เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ประชุมพิจารณากรณีพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีตผู้กำกับการสภ.เมืองนครสวรรค์ ทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะเพื่อเรียกรับเงินจนผู้ต้องหาเสียชีวิต โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. เข้าชี้แจง โดยพล.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า สตช.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินคดีไม่มีละเว้นหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด
วันเดียวกัน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า การขอย้ายตัวพ.ต.อ.ธิติสรรค์และพวกรวม 7 ราย จากเรือนจำกลางพิษณุโลก จะย้ายไปคุมเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยังไม่ได้รับการประกาศให้เป็นสีขาว ตามมาตรการป้องกันโควิด ส่วนวันเวลาไหนการเคลื่อนย้าย คงไม่สามารถเปิดเผยได้เป็นเรื่องความมั่นคง คาดว่าจะเคลื่อนย้ายจะเรียบร้อยภายใน 1 สัปดาห์
ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวภายหลังเข้าสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 7 ร่วมกับตำรวจและทนายฝั่งผู้ต้องหา ว่า ผกก.โจ้ยังให้การภาคเสธ ว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่าแค่เค้นข้อมูล ผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่พนักงานสอบสวนและอัยการจะดูว่าพยานหลักฐานที่ปรากฏมีลักษณะของการเจตนาที่จะฆ่าจริงหรือไม่ เราเชื่อในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนเรื่องไบโพลาร์ที่กล่าวอ้างนั้น ลักษณะของผู้ต้องหานั้นรู้ผิดชอบชั่วดี ไม่แสดงว่ามีอาการไบโพลาร์ ที่จะนำมาเป็นเหตุลดโทษได้ คาดว่าไม่เกิน 30 วัน จะส่งสำนวนต่อศาลให้พิจารณาคดีได้