จับตาพปชร.จัดทัพสส.
กู้หน้า‘ตู่’เยือนสุโขทัย
พท.จ่อฟ้องคืน‘สนธิญา’
กล่าวหาให้เงินทุนม็อบ
ภท.ฉะ‘หน่อย’ปมวัคซีน

‘สุชาติ’ โต้ลั่น ไม่เคยเสนอนายกฯ ปรับครม.ตั้ง 2 รมช. แทน ‘ธรรมนัส- นฤมล’ ลั่นมีมารยาทพอ ยันเคารพ ‘บิ๊กป้อม’ ตลอดเผยเพิ่งสั่งยกเลิกห้องทำงานอดีต รมช.แรงงาน เพราะคาดว่าคงไม่แต่งตั้งใครมาเป็น ด้าน ‘เฉลิมชัย’ รมว.เกษตรฯ ยังไม่แบ่งงานใหม่ให้ 2 รมช. รอดูท่าทีนายกฯ จะปรับครม.หรือไม่ จับตาพลังประชารัฐจัดทัพใหญ่ส.ส. กู้หน้าต้อนรับ ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่สุโขทัย 26 ก.ย. เพื่อไทยเตรียมฟ้องกลับ ‘สนธิญา’ กรณียื่นกกต.ยุบพรรค มีเจตนากลั่นแกล้ง กล่าวหาให้ทุนหนุนม็อบ ภูมิใจไทยสวนกลับ ‘หญิงหน่อย’ มั่วนิ่มปมวัคซีนไฟเซอร์

‘เสี่ยเฮ้ง’ดันตั้ง2รมช.แค่ข่าวลือ

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. จากกระแสข่าวที่ระบุว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) 2 ราย ทดแทน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรมช.แรงงาน ที่ว่างลง พร้อมเสนอชื่อนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส. ชลบุรี และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส. กาญจนบุรี รับตำแหน่งนั้น

ข้าราชการระดับสูงหลายรายยืนยันว่า นายสุชาติเพิ่งสั่งปรับปรุงห้องทำงานภายในกระทรวง รวมทั้งให้ยกเลิกห้องทำงานของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรมช.แรงงานไปแล้ว ทำให้เชื่อว่า คงไม่มีการแต่งตั้งใครมาเป็นรมช.แรงงานอีก รวมทั้งกระทรวงนี้ไม่จำเป็นต้องมีรมช. จึงเป็นไปไม่ได้ที่นาย สุชาติจะผลักดันให้แต่งตั้ง 2 รมช.ตามที่มีข่าว

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ ว่า นายสุชาติเป็นหนึ่งในแกนนำพรรคที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค และยังคงมีความเคารพมั่นคงอยู่กับพล.อ.ประวิตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยไม่หารือกับหัวหน้าพรรค รวมทั้งขณะนี้ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใดๆ ของนายสุชาติ ตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด

ลั่นมีมารยาท-เคารพ‘บิ๊กป้อม’ตลอด

นายสุชาติให้สัมภาษณ์ว่า กระแสข่าวที่ออกมาไม่รู้เอาข่าวจากไหนมา แต่ตนมีมารยาทพอ ไม่ใช่คนแบบนั้น แบบที่ให้ข่าวดังกล่าว ตนเคารพและอยู่กับพล.อ.ประวิตร ตลอด และส่วนตัวไม่เคยคุยเรื่องนี้ทั้งกับพล.อ.ประวิตรและพล.อ.ประยุทธ์ แม้แต่ครั้งเดียว แล้วจะได้ประโยชน์อะไรกับการเสนอรายชื่อดังกล่าว เป็นลูกหรือเป็นครอบครัวตนหรือไม่ ตนเสนอแล้วได้อะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังมีข่าวนี้ พล.อ.ประวิตรได้เรียกคุยหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เพิ่งคุยกัน แต่ไม่มีอะไร เพราะคนให้ข่าวก็ต้องสร้างข่าวของเขาไปเป็นเรื่องปกติ และในพรรคส.ส.ก็คุยกับตนทุกคน มีเพียงบางคนเท่านั้น ที่อาจจะคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายเป็นเรื่องของเขา ไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกอย่างอยู่บน พื้นฐานความเป็นจริง ต่อข้อถามว่าติดใจกระแสข่าวที่ออกมาหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ตนทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ตนทำอะไรที่บกพร่องในหน้าที่หรือเปล่า ไปดูสิว่าทำอะไรบ้าง

ไม่รู้พปชร.จ่อถกรื้อเก้าอี้รมต.

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวเตรียมเรียกประชุมกก.บห.เพื่อทบทวนตำแหน่งรัฐมนตรี ที่เป็นโควตาของพรรค นายสุชาติกล่าวว่า ยังไม่ทราบและยังไม่มีใครพูดถึง เรื่องนี้เป็นเรื่องความคิดของคนบางกลุ่มเท่านั้น และพรรคไม่ได้มีแค่กก.บห.แต่ยังมีส.ส.อีกตั้งร้อยกว่าคน

เมื่อถามกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพง เพชร รองเลขาธิการพรรค ได้รับมอบให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานส.ส.ของพรรคเพื่อร่วมคณะต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดต่างๆ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องถามหัวหน้าพรรคก่อน เพราะเป็นเรื่องของพรรค แล้วการประสานไม่ใช่อยู่ๆ จะประสาน ต้องถามทางสำนักนายกฯอีกหรือไม่ ไม่อยากออกความเห็นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของคนที่คิดกันไปเอง บางอย่างพูดไม่ได้และตนไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้ หากพล.อ.ประวิตรตัดสินใจอย่างไรก็ตามนั้น ส่วนภารกิจการลงพื้นที่จ.สุโขทัยของนายกฯในวันที่ 26 ก.ย. ไม่ได้ติดตามไปด้วย เพราะไม่ได้มีภารกิจในเรื่องการท่องเที่ยวหรือเกี่ยวพันกับกระทรวงแรงงาน

‘เฉลิมชัย’ลุยส.ป.ก.แทนธรรมนัส

ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นาย ประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ตั้งแต่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจาก รมช.เกษตรฯ ซึ่งเดิมได้รับมอบหมายให้ดูแล 4 กรม ได้แก่ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมพัฒนา ที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ปรากฏว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชา ธิปัตย์ (ปชป.) ยังไม่ได้แบ่งหน่วยงานรับผิดชอบใหม่

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแบ่งงาน 4 กรม ที่ร.อ.ธรรมนัสเคยดูแล ให้กับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คนคือ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และนายประภัตร เบื้องต้นคาดว่านายเฉลิมชัย ต้องการรอดูสถานการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีการปรับครม.หรือไม่ เพื่อหาคนมานั่งในตำแหน่งเดิมของร.อ.ธรรมนัส เพราะถือว่าแบ่ง 4 กรมให้กับรัฐมนตรี ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ไปแล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. นายเฉลิมชัยเป็นประธานประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ครั้งที่ 4/2564 ซึ่งเดิม ร.อ.ธรรมนัสจะเป็นประธานการประชุม เพื่อขับเคลื่อนงานตลอด โดยนายเฉลิมชัยได้พิจารณาอนุญาตการใช้ประโยชน์และอนุมัติงบประมาณกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท

‘บิ๊กตู่’ควง‘บิ๊กป๊อก’บุกสุโขทัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์ แผนบริหารจัดการน้ำ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม 3 จังหวัดต่อเนื่องนั้น เริ่มจาก วันที่ 26 ก.ย. ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย มีกำหนดการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ที่โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท ท่าอากาศยานสุโขทัย จากนั้นไปยังวัดบ้านซ่าน ต.บ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง สักการะหลวงพ่อสามพี่น้องและหลวงพ่อขาว พร้อมพบปะประชาชนและมอบปัจจัยทางการเกษตรให้กับผู้แทนเกษตรกร 500 ชุด แล้วเดินทางจากวัดบ้านสร้างไปยังท่าอากาศยานสุโขทัย โดยใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ขณะที่การลงพื้นที่จ.นครราชสีมา ใน วันที่ 29 ก.ย. อาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยพล.อ.ประยุทธ์จะไปลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ แทน เนื่องจากเห็นว่าจ.ชัยภูมิ ขณะนี้ประสบปัญหาอุทกภัยมากกว่า ขณะที่จ.นครราชสีมา มีหลายหน่วยงานลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยจ.ชัยภูมิ มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 2 คนคือ นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ เขต 2 และนายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ เขต 3 ส่วนจ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นยังเป็นไปตามกำหนดเดิมคือวันที่ 30 ก.ย.

รมต.-ส.ส.จัดทัพแห่ต้อนรับ

สำหรับคณะที่ร่วมลงพื้นที่กับพล.อ. ประยุทธ์ ที่จ.สุโขทัย ประกอบด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร

จ.สุโขทัย เป็นบ้านเกิดของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มสามมิตร บรรดาแกนนำและส.ส.ในกลุ่มจึงเตรียมร่วมต้อนรับคณะพล.อ.ประยุทธ์ อย่างคับคั่ง ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กรรมการบริหารพรรค รวมทั้งส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.สุโขทัย และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิษณุโลก และชัยนาท

จ.สุโขทัย มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 2 คน ได้แก่ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ เขต 1 และนายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง เขต 2, จ.กำแพง เพชร มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 4 คน ได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ เขต 1 นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ เขต 2 นายอนันต์ ผลอำนวย เขต 3 และนายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4

จ.นครสวรรค์ มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 4 คน ได้แก่ นายภิญโญ นิโรจน์ เขต 1 นาย วีระกร คำประกอบ เขต 2 นายสัญญา นิลสุพรรณ เขต 3 และนายนิโรธ สุนทรเลขา เขต 6, จ.พิษณุโลก มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 2 คน ได้แก่ นายอนุชา น้อยวงศ์ เขต 3 และนายมานัส อ่อนอ้าย เขต 5, จ.ชัยนาท มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 2 คน ได้แก่ นายอนุชา นาคาศัย เขต 1 และนายมณเฑียร สงฆ์ประชา เขต 2

‘ไผ่’ประเดิมหน้าที่ประสานส.ส.

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการได้รับมอบให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานส.ส.ของพรรค แต่ละพื้นที่เพื่อร่วมคณะต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการตามจังหวัดต่างๆ ว่า ไม่มีอะไร แค่ ประสานกับส.ส.เวลามีการลงพื้นที่ เพื่อให้ไปร่วมรอรับคณะ เพราะบางครั้งส.ส.ไม่ทราบว่าจะไปอย่างไร ที่ไหน และมีกำหนดการอย่างไร เหมือนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกว่าใครว่างก็ให้ไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงพื้นที่จ.สุโขทัย ของพล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 26 ก.ย. ได้ประสานงานกับส.ส.อย่างไรบ้าง นายไผ่กล่าวว่า ประสานไปแล้ว และครั้งนี้คงจะไปกันหมด รวมถึงพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ตาก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เป็นต้น ยกตัวอย่างการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ของพล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีใครโทร.ตาม แต่เมื่อรู้ว่าเป็นพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นแหล่งรับน้ำถ้าปล่อยน้ำไม่ดีน้ำจะท่วมทั้งหมด แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางภาคเหนือก็ไม่ใช่ เพราะเมื่อปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ ได้ประเมินน้ำฝนว่าไม่ได้ตกหนัก แต่เมื่อตกหนักและระบายไม่ทันก็มีการท่วมทั้งหมด

‘ชาดา’เชื่อส่งสัญญาณเตรียมลต.

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่พบปะประชาชนตามจังหวัดต่างๆ ในช่วงนี้ว่า มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลง นายกฯ ก็ต้องลงพื้นที่เพื่อบริหารราชการ เป็นเรื่องธรรมดาเพียง แต่อาจจะเป็นจังหวะเวลาที่ประจวบเหมาะเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าการลงพื้นที่สืบเนื่องจากปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ นายชาดากล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็น แต่เชื่อว่าแต่ละพรรคมีวิธีการพูดคุย ทำความเข้าใจกันอยู่แล้ว และมีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการส่งสัญญาณเตรียมการ เลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ทุกพรรคต้องพร้อมอยู่แล้ว หากเปรียบเป็นการเดินเขา ช่วงนี้เป็นช่วงเดินลงเขา เพราะเราเดินขึ้นยอดเขามา 2 ปีแล้ว นั่นคือการเตรียมตัวกลับไปเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกพรรคมีความพร้อม โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ส่วนรัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี หรือไม่นั้น คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจนายกฯ ซึ่งเราไม่รู้ความคิดของท่าน

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ ยัง ไม่ชัดเจนว่า บัตรเลือกตั้ง 2 ใบจะใช้อย่างไร จะนับคะแนนแบบไหน ต้องรอดูว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะออกกติกาแบบไหน กกต.อาจต้องใช้เวลาพอสมควร จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แต่ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมตลอดเวลา โดย กำชับส.ส.ทุกคน ให้ความสำคัญในการดูแลประชาชนทุกเวลา และคอยบอกกล่าวประชาชนในพื้นที่ว่า แต่ละนโยบายมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าพรรคลงพื้นที่อยู่ตลอด ไม่ใช่เฉพาะช่วงนี้

เพื่อไทยฟ้องกลับ‘สนธิญา’

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์ ว่า ตามที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างคำพูดของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ที่โพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนเรื่องทุนให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองนั้น การที่นายสนธิญานำเพียง ข้อความบนเฟซบุ๊กของนายไชยอมรไปร้องขอให้ยุบพรรคนั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่เพียงพอก่อน แต่กลับนำข้อความหรือคำพูดดังกล่าวไปร้องต่อ กกต.ทันที แสดงให้เห็นว่ามีเจตนากลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการตามกฎหมายกับนายสนธิญา เช่นกันตามกฎหมายพรรค การเมือง มาตรา 101 กำหนดว่าผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคว่ากระทำความผิดต่อกกต. โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

พรรคยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย และต่อสู้กับอำนาจเผด็จการมาตลอด แต่พรรคก็ยึดหลักสันติวิธี ไม่นิยมการใช้ความรุนแรงใดๆ และขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายหรือให้เงินทุนสนับสนุนผู้ชุมนุมกลุ่มใด แต่ด้วยความเป็นพรรคที่มีสมาชิกจำนวนมาก การที่มีสมาชิกพรรคคนใดไปร่วมชุมนุม หรือสนับสนุนการชุมนุม ถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและความรับผิดชอบส่วนตัว ที่ผ่านมาไม่เคยมีสมาชิกผู้ใดไปกล่าวอ้างว่ากระทำในนามพรรค

ภูมิใจไทยซัด‘เจ๊หน่อย’อีก

นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการ นายกฯฝ่ายการเมือง (ประจำนายอนุทิน ชาญวีรกูล) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ให้ข่าวทางการสหรัฐ พร้อมบริจาควัคซีนเพิ่ม แต่ทางการไทยยังไม่ตอบรับ ซึ่งกลายเป็นที่ถกเถียงกันในสังคม ไปจนถึงการวิจารณ์รัฐบาลว่า เรื่องวัคซีน เรื่องต่างประเทศรู้ไม่จริงอย่าพูดเลย หันมาช่วยกันดีกว่าอย่าซ้ำเติมชาติเราเลย

ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณหญิงสุดารัตน์จะเอานักการเมืองท่านนั้น มาใช้วิจารณ์รัฐบาลไทย หรือยืมปากคนอื่นมาด่าฝ่ายตรงข้าม โดยมิได้สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาว่าภาพลักษณ์ของประเทศจะเป็นอย่างไร และการที่ไทยจะประสานกลับไปให้สหรัฐช่วยเหลือนั้น คงต้องมีหนังสือแสดงเจตจำนงการช่วยเหลือหรือการบริจาคอย่างเป็นทางการจากสหรัฐ ซึ่งถึงตอนนี้ เอกสารนั้นยังคงไม่ได้ส่งมาถึงทางการไทย ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบแล้ว ไม่พบเอกสารฉบับดังกล่าว

ส่วนที่นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน ผอ.ศูนย์นวัตกรรมและข้อมูล พรรคไทยสร้างไทย ไปยกข้อมูลตั้งแต่เดือน ก.ค. มาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น เป็นคนละเรื่อง ตอนนี้เราอยู่ในวันที่ 24 ก.ย. ก็ควรใช้ข้อมูลที่อัพเดต ไม่ใช่เอาเรื่องเก่ามายำรวมกัน อยากถามว่า นอกจากข่าวเก่านั้นแล้ว มีความคืบหน้าอย่างเป็นทางการจากทางสหรัฐหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือนายเทพฤทธิ์ ไม่สามารถหาเอกสารที่เป็นปัจจุบัน ข้อมูลที่เป็น Official มาตอบโต้ทางการเมืองได้ จึงขุดเอาข้อมูลเก่ามามั่วนิ่ม ซึ่งไม่สมควรทำ

เอาข่าวเก่ามามั่ว-แถแก้เขิน

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนเตือนด้วยความหวังดี อยากให้ทำงานอย่างสร้างสรรค์ เป็นที่พึ่งของประชาชน อุตส่าห์สร้างพรรคใหม่ขึ้นมา ไม่อยากให้ถูกโจมตีว่าให้ข่าวเท็จ ให้ข่าวคลาดเคลื่อน เข้าใจว่าถึงขั้นบินตรงไปสหรัฐ กลับมาก็ต้องมีเรื่องทำให้สังคมไทยหวือหวา ยิ่งได้คะแนนทางการเมืองก็ยิ่งดี แต่ก่อนจะให้ข่าวหรือจะโพสต์ข้อมูล น่าจะรอให้ข้อมูลชัวร์ก่อน ไม่ใช่สื่อสารออกไปแล้ว กลายเป็นโดนหมอโต้ โดนกระทรวงการต่างประเทศโต้ นี่น่าจะเป็นบทเรียนให้ทีมสื่อสารพรรคนั้นได้เรียนรู้ว่าทุกวันนี้ การตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำได้รวดเร็ว ถ้าข้อมูลที่ปล่อยออกมานั้นไม่จริง ไม่นานอีกฝ่ายก็ต้องปกป้องตัวเอง ด้วยการชี้แจงกลับ

ประเด็นคือ พรรคไทยสร้างไทยที่พูดอย่างมั่นใจ เอาเข้าจริงก็ไม่มีหลักฐาน พอฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่ายังไม่มีการประสานเข้ามา ก็ไปพูดจาแก้เก้อหาว่าไทยเป็นรัฐราชการ ปกครองด้วยระบอบอำนาจนิยม ซึ่งตอบไม่ตรงกับที่เขาถาม ในเมื่อฝ่ายข้าราชการ อธิบายว่า ไม่มีการประสานเข้ามา ก็งัดเอกสารขึ้นมาโชว์เลย ไม่ใช่ไปวิจารณ์ว่าเขาเป็นรัฐราชการ

นอกจากนี้พรรคไทยสร้างไทยยังเอาข่าวตั้งแต่เดือนก.ค. มาผสมโรงอีก เข้าใจว่า หาเอกสารการขอสนับสนุนวัคซีนที่เป็นปัจจุบันไม่ได้ เลยเอาข่าวเก่ามามั่ว ให้ประชาชนหลงเชื่อ ดังนั้น ข่าวที่บอกว่าไทยปฏิเสธ หรือไม่ตอบสนองต่อการบริจาควัคซีนนั้นไม่จริง การที่พรรคไทยสร้างไทย มาพูดช่วงหลังๆ จึงออกแนวแถ แก้เขิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน