หาเบาะแสบ้านคนใกล้ชิด
ลูก‘ป๋า’โต้-ปมภาพถ่ายคู่
ยันไม่รู้จักแค่ร่วมอวยพร
ทบ.ปัดตอบเอี่ยว‘ไอโอ’

ยังเชื่อกบดานในไทย ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ ตั้งบริษัทตุ๋นพันล้านและยังเชื่อมโยงกับไอโอ กองทัพ กองปราบฯ จัดหลายทีมหาเบาะแสมุ่งซุกบิ๊กขรก.-คนมีสี ที่สนิทสนมด้วย เสนอ ตร.แห่งชาติ ตั้งกรรมการร่วมทำงาน ชี้ยังไม่พบเชื่อมโยงนักการเมืองดัง แม้เคยไปเป็นประธานเปิดบริษัทให้ คนสนิท ‘ป๋าเปรม’ ยันป๋าไม่รู้จักนายประสิทธิ์ แต่ที่มีภาพถ่ายคู่อาจเป็นตอนเปิดบ้านในวาระต่างๆ ให้คนมาอวยพร โฆษกกองทัพบก อ้อมแอ้มประเด็น ‘ไอโอ’ อ้างเคยชี้แจงไปแล้ว แต่หากมีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการ ‘ช่อ’ จี้กองทัพเร่งชี้แจงร่วมธุรกรรมกับกลุ่มนายประสิทธิ์ ทั้งเรื่องให้มาอบรมกำลังพล หรือสนับสนุนเกี่ยวกับไอโอ

ล่าตัว – ภาพถ่าย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการ ‘คืนคุณแผ่นดิน’ เมื่อครั้งออกงานบรรยายด้านการข่าว ล่าสุดตกเป็นผู้ต้องหาหัวโจกขบวนการฉ้อโกงต้มตุ๋นพันล้าน ตำรวจตั้งทีมใหญ่เร่งล่าตัวมาดำเนินคดี

จากกรณีกองปราบฯ ร่วมกับ บก.ปอศ. และ บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการ ‘ปิดเกมส์ คนเหนือโลก’ ทลายเครือข่ายของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน และจิตอาสาหน่วยปฏิบัติการข่าวสาร หรือไอโอของกองทัพ หลังร่วมกับพวกเปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ อ้างได้รับผลตอบแทนสูง มีเหยื่อหลงเชื่อค่าเสียหายนับพันล้านบาท จับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 4 คน อยู่ระหว่างตามจับนายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการ ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 พ.ค. พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. กล่าวว่าคดีนี้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดไปได้แล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้สำนวนมีความแน่นหนามากขึ้น เนื่องจากคดีมีมูลค่าความ เสียหายค่อนข้างสูง รวมทั้งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก การดำเนินการจึงต้องละเอียดรอบคอบ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คน ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ให้ฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ป. กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสเป็นการด่วน เพื่อตรวจสอบทุกข้อมูลเบาะแสที่มี และเร่งจับกุม

พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวอีกว่าการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานบุคคลต่างๆ ทราบว่า ขณะนี้สอบไปได้ 100 กว่าปากแล้ว พยานทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกันว่า บริษัท ดังกล่าวไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ทั้ง 5 รูปแบบการลงทุน อย่างไรก็ตามคงเหลือผู้เสียหายที่ยังไม่ได้สอบปากคำอีกหลายร้อยราย ส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด จึงอาจต้องทำเรื่องเสนอไปยังสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อมาดูแลคดี และโอนสำนวนคดีทั้งหมดโดยเป็นการสอบปากคำจากในแต่ละพื้นที่เข้ามาที่ส่วนกลาง เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

ส่วนกรณีที่มีภาพข่าวปรากฏเป็นภาพของนักการเมืองชื่อดัง ไปเป็นประธานงานเปิดตัวบริษัทเครือข่ายของผู้ต้องหาหลายครั้ง ผบก.ป.กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนยังไปไม่ถึงข้อมูลตรงนั้น เนื่องจากต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายในคดีให้ได้ครบทั้งหมดก่อน และต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเอกสารที่สามารถรวบรวมได้จากการเข้าตรวจค้นทั้ง 9 จุด ว่าพบความเชื่อมโยงหรือไม่ จากข้อมูลที่ได้ตอนนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยง หรือมีใครให้การซัดทอดไปถึงบุคคลที่ปรากฏตามภาพข่าว แต่หากพบข้อมูลอาจออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อเท็จจริง

ผบก.ป.กล่าวต่ออีกว่า การเข้าทลาย เครือข่ายธุรกิจดังกล่าว ตำรวจมีพยาน หลักฐานชัดเจนอีกทั้งการสอบปากคำผู้เสียหาย รวมถึงการตรวจสอบธุรกิจทั้งหมดของเครือข่ายนี้พบว่า ไม่สามารถหาเงินมาจ่าย ค่าตอบแทนให้กับกลุ่มเครือข่ายได้ตามสัญญา จึงเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชน และต้องรีบดำเนินการติดตามทรัพย์สินทั้งหมดมาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือเป็นคดีที่มีใบสั่ง เจ้าหน้าที่ทำไปตามกรอบกฎหมาย

รายงานข่าวแจ้งว่าการติดตามตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 ราย เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วน ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณบ้านพักอาศัยในกลุ่มเครือญาติ ผู้ต้องหา รวมไปถึงนายทหาร ข้าราชการระดับสูงหลายคน ที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนสนิทมักคุ้น เพราะยังเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศ ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีการยักย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปอยู่ที่ ผู้ใดบ้าง โดยมีกองปราบปรามช่วยสืบสวนเรื่องเส้นทางการเงินด้วยอีกส่วนหนึ่ง

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากแนวทางสืบสวนพบขบวนการดังกล่าวยังมีธุรกิจและโครงการต่างๆ อีกหลายประเภท ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นโครงการแอพพลิเคชั่นด้านการจราจรและแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ที่ทำร่วมกับตำรวจ (m help me) ซึ่งพบว่าเทกโอเวอร์มาจากบริษัทในประเทศจีน แต่เนื่องจากโครงการนี้ไม่ได้ถูกนำไปเสนอขายทางธุรกิจให้กับเหยื่อ จึงยังไม่พบความผิดที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลงทุน

ด้านพล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เรื่องไอโอของกองทัพนั้นเคยมีการชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนที่มีการร้องเรียนว่าอาจมีกำลังพลของกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจในขบวนการของนายประสิทธิ์นั้น กองทัพบกกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ถ้าพบว่ามีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องก็พร้อมดำเนินการทันที

แหล่งข่าวนายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดเผยถึงกรณีที่มีภาพถ่ายของนายประสิทธิ์ ถ่ายภาพร่วมกับพล.อ.เปรม ว่าปกติในวันสำคัญต่างๆ ของพล.อ.เปรม เช่น วันครบรอบเกิด วันขึ้นปีใหม่ หรือช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ พล.อ.เปรมจะเปิดบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ให้นายกฯ คณะรัฐมนตรี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ลูกๆ ทหารม้า ตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาอวยพรได้ตามปกติ ยืนยันว่าพล.อ.เปรม ไม่ได้มีความสนิทสนมส่วนตัวกับนายประสิทธิ์แต่อย่างใด

น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวว่าตั้งข้อสังเกตถึงบริษัทในเครือธุรกิจทั้งหมดของนายประสิทธิ์ที่ชื่อว่า M Group พบความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องงบการเงินที่ไม่สมเหตุสมผล เรื่องโมเดลธุรกิจต่างๆ จนทำให้น่าเชื่อว่านี่คือการหลอกหลวงต้มตุ๋นครั้งใหญ่ และไม่สมควรที่กองทัพจะให้บุคคลเช่นนี้มาอบรมเจ้าหน้าที่กองทัพ และร่วมมือกับกองทัพ ไม่ว่าจะในกิจการใด ผลของการแถลงข่าว ดังกล่าวนอกจากจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากกองทัพ ไม่ตอบคำถามเรื่องไอโอ นอกจากการปฏิเสธแบบยืนกระต่ายขาเดียว

น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้ที่แฉเรื่องนายประสิทธิ์ ใช้พื้นที่เซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ในเครือบริษัท เป็นที่ใช้สื่อสารกันของแอพพลิเคชั่นเครือข่ายไอโอ ที่มีกำลังพลในกองทัพจำนวนนับร้อยนับพันคนปฏิบัติงานอยู่ในนั้น รวมถึงมีธุรกรรมกับหน่วยงานในกองทัพจนถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาทกล่าวหาว่าทำธุรกิจไม่ชอบมาพากล ถึงกลายเป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งแล้ว ถึงความถูกต้องของข้อมูลที่คณะก้าวหน้า เปิดเผยก่อนหน้านี้ แม้เราจะถูกปิดปากด้วยคดีความ ถูกข่มขู่และดิสเครดิตต่างๆ จากกลุ่มประสิทธิ์ ถูกไอโอโจมตีด้อยค่า ปรากฏว่าข้อมูลและการ คาดการณ์ต่างๆ ล้วนกลายเป็นจริง ประเทศนี้ คดีความและการถูกด้อยค่าคือราคาที่คนพูดความจริงต้องจ่าย

น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า กองทัพไม่สามารถนิ่งเงียบเพื่อเอาตัวรอดได้ในทุกเรื่อง ครั้งนี้ขอให้มีจิตสำนึกของความเป็นหน่วยงานรัฐที่ทำงานบนภาษีประชาชน ออกมาชี้แจงที่มาที่ไปของการร่วมงานกับนายประสิทธิ์ ทั้งที่เป็นผู้ที่มีภูมิหลังทางธุรกิจไม่โปร่งใส และที่สำคัญที่สุดประชาชนอยากทราบว่าเมื่อเครือข่ายประสิทธิ์ถูกจับกุมทำลายไปแล้ว กองทัพยังสานต่อภารกิจไอโอจิตอาสา ต่อไปหรือไม่ และดำเนินการโดยใคร

“เรามีข้อมูลว่าปฏิบัติการไอโอยังดำเนินอยู่ และขยายวงครอบคลุมหลายหน่วยของกองทัพมากขึ้น รวมถึงมีเอกชนเข้ามาร่วมมือ แม้นายประสิทธิ์ถูกออกหมายจับไม่ได้แปลว่าปฏิบัติการจะหยุดชะงักถ้ากองทัพยังไม่หยุดพฤติกรรม เราจะไม่หยุดตามสืบข้อมูลต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รู้เท่าทันขบวนการไอโอ” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีเหยื่อกลุ่ม นายประสิทธิ์ ออกมาแฉผ่านรายการทีวี อาทิ นางสุ (นามสมมติ) ระบุว่าเคยทำงาน ฟรีแลนซ์ เป็นหน้าม้าที่บริษัทดังกล่าว จ้างไปร่วมงานชิงโชคเพื่อจับรางวัล จนตอนหลังเข้าไปร่วมซื้อแพ็กเกจทัวร์ และลงทุนผ่านโครงการต่างๆ หมดไปกว่า 1.9 ล้านบาท โดยบริษัทมีโปรออกมาเรื่อยๆ ใช้ผลตอบแทนที่รวดเร็วมาล่อ เพราะเราอายุเยอะทำงานไม่ไหวก็หวังว่าจะได้เงินปันผลจากอันนี้แต่ก็ไม่ได้คืน ขณะที่บอล (นามสมมติ) เหยื่ออีกราย แฉว่าไปงานขายทัวร์ท่องเที่ยวงานหนึ่ง แล้วเจอบริษัทนี้มาออกบูธ จึงเข้าไปซื้อแพ็กเกจ เขามีเทคนิคการขายว่า “เที่ยวฟรีมีที่เดียวในโลก” อีกทั้งยังมีการแจกหนังสือ “อันธพาลกลับใจ กู้วิกฤตพันล้าน” เล่าว่าผ่านวิกฤตชีวิตมาอย่างไร แล้วตั้งใจจะมาทำความดี จึงตัดสินใจ ซื้อทัวร์

ด้านทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวในรายการว่ากรณีนี้เป็นวิธีการของแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน ผู้เสียหายต้องรวมตัวกัน เพื่อให้อายัดทรัพย์สินเขามา เมื่อผลการชี้ขาดของศาลสิ้นสุดลงแล้วจะได้จัดสรรไปตามความเสียหายที่เกิดขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน