วิป4ฝ่ายถกประชุมสภา
เดินหน้า-เลื่อนหนีโควิด

รัฐบาลแจง 3 ปมร้อน ยันงบประมาณปี 65 ไม่ขัดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง จัดให้สาธารณสุขมากกว่ากลาโหม 9.2 หมื่นล้าน โต้ข่าวลือหนี้สาธารณะทะลักวิป 4 ฝ่ายถกด่วนวันนี้ หารือคำสั่งศบค. ห้ามประชุมกรรมาธิการ เป็นเหตุต้อง เลื่อนพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ หรือไม่ ส.ส.เพื่อไทยกว่า 60 จองคิวถล่มในสภา ‘ภูมิธรรม’ ซัดทำงบปกป้องประโยชน์ พวกพ้อง-ไร้วิสัยทัศน์พาประเทศพ้นวิกฤต อดีตขุนคลัง‘ธีระชัย’ ร้องศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน

รัฐบาลแจงยิบ 3 ปมร้อนงบ 65

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า วาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. รัฐบาลพร้อมชี้แจงให้ข้อมูลถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประมาณปี 2565 ขณะเดียวกัน ส.ส.จะได้แสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง หากการใช้เวลาอภิปรายเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากบางกลุ่ม จึงขอชี้แจง ดังนี้ 1.)การที่งบประมาณรายจ่ายลงทุนปี 2565 วงเงิน 624,399 ล้านบาท (20.14% ของงบประมาณรายจ่าย) น้อยกว่าการขาดดุลงบประมาณที่ตั้งไว้ 700,000 ล้านบาท ไม่ได้ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง ตามที่เข้าใจผิดกัน

แม้กฎหมายได้กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายลงทุน ต้องมีไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของงบรายจ่ายประจำปี และต้องไม่น้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประจำปี ต้องพิจารณาในวรรคสอง ของมาตรา 20 ด้วย ซึ่งกำหนดข้อยกเว้น กรณีที่การตั้งงบรายจ่ายไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ในวรรคหนึ่งได้ ให้รัฐบาลแสดงเหตุผลความจำเป็นและมาตรการในการแก้ไขต่อรัฐสภา พร้อมกับการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีด้วย และเพื่อให้เป็นตามที่กฎหมายกำหนด ครม. เมื่อ 16 มี.ค.ได้เห็นชอบหลักการมาตรการในการแก้ไขกรณีงบรายจ่ายลงทุนมีน้อยกว่าวงเงินส่วนขาดดุล และจะรายงานให้สภาได้ทราบ

โดยการเพิ่มแหล่งเงินลงทุนของประเทศ ประกอบด้วย 1.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ 2.กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย 3.การใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อวางรากฐานการพัฒนาระบบน้ำ การสร้างคุณภาพชีวิต และการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค การลงทุนเพื่อการให้บริการด้านสาธารณสุข ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสร้างความเข้มแข็งของประเทศ

ยันให้สธ.มากกว่ากห. 9.2 หมื่นล.

2.ข้อวิจารณ์ว่า กระทรวงกลาโหม(กห.)ได้งบประมาณมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งในความเป็นจริง งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุขนั้น ยังมีในส่วนของกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน และกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเมื่อรวมงบประมาณเข้าด้วยกันแล้ว ด้านการสาธารณสุขได้รับการจัดสรรมากกว่ากลาโหม กว่า 9.2 หมื่นล้านบาท

3.ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเลขการรายงานเงินขาดทุนสะสมของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มูลค่า 1.069 ล้านล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ใช่หนี้สาธารณะ ตามที่ไปลือกัน โดยธปท.อธิบายว่า รายงานดังกล่าวเป็นการแสดงรายการงบการเงินของ ธปท. และเป็นธุรกรรมที่เกิดจากการทำหน้าที่ปกติของธปท. ในการดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติเช่นเดียวกันทั่วโลก ตามนิยามของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ที่กำหนดมาตรฐานการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจการเงินเพื่อการเปรียบเทียบและติดตามการทำนโยบายของประเทศสมาชิก

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประมาณการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 มี 3,100,000 ล้านบาท ลดลงจากงบประมาณปีก่อน ที่กำหนดไว้ 3,285,962.5 ล้านบาท ประเด็นข้อสงสัยจากส.ส. รัฐบาลพร้อมชี้แจงข้อมูลถึงความจำเป็นและประโยชน์ของการใช้งบประมาณแผ่นดินในแผนงานและโครงการต่างๆ รวมถึงความสอดคล้องต่อสถานการณ์ของประเทศ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ประเทศจะได้เดินหน้าบนพื้นฐานความเข้าใจ แม้อาจมีความเห็นต่างกันบ้าง” น.ส.รัชดากล่าว

‘ชวน’กำชับมาตรการเข้มคุมโควิด

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภา ผู้แทนราษฎร รับทราบรายงาน ที่พบมีแรงงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สัญชาติกัมพูชา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 ราย ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนของงานภายนอกอาคาร นายชวนไม่ได้แสดงความวิตกหรือกังวล พร้อมระบุว่า เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นได้กับสถานที่ทุกที่ ดังนั้นขอให้ทุกคนไม่ประมาท พร้อมย้ำว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในห้องประชุมสภาทุกคนต้องฉีดวัคซีน ส่วนส.ส.ที่ไม่รับการฉีดวัคซีน เมื่ออยู่ภายในห้องประชุมต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และปฏิบัติตนตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด

“ตั้งแต่สัปดาห์หน้า สภามีมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งการวัดอุณหภูมิ การแสดงเอกสารฉีดวัคซีน หรือหากยังไม่ฉีดวัคซีนต้องมีใบตรวจที่ยืนยันว่าไม่ติดเชื้อ พร้อมจำกัดจำนวนคน โดยส.ส. 1 คน อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คนและคนขับรถอีก 1 คน ขณะนี้ตนและนายชวน ในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อสังคมและการศึกษา ลงพื้นที่จว.ภาคอีสาน เพื่อมอบหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แก่ จ.ยโสธร จ.ร้อยเอ็ด จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม และ จ.ขอนแก่น” นายอิสระกล่าว

‘จุรินทร์’แนะวิปเร่งถกคำสั่งศบค.

ที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์ โครงการ 2 เขตลาดพร้าว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ออกมาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ว่า หากไม่มีการประชุม หรือยังไม่สามารถประชุมกมธ.ได้จะมีผลกระทบในแง่ของเงื่อนเวลา เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า เมื่อร่างพ.ร.บ.งบประมาณส่งถึงรัฐสภาแล้ว สภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 105 วัน ขณะนี้ถือว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณได้ส่งถึงสภาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ดังนั้น ในเงื่อนเวลา 105 วันนี้ ได้เริ่มนับหนึ่งแล้ว

หากผ่านวาระที่ 1 และไปสู่วาระที่ 2 ของการตั้งกมธ.วิสามัญ หากกมธ.ไม่สามารถประชุมได้จะมีผลกระทบในเรื่องเงื่อนเวลาการทำหน้าที่ของสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่นายชวนและคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งวิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา จะต้องไปพิจารณาร่วมกันว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะหลังจากผ่านสภาแล้ววุฒิสภาก็มีเงื่อนเวลาที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน ตามรัฐธรรมนูญ

หวั่นพิจารณางบไม่ทัน 105 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณสะดุดจะส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างไร หรืออาจต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะสามารถเลื่อนออกไปได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ติดตามจากเลขานุการประธานสภา ก็ตอบว่าขณะนี้ถือว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณได้ส่งถึงสภาแล้ว เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ในเงื่อนเวลา 105 วันได้นับหนึ่งแล้ว ดังนั้น จะกระทบมากน้อยแค่ไหนอย่างไร หรือไม่กระทบ คิดว่าวิปต้องรีบประชุมหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามถึงความเห็นต่อร่างพ.ร.บ.งบประมาณที่เกี่ยวกับการจัดงบเพื่อรองรับการแก้ปัญหาโควิด-19 นายจุรินทร์กล่าวว่า ความจริงก็มีอยู่ในนั้นส่วนหนึ่ง ขอให้ผู้ที่มีหน้าที่ได้แจกแจงรายละเอียดในสภาเมื่อถึงเวลาที่มีการอภิปราย นอกจากนั้นยังมีเงินกู้อีกก้อนหนึ่ง หรือเงินกู้เดิมที่ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่งก็สามารถนำมาใช้ในการคลี่คลายสถานการณ์โควิดและเศรษฐกิจควบคู่กันไปได้ด้วย

พปชร.ค้านเลื่อน-เพื่อไทยรอเคาะ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้มีการประชุมสภาให้ได้ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ตามระเบียบวาระการประชุม แต่ต้องมีมาตรการป้องกันเข้มข้นสูงสุด เว้นแต่เมื่อประชุมไปแล้วเกิดปัญหาพบผู้ติดเชื้อค่อยมาพิจารณากันอีกครั้ง ดังนั้น อยากให้มีการประชุมสภาเพื่อให้ส.ส.ได้ปฏิบัติหน้าที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวถึงการประชุมด่วนของวิป 4 ฝ่าย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา และตัวแทนครม. ในวันที่ 24 พ.ค. เพื่อหาข้อยุติเรื่องการเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ว่า เรื่องนี้คงต้องมีการหารือกันในวิป 4 ฝ่าย เดิมเจตนารมณ์ของนายชวนคือต้องการให้ดำเนินการตามปกติภายใต้มาตรการที่เข้มแข็ง แต่ส่วนตัวมองว่าต้องฟังทางสาธารณสุขจะดีที่สุด ใจเรานั้นอยากประชุมอยู่แล้ว แต่หากทางสาธารณสุขบอกว่าจะทำให้เสี่ยง หรือมีข้อคิดเห็นว่าไม่ควรประชุม เราก็ควรงดไปก่อน

“เรื่องนี้เราเคยพูดคุยกันมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งตอนนั้นที่ประชุมมีข้อยุติว่าให้ดำเนินการตามปกติ แต่สถานการณ์จากวันนั้นมาถึงวันนี้อาจจะมีคนที่มีข้อกังวลเพิ่มขึ้น ก็สามารถนำเรื่องนี้มาหารือกันได้ในที่ประชุมวิป 4 ฝ่าย” นายสุทินกล่าว

‘ภูมิธรรม’ซัด 4 ข้อบกพร่อง

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อได้อ่านร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2565 ทำให้ตั้งคำถามว่านี่หรือคือการจัดงบในสภาวการณ์ที่ประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤตอย่างรุนแรงมากกว่าครั้งใดๆ และมีข้อบกพร่องอย่างไม่อาจยอมรับได้ 4 ประเด็นสำคัญคือ

1.จัดงบแบบไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของปัญหา ทั้งในมิติการฟื้นฟู เยียวยา การป้องกัน การจัดสวัสดิการทางสังคม การพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นภาพประเทศไทยที่ยังคงเป็นผู้ป่วยหนักได้อย่างชัดเจน

2.จัดงบประมาณแบบปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้องที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การปรับลดงบในส่วนของกระทรวงกลาโหมและกองทัพในสัดส่วนที่แทบจะน้อยที่สุด ในขณะที่กระทรวงซึ่งมีภารกิจในการดูแลด้านสาธารณสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น ด้านการสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านแรงงาน ด้านการพัฒนาสังคม กลับถูกปรับลดลงในสัดส่วนที่มากกว่างบด้านความมั่นคงและงบทางการทหาร สถานการณ์วันนี้เรากำลังเผชิญกับสงครามเชื้อโรค และสงครามด้านเศรษฐกิจ ต้องการการป้องกันทางสุขภาพและความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ มิใช่สงครามที่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์มาห้ำหั่นเพื่อเอาชนะทางการทหาร

ทอดทิ้งปชช.-ไร้วิสัยทัศน์

3.จัดงบแบบไม่ไยดีกับทุกข์ร้อนของประชาชน โดยไม่มีความเข้าใจและไม่ตระหนักถึงปัญหา รวมทั้ง

ผลกระทบจากสภาวะวิกฤตของประเทศ ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างเร่งด่วน จริงจัง ซึ่งกำลังประสบกับความเดือดร้อนทั้งทางเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคม

4.จัดงบแบบไม่มีวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล ขาดงบที่วางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเตรียมตัวให้ประเทศออกจากวิกฤต เช่น การเตรียมจัดงบที่สนับสนุนการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล การดูแลและฟื้นฟูงบประมาณให้ส่งเสริมกลุ่มธุรกิจ SME กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจภาคบริการต่างๆ ธุรกิจรายย่อยจำนวนมากซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่กระทบกระเทือนและล่มสลายลงเพราะภาวะการระบาดของโควิด

“การวางแผนงบประมาณปี 2565 ของรัฐบาล เป็นการวางแผนงบตามกรอบคิดแบบงานประจำ อันเป็นกรอบคิดชุดเดิมมากกว่าการคำนึงถึงความเป็นจริงของประเทศในปัจจุบันและอนาคต ขาดการวางแผนอย่างมียุทธศาสตร์เพื่อจะจัดการนำประเทศให้ผ่านพ้นสภาวะวิกฤต ไม่ได้สร้างความหวังให้กับประชาชน ไม่สามารถ “ซ่อม” และ “สร้าง” ประเทศได้ เป็นแผนงบประมาณที่ไม่อาจยอมรับในหลักการได้ พล.อ.ประยุทธ์และครม.ควรยอมรับความจริงว่าพวกท่านไม่มีศักยภาพที่จะนำพาประเทศผ่านวิกฤตใหญ่ครั้งนี้ไปได้ เพราะพวกท่านคือต้นตอสำคัญของปัญหา” นายภูมิธรรมระบุ

ชำแหละ – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และน.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงความล้มเหลวรัฐบาลในปัญหาโควิด และการจัดทำงบประมาณปี 2565 เมื่อวันที่ 23 พ.ค.

60 พท.จองถล่ม-ซัดหมกเม็ดงบทร.

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 เฉพาะส.ส.พรรคเพื่อไทยแจ้งความประสงค์จะอภิปรายงบประมาณกว่า 60 คนแล้ว ในส่วนของรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจโดยสามารถปรับลดงบกลาโหมปี 2565 เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาโควิดได้ เพราะกระทรวงกลาโหมได้งบ 2 แสนกว่าล้านบาท ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้เพียง 1.5 แสนล้านบาท แถมงบกลาโหมยังไปซ่อนอยู่

โดยรัฐบาลมีการอนุมัติงบเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ประมาณ 1.6 หมื่นล้าน เพื่อเอาไปสร้างทางวิ่งและลานจอดศูนย์บำรุงอากาศยาน ท่านหมกเม็ด งบกลาโหมเกี่ยวอะไรกับเรื่องเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่เงินกู้ไม่ต้องผ่านสภา เพราะเป็นอำนาจนายกฯ ไม่รู้ว่าเอางบไปซ่อนให้ฝ่ายความมั่นคงอีกเท่าไร ดังนั้น ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดงบความมั่นคงมาใช้แก้ปัญหาโควิดและปัญหาเศรษฐกิจก่อน

“พรรคเพื่อไทยจะใช้เวทีการอภิปรายงบประมาณปี 2565 ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา วันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.เพื่อซักฟอกรัฐบาลที่แก้ปัญหาโควิดและเศรษฐกิจล้มเหลว และขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลโดยเฉพาะเรื่องนโยบายวัคซีน ให้หยุดพายเรือให้พล.อ.ประยุทธ์นั่งอีกต่อไป ช่วยกันยกมือไม่รับหลักการในวาระ 1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยจะไม่รับหลักการ จะโหวตคว่ำร่างดังกล่าว เพราะไม่สอดคล้อง กับการแก้ปัญหาโควิด

ถ้าเสียงไม่รับหลักการในสภารวมกันได้มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์มีแค่สองทางเลือก คือยุบสภา หรือลาออก” นายยุทธพงศ์กล่าว

‘หน่อย’อัดให้ทหารมากกว่าหมอ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขณะนี้เรากำลังเผชิญกับมหาวิกฤตโรคร้าย ที่ได้สร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชนคนไทยทั้งต่อสุขภาพ และสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้น คงไม่มีภารกิจอื่นใดที่จะสำคัญไปกว่าการควบคุมโควิด-19 ที่ทุกประเทศล้วนมีแผนจะสยบโควิดให้จบภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำมาให้กินได้อีกครั้ง แต่รัฐบาลไทยกลับจัดงบประมาณปี 2565 ให้กระทรวงกลาโหมสูงถึง 203,282 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องออกไปสู้รบกับโควิดกลับจัดให้เพียง 153,940 ล้านบาท ศัตรูที่ต้องสู้รบขณะนี้คือเชื้อโรคโควิด ตัวเล็กๆ ที่ต้องใช้วัคซีนคุณภาพดีเป็นอาวุธ ไม่ใช่รถถัง หรือเรือดำน้ำ ทำไมรัฐบาลประยุทธ์ถึงต้องให้เงินกองทัพมากมายขนาดนั้น

ในปีนี้ที่เรากำลังเผชิญกับวิกฤตโรคระบาด รัฐบาลต้องจัดงบประมาณให้ตอบโจทย์ต่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประชาชนและประเทศชาติก่อน รัฐบาลจึงควรทุ่มงบประมาณไปเพื่อการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นลำดับแรกก่อน โดยเฉพาะการเร่งจัดซื้อวัคซีน คุณภาพดีหลากหลายชนิด ให้เพียงพอที่จะฉีดให้คนไทยได้ทุกคนอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะขณะนี้เรามีโควิดเข้ามาระบาดในประเทศไทยถึง 3-4 สายพันธุ์แล้ว แต่กลับมีวัคซีนเพียง 2 ชนิดเท่านั้น

จี้ชะลอโครงการปีนี้ไว้ก่อน

นอกจากนั้นเรายังต้องจัดงบประมาณให้นักรบของเราคือบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข ที่ทำงานเหนื่อยยาก และที่สำคัญต้องจัดงบประมาณเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย ให้เพียงพอต่อการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคร้าย ทั้งเตียง อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็น รวมทั้งเพิ่มการตรวจเชิงรุก จึงอยากจะขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้โปรดทบทวนการจัดงบประมาณประจำปี 2565 ตามเหตุผลที่ได้กล่าวมาข้างต้น

“ดิฉันเข้าใจดีว่ากองทัพจำเป็นต้องมีการพัฒนา แต่จะขอให้กองทัพได้โปรดเสียสละชะลอโครงการต่างๆ ไว้เพียงแค่ปีนี้ปีเดียว เพื่อระดมงบประมาณเอาไปต่อสู้กับโรค ร้าย และช่วยเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับประชาชนให้รอดเสียก่อน แต่ถ้ายังดึงดันจัดงบประมาณกันแบบนี้ไม่ใช่ไทยชนะ แต่จะเป็นใครชนะ ทุกท่านคงรู้อยู่แก่ใจ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

อดีตขุนคลังร้องศาลชี้พรก. 7 แสนล.

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง เปิดเผยว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .. เพื่อกู้เงินในวงเงิน 7 แสนล้านบาท นั้น ตนมีความห่วงใยในหลักการบริหารการคลังของประเทศ จึงจะยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเรื่องนี้ และเนื่องจากเป็นประเด็นที่สำคัญ จึงใคร่ขอให้องคมนตรีกรุณานำข้อทักท้วงของนายธีระชัย และของทุกฝ่ายไปประกอบการพิจารณาให้รอบด้าน โดยจะยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. เวลา 13.00 น.ที่ศาลปกครองสูงสุด แจ้งวัฒนะ

“ผมไม่ขัดข้องที่รัฐบาลจะกู้เงิน เพราะตระหนักว่าประชาชนมีความเดือดร้อน และประชาชนจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อการแก้ปัญหาโควิดอีกมาก แต่เห็นว่าการใช้จ่ายเงินของรัฐ จำเป็นต้องมีการควบคุมตรวจสอบตามหลักวินัยการเงินการคลัง แต่ขอแนะนำให้แก้ไขร่าง พ.ร.ก. โดยขอให้ใช้หลักการเดียวกับ พ.ร.ก. สมัยรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กู้เงินเพื่อโครงการไทยเข้มแข็ง และ พ.ร.ก.สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งทั้งสองกรณี กำหนดให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามครรลองปกติ อันเป็นไปตามหลักวินัย การเงินการคลัง การที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ร่าง พ.ร.ก. ที่บัญญัติวิธีใช้จ่ายโดยจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ คัดเลือกโครงการเอง กำกับโครงการเอง กำหนดระเบียบบริหารโครงการเองนั้น ทำให้มีช่องโหว่หละหลวม ขาดการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ไม่ตรงหลักวินัยการเงินการคลัง จึงขอเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข” นายธีระชัยกล่าว

ซินแสโจ้ฟันธงดวงเมืองปีหน้าดี

วันเดียวกัน นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง ที่ปรึกษาข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมภรรยา นางสุวิมล พันธุ์วิชาติกุล และบุตรชาย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล หรือซินแสโจ้ อดีต ส.ก.เขตบางพลัด เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี

ซินแสโจ้ได้เชิญชวนคนไทยฉีดวัคซีนป้องกัน รักตัวเอง รักครอบครัว รักประเทศชาติ ไปฉีดกันเถอะ พร้อมระบุดวงเมืองปีหน้าดีขึ้น และดีขึ้นมาก ปีนี้เป็นปีฉลู เรียกปีวัวบ้า มันอาละวาดจนทุกอย่างแย่กว่าเดิม ปีหน้าปีขาล เป็นปีเสือคุณธรรม จะดีกว่าปีนี้

‘บิ๊กตู่’สั่งเร่งคุมโรคลัมปี สกิน

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) ในโค กระบือ ใน 35 จังหวัด ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยมีโค กระบือ ป่วยกว่า 6,763 ตัว จึงกำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ไขปัญหาการควบคุมโรค ตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์กำหนด ไม่ว่าจะเป็น ควบคุมการเคลื่อนย้ายโค กระบือ, ป้องกัน และควบคุมแมลงพาหะ นำโรค, รักษาสัตว์ป่วยตามอาการ, รวมถึงการจัดหาวัคซีนเพื่อควบคุมโรคอย่างเร่งด่วน

สำหรับโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นายกฯจึงเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ ยิ่งเป็นช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบในการทำงาน มีความรัดกุมในการดำเนินมาตรการควบคุมโรค โดยให้มีแนวทางปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

“นายกฯยังกังวลถึงการลักลอบเคลื่อนย้ายโค กระบือ จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทย อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการนำโรคเข้ามาเพิ่มในประเทศไทย รวมถึงการลักลอบเคลื่อนย้ายภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้โรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น กรณีมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายให้ปฏิบัติตามตามแนวทางการเคลื่อนย้ายที่กรมปศุสัตว์กำหนด จึงย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจตราอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำความผิด ให้ดำเนินคดีความกฎหมายอย่างเคร่งครัด” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน