ชูธงโกยสส.-‘ป้อม’นั่งหน.
3มิตรเฉา-กปปส.สูญพันธุ์
สภาสั่งแขวนแก้ ‘ม.256’
ชี้ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.

สมาชิกพปชร.พร้อมใจเทคะแนนเลือก ‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวหน้าพรรคอีกสมัย หลังเจ้าตัวยื่นลาออกก่อนประชุมใหญ่ เพื่อล้างไพ่ทีมบริหารพรรค เปิดชื่อ 26 กก.บห.ชุดใหม่ ‘ธรรมนัส’ ผงาดนั่งเลขาฯ พรรค ตามคาด เจ้าตัวประกาศลุยศึกเลือกตั้ง มั่นใจได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ล้างภาพพรรคเฉพาะกิจ ‘สันติ-วิรัช-ไพบูลย์-สุริยะ’ รองหัวหน้า สาย กปปส.สูญพันธุ์ ‘สมศักดิ์’ แกนนำ สามมิตรเหน็บ หัวหน้า-เลขาฯพรรคใหม่เข้าขากันดี ‘จุรินทร์’ ทัวร์อีสาน คุยปชป.พร้อมเลือกตั้งระดับ 7 เต็ม 10 ฝ่ายกฎหมายสภา แขวนร่างแก้มาตรา 256 ของฝ่ายค้าน ชี้แย้ง คำวินิจฉัยศาลรธน. พลังประชารัฐโต้โดดร่มทำกมธ.งบฯ ล่ม อัดกลับฝ่ายค้านดราม่า

พปชร.ประชุมใหญ่คึกคัก

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จ.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2564 โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค เดินทางมา จ.ขอนแก่น ในเวลา 07.30 น. พบปะแกนนำพรรคและสมาชิกพรรค ที่โรงแรม พูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด แต่ไม่ได้เข้าร่วม ประชุมใหญ่ด้วย

08.30 น. แกนนำพรรคทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เลขาธิการพรรค

ส่วนกลุ่ม 4 ช. นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค พร้อมส.ส.ตัวแทน ภาค ตัวแทนเขต สมาชิกพรรคจากจ.ขอนแก่น และนครราชสีมา เข้ามาร่วมประชุมประมาณ 500 คน

สำหรับสถานที่จัดประชุม ได้ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ศบค.กำหนดอย่างเคร่งครัด และมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ดูแลความเรียบร้อยทั้งในและภายนอกตัวอาคาร ในงานมีการแจกของที่ระลึกได้แก่ เสื้อยืดคอกลมสีขาว-น้ำเงิน สกรีนโลโก้พรรคที่อกด้านซ้าย และหนังสือ “พลังประชารัฐรวมใจ รวมไทยเป็นหนึ่งเดียว” ความหนา 40 หน้า เนื้อหาด้านในแสดงประวัติพรรค รายชื่อส.ส. 122 คน รัฐมนตรีของพรรค 12 คน

‘บิ๊กป้อม’ไขก๊อก-โหวตคัมแบ๊ก

สำหรับการประชุมเริ่มเวลา 10.00 น. โดยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนสมาชิกพรรค แจ้งที่ประชุม ทราบถึงการลาออกจากหัวหน้าพรรคของพล.อ.ประวิตร โดยมีผลในวันที่ 18 มิ.ย. จากนั้น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการรายงานผลดำเนินการประจำปีและงบดุลของพรรค และเข้าสู่วาระอื่นๆ ซึ่งตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 15 กำหนดว่าเมื่อหัวหน้าพรรคลาออก ให้กก.บห. ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งหมด และแต่งตั้งกก.บห.ชุดใหม่ขึ้นมาแทน

จากนั้นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แจ้งว่า เมื่อหัวหน้าพรรคลาออก ต้องเลือกใหม่ในที่ประชุมใหญ่พรรค ด้วยวิธีการลงคะแนนลับ จึงเสนอให้เลือกสัดส่วนกก.บห. 26 คน จากเดิม 27 คน และเสนอพล.อ.ประวิตร กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง โดยไม่มีใครเสนอชื่อคนอื่นแข่ง และให้สมาชิกได้ลงคะแนนลับ โดยปรับวิธีจากเดิมสมาชิกเดินไปหย่อนบัตรนั้น มาให้สมาชิก นั่งที่โต๊ะ และเจ้าหน้าที่พรรคนำหีบลงคะแนน มาไปให้สมาชิกหย่อนบัตรเพื่อรักษาระยะห่าง และถือเป็นการลงคะแนนแบบลับ

นอกจากนั้น นายไพบูลย์ ยังเสนอชื่อร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรค ขณะที่ นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย เสนอชื่อนายอนุชา แต่นายอนุชา ได้ลุกขึ้นแจ้งที่ประชุม ขอถอนตัว เนื่องจากได้ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคมาปีกว่าแล้ว และขอเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงาน

ขอบคุณ – ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ พร้อมแกนนำไหว้ขอบคุณสมาชิกพรรค หลังการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.

‘ธรรมนัส’เลขาฯ-กปปส.สูญพันธุ์

สำหรับผลการลงมติเลือกกก.บห.ทั้ง 26 คน มีดังนี้ 1.พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค ได้ 582 คะแนน 2.ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรค 556 คะแนน 3.นางนฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค 575 คะแนน 4.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค 575 คะแนน ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการพปชร.คนที่ 3 ต่อจากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายอนุชา

ส่วนกก.บห. 22 คน ประกอบด้วย 1.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 560 คะแนน 2.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 547 คะแนน 3.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 539 คะแนน 4.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 545 คะแนน 5.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 542 คะแนน 6.นายอนุชา นาคาศัย 544 คะแนน 7.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 547 คะแนน 8.นายสุพล ฟองงาม 545 คะแนน 9.นายนิโรธ สุนทรเลขา 545 คะแนน 10.นายไผ่ ลิกค์ 534 คะแนน 11.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ 534 คะแนน 12.นางประภาพร อัศวเหม 535 คะแนน

13.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 537 คะแนน 14.นายอิทธิพล คุณปลื้ม 538 คะแนน 15.นายสุชาติ ชมกลิ่น 491 คะแนน 16.นายยงยุทธ สุวรรณบุตร 531 คะแนน 17.นายสุชาติ อุสาหะ 532 คะแนน 18.นายรงค์ บุญสวยขวัญ 533 คะแนน 19.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร 540 คะแนน 20.นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรลักษณ์ 539 คะแนน 21.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร 542 คะแนน 22.นายสมเกียรติ วอนเพียร 541 คะแนน

น่าสังเกตว่า พล.อ.ประวิตรได้รับคะแนน สูงสุด 582 คะแนน ขณะที่นายสุชาติ ได้คะแนน ต่ำสุด 491 คะแนน ขณะที่แกนนำ กปปส. ที่เคยดำรงตำแหน่งกก.บห. อาทิ นายสกลธี ภัททิยกุล นายชาญวิทย์ วิภูศิริ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต่างหลุดจากตำแหน่ง รวมถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคไปแล้ว

ตั้งกก.สรรหาผู้สมัคร-ไร้เงา3มิตร

ส่วนกลุ่มสามมิตร นำโดยนายสุริยะ นายสมศักดิ์ นายอนุชา เมื่อเสร็จการเลือกตั้งกก.บห.ชุดใหม่ เดินทางกลับกทม.ในเวลา 11.30 น. ทันที

จากนั้นช่วงบ่ายที่ประชุมได้เลือกกรรมการ สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งชุดใหม่ 11 คน ซึ่งเป็นไปตามที่ข้อบังคับกำหนด ประกอบด้วย กรรมการที่มาจากกก.บห. 4 คน ได้แก่ 1.ร.อ.ธรรมนัส 438 คะแนน 2.นายยงยุทธ สุวรรณบุตร 419 คะแนน 3.นายจักรพันธ์ พรนิมิต 424 คะแนน 4.นายรงค์ บุญสวยขวัญ 424 คะแนน

สัดส่วนผู้ที่มาจากสมาชิกพรรค 7 คนตามภาค ได้แก่ 1.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง 434 คะแนน 2.นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ 437 คะแนน 3.นายจีรเดช ศรีวิราช 424 คะแนน 4.นายสิระ เจนจาคะ 418 คะแนน 5.นายสมศักดิ์ คุณเงิน 431 คะแนน 5.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ 430 คะแนน 7.นายวันชัย ปริญญาศิริ 423 คะแนน เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีตัวแทนจากกลุ่มสามมิตร

จากนั้นนายวิรัช ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้แจ้งว่า เพื่อให้การแต่งตั้งรองหัวหน้า พรรคทั้งหมดอยู่ในบันทึกการประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ใช้อำนาจหัวหน้าพรรคแต่งตั้ง รองหัวหน้าพรรค 4 คน ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนที่นายวิรัชกล่าวปิดประชุมในเวลา 14.00 น.

เตรียมนัดคุยกก.บห.สู้ศึกเลือกตั้ง

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงหลังการประชุมว่า หลังจากวันนี้จะนัดประชุมกก.บห. เพื่อกำหนดทิศทางเตรียมการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ซึ่งอาจจะเป็น 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วันนี้มีพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้า พรรค และจะมีรองหัวหน้าพรรค 4 คน ร่วมกันทำงานเพื่อกำหนดนโยบายพรรค ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ จะทำงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ต้องกำหนดทิศทางให้ชัดเจน ที่ผ่านมาพรรคถูกมองว่าแตกแยก แต่หลังจากนี้จะไม่มี เราจะทำงานเพื่อประชาชน ชาติบ้านเมือง รักษา ไว้ซึ่งสถาบัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการขับเคลื่อนงานจะมีอะไร ใหม่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ที่ผ่านมา 2 ปี นโยบายพรรคดีอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ที่วุ่นวายหลายเรื่อง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายพรรคไม่ต่อเนื่อง จากนี้เราจะกำหนดให้ชัดเจนเพื่อเดินไปข้างหน้า ส่วนที่มีข้อสงสัยว่ากรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่มีตัวแทนจากกลุ่มสามมิตร ต้องชี้แจงว่าคณะกรรมการ ดังกล่าวจัดทัพจากโควตาภาคเป็นหลัก

ต่อข้อถามว่าหลังจากนี้จะไม่มีการเคลื่อนไหวเรื่องตำแหน่งในพรรคและในครม. ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเดินไปข้างหน้าจะต้องปรึกษาหัวหน้าพรรคและเดินไปด้วยกัน ตนมั่นใจว่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต กก.บห.ชุดใหม่จะไม่มีอีกต่อไป

มั่นใจเป็นพรรคที่1-จัดตั้งรัฐบาล

ส่วนการสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งหน้า คิดว่า จะชนะหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งซ่อม เราไม่เคยแพ้ การเลือกตั้งซ่อมหรือการเลือกตั้งในอนาคต มั่นใจว่าหัวหน้าพรรคและสมาชิกสามารถเดินไป ข้างหน้า จะเป็นพรรคใหญ่ที่มั่นคง เป็นพรรคอันดับหนึ่งได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าเลขาธิการพรรค ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ปั้นนายกฯ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราเป็นพรรคใหญ่ มั่นใจว่าจะได้ส.ส. มากกว่านี้ และจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ต่อไป

ต่อข้อถามว่าพล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบาย อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร ปฏิบัติภารกิจที่จ.ขอนแก่น และหารือกับแกนนำพรรค โดยมอบ นโยบาย เน้นให้เป็นหนึ่งเดียวกันและเดินไปข้างหน้า แต่ หลังได้รับเลือกเป็นเลขาฯ ยังไม่ได้ พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร หลังเสร็จภารกิจ จะโทรศัพท์หา เมื่อถามว่าจะโทร.หาพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแสดงตัวให้รู้ว่าเป็นผู้ประสานของรัฐบาลคนใหม่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ที่ผ่านมาคุยกับพรรคร่วมตลอดเวลา และทำหน้าที่ประสานงานอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการด้วยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า คงไม่คิดไปถึงตรงนั้น ขอทำหน้าที่ให้ดีก่อน และทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ การบริหารพรรคกับตำแหน่งทางการเมือง คนละเรื่องกัน ตนอยู่ตรงนี้พร้อมทำงานในฐานะเลขาฯ เพื่อนำพรรคและสมาชิกพรรค ส่วนตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนละเรื่องกัน

หลังจบการแถลงข่าว สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งมอบกระเช้าดอกไม้และผูกผ้าขาวม้าแสดงความยินดีกับร.อ.ธรรมนัส อย่างชื่นมื่น และก่อนเดินทางกลับ มีหญิงกลางคนมา ร้องเรียน ขอให้ช่วยเหลือเนื่องจากไม่มีทุนประกอบอาชีพ โดยร.อ.ธรรมนัส ให้ผู้ติดตามมอบเงินจำนวนหนึ่ง

‘อนุชา’ปัดนั่งปธ.วิปแทน‘วิรัช’

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่จะไม่ได้เป็นเลขาฯ ว่า ก็ไม่เป็นไร แล้วแต่สมาชิก หัวหน้าพรรค ทุกอย่างลงตัวทั้งหมด ไม่มีข้อขัดแย้งในพรรค ส่วนความสัมพันธ์กับร.อ.ธรรมนัสนั้น ไม่มีอะไร ก็ทำงานร่วมกันมาปกติ อย่าไปคิดอะไร เรื่องส่วนตัวไม่มี ตนไม่มีเรื่องแตกแยกอยู่แล้ว เราทำงานกันอย่างพี่น้อง ทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กหมด พรรคต้องเดินไปข้างหน้า ตนสนับสนุนและทำงานเพื่อพรรค ตามเจตนารมณ์ของสมาชิกและหัวหน้าพรรคอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมา นายอนุชาไม่ได้ทำอะไรผิดจนถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวเลขาฯ นายอนุชากล่าวว่า เรื่องความผิดหรือไม่ผิด คงไม่ใช่ประเด็นที่พรรคจะเดินไปข้างหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่ต้องห่วงเพราะหัวหน้าพรรคเอาอยู่ๆ แล้ว ซึ่งหัวหน้าพรรคเป็นที่รักของทุกคน บารมีของหัวหน้าพรรคจะนำพาองคาพยพ เดินไปข้างหน้าได้แน่นอน

ส่วนที่มีข่าวจะถูกโยกไปเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แทนนายวิรัช รัตนเศรษฐ นั้น เวลานี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค หัวหน้าว่าอย่างไรก็จบตามนั้น ไม่มีการต่อรองทั้งสิ้น

‘สมศักดิ์’เหน็บหน.-เลขาฯเข้าขาดี

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขอแสดงความยินดี กับกก.บห.พรรคที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค และร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรค และรู้สึกว่าการทำงานการเมือง หัวหน้าพรรคและเลขาฯ ต้องเข้าขากันและไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อนำพาพรรคไปได้ด้วยดี เชื่อว่าการที่หัวหน้า และเลขาฯ สนิทสนมกันมากจะทำให้งานบางส่วนที่อยากทำเดินไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรมาก มาย และตนจะให้ความร่วมมือและทำงานตามแนวทางของพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่าหน้าฉากมีภาพความยินดีแต่เบื้องหลังภายในพรรคมีกลุ่มก้อนอยู่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อยู่เบื้องหลังตนไม่ทราบ ส่วนตนทำงานตามที่ได้รับมอบหมายในกระทรวงเต็มที่ ไม่มีวันหยุด

ต่อข้อถามว่ากลุ่มสามมิตรน้อยใจหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเลขาฯ ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว จึงไม่น่าน้อยใจ เพียงแต่อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยดี และพรรคเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริหาร สมควรทำให้เกิดความเรียบร้อย ไม่รุ่มร่าม เพราะมีเรื่องใหญ่รอให้แก้ปัญหาอยู่

ลั่นเปล่าเสียดุลอำนาจในพรรค

ต่อข้อถามว่าการปรับโครงสร้างพรรค จะไม่กระทบต่อเก้าอี้รัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดถึงผลกระทบ เท่าที่อยู่กันมาก็พึงพอใจตามอัตภาพ ตอนนี้สถานการณ์รัฐบาลคือเป็นพรรคร่วม จะไปตีอก ชกตัวว่าอยากได้ตรงนั้นแล้วไม่ได้ และต้อง มีปัญหาต่างๆ เราอย่าไปทำอย่างนั้น ซึ่งสังคมจะไม่ยอมรับ วันนี้ไม่ทราบว่าจะกระทบตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ และไม่กล้าตอบ เพราะไม่มีสูตรตายตัวอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องเสียดุลอำนาจในพรรค นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้เสียดุลอำนาจอะไร เรามีปากมีเสียงมีแนวทางในการวิพากษ์วิจารณ์ หัวหน้าพรรคฟังทุกคนและรักอยู่แล้ว หัวหน้าพรรคตัดสินใจปรับเปลี่ยนแล้วก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค

‘จุรินทร์’คุยอีสานพร้อมระดับ 7

ที่จ.ขอนแแก่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมคณะ ออนทัวร์อีสาน เป็นวันที่สอง โดยเป็นประธาน ในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคง และติดตามโครงการ พัฒนาคุณภาพชีวิตศูนย์คนไร้บ้าน ที่สหกรณ์เคหสถานแก่นนคร พร้อมมอบเช็คโครงการฟื้นฟู เช็คชำระหนี้ มอบโฉนดที่ดินกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกร จ.ขอนแก่น ที่โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อ.เมือง จ.ขอนแก่น และเปิดโครงการโมบายพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน

นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนมีโอกาสพบปะสมาชิกพรรค ตอนนี้ภาคอีสาน ถือว่ามีความพร้อมในระดับที่หากนับ 10 ก็มาถึง 7 แล้ว โดยตั้งตัวแทนเขตครบทุกเขตในภาคอีสานแล้ว จากนี้จะพิจารณาตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขต ซึ่งหลายเขตมีผู้สนใจและแจ้งความจำนงไว้แล้ว บางเขตเคาะตัวผู้สมัครไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นใครบ้าง ซึ่งนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการตอบรับจากชาวอีสานมากขึ้น

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันเดินหน้าแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เราสนับสนุนแก้ไขมาตรา 272 ตัด อำนาจส.ว.ในการเลือกนายกฯ เราจะผลักดันแต่ละร่างให้ผ่านความเห็นชอบให้ได้ และ จะทำหน้าที่จนวาระสุดท้ายในสภา

‘กรณ์’ท้าพท.-ปชป.คว่ำร่างพปชร.

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ครั้งที่แล้ว คือการเล่นละครฉากใหญ่ที่จบไปแล้ว รอบหนึ่ง รอบนี้ถ้าจริงใจจะแก้เพื่อประชาชน พรรคไหนเสนอแก้ แล้วไม่ยื่นคำขาดแก้มาตรา 272 ห้ามส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกฯ อย่าบอกว่าอยู่ข้างประชาธิปไตย พรรคพลังประชารัฐชัดเจนว่า ไม่แก้มาตรา 272 แน่ แต่ของพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมั่นคงกับประชาธิปไตย ขอให้ชัดเจน

“กล้ามั้ยยื่นคำขาด หากพลังประชารัฐและส.ว. ไม่โหวตแก้มาตรา 272 จะไม่ยกมือแก้รัฐธรรมนูญมาตราอื่นทุกกรณี ข้อบกพร่องหลักทางประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญปี 60 คือมาตรา 272 ที่ยอมให้ ส.ว.มาเลือกนายกฯ ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ก็ทราบดี ทั้งสองพรรคอย่าเล่นละครเสนอร่างแก้มาตรา 272 ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางผ่านด่านพลังประชารัฐ และส.ว. พอถึงเวลาที่ร่างแก้เรื่องส.ว. ถูกตีตก ทั้งคู่ก็จะบอกว่าเราพยายามแล้ว และเดินหน้าลงคะแนนแก้ไขเรื่องที่ตนได้ประโยชน์ต่อไป ทั้งหมดนี้จะเป็นจริงหรือไม่ การกระทำจะเป็น ข้อพิสูจน์” นายกรณ์กล่าว

ตนขอท้าทั้งเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ให้แสดงจุดยืนให้ชัด ประชาชนจะได้เห็นชัดๆ ว่าทั้ง 2 พรรคกำลังเดินตามเกมของพลังประชารัฐ เพื่อส่วนรวมหรือเพื่อตัวเอง พูดให้ชัด ว่าหากข้อเสนอยกเลิกอำนาจ ส.ว.ถูกปฏิเสธ ท่านก็จะไม่สนับสนุนร่างอื่น อย่าให้กลายเป็นละครตบตาประชาชน

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 14 ฉบับ ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย. ว่า ในการประชุมคณะกรรมการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ในวันที่ 18 มิ.ย. คงไม่มีการพูดคุยกัน ถึงแนวทางการลงมติ การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมาชิกคงต้องศึกษา และพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญก่อนว่าเขาเสนออย่างไร ส่วนตัว ได้อ่านบ้างแล้วแต่ยังไม่ครบทุกฉบับ และวันที่ 21 มิ.ย. ส.ว.จะมีการสัมมนาก่อนที่จะประชุมร่วมรัฐสภา

สภาแขวนร่างรธน.มาตรา 256

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม มาตรา 256 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเว้นหมวด 1 และ 2 และเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงไม่ใช่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้

เมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับ ดังกล่าว ไม่ใช่แก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ประธาน รัฐสภาจึงไม่สามารถบรรจุร่างดังกล่าวเข้าระเบียบวาระการประชุมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาได้ แต่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้จะยังไม่ตกไป จะแขวนไว้ในสมัยประชุมรัฐสภานี้ ดังนั้นการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 23-24 มิ.ย. จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรวม 13 ฉบับ จากที่เสนอมา 14 ฉบับ เป็นของ พลังประชารัฐ 1 ฉบับ มี 5 ประเด็น 13 มาตรา, 3 พรรคร่วมรัฐบาล คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา 8 ฉบับ, พรรคฝ่ายค้าน 4 ฉบับ จากที่เสนอมา 5 ฉบับ

พปชร.โต้ทำองค์ประชุมกมธ.ล่ม

เมื่อเวลา 09.15 น. ที่รัฐสภา นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ให้สัมภาษณ์ถึงองค์ประชุมกมธ.ล่ม เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. และถูกฝ่ายค้านท้วงติงสาเหตุเพราะกมธ.สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐไปประชุม ที่จ.ขอนแก่น ว่า กมธ.มี 72 คน คือตัวแทนจากครม.และตัวแทนจากพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าภายใน 105 วัน สภาจะต้องพิจารณาให้เสร็จ จึงขึ้นอยู่กับกมธ.ที่มาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แบ่งฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน หากไม่มีพรรคพลังประชารัฐ องค์ประชุมก็ยังเกินจำนวนอีกมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุมจะดำเนินต่อไปได้ใช่หรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า หากกมธ. มาครบ 1 ใน 3 ก็ดำเนินการต่อได้ ซึ่งมีเวลาจำกัด เพราะปีนี้จำนวนวัน มีน้อยกว่าปีที่แล้ว จึงต้องเร่งรัดการทำงาน จะล่าช้าไม่ได้เพราะเวลาปลายทางบังคับ หลังจากนี้ตนจะกำชับสมาชิกให้เข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียง และอาจจะขยายเวลาทำงาน เช่น เดิมเลิกเวลา 21.00 น. อาจเป็นเวลา 22.00 น. เพิ่มการทำงานในวันเสาร์ เพื่อเพิ่มจำนวนชั่วโมง ที่จะทำงาน

อัดฝ่ายค้านดราม่า-โชว์ขยัน

นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.งบประมาณ สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ให้กลับไปดูฝ่ายค้านก่อนว่ามาประชุมครบหรือไม่ และฝ่ายค้านก็ดราม่าเป็นปกติ ฝ่ายค้านจะมาขยัน อะไรตอนนี้ ทั้งที่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบ ยังเหลือเวลาอีกหลายวัน หากฝ่ายค้านพูดให้น้อยลง การประชุมก็เดินหน้าได้เร็ว

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกกมธ.งบประมาณ สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในห้องประชุมกมธ. มีเสียงบางคน พูดขึ้นว่าถ้าเป็นเช่นนี้พิจารณาไม่ได้ กฎหมายจะตกไป ขอชี้แจงว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 142 วรรคสอง บัญญัติว่าถ้าสภาพิจารณาร่างพ.ร.บ. นั้น ไม่เสร็จภายในกำหนดเวลาวรรคหนึ่ง ให้ถือสภาเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.นั้น และให้เสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวต่อวุฒิสภา เพื่อพิจารณา หมายความว่าความเข้าใจที่ว่าจะทำให้กฎหมาย ตกไม่ถูกต้อง หากพิจารณาไม่เสร็จ ถือว่า เห็นชอบ

‘อาคม’รุดคุมเกม-หวั่นซ้ำรอย

รายงานข่าวจากที่ประชุมกมธ.งบประมาณ เปิดเผยว่า การประชุมวันที่ 18 มิ.ย. ที่มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ รองประธาน กมธ.คนที่ 5 ทำหน้าที่ประธานการประชุม และเป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่เป็น กมธ. เข้าร่วมประชุมเพียง คนเดียว ส่วนกมธ.คนอื่นๆ เดินทางไปร่วมประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐที่ จ.ขอนแก่น

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกมธ. ได้ท้วงติง ว่าหากมีการประชุมต่ออาจทำให้ต้องมีการนับองค์ประชุมเหมือนวันที่ 17 มิ.ย. ถ้าจะประชุมต่ออาจผิดข้อบังคับได้ ทำให้นายวิเชียร ขอว่าขณะนี้มีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ 3 กรม คือกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มารอชี้แจงตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.แล้ว จึงขอให้พิจารณาจบทั้ง 3 กรมนี้ก่อน แล้วจึงเลิกการประชุม ทำให้การประชุมในวันนี้จบลงเวลา 14.30 น. จากกำหนดเดิมคือเวลา 16.00 น. อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.มาร่วมประชุม ด้วย ทำให้ฝ่ายค้านเกรงใจ และยอมร่วมประชุม จนเสร็จสิ้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน