ชี้ชะตากับทีมฝอยทอง
สเปน-โปลแย่ง3แต้ม
กังหัน-เบลเยียมฉลุย

สวีเดนเฮได้จุดโทษ ดับสโลวะเกีย 1-0 คืนนี้ลุ้นบิ๊กทีม เยอรมันแพ้ไม่ได้ ต้องฝ่าด่านทีม ‘โรนัลโด’ สายเดียวกันฝรั่งเศสลุ้นชนะฮังการี การันตีตั๋วรอบ 2 ในคู่หัวค่ำ ส่วน ตีสองเป็นคิวของกระทิงดุปะทะโปแลนด์ ที่ต่างต้องการสามแต้มสำคัญ ด้านกังหัน สีส้ม-เบลเยียมลิ่วเข้ารอบแล้ว หลังฮอลแลนด์ยิงออสเตรีย 2 ตุง ขณะที่ปีศาจแดงแห่งยุโรปชนะโคนม 2-1

คืนนี้ไก่รอจิกฮังการี

สำหรับความเคลื่อนไหวศึกฟุตบอลยูโร 2020 แมตช์วันที่ 19 มิถุนายน คู่แรกเวลา 20.00 น. ของไทย เป็นเกมในกลุ่มเอฟ นัดที่สองระหว่างฮังการี พบกับ ‘ตราไก่’ ฝรั่งเศส เตะกันที่สนามปุสกัส อารีนา เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 8 ครั้ง เป็นฝรั่งเศสที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยหลังชนะ 4 นัด ฮังการีชนะ 3 นัด และเสมอกัน 1 นัด เกมล่าสุดที่พบกันคือนัดอุ่นเครื่องฝรั่งเศสชนะ 2-1 เมื่อเดือนมิถุนายน 2005

เช็กฟอร์มล่าสุดในยูโร 2020 ทั้ง 2 ทีมลงสนาม 1 นัดเท่ากันฮังการีแพ้โปรตุเกส 0-3 (รอบแบ่งกลุ่ม) อยู่อันดับสุดท้ายของกลุ่มหลังยังไม่มีคะแนน ด้านฝรั่งเศสชนะเยอรมนี 1-0 (รอบแบ่งกลุ่ม) อยู่อันดับ 2 ของกลุ่มจากการมี 3 คะแนน

ความพร้อมเกมนี้ฮังการีไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน ส่วนฝรั่งเศสต้องเช็กความฟิตของแบงฌาแมง ปาวาร์ แต่คาดว่าน่าจะลงสนามได้

ฮังการีจะวางหมาก 3-5-2 ปีเตอร์ กูลาชี : เอนเดร บอตกา, วิลลี ออร์บาน, อัตติลา ซาไล : อดัม นากี, ลาสโล ไคลน์ไฮส์แลร์, อันดราส ชาแฟร์, อัตติลา ฟิโอลา, แกร์โก ลอฟเรนชิช : อดัม ซาไล, โรลันด์ ซัลไล

ส่วนฝรั่งเศสคงใช้แผน 4-3-1-2 อูโก โยริส : แบงฌาแมง ปาวาร์, เปรสเนล คิมเปมเบ, ราฟาเอล วาราน, ลูกัส แอร์กน็องเดซ : ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล ก็องเต, อาดริยอง ราบิโอต์ : อองตวน กรีซมันน์ : คีลิยาน เอ็มบัปเป, คาริม เบนเซมา

อินทรีแพ้ไม่ได้เจอทีม‘โด้’

คู่ที่สองเวลา 23.00 น. ของไทย เป็นเกมในกลุ่มเอฟ นัดที่สองระหว่าง โปรตุเกส ของ ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ พบกับ ‘อินทรีเหล็ก’ เยอรมนี เตะกันที่สนามอารีนา มิวนิก (อัลลิอันซ์ อารีนา) เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี

สำหรับคู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 18 ครั้ง เป็นเยอรมนีที่เหนือกว่าพอสมควรหลังชนะ 10 นัดโปรตุเกสชนะ 3 นัด และเสมอกัน 5 นัด

เช็กฟอร์มล่าสุดในยูโร 2020 ทั้ง 2 ทีมลงสนาม 1 นัดเท่ากัน โปรตุเกสชนะฮังการี 3-0 (รอบแบ่งกลุ่ม) นำจ่าฝูงของกลุ่มจากการมี 3 คะแนน ด้านเยอรมนีแพ้ฝรั่งเศส 0-1 (รอบแบ่งกลุ่ม) อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มหลังยังไม่มีคะแนน นัดนี้ถ้าแพ้มีโอกาสตกรอบสูง

ความพร้อมเกมนี้ทั้งสองทีมไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน

โปรตุเกสจะวางหมาก 4-2-3-1 ส่งผู้เล่น 11 ตัวจริง ประกอบด้วย รุย ปาตริซิโอ : เนลสัน เซเมโด, เปเป, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรยโร : วิลเลียม คาร์วัลโญ, ดานิโล เปเรยรา : บรูโน แฟร์นานเดส, แบร์นาร์โด ซิลวา, ราฟา ซิลวา : คริสเตียโน โรนัลโด

ส่วนเยอรมนีคงใช้แผน 3-4-2-1 มานูเอล นอยเออร์ : อันโตนิโอ รูดิเกอร์, มัตธิอัส กินเทอร์, มัตส์ ฮุมเมิลส์ : โยซัว คิมมิช, โทนี โครส, อิลคาย กุนโดกัน, โรบิน โกเซนส์ : โธมัส มุลเลอร์, ไค ฮาเวิร์ตซ์ : ติโม แวร์เนอร์

กระทิง-โปแลนด์ชิงแต้มสำคัญ

ปิดท้ายด้วยคู่ดึกเวลา 02.00 น. ของไทย เป็นเกมในกลุ่มอี นัดที่สอง ‘กระทิงดุ’ สเปน พบกับ โปแลนด์ เตะกันที่สนามเอสตาดิโอ เด ลา การ์ตูฆา เมืองเซบีญา ประเทศสเปน

สำหรับคู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 10 ครั้ง เป็นสเปนที่ดีกว่าชัดเจนหลังชนะได้ถึง 8 นัด โปแลนด์ชนะ 1 นัด และเสมอ 1 นัด

เช็กฟอร์มล่าสุดในยูโร 2020 ทั้ง 2 ทีมลงสนาม 1 นัดเท่ากัน สเปนเสมอสวีเดน 0-0 (รอบแบ่งกลุ่ม) อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มจากการมี 1 คะแนน ด้านโปแลนด์แพ้สโลวะเกีย 1-2 (รอบแบ่งกลุ่ม) อยู่อันดับสุดท้ายของกลุ่มหลังยังไม่มีคะแนน

ความพร้อมเกมนี้สเปนจะยังขาดเซร์คิโอ บุสเกตส์ ที่ยังพักฟื้นหลังติดโควิด-19 ส่วนโปแลนด์ไม่มี เกอร์เซกอร์ช ครีโคเวียก ที่โดนใบแดงมาจากเกมที่แล้ว

สเปนจะวางหมาก 4-3-3 อูไน ซิมอน : มาร์กอส ยอเรนเต, เปา ตอร์เรส, อายเมอริก ลาปอร์กต์, จอร์ดี อัลบา : โกเก, โรดรี เอร์นานเดซ, ติอาโก อัลคันตารา : ดานี โอลโม, เฟร์รัน ตอร์เรส, อัลบาโร โมราตา

ส่วนโปแลนด์คงใช้แผน 4-3-2-1 วอยเช็ก เชสนี : คามิล กลิก, ยาน เบดนาเรก, มาเช รีบุส, บาร์ตอส เบเรซินสกี : คาโรล ลิเน็ตตี, ยาคุบ โมเดอร์, มาเตอุส คลิก : คามิล ยอซเวียก, พิโอเตอร์ ซีลินสกี : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี

สวีเดนชนสโลวักลุ้น 3 แต้ม

สำหรับวันที่ 18 มิ.ย. การแข่งขันคู่แรกเป็นการพบกัน “ไวกิ้ง” สวีเดน กับ สโลวะเกีย ในรอบแรก กลุ่มอี นัดที่สอง ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม นครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสด ทางเอ็นบีที เอชดี2

สำหรับรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงมีดังนี้ สวีเดน (4-4-2) : โรบิน โอลเซน – มิคาเอล ลุสติก, วิกตอร์ ลินเดเลิฟ, มาร์คุส ดาเนียลสัน, ลุดวิก ออกุสตินส์สัน – เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน, อัลบิน เอกดัล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก – มาร์คุส เบิร์ก, อเล็กซานเดอร์ อิซัก

สโลวะเกีย (4-2-3-1) : มาร์ติน ดูบราฟกา – ปีเตอร์ เปคาริก, ลูโบมีร์ ซัตกา, มิลาน สคริเนียร์, โตมัส ฮูโบชาน – ยูไร คุชกา, ปาทริก ฮโรซอฟสกี – มาร์ติน คอสเชลนิก, มาเร็ก ฮัมซิก, โรเบิร์ต มัก – อองเดร ดูดา

เริ่มเกมโอกาสใกล้เคียงทำประตูช่วงแรกเป็นของสโลวะเกีย ทว่าผ่านไปสิบนาทีทีม ไวกิ้งเริ่มตั้งหลักได้ก็แทบจะเป็นฝ่ายพับสนามบุก แต่ก็ไม่มีจังหวะสร้างความหวาดเสียวมากเท่าไหร่ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง นาที 34 มาเร็ก ฮัมซิก กัปตันทีมสโลวะเกีย พยายามเกี่ยวบอลในกรอบเขตโทษ แต่ก็วืดจังหวะสุดท้ายชวดโอกาสลุ้นประตูไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกสกอร์ยังคงเดิม 0-0 ประตู

ประตูชัย – เอมิล ฟอร์สเบิร์ก กองหน้าสวีเดนสังหารจุดโทษผ่านมือมาร์ติน ดูบราฟกา นายทวาร สโลวะเกีย เป็นประตูชัยให้สวีเดนเฉือนชนะ 1-0 ศึกยูโร 2020 ที่สนามเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. (ภาพ-เอพี)

ไวกิ้งเฮได้จุดโทษชนะ 1-0

เริ่มช่วงต้นครึ่งหลัง ทั้งสองทีมมีโอกาสส่งบอลตรงกรอบทั้งคู่ แต่ลูกติดเซฟนายทวารทั้งสองฝั่งไว้ได้หวุดหวิด ผ่านไปเจ็ดสิบนาที สวีเดนกลับมามีโอกาสสับไกยิงบ้างจากอเล็กซานเดอร์ อิซัก แต่ก็ยังไม่สัมฤทธิผล ถึงนาที 75 โอกาสเป็นของสวีเดน เมื่ออิซักจ่ายบอลให้ 22 หลุดเข้ากรอบโดนมาร์ติน ดูบราฟกา นายทวารสโลวะเกียเข้าสกัด ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก จากไลป์ซิกในบุนเดสลีกา รับหน้าที่สังหารแปเข้าประตูด้านขวา เป็นสกอร์ให้สวีเดนขึ้นนำ 1-0 ประตู ในนาที 77 ด้านสโลวะเกียปรับทัพส่งวลาดิมีร์ ไวส์ แทนที่โรเบิร์ต มัก

ผ่านไป 80 นาที สวีเดนเกือบจะได้ประตูที่สองเมื่อต่อบอลเข้าถึงเขตโทษ แต่ยังขาดความเฉียบคมจึงเสียโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย สโลวะเกียเปลี่ยนผู้เล่นอีกครั้งส่ง มิคาล ดูริส แทนปาทริก ฮโรซอฟสกี หวังเปิดเกมรุกเรียกประตูคืนล่วงเข้าช่วงห้านาทีสุดท้ายของเกม ได้ลูกเตะมุมบ้าง ทว่าบอลโค้งมาหน้าประตูจังหวะชุลมุนถูกสกัดพ้นอันตรายออกไปอีก สวีเดนเปลี่ยนผู้เล่นบ้าง ส่งกุสตาฟ สเวนส์สัน แทนอัลบิน เอกดัล ท้ายเกมทดเวลาเจ็บออกไปห้านาที สโลวะเกียได้เตะมุมอีกครั้ง อองเดร ดูดา เปิดเข้ามา ยูไร คุชกา ก็โหม่งออกหลังแถมเป็นลูกฟาวล์เสียโอกาสไปอีก แล้วจังหวะโยนบอมบ์เข้าใส่อีกเป็นชุด แต่คุชกาก็หวดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จบเกม สวีเดนเฉือนชนะสโลวะเกียไปจืดชืด 1-0 ประตู

ส่งผลให้สวีเดนลงเตะ 2 นัด เก็บเพิ่มเป็น 4 คะแนน ขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราว พร้อมรับประกันจบอันดับ 3 ของกลุ่มนี้เป็นอย่างน้อยแน่นอนแล้ว ไม่ว่าอีกคู่ระหว่างสเปน-โปแลนด์จะจบด้วยผลเท่าไหร่ และนัดสุดท้ายจะออกมาหน้าไหนบ้าง ส่วนสโลวะเกียนิ่งอยู่ที่ 3 แต้ม ยึดรองจ่าฝูง ต้องไปลุ้นต่อนัดสุดท้าย โดยตอนนี้ถือว่าโอกาสยังเปิดกว้างทั้งหมด

เดนมาร์กพ่ายเบลเยียม 1-2

ส่วนผลการแข่งขันเมื่อ 17 มิ.ย.64 ที่สนามปาร์เกน สเตเดียม เมืองโคเปนเฮเกน กลุ่มบี “โคนม” เดนมาร์ก ลงสนามนัดที่สองพบ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม โดยนัดแรก เดนมาร์ก แพ้ ฟินแลนด์ 0-1 ส่วน เบลเยียม ชนะรัสเซีย 3-0

เริ่มเกมได้เพียง 2 นาที ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ตัดหน้ากรอบ จ่ายให้ ยุสซุฟ โพลเซน เข้าไปยิงให้ เดนมาร์ก ขึ้นนำรวดเร็ว 1-0 หลังขึ้นนำยังรุกใส่เบลเยียมได้อย่างน่าหวาดเสียว ถึงนาทีที่ 10 ทุกคนในสนามพร้อมใจกันหยุดเกมเพื่อให้นักเตะและแฟนบอลในสนาม ทุกคน ปรบมือเป็นกำลังใจให้กับคริสเตียน อีริกเซน เป็นเวลา 1 นาที จบครึ่งแรก เดนมาร์ก ออกนำเบลเยียม 1-0 ครึ่งหลัง เบลเยียมปรับทัพทยอยส่งทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, เอแดน อาร์ซา และอักเซล วิตเซล ลงมา เป็นเดอ บรอยน์ ที่จ่ายให้ธอร์กาน อาซาร์แปจ่อๆ ตีเสมอให้เบลเยียม 1-1 ถึงนาที 72 เอแดน เบิลบอลให้ เดอ บรอยน์ วิ่งมาซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งเรียดเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดงาม ให้เบลเยียมแซงขึ้นนำ 2-1 ช่วงเวลาที่เหลือ เดนมาร์ก พยายามโหมบุกหนักแต่ไม่สามารถยิงประตูได้ จบ 90 นาที เบลเยียม แซงชนะ เดนมาร์ก 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 6 แต้มเต็ม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แน่นอนเป็นทีมที่ 2 ต่อจากอิตาลี

เพชฌฆาต – เมมฟิส เดอปาย ซัดจุดโทษผ่านมือดาเนียล บักมันน์ นายทวารออสเตรีย ให้เนเธอร์แลนด์ขึ้นนำ ก่อนเอาชนะ 2-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ศึกฟุตบอลยูโร 2020 กลุ่มซี นัด 2 ที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (รอยเตอร์)

กังหันสีส้มทุบออสเตรีย 2-0

สำหรับเกมที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ กลุ่มซี “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ นัดที่สองพบ ออสเตรีย โดยนัดแรกทั้งสองทีมเก็บ 3 แต้มมาด้วยกันทั้งคู่ เนเธอร์แลนด์ ชนะ ยูเครน 3-2 ส่วน ออสเตรีย ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-1

เริ่มเกมเพียง 11 นาที ดาวิด อลาบา ไปเหยียบใส่ เดนเซิล ดุมฟรายส์ ล้มในกรอบ ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วชี้เป็นจุดโทษ ก่อนสุดท้าย เมมฟิส เดอปาย สังหารไม่พลาดให้ เนเธอร์แลนด์ ออกนำ ออสเตรีย อย่างรวดเร็ว 1-0 จากนั้น ขุนพลกังหันลม ยังได้โอกาสตัดบอลสวยๆ และสวนกลับมาได้อย่างน่ากลัวหลายครั้ง ครึ่งหลัง ถึงนาที 67 เมื่อ เมมฟิส เดอปาย ยกบอลส่งให้ ดอนเยลล์ มาเลน ที่ถูกเปลี่ยนลงมาแทน วูต เวกฮอร์สต์ หลุดกับดักล้ำเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูออสเตรีย ก่อนจะตัดสินใจ ส่งให้ เดนเซิล ดุมฟรายส์ ที่เติมขึ้นมายิงง่ายๆให้ เนเธอร์แลนด์ หนีเป็น 2-0 จบ 90 นาที เนเธอร์แลนด์ ต้อนชนะ ออสเตรีย 2-0 เก็บ 6 แต้มเต็ม คว้าแชมป์กลุ่มซี และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว พร้อมส่งมาซิโดเนียเหนือ ที่แพ้ 2 นัด ตกรอบเป็นทีมแรกในศึกยูโร 2020 เนื่องจาก ยูเครนกับออสเตรียต้องตัดแต้มกันเอง และมาซิโดเนียเหนือ แพ้ทั้งสองทีมดังกล่าวมาแล้ว เฮดทูเฮดจึงเสียเปรียบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน