ชุมนุมแยกอโศก
ตร.สกัดวุ่นรีเดม

‘ณัฐวุฒิ’ ลั่นประยุทธ์ยัง อยู่เราก็ยังไล่ ประกาศนัดชุมนุมอีก4 โมงเย็นวันนี้ ที่แยกอโศกมนตรี ด้านตำรวจ-คฝ.ระดมตั้งตู้คอนเทนเนอร์-รถฉีดน้ำแรงดันสูง ขวางกลุ่มรีเดม สกัดไม่ให้ไปรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปร.6 หน้าสวนลุมฯ ด้านม็อบสู้ไม่ถอย ท่ามกลางฝนกระหน่ำ บช.น.อ้างผู้ไม่หวังดีร่วมชุมนุม มุ่งทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสถาบัน บล็อกวุ่นเส้นทางม็อบรีเดมเคลื่อนพลชุมนุมไล่ประยุทธ์ ขวางไม่ให้ไปทั้งสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์และหน้าลานสวนลุมพินี

ตร.เตือนผู้ไม่หวังดีร่วมม็อบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บช.น. แจ้งประชาสัมพันธ์การ เตรียมความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร ในการชุมนุม ภายหลังกลุ่มรีเดมและแนวร่วมมีการนัดหมายการชุมนุมในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่หน้าสถานทูต สวิตเซอร์แลนด์ และจะเคลื่อนขบวนไปลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี

จากสถานการณ์ด้านการข่าวทราบว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีบางส่วน อาจรวมตัวมากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือทำพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสมต่อสถาบัน เช่น การพ่น ทาสี เขียนข้อความ ลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่ระหว่างเส้นทางขบวน

ด้วยเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางเครื่องกีดขวาง จัดเส้นทางการจราจร และปิดการจราจรบางเส้นทาง โดยเฉพาะบริเวณทางร่วมทางแยกสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้ เส้นทางสัญจรโดยทั่วไป และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสถานที่สำคัญดังกล่าว รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงต่อไป

ศรีฯรุดแจ้งจับเต้น-ลายจุด

ที่สน.ทองหล่อ เขตวัฒนา กทม. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ 13 แนวร่วมเครือข่ายไล่ประยุทธ์ หรือ อ.ห.ต. นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด ซึ่งจัดชุมนุมกันที่บริเวณแยกอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 2 ก.ย. เนื่องจากเป็นการกระทำที่ท้าทายกฎหมาย อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อการจราจร ความมั่นคง การแพร่กระจายของ โควิด-19 และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ อันมิอาจปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่างของสังคมต่อไปได้

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามข้อกำหนดใน ม.9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2546 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 31 ส.ค.64 ความผิดตาม ม.34(6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ความผิดฐานกีดขวางการจราจร ตาม ม.43 พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 ความผิดตาม ม.4 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงเครื่องขยายเสียงฯ 2493 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 ม.215 ม.216 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

สำหรับ 13 แนวร่วมฯที่ถูกแจ้งความเอาผิดประกอบด้วย 1.นายณัฐวุฒิ 2.นายสมบัติ 3.นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท 4.นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่นพอกันที ผู้แทนพรรคก้าวล่วง 5.นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ หรือเป๋า ผู้จัดการไอลอว์ 6.นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า

7.นายสิรภพ อัตโตหิ หรือแร็พเตอร์ 8.น.ส.พริม มณีโชติ หรือเอ๋ย 9.นายโชคดี ร่มพฤกษ์ หรืออาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ 10.นายพชร ธรรมมล หรือฟลุค เดอะสตาร์ 11.น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ หรือมุก นักสิทธิมนุษยชน 12.น.ส.ชุมาพร แต่งเกลี้ยง หรือวาดดาว กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และ 13.นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน

เผยอาการป่วย 5 แกนนำดีขึ้น

ด้านนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้าอาการป่วยโควิด-19 ของกลุ่ม ผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ 5 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายชาติชาย แกดำ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา แพทย์ประจำทัณฑสถานร.พ.ราชทัณฑ์เข้าตรวจร่างกาย พบว่านายพริษฐ์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้

ส่วนนายพรหมศร รู้สึกตัวดี ยิ้มแย้มพูดคุยช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ จากการตรวจวัดสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนของทั้ง 2 ราย ผลเป็นปกติ และได้รับการรักษาโควิด-19 จนครบกำหนด 14 วันแล้ว อยู่ระหว่างการ พักฟื้นเพื่อจำหน่ายกลับไปคุมขังยังเรือนจำฯ ตามเดิม

นายภาณุพงศ์รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีเจ็บแน่นหน้าอก ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับ พักผ่อนได้ ในส่วนอาการปวดเข่าด้านซ้าย ไม่มีอาการบวมแดง เข่าไม่มีผิดรูป สามารถเดินทำกิจวัตรประจำวันปกติ แพทย์ได้ให้ยาแก้ปวดเข่าพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัว

แยกกักตัว‘อานนท์ นำภา’

นายธวัชชัยกล่าวต่อว่า นายจตุภัทร์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ป่วยไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ ในส่วนอาการผื่นขนาดเล็กตามร่างกายที่นายจตุภัทร์แจ้งว่าเคยเป็นตั้งแต่อยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีอาการดีขึ้น ผื่นคันตามตัวลดลง และด้านนายชาติชายรู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ

ในส่วนอาการที่พบว่า มีฝ้าที่ชายปอดนั้น จากการเอกซเรย์ปอด เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผลปกติ แพทย์ให้หายใจเองได้ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยแน่น โดยจากการตรวจวัดสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนของทั้ง 3 ราย ผลเป็นปกติ

นายธวัชชัยกล่าวว่า ในส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 2 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา และนายเวหา แสนชนชนะศึก ทั้ง 2 คน ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ปรากฏผลเป็นลบ ไม่มีอาการเจ็บป่วย สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดีเช่นกัน

ทั้งนี้ในส่วนนายอานนท์ที่มีผลตรวจเป็นลบ แต่ผู้ต้องขังร่วมห้องเดียวกันมีผลตรวจเป็นบวก 11 คน ภายหลังการขนย้ายผู้ติดเชื้อออกจากห้องกักโรคที่ 19 อาคาร 2 เจ้าหน้าที่จึงได้ย้ายนายอานนท์ไปกักโรคยังห้องกักโรคที่ 20 อาคาร 2 ซึ่งทำความสะอาดฆ่าเชื้อไว้ก่อนแล้ว เพื่อป้องกันเชื้อหลังจากขนย้ายผู้ต้องขังที่ติดเชื้อออกไป พร้อมทั้งทำความสะอาดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อห้องกักโรคที่ 19 ทิ้งไว้ 1 วัน โดยทุกกระบวนการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอย่างเข้มงวด ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิดอย่างเคร่งครัด

ตู้คอนเทนเนอร์-รถจีโน่ขวางม็อบ

สำหรับบรรยากาศที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ใกล้แยกเพลินจิต กลุ่มรีเดม (REDEM) นัดหมายรวมตัวชุมนุม ก่อนเคลื่อนขบวนไปที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าสวนลุมพินี เพื่อยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1.ปฏิรูปสถาบัน 2.ปลดแอกประชาธิปไตย ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3.สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า รัฐบาลต้องจัดหาวัคซีนฟรีและมีคุณภาพให้ทุกคน

เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตู้คอนเทนเนอร์พร้อมติดตั้งลวดหนามหีบเพลง มาวางขวางถนนวิทยุ ใกล้กับแยกเพลินจิต มุ่งหน้าสวนลุมพินี โดยนำรถฉีดน้ำแรงดันสูง (จีโน่) รถควบคุม ผู้ต้องหา รถเครื่องขยายเสียง และตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)3 กองร้อย เข้ามาประจำการอยู่หลังแนวคอนเทนเนอร์

เวลา 15.30 น. บรรยากาศบริเวณแยกเพลินจิต มีผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน ทยอยเดินทางมารวมตัวใกล้แนวคอนเทนเนอร์ ส่วนมากใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ มีรถปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง 1 คัน จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งจะมีการเคลื่อนพลไปยังหน้าสวนลุมพินี ตามการนัดหมาย 16.00 น.

ส่วนที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ มีผู้ชุมนุมเดินทางมารวมตัวบนทางเท้า ที่ฝั่งตรงข้ามมีพ่อค้าแม่ขาย วางจำหน่ายอาหาร และเสื้อยืดสกรีนลายต้านเผด็จการ พร้อมน้ำดื่มเตรียมแจกจ่ายผู้ชุมนุม ด้านการ์ดกระจายกำลังรอบบริเวณ มีการนำรถซาเล้งสีแดงมาจอดริมทางเท้า พร้อมเตรียมเครื่องขยายเสียง ลำโพง ป้ายไวนิล และอุปกรณ์ทำกิจกรรม โดยวันนี้มีนายรัฐภูมิ เลิศไพจิตร โฆษกการ์ดทีมวีโว่ร่วมดูแลความปลอดภัย และมีกลุ่มสหภาพคนทำงานร่วมชุมนุมด้วย

ม็อบสู้กลางสายฝนกระหน่ำ

เวลา 16.00 น. น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว หนึ่งในแกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก เดินทางมาถึง ขณะที่ทีมงานเตรียมรถซาเล้ง ด้านสหภาพคนทำงานนำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ กางป้ายไวนิล ระบุ 3 ข้อเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบัน ปลดแอกประชาธิปไตย สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า”

ขณะที่น.ส.พริม มณีโชติ หรือเอ๋ย กล่าวว่า มาร่วมส่งเสียงว่าประเทศไทยกำลังมีปัญหาอะไร กำลังเกิดอะไรขึ้น ยึดเส้นสันติชัดเจนในวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการแจกใบปลิว ข้อเสนอต่อขบวนการประชาธิปไตยในการสร้างสังคมใหม่ด้วย และมีการขึงป้ายไวนิลกับเสาเหล็ก เพื่อใช้นำขบวน ระบุข้อความ “ขอบคุณวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค”

เวลา 16.25 น. ฝนตกลงมาอย่างหนัก ผู้ชุมนุมหลบฝนใต้ชายคา บางส่วนกางร่ม ใส่เสื้อกันฝน บางส่วนหลบฝนหน้าสถานทูต

ส่วนบริเวณถนนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตู้คอนเทนเนอร์พร้อมติดตั้งลวดหนามหีบเพลงมาวางขวางถนน ใกล้กับแยกเพลินจิต มุ่งหน้าสวนลุมพินี โดยนำรถฉีดน้ำแรงดันสูง รถควบคุมผู้ต้องหา รถเครื่องขยายเสียง และตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) 3 กองร้อย เข้ามาประจำการอยู่หลังแนวคอนเทนเนอร์

ม็อบ‘รีเดม’ – ผู้ชุมนุมกลุ่มรีเดมเคลื่อนขบวนจากหน้าสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์มุ่งหน้ารวมตัวแยกราชประสงค์ แต่ถูกตำรวจวางตู้คอนเทนเนอร์สกัดบนถนนวิทยุ หลังประกาศยุติการชุมนุมมีบางส่วนไปรวมตัวที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 4 ก.ย.

คฝ.พรึบแยกศาลาแดงตั้งจุดสกัด

เวลา 16.30 น. ที่แยกศาลาแดง พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศชี้แจงกับกลุ่มผู้ที่เดินทางมารวมตัวแล้วว่าการรวมตัวมั่วสุมกันในขณะนี้ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายที่ประกาศใช้ในสถานการณ์บ้านเมือง

เมื่อได้รับข้อมูลว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 จึงต้องตั้งจุดตรวจจุดสกัดโดยรอบบริเวณ พร้อมทั้งวางกำลังบริเวณรอบนอก เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะทางการข่าวมีข้อมูลว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอาจก่อเหตุความรุนแรง และประกาศว่าจะเข้าใช้พื้นที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 จึงต้องวางแนวป้องกัน

ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าว ยังตั้งอยู่ใกล้ โรงพยาบาล (ร.พ.) จุฬาฯ ซึ่งมีการเคลื่อนย้าย ผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา จึงอยากขอร้องผู้ชุมนุมให้นัดรวมตัวให้ห่างไกลพื้นที่

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการออกหมายจับเพื่อเรียกดำเนินคดีแล้ว 700 ราย ดำเนินการไปแล้ว 400 ราย ตัวเลขเหล่านี้นับว่าเป็นการสะท้อนความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยมากกว่าร้อยละ 50 เป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะนี้สามารถประเมินว่ากลุ่มผู้ที่ออกมาไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมแต่เป็น กลุ่มที่ก่อเหตุ

ณัฐวุฒิลั่น-ตู่ยังอยู่ต่อก็ยังไล่

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบ พบว่าการจราจรบริเวณถนนพระรามที่ 4 ยังคงสัญจรได้ตามปกติ ส่วนคฝ.ก็ตั้งแนวอยู่บริเวณแยกศาลาแดงด้วยเช่นกัน

กระทั่งเวลา 16.40 น. กลุ่มรีเดมเคลื่อนขบวนโดยเดินเท้าชูธง และป้ายข้อเรียกร้อง ท่ามกลางฝน มุ่งหน้าไปยังแนวคอนเทนเนอร์ บนถนนวิทยุ ซึ่งตั้งขวางทางไปสวนลุมพินี และมีการบีบแตรเป็นระยะ

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ อ.ห.ต. โพสต์เฟซบุ๊กหลังทราบผลสภาผู้แทนราษฎร ลงมติไว้วางใจพล.อ.ประประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก 5 คนว่า “ยังอยู่ เราก็ยังไล่ 5 ก.ย. แยกอโศก 4 โมงเย็น สู้ด้วยกัน ไล่ด้วยกัน#ไล่ประยุทธ์

ต่อมา นายณัฐวุฒิได้โพสต์อีกครั้ง โดยยืนยันเวลาและสถานที่เดิม พร้อมคำว่า “ล้วงคองูเห่า เอาให้อ้วกเป็นกล้วย”

ม็อบ‘รีเดม’ – ผู้ชุมนุมกลุ่มรีเดมเคลื่อนขบวนจากหน้าสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ มุ่งหน้ารวมตัวแยกราชประสงค์ หลังถูกตำรวจวางตู้คอนเทนเนอร์สกัด บนถนนวิทยุ โดยการกดแตรรถจักรยานยนต์ประสานเสียงดังสนั่นตลอดทาง เมื่อวันที่ 4 ก.ย.

‘รีเดม’ไปไม่ถึงสวนลุม-ยุติชุมนุม

บรรยากาศการเคลื่อนขบวนหลังเปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง โดยเมื่อเวลา 18.00 น. ที่แยกประตูน้ำ ผู้ชุมนุมหลบฝนใต้สะพานข้ามแยก พร้อมชู 3 นิ้ว เปิดเพลงชาติ ก่อนบางรายตะโกน “ประยุทธ์ออกไป” โดยกลุ่มรีเดม เปลี่ยนเส้นทางเคลื่อนขบวนบนถนนเพชรบุรี ผ่านสามย่านมิตรทาวน์ เพื่อไปยังสถานทูต สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างนี้ยังคงหลบฝน รอ ผู้ชุมนุมเดินย้อนกลับมารวมตัว

ทั้งนี้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หลังเคลื่อนขบวนผ่านแยกเพลินจิต แยกราชประสงค์ แต่ถูกปิดกั้นเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปสวนลุมพินี ทำให้มวลชนบางส่วนกระจายไปรวมตัวแยกสามเหลี่ยมดินแดงในเวลาประมาณ 18.00 น.

เวลา 18.10 น. น.ส.พริมประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง เชิญชวนประชาชนร่วมแสดงออกถึงข้อเรียกร้องคือ ขึ้นไปบนสะพานข้ามแยกประตูน้ำ เพื่อติดป้ายเรียกร้อง

ต่อมาเวลา 18.15 น. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย กล่าวปราศรัยว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน เราห้อยป้ายปฏิรูปสถาบัน บนถนนเส้นนี้ ที่มีพี่น้องคนเสื้อแดงตาย เพราะเผด็จการต้องการปิดปาก ไม่ให้เรียกร้องประชาธิปไตยให้ประเทศ ต่อไปนี้ ประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไป

จากนั้น มีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ถึงเวลาที่เราจะประกาศชัยชนะในวันนี้ แขวนป้ายสำเร็จแล้ว ขอให้ติดตามกิจกรรมของกลุ่มรีเดมต่อไป ผ่านทาง เฟซบุ๊ก การต่อสู้ครั้งนี้ ยังอีกยาวไกล ภารกิจวันนี้ลุล่วงด้วยดี เชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจจะปลดป้ายออก แต่รูปภาพดิจิตอลจะคงอยู่ ตลอดไป

จากนั้นผู้ชุมนุมชู 3 นิ้ว เปล่งเสียง ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ และยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 18.20 น.

ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้บึ้มปิงปอง

ต่อมาเวลา 18.50 น. บรรยากาศบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีรถขยายเสียงจอดอยู่ใต้ทางด่วนดินแดง โดยประกาศว่าพวกเราไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนรวมตัวกันก่อนรอประกาศการเคลื่อนไหวต่อไป ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นวิ่งฝ่าสายฝนปาประทัดยักษ์ไปทางถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออกเป็นระยะๆ

เวลา 19.40 น. กลุ่มวัยรุ่นยังรวมตัวอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก บางส่วนขับรถจักรยานยนต์มาดูลาดเลาบริเวณกรมดุริยางค์ทหารบก จากนั้นได้มีการปาระเบิดปิงปองเข้าไปด้านใน เนื่องจากคาดว่าจะมีตำรวจคฝ.ประจำการอยู่ ขณะที่ฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้กลับมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน