น้ำเหนือมาแล้ว
เพิ่มสูงต่อเนื่อง
โกนเซินยังแรง

กรมชลฯ เตือนระดับน้ำแม่น้ำ เจ้าพระยาสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังฝนตกหนักในภาคเหนือ-ภาคกลาง แนะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เปิดสายด่วน1460 ช่วยเหลือตลอด 24 ช.ม. ‘ประยุทธ์’ ลงพื้นที่ตรวจสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ พร้อมรับฟังปัญหาน้ำท่วมสมุทรปราการ ลั่นไม่โทษใคร อ้างขนาดประเทศร่ำรวยยังเจอเหมือนกัน ด้านโกนเซินยังแผลงฤทธิ์แม้อ่อนกำลัง เป็นดีเปรสชัน ฝนถล่มแทบทุกภาคทั่วไทย เชียงใหม่น้ำป่ากลืนร่าง 2 ป้า เจอศพแล้ว 1 ส่วนเพชรบูรณ์หนุ่มใหญ่จมน้ำดับ อุตุฯ เตือนอีสาน-ตะวันออกหนักสุด ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

ชี้อีสาน-ตะวันออกเสี่ยงน้ำท่วม

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 ก.ย. นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุดีเปรสชัน “โกนเซิน” ฉบับที่ 13 ที่บริเวณชายฝั่งของเมืองกวางงาย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 15.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตร(ก.ม.) ต่อชั่วโมง(ช.ม.) และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในระยะต่อไป

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจ.บึงกาฬ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัด ระวัง โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง จนถึงวันที่ 14 ก.ย. จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ช.ม.

ตรวจน้ำท่วม – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตรวจความพร้อมแผนป้องกันน้ำท่วม ในพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.

ตู่ลั่น“น้ำท่วม”ไม่โทษใคร

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ชั้น 3 อาคารโรงพยาบาล รามาธิบดีจักรนฤบดินทร์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ และปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จ.สมุทรปราการ หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน และมีน้ำทะเลหนุนทำให้ระบายน้ำช้าและท่วมขัง 4 อำเภอ คือ อ.เมือง บางพลี บางบ่อ และบางเสาธง

โดยหน่วยงานราชการในจังหวัดพร้อมกองทัพ รายงานว่า ได้เร่งดำเนินการะบายน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมขังแล้ว ซึ่งปีนี้จ.สมุทรปราการดำเนินการตามแผนงานโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 7 โครงการ งบประมาณ 83.5846 ล้านบาท โดยกรมชลประทาน และองค์การจัดการน้ำเสีย มีพื้นที่รับประโยชน์ 2,500 ไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 8,716 ครัวเรือน

ต่อมาเวลา 15.20 น. ที่สะพานยกระดับ สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร อ.เมืองสมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาตรวจความพร้อมแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง โดยจุดแรกเยี่ยมชมและรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จ.สมุทรปราการ และ การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ชลประทาน จากนั้น เยี่ยมชมจุดสูบน้ำบนสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ถือเป็น การตรวจระบบแรงดันน้ำครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา เพราะก่อนหน้านั้นมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมอยู่หลายพื้นที่ ซึ่งคงไม่ได้ไปโทษใครอะไร เพราะผ่านมาแล้ว

สำหรับสะพานส่งน้ำ สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ เป็นที่ระบายน้ำหลัก วันนี้ได้คุยกับสนทช. กรมชลประทาน ถือว่าสถานีระบายน้ำแห่งนี้ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องป้องกันและแก้ไข น้ำท่วมได้มากพอสมควรในระดับหนึ่ง ส่วนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องบริหารพื้นที่ไป

แนะต้องแก้ปัญหาระยะยาว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะต้องดูว่ามีเครื่องกีดขวางในการระบายน้ำอย่างไร และต้องวางแผนกับสนทช.ในการบริหารจัดการเรื่องน้ำ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มีระบบหมุนน้ำดีเพียงพอเท่าไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย เพราะหลายประเทศเกิดปัญหาน้ำท่วม ประเทศที่มีรายได้สูงก็มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม จึงกำชับไปว่าขอให้ระวังและมองอนาคตไว้ด้วย ถ้าวันหน้ามากกว่านี้ด้วยสถานการณ์ภูมิอากาศโลกมากขึ้น อย่างเรื่องโลกร้อน น้ำแข็งละลาย ปริมาณน้ำในทะเลสูงขึ้น จึงต้องมองปัญหาในระยะยาว และ ร่วมมือกันไว้กับหลายประเทศ หลายภูมิภาค

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกฯ เน้นย้ำให้ส่วนราชการในท้องที่รวมถึงท้องถิ่น และส.ส. ทำงานร่วมกัน เมื่อเกิดน้ำท่วมให้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เตรียมแผนบริหารจัดการโดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ในบริเวณจุดเสี่ยงที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก ต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำทันที หากสถานการณ์รุนแรง ต้องประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ และเตรียมตัวอพยพ จะต้องจัดหาสถานที่พักชั่วคราวให้ประชาชนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะ ช่วงนี้ที่ประสบปัญหาการระบาดโควิด-19 ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญที่สุด

ช่วยชาวบ้าน – นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ และนางสัมฤทธิ์ เหมะ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. นำถุงยังชีพ แจกจ่ายชาวบ้าน อ.บางบ่อ บรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วม เมื่อวันที่ 12 ก.ย.

เผยป้อมสั่งช่วยชาวบ้าน 58 จว.

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำชับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนการทำงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ร่วมเฝ้าระวังและเตรียมแผนรองรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยกว่า 1,500 ตำบล ใน 58 จังหวัดตามการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์น้ำและฤดูฝนที่มีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ที่มีโอกาสพัฒนาเป็นลานีญา คาดการณ์ว่า ก.ย.-ต.ค. จะมีพายุ 2-3 ลูก เคลื่อนเข้าไทย ส่งผลให้ฝนตกหนักต่อเนื่อง อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

พร้อมกันนี้ ขอให้คงความต่อเนื่องในการเร่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หลายจังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงจากพายุโกนเซิน ซึ่งเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องและน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.พิจิตรที่กำลังเกิดขึ้น

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรย้ำให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ให้ความสำคัญบริหารจัดการน้ำตามแผนในพื้นที่สำคัญ ทั้งแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เขื่อนระบายน้ำและแม่น้ำสายหลัก โดยเฉพาะการบริหารน้ำหลากที่ไม่สามารถควบคุม ผ่านระบบชลประทานและการกักเก็บในพื้นที่การเกษตร เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลัก พร้อมทั้งให้ใช้โอกาสนี้เร่งเก็บกักน้ำต้นทุนที่ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกร้อยละ 37 สำหรับฤดูแล้ง ที่จะมาถึง

กรมชลฯชี้น้ำเจ้าพระยาสูง

พล.ท.คงชีพกล่าวว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้น กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ยังคงจัดกำลังพล ยานพาหนะ รวมทั้งเรือผลักดันน้ำและเครื่องมือช่างเข้าไปสนับสนุนการทำงานของจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ และ อ.เมือง จ.ตาก เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะปกติ และอยู่ระหว่างเร่งเข้าไปสนับสนุน 5 อำเภอใน จ.พิจิตร ที่ฝนตกหนักสะสม น้ำป่าไหลหลากเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่

จากสถานการณ์ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศไทย ทำให้หลายพื้นที่เกิดปัญหาน้ำท่วมจนมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ล่าสุด ทวิตเตอร์กรมชลประทาน โพสต์ข้อความแจ้งเตือนประชาชน ความว่า ฝนที่ตกหนักทางตอนบนและภาคกลาง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม่น้ำเจ้าพระยา ขอให้ประชาชนติดตาม สถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ตลอด 24 ช.ม.

สั่งตำรวจเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน

พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษก ตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ ดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งข้าราชการตำรวจ หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์เช่นเดียวกัน รวมถึงสถานที่ราชการต่างๆ เช่น สถานีตำรวจ บ้านพักข้าราชการตำรวจ ที่ได้รับความเสียหาย

จึงได้กำชับพร้อมสั่งการไปยังทุกหน่วยในสังกัด เร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน ทั้งในเรื่องการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของประชาชน การอำนวยความสะดวก ด้านจราจร การจัดเตรียมสถานที่รองรับ หากมี การอพยพ และการเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภค สำหรับแจกจ่ายบรรเทาความเดือดในเบื้องต้น

ฤทธิ์น้ำป่า – นางศศิธร คล้ายคำ อายุ 55 ปี ที่ถูกน้ำป่าพัดหายจากบ้านพักใน ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ก่อนพบกลายเป็นศพติดริมตลิ่งน้ำห้วยแม่ลาย ห่างออกไป 6 ก.ม. สามีที่เป็นชาวต่างชาติถึงกับร่ำไห้เมื่อพบศพ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.

น้ำป่าพัด 2 ป้าจมหาย-เจอศพ 1

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จ.ชียงใหม่ว่า เวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 11 ก.ย. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน น้ำป่าไหลหลากลงสู่น้ำแม่ลาย ขณะนั้นนางสถิตย์พร ศรีคร้าม หรือป้าตุ๊ก อายุ 55 ปี มีบ้านพักส่วนตัว ที่ริมแม่น้ำลาย หมู่ 7 บ้านปางจำปี ต.ห้วยแก้ว เดินลงไปเก็บเก้าอี้ตัวโปรดที่ใช้นั่งกินกาแฟแต่ปรากฏว่าเกิดเดินพลาดพลัดตกลงไปในลำน้ำที่ไหลเชี่ยว

ส่วนสามีซึ่งเป็นชาวต่างชาติพยายามเข้าช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยได้ ร่างของป้าตุ๊กถูกกระแสน้ำพัดหายไป สามีได้ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านและทาง กู้ชีพ-กู้ภัยฯ ทราบเหตุได้ระดมกำลังหลายหน่วยงานนำเรือยางออกค้นหาตลอดทั้งคืน ขณะรายงานข่าวนี้ยังไม่พบตัวป้าตุ๊ก

ด้านฝ่ายป้องกันสาธารณภัยจ.เชียงใหม่รายงานว่า เกิดฝนตกหนักบริเวณบ้านปางจำปี หมู่ที่ 7 ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ระดับน้ำในลำห้วยแม่ลายสูงขึ้นและไหลเชี่ยว และในเวลาประมาณ 19.30 น.เกิดอุบัติเหตุน้ำพัดนางศศิธร คล้ายคำ อายุ 55 ปี ราษฎรบ้านปางจำปี หายไปกับกระแสน้ำ โดยว่าที่ร.ต.ณัฐพงค์ ฐิตวิกรานต์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯ ร่วมบูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เวลา 09.30 น. วันที่ 12 ก.ย. มีการค้นหาร่างนางสถิตย์พร ศรีคร้าม ผู้สูญหายจากเหตุน้ำป่าพัดร่าง บริเวณลำห้วยแม่ลายน้อย หน้าบ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 7 บ้านปางจำปี รวมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 200 นาย เวลาประมาณ 10.15 น. พบร่างผู้สูญหายบริเวณลำน้ำแม่ลาย บ้านโป่งกุ่มสามัคคี หมู่ที่ 6 ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด โดยร่างติดอยู่กับเศษวัชพืชริมน้ำ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงประสานสภ.ดอยสะเก็ดตรวจสอบตามกระบวนการต่อไป

หนุ่มใหญ่ฝ่าน้ำท่วมดับอนาถ

ที่จ.เพชรบูรณ์ เวลาประมาณ 10.20 น. ขณะที่ พ.ต.ท.ประภาส บุญสิงห์ พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสภ.หล่มสัก อ.หล่มสัก ได้รับแจ้งมีคนจมน้ำเสียชีวิตที่บริเวณ สามแยกบ้านใหม่ ม.9 ต.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่น้ำท่วมสูงประมาณ 50 ซ.ม. และน้ำไหลค่อนข้างเชี่ยว พบศพนายวุฒิชัย สายยอด อายุ 47 ปี อาศัยอยู่หมู่ที่ 9 ต.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต สภาพศพสวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นสีดำ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 6-8 ช.ม.

นายวุฒิชัย ใสยอด เป็นนักวิชาการสาธารณสุข ชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหล่มสัก ให้การว่าได้ไปช่วยงานสำนักงานสาธารณสุขอำเภอหล่มสักเพื่อบรรจุถุงยังชีพเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.หล่มสัก จนกระทั่งช่วงค่ำกลับบ้านโดยมีเพื่อนขี่รถมาส่ง แต่เนื่องจากระดับน้ำสูง ผู้ตายจึงเดินเข้าไปเพื่อที่จะกลับบ้าน เมื่อมาถึง ที่เกิดเหตุซึ่งช่วงเมื่อคืนนี้ระดับน้ำจุดดังกล่าวค่อนข้างสูงและแรง ประกอบกับผู้ตายทำงานมาทั้งวันอาจเหนื่อยจึงเป็นลมล้มลงและจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้สอบสวนและชันสูตรเพื่อหาสาเหตุที่ แท้จริงต่อไป

น้ำป่าเขาพระเอ่อท่วมปากน้ำโพ

ที่จ.นครสวรรค์ อิทธิพลพายุฝนส่งผลให้น้ำจากเขาพระ-เขาสูง อ.หนองบัว ไหลหลากล้นคลองสาธารณะเข้าท่วมขังในพื้นที่ชุมชนในเขตเทศบาลต.หนองบัวหลายสิบหลังคาเรือน โดยเฉพาะที่ชุมชนบ้านเนินน้ำเย็น หมู่ที่ 2 ต.หนองบัว อ.หนองบัว มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ต่ำโดยระดับน้ำสูง 20-40 ซ.ม. ชาวบ้านกว่า 10 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบแต่ไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น ล่าสุดยังคงมีน้ำไหลเอ่อล้นคลองสาธารณะเข้าพื้นที่ชุมชนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อีกเป็นจำนวนมาก

นางสุนันท์ มหาวีระตระกูล ชาวบ้านในหมู่ที่ 2 บ้านเนินน้ำเย็น ต.หนองบัว อ.หนองบัว บอกว่าได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง ทุกครั้งที่เกิดฝนตกหนัก เนื่องจากน้ำระบายออกนอกชุมชนและบริเวณบ้านไม่ทัน สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและชาวบ้านใกล้เคียงเป็นอย่างมาก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเข้ามาดูแล และจัดการเรื่องการระบายน้ำออกในพื้นที่ให้ด้วย

พิจิตรก็อ่วมน้ำท่วม 5 อำเภอ

ที่จ.พิจิตร เกิดน้ำท่วม 5 อำเภอ ประกอบไปด้วย อ.วังทรายพูน อ.วชิรบารมี อ.สามง่าม อ.ทับคล้อ และ อ.สากเหล็ก รวม 4 ตำบล 13 หมู่บ้าน 2 ชุมชน ทำให้สถานที่ราชการ โรงเรียน บ้านเรือนที่พักอาศัย และพื้นที่เกษตร ได้รับความเสียหายบางส่วน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะอ.ดงเจริญ หมู่ที่ 1 ต.ห้วยพุก พนังกั้นน้ำบริเวณคลองบอระเพ็ด ตำบลห้วยพุก พังเสียหาย ทำให้น้ำทะลักท่วม บ้านราษฎรหมู่ที่ 1 ต.ห้วยพุก โรงเรียนห้วยพุก วัดห้วยพุก (อบต.ห้วยพุกนำรถแบ๊กโฮและเครื่องมือดำเนินการซ่อมพนังกั้นน้ำเรียบร้อย

ในส่วน อ.ทับคล้อ น้ำป่าที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลผ่านบริเวณคลอง วังแดงทะลักเอ่อล้นเข้าท่วมในเขตเทศบาล ต.ทับคล้อ อ.ทับคล้อ จังหวัดพิจิตร โดยมีสถานที่สำคัญได้รับผลกระทบหลายแห่ง ได้แก่ วัดมงคลทับคล้อ น้ำท่วมศาสนสถานและบริเวณลานวัด พระสงฆ์และสามเณรช่วยกัน สูบน้ำ พร้อมทั้งได้จัดเรียงแนวกระสอบทรายป้องกัน

น้ำท่วมขังเนินมะปราง-วังทอง

ด้านจ.พิษณุโลก มวลน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ยังท่วมในพื้นที่ ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง และบางส่วนของต.บ้านกลาง อ.วังทอง โดยเฉพาะที่หมู่ 13 บ้านวังน้ำบ่อ ต.ไทรย้อย น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์หลากท่วมบ้านวังน้ำบ่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตั้งแต่เช้าวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ระดับน้ำลดเพียง 10 ซ.ม.เท่านั้น เบื้องต้นนายทวีศักดิ์ ล่อกา ปลัดอำเภอเนินมะปราง ร่วมกับชาวบ้านทำอาหารออกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบเป็นการเบื้องต้น คาดว่าภายใน 1-2 วันหากไม่มีฝนตกลงมาอีกน้ำคงลดระดับจนเป็นปกติ

ส่วนที่หมู่ 17 บ้านตานม ต.บ้านกลาง อ.วังทอง ฝนที่ตกลงมาหลายวันติดต่อกันทำให้น้ำจากเทือกเขาไหลเข้าท่วมไร่นา ไร่อ้อย ไร่มันฯ และนาข้าวหลายร้อยไร่ ชาวบ้านต่างพลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการนำยอ สวิง เบ็ด มาจับปลาที่ไหลมาตามน้ำ แต่ถือว่าดีเพราะที่นี่ประสบกับความแห้งแล้งมาเกือบ 2 ปี ขณะที่น้ำได้หลากลงมาเร็ว ไปเร็ว จะเหลือติดคลองไว้ใช้ และเข้าบึงน้ำดิบจำนวนหนึ่ง

น้ำปิงล้นตลิ่งท่วมบ้าน-ไร่นา

ที่จ.กำแพงเพชร เกิดกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง ระดับน้ำสูงในแม่น้ำปิง น้ำมีสีขุ่น บางที่ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ไร่นาทางการเกษตรจำนวนมาก เช่นเดียวกับพื้นที่ ม.1 (บ้านถนนงาม) ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง น้ำไหลเข้าท่วมชุมชน บ้านเรือน วัด โรงเรียน ระดับน้ำสูงถึงเข่า ทำให้การสัญจรของประชาชน ทั้งหมู่บ้านและรถเข้าออกหมู่บ้านยากลำบาก ชาวบ้านได้ช่วยกันนำกระสอบมากรอกทรายเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าบ้านสูงกว่าเดิม

นายวัฒนพล ทรัพย์แสนทวี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 (บ้านถนนงาม) อยู่บ้านเลขที่ 58/1 ม.1 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง กล่าวว่า น้ำจากทางเหนือไหลมาอย่างต่อเนื่อง จึงระดมทุกภาคส่วนนำรถแบ๊กโฮมาช่วยขุดตามเหมืองคลองต่างๆ ให้ระดับน้ำระบายดีขึ้น ซึ่งวันนี้ได้ระดมคนในหมู่บ้านมาช่วยกันกรอกกระสอบทรายนำไปกั้นหน้าบ้านของตนเองเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้า ขณะที่ปริมาณน้ำยังมีระดับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง อาจจะใช้เวลา 2-3 วันคงจะดีขึ้น

ชาวบ้านอพยพขึ้นที่สูงหนีน้ำ

ที่ จ.นครราชสีมา จากสถานการณ์ฝนตก ลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ 4 หมู่บ้านของต.หนองบัวละคร อ.ด่านขุนทด ซึ่งเป็นพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีบ้านเรือนชาวบ้านได้รับผลกระทบมากกว่า 100 หลังคาเรือน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานสำนักงานชลประทานนครราชสีมาที่ 8 เปิดประตูระบายน้ำ เร่งการระบายน้ำเข้าอ่างลำเชียงไกรตอนล่าง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้นแล้ว

ซึ่งอิทธิพลจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้มีมวลน้ำจำนวนมากจากอ.เทพารักษ์ และอ.ด่านขุนทด ไหลมารวมกันที่ด้านบนเหนืออ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่างที่อ.โนนไทย ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน้ำเกินความจุอ่าง 105% จนต้องเบี่ยงทางมวลน้ำบางส่วนไม่ให้ไหลลงอ่างเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวอ่างเก็บน้ำ ทำให้น้ำไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำ คาดว่าถ้าไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มสถานการณ์น่าจะคลี่คลายในเร็ววันนี้

ในส่วนบ้านหนองบัวละคร ปริมาณน้ำท่วม สูง 50-80 ซ.ม. ประชาชนต้องอพยพขึ้นมาอยู่ในที่สูงเหนือน้ำ พร้อมจัดกำลังเวรยามตรวจตราความปลอดภัย เบื้องต้นองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวละครตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินจากอุทกภัย เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทันท่วงที

แจ้งระวังน้ำท่วมฉับพลัน

ที่จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ทหารศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 56 กองบัญชาการกองทัพไทย จ.อุบลราชธานี จัดเตรียมชุดปฏิบัติการเคลื่อนเร็ว ทั้งรถยกสูง รถผลิตน้ำประปาสนาม เรือยนต์ และอุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิต พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ตามลำน้ำซอม ลำโดมใหญ่ ที่เป็นสาขาของแม่น้ำมูล หากเกิดอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุโกนเซิน

ว่าที่ร.ต.มนต์สง่า ลีลาศสง่างาม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.อุบลราชธานี กล่าวถึงการรับมือพายุโกนเซินว่า มีการแจ้งเตือนไปยังพื้นที่ตามริมน้ำและพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากของจังหวัดให้ระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและเตรียมกำลังไว้ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์พายุลูกนี้ จะพัดผ่านไป

ขอนแก่นปักธงเหลืองเตือนจม

นายเกียรติศักดิ์ หนูแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 (ผอ.ชป.6) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่บริเวณเขื่อนทดน้ำลำน้ำเชิญ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และบริเวณสะพานเชิญใต้ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่หลังจากที่มีพายุฝนพัดตกลงมาในเขต จ.ขอนแก่น อย่างหนักอย่างต่อเนื่องว่า ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น วัดปริมาณฝนสะสมได้ประมาณ 100 ม.ม.

ทำให้มีน้ำหลากจากเทือกเขาในพื้นที่ อ.ภูผาม่าน ไหลลงลำน้ำเชิญสะสมในปริมาณมาก โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพรม-เชิญ จึงปรับการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำน้ำเชิญ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกวันละ 1 ล้านลบ.ม. เพื่อควบคุมไม่ให้ปริมาณน้ำที่จะไหลมาเพิ่มจากอ.ภูกระดึง จ.เลย และจาก อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น เอ่อล้น เข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ช.ม. เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือให้พร้อมสำหรับให้การช่วยเหลือประชาชน ติดตั้งธงสัญลักษณ์ แจ้งเตือนสถานการณ์เป็นสีเหลืองหรือเฝ้าระวัง พร้อมบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม เร่งพร่องน้ำในอ่างฯ และลำน้ำที่มีปริมาณมาก

ขอนแก่นชาวบ้านจับปลาขาย

ที่จ.ขอนแก่น คลองน้ำซึ่งไหลผ่านทุ่งนาและป่าอ้อย ทางเข้าหมู่บ้านป่ากล้วย ม.6 ต.โนนคอม อ.ภูผาม่าน ชาวบ้านในพื้นที่ต่างนำ สะดุ้งและอุปกรณ์จับปลามาดักปลากันจำนวนมากหลังปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุที่ทำให้พื้นที่ของจ.ขอนแก่น มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

นางลำดวน คำตื้อ กล่าวว่า ช่วงนี้ฝนตกในพื้นที่แทบทุกวัน น้ำเอ่อล้นในหลายพื้นที่ ส่วนจุดที่ยืนยกสะดุ้งนั้นเป็นลำห้วยธรรมชาติ เมื่อถึงฤดูฝนจะมีน้ำที่ไหลมาจากห้วยโศก ห้วยม่วง ผ่านมายังหมู่บ้าน ซึ่งจะมีปลานานาชนิดไหลมากับน้ำด้วย เป็นปลาตัวขนาดเล็กและปลาซิว หากใครได้เยอะจะนำไปขายในกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 50 บาท

ใช้เรือพายเข้าออกหมู่บ้าน

ที่จ.ปราจีนบุรี สถานการณ์น้ำท่วมชุมชนตลาดเก่า เทศบาล ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี ที่น้ำท่วมก่อนหน้านี้ ระดับน้ำยังคงท่วมสูงอยู่ที่ระดับ 70-150 ซ.ม. มีแนวโน้มสูงขึ้นๆ และยังขยายวงกว้างท่วมหมู่บ้านปากน้ำ ม.12 ต.กบินทร์ ตั้งแต่ค่ำวันที่ 11 ก.ย. น้ำในแม่น้ำล้นจากตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือนประชาชน ซึ่งเป็นบ้านยกพื้น 2 ชั้น ระดับน้ำสูง 40 ซ.ม. ท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านยาว 1 ก.ม. ระดับน้ำสูง 25 ซ.ม. ชาวบ้านต้องใช้เรือพายเข้า-ออก และเดินเข้าออกระหว่างหมู่บ้าน คาดว่าน้ำ จะสูงขึ้นตามลำดับ ชาวบ้านขนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ออกมาไว้บนถนน บางคนนำตาข่ายออกมาดักปลาซึ่งได้ปลาสร้อยที่ตื่นน้ำใหม่ 5 ก.ก.

น.ส.ดาวรุ่ง สิทธิพุ่ม ชาวบ้านริมน้ำกล่าวว่า เป็นประจำทุกปีน้ำท่วมชุมชนตลาดเก่าบริเวณนี้ต้องถูกน้ำท่วมไปด้วยเพราะอยู่ติดกับริมแม่น้ำปราจีนบุรี ทุกคนชินแล้วกับการถูกน้ำท่วมในแต่ละปีจะท่วมมากท่วมน้อย ทุกคนทำใจและชินแล้ว น้ำจะถึงกลางเดือนนี้ก็จะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน