักงานของโรงงานติดเชื้อมาจากคลัสเตอร์ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านวชิรา อ.เมืองสงขลา เพียง 1 คน จากนั้นพบผู้ติดเชื้อเป็นคนไทย 5 คน ซึ่งเป็นพนักงานที่มีสัมผัสกับผู้ป่วยรายแรก ส่วนแรงงานต่างด้าวพบว่าป่วยอยู่ก่อนแล้ว และเข้าพบแพทย์ กระทั่งมีการตรวจหาเชื้อ ซึ่งยังไม่พบความเชื่อมโยงกลุ่มผู้ป่วยไทยในโรงงาน

ด้านนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.ร.พ.จะนะ นำทีมแพทย์เข้าไปตรวจหาเชื้อที่โรงงานมาแล้ว ซึ่งมีผู้ที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง 566 คน จากพนักงานของโรงงานแห่งนี้ประมาณ 2,000 คน เป็นแรงงานต่างชาติ ร้อยละ 50 ขณะนี้โรงงานกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่

ผลการตรวจเชื้อเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง พบว่าจำนวนนี้มีพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ในอ.จะนะ ติดเชื้อ 22 คน

ลุง71ฉะเชิงเทราดับเซ่นโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา เคลื่อนย้ายร่างของชายอายุ 71 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากโควิด รายที่ 5 ของฉะเชิงเทรา แพทย์วินิจฉัยโรคว่าภาวะไตวาย และติดเชื้อโควิด ออกจากร.พ.พุทธโสธร มายังวัดอุดมมงคล หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ ต.ท่าไข่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อประกอบพิธีเผาศพ โดยมีภรรยาและลูกหลานของผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากจ.สมุทรปราการเข้าร่วมพิธี

ผู้เสียชีวิตเริ่มมีอาการซึม แขนขาอ่อนแรง มีไข้สูง เข้ารับการตรวจรักษาที่ร.พ.เปาโล เมื่อ 26 เม.ย. ก่อนถูกส่งตัวมาที่ร.พ.พุทธโสธร ฉะเชิงเทรา จนเมื่อเวลา 01.00 น.อาการทรุดหนัก ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ภรรยาของผู้ตายเปิดเผยว่า สามีน่าจะติดโควิดมาจากสำนักแพทย์ที่ผู้ตายไปรับยา ปกติแล้วเขาไม่เคยออกไปไหน จะออกจากบ้านคือไปรับยาเพียงเท่านั้น โดยมีโรคประจำตัวคือโรคไต เบาหวาน ตับแข็ง และโรคเกาต์ เมื่อป่วยจึงมีอาการทรุดลง กระทั่งเสียชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน