เตือน3จว.เหนือเขื่อน
เตรียมอพยพข้าวของ
นนท์ระดมทำคันกั้น
พบแล้วศพเรือโยงล่ม
เจอฝนถล่มกรุงอ่วมซ้ำ

สั่งเขื่อนเจ้าพระยา ชะลอระบายน้ำ แจ้งเตือน 3 จังหวัด นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เตรียมรับน้ำล้นตลิ่ง เผยเหตุต้องชะลอการระบายไม่ให้ซ้ำเติมน้ำเขื่อน ส่งผลแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือเขื่อนสูงขึ้นอีก 20 ซ.ม. ที่ลพบุรี คันประตูระบายน้ำแตก เร่งสูบด่วน สระบุรีพนังขาด น้ำทะลัก ยังซ่อมไม่ได้ เจอแล้วศพคนขับเรือล่มที่อยุธยา โผล่ที่ศิริราช ถูกน้ำซัดไกลกว่า 80 ก.ม. ขณะที่กรมเจ้าท่าสั่งยุติกู้เรือ รอสถาน การณ์น้ำหลากคลี่คลายก่อน ขณะที่กทม.เจอฝนถล่ม น้ำขังรอการระบายหลายจุด อุโมงค์ดินแดงก็ท่วม

จมหมู่บ้าน – ภาพมุมสูงแม่น้ำชีล้นตลิ่งทะลักท่วมพื้นที่ 4 ตำบล อ.โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจร บางส่วนขนข้าวของอพยพไปอาศัยตามจุดพักพิงชั่วคราวที่ทางการจัดเตรียมไว้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

ปภ.สรุป17จว.ยังอ่วม

วันที่ 2 ต.ค. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.-ปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 31 จังหวัด

ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม 195 อำเภอ 1,001 ตำบล 6,909 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 264,210 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 8 ราย (ลพบุรี 6 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย และชัยนาท 1 ราย) สูญหาย 1 ราย (เพชรบูรณ์ 1 ราย)

ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก บุรีรัมย์ นครปฐม ยโสธร สุรินทร์ เลย ศรีสะเกษ สระแก้ว จันทบุรี ปราจีนบุรี และกำแพงเพชร) ยังคงมีสถานการณ์ 17 จังหวัด ดังนี้ สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราช สีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ภาพรวมสถาน การณ์ปัจจุบันบางพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ขณะที่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมรับ มือแล้ว

ยังหนัก – สภาพน้ำยังคงท่วมหนักถนนมิตรภาพ ตั้งแต่แยกบ้านตาชูถึงแยกบ้านวัด ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา ระยะทางกว่า 5 ก.ม. น้ำสูงครึ่งเมตร รถยนต์ขนาดเล็กผ่านไม่ได้ ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

เตือน 3 จว.เหนือเขื่อน-น้ำล้น

กรมชลประทานแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดลำปาง ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก และจังหวัดนครสวรรค์ ส่งผลให้น้ำในระดับน้ำแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นจะทำให้ระดับน้ำ ในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมไป อีกนั้น

โดยวันที่ 1 ต.ค. ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์วัดได้ 2,666 ลบ.ม.ต่อวินาที สมทบกับแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาอีก 392 ลบ.ม.ต่อวินาที ไหลผ่านเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ +17.06 เมตร (รทก.) รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งในอัตรา 376 ลบ.ม.ต่อวินาที เต็มความสามารถที่รับได้ในขณะนี้ทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,784 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่เนื่องจากปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เกิดภาวะน้ำท่วมขังชุมชนริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำจำนวนมากที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ซึ่งต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ดังนั้น เพื่อควบคุมผลกระทบดังกล่าวไม่ให้ขยายวงกว้างขึ้นไปอีกกรมชลประทานจึงมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ว่างเหนือเขื่อนเจ้าพระยาชะลอน้ำไว้ โดยระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 ซ.ม. ทำให้มีพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบเหนือเขื่อนเจ้าพระยาบริเวณ 3 จังหวัดประกอบด้วย นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท ดังนี้ อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และอ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท อ.เมืองอุทัยธานีและ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยน้ำจะเอ่อล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งเข้าพื้นที่การเกษตรและชุมชนริมน้ำนอกคันกั้นน้ำประมาณ 700 ครัวเรือน

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำกรมชลประทานจึงขอแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาขอให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

จมลพบุรี – สภาพน้ำท่วมหนักถนนโคกกะเทียม-เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี รถยนต์ขนาดเล็กผ่านไม่ได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องใช้เรือสัญจรแทน อีกทั้งมวลน้ำยัง กัดเซาะแนวคันดินประตูระบายน้ำจนพัง เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

คันดินอ่างลพบุรีแตก

ที่ประตูระบายน้ำที่ 3 โคกกะเทียม ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ตั้งแนวคันดินรอบพื้นที่สำนักงานชลประทาน ฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก หลังมวลน้ำกัดเซาะแนวคันดินข้างประตูปิด-เปิด การระบายน้ำพังทั้ง 2 ฝั่ง โดยฝั่งตะวันออกมวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่สำนักงานชลประทานที่ 10 ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งระดับน้ำเสมอกับน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก ส่วนบานประตูระบายน้ำได้เปิดสูงสุดทั้ง 4 บาน เพื่อให้มวลน้ำไหลผ่านออกไปได้อย่างสะดวก เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน

หน้าสำนักงานชลประทานที่ 10 และแนวถนน มีชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่นำรถมาจอดไว้บนถนนทั้งสองข้างทางจำนวนมาก ที่ถนนสายโคกกะเทียม-เขาพระงาม บริเวณชุมชนเขา พระงามที่ 6 หมู่ที่ 7 น้ำยังคงท่วมขังไหลหลากผ่านถนนเป็นทางยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งในวันนี้ปริมาณน้ำลดลงประมาณ 10 ซ.ม. ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงใช้เรือเป็นยานพาหนะเข้าออกบ้าน รถเล็กสามารถผ่านไปได้ และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เทศบาลตำบลเขาพระงาม และเจ้าหน้าที่ทหารคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก

ฝ่าน้ำ – ชาวบ้านดอนน้ำซับ ต.ชีวาน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นำศพญาติขึ้นเรือฝ่าน้ำท่วมหนักหมู่บ้านกว่า 100 หลังคาเรือน ไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดหมู่บ้านอื่น ที่น้ำยังท่วมไม่ถึง เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

สระบุรีวิกฤต-พนังขาด

ที่จ.สระบุรี จากกรณีที่เกิดแนวกั้นน้ำบริเวณถนนช่วงต้นคลอง 23 R แยกจากคลองชัยนาท-ป่าสัก (เกือกม้าโครงการชลประทานเริงรางคลอง 23R) ขาดพังทลายทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ต.สร่างโศก ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ซึ่งมวลน้ำนี้จะไหลลง ต.ตลาดน้อย ต.โคกใหญ่ และต.หรเทพ อ.บ้านหมอ ต.หนองโดน อ.หนองโดน และอ.ดอนพุด จ.สระบุรี ทำให้น้ำในคลองระพีพัฒน์ มีปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบว่ากำแพงกั้นน้ำทรุดตัวพังลง ปากทางน้ำออกขยายกว้างมากขึ้น เนื่องจากแรงดันน้ำสูงมาก และยังคงกัดเซาะแนวกำแพงอย่างต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่ต้องกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ เกรงว่าจะเกิดการทรุดตัวขึ้นอีก ทำให้ได้รับอันตราย จากกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ส่งผลให้น้ำไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่ ตำบลตลาดน้อย หมู่ 1 2 4 5 น้ำอยู่ในระดับหน้าแข้ง และสูงขึ้นเรื่อยๆ และอำเภอใกล้เคียงคือ อ.หนองโดน อ.ดอนพุด ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม

ส่วนบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากมวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้าน มีระดับสูงกว่า 1 เมตร โดยเฉพาะ ซ.เจ้าพ่อขุนแก้ว หมู่ 1 ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ มีระดับน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วต้องขนย้ายสิ่งของออกจากบ้าน พร้อมทั้ง สัตว์เลี้ยง มาไว้ริมถนน สร้างความยากลำบากให้กับชาวบ้าน ต้องพายเรือขนย้าย

นายพุทธพงษ์ สุริยะสิงห์ นายอำเภอบ้านหมอ กล่าวว่า เร่งวางบิ๊กแบ๊ก และนำตะกร้าใส่หินก้อนใหญ่ใส่เข้าไป แต่ปัญหาคือว่าระดับน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก มีความสูงพอเกิดการแตก จึงเหมือนทำมีสโลปของน้ำทำให้น้ำไหลมาออกช่องนี้ เนื่องจากแรงดันของน้ำที่ผลักเข้ามาสูงมาก เมื่อเราหย่อนหินลงไปเท่าไรก็จะถูกตีไหลไปกับกระแสน้ำ

ซึ่งต้องเร่งปิดช่องประตู 23 R เพื่อให้แรงดันน้ำที่ไหลมาลดลง เพื่อที่จะได้ปิดซ่อมช่วงที่กำแพงกั้นน้ำพัง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากระดับน้ำที่สูงกว่า แรงดันน้ำที่มาแรง เลยทำให้การแก้ปัญหายังทำไม่ได้ดี ขณะที่สถานการณ์เริ่มแย่ลง เนื่องจากว่ากำแพง ได้ทรุดตัว เพิ่มขึ้นอีก ทำให้ปากทางน้ำ ออกกว้างมากขึ้น เนื่องแรงดันน้ำสูงมาก ทางอำเภอ ร่วมกับ ปภ.จังหวัด ประกาศภัยให้กับประชาชนได้รับทราบ รวมทั้งการ ช่วยเหลือประชาชนออกจากพื้นที่ ซึ่งใน ตอนนี้น้ำได้เริ่มกระจายไปตามบ้านเรือนประชาชน สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่สามารถควบคุมได้

ศพเรือล่ม – นายสมชาย ธารกุล อายุ 64 ปี คนขับที่จมหายไปกับเรือลากจูงจมกลางสามแยกแม่น้ำหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรี อยุธยา พบเป็นศพ ลอยแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าน้ำศิริราช กทม. เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

พบแล้ว 1 ศพเรือล่มอยุธยา

เมื่อเวลา 08.40 น. ร.ต.อ.โยคิน เบญพาด รอง สว.(สอบสวน) สน.ปากคลองสาน รับแจ้งมีผู้พบศพลอยน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางน้ำมูลนิธิร่วมกตัญญูตรวจสอบ เบื้องต้นศพมีลักษณะคล้ายนายสมชาย ธารกุล อายุ 64 ปี คนขับเรือยนต์ที่สูญหายหลังเหตุเรือล่มบริเวณวัดพนัญเชิงฯ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ ผ่านมา

ที่เกิดเหตุเป็นท่าน้ำ ร.พ.ศิริราช พบร่างชายไม่ทราบชื่อ สภาพขึ้นอืด สวมเสื้อสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสั้น ลอยคว่ำหน้า โดย เจ้าหน้าที่ใช้เชือกมัดศพไว้กับโป๊ะที่ท่าเรือ เพื่อป้องกันการลอยหายไป โดยอยู่ระหว่างรอแพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช เข้าชันสูตร

ด้านคนขับเรือยนต์ซึ่งเป็นผู้พบร่างคนแรก เปิดเผยว่า เป็นเพื่อนกับผู้สูญหายในเหตุเรือล่มที่ผ่านมา และช่วยตามหาร่างมาโดยตลอด แต่วันนี้ไม่ได้ช่วยค้นหา เนื่องจากต้องไปรับเรือที่บางนา โดยขณะขับเรือมาจาก จ.พระนคร ศรีอยุธยา มาถึงบริเวณตอม่อสะพานพระรามแปด ก็พบร่างผู้เสียชีวิตลอยติดอยู่ จึงโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้รับทราบก่อนที่ศพจะลอยไปตามกระแสน้ำ จึงขับเรือตามศพ พร้อมแจ้ง เจ้าหน้าที่เป็นระยะ กระทั่งมาถึงท่าเรือร.พ. ศิริราช เจ้าหน้าที่ใช้เชือกคล้องศพเอาไว้

นายรัตนะ ชุ่มหฤทัย อายุ 60 ปี เพื่อนร่วมงานของนายสมชาย เดินทางมาที่เกิดเหตุ ระบุว่านายสมชายมีรอยสักเสือเผ่นที่กลางอก ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีการแต่งกายมีลักษณะคล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตามต้องรอดูรอยสักอีกครั้งจึงจะสามารถยืนยันได้

ขณะที่น.ส.จุฑาทิพย์ การกสิขวิธี บุตรสาวคนโตของนายสมชาย เดินทางมาถึงท่าน้ำ ร.พ.ศิริราช เพื่อดูศพ ในเบื้องต้นยังไม่สามารถนำศพขึ้นมาตรวจสอบได้ต้องรอแพทย์เข้าตรวจ อย่างไรก็ตามต้องรอดูรอยสักที่หน้าอกเพื่อยืนยันความแน่ชัด ส่วนการแต่งกายยอมรับว่ามีลักษณะคล้ายบิดา แพทย์นิติเวชเดินทางมาถึงที่ท่าน้ำ ร.พ.ศิริราช ก่อนเจ้าหน้าที่จะเริ่มนำร่างขึ้นมาบนโป๊ะท่าเรือ

เมื่อเจ้าหน้าที่พลิกศพ น.ส.จุฑาทิพย์ก็ปล่อยโฮออกมา พร้อมยืนยันผู้เสียชีวิตเป็นนายสมชาย บิดาที่สูญหายไปจริง โดยมีรอยสักเสือเผ่นที่กลางอกและนาฬิกาข้อมือที่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด

ทั้งนี้ศพที่พบลอยมาตามกระแสน้ำ ระยะทางกว่า 78 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่จ.พระนคร ศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี และกรุงเทพ มหานคร รวม 4 จังหวัด ทั้งนี้สาเหตุมาจากกระแสน้ำในช่วงน้ำหลาก จึงทำให้ร่างถูกพัดลอยมาไกลมากขนาดนี้

ยุติกู้เรือ-รอน้ำหยุดหลาก

ที่ท่าน้ำหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนคร ศรีอยุธยา นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านความปลอดภัย น.ท. รัชตะ ผกาฟุ้ง ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา นายนาวิล คงดี นายกสมาคมอยุธยารวมใจ ร่วมกันประชุมวางแผน การปฏิบัติการ โดยการนำโมเดลของเรือยนต์ลากจูงที่จมน้ำ มาประเมินสถานการณ์ในการกู้ซากเรือ

หลังจากที่มีการพบศพนายสมชาย ธารกุล คนขับเรือ ลอยอยู่ที่ท่าน้ำศิริราช กทม. พร้อมจัดกำลังนักประดาน้ำ 3 นายลงไปตัดเชือกให้เหลือเพียง 1 เส้น เพื่อเตรียมสัญลักษณ์ทุ่นเตือนภัยให้เห็นจุดที่เรือจม พร้อมกับสำรวจหาร่างของ ผู้สูญหายอย่างละเอียดอีกครั้ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที สามารถดำเนินการเสร็จสิ้นไม่พบ ผู้สูญหายภายในเรือ

พร้อมกับกรมเจ้าท่าได้ใช้เครื่องสแกนภาพใต้น้ำเพื่อค้นหาตำแหน่งของเรือ ยืนยันอีกครั้งพบว่าเรือจอดในลักษณะหัวเรือมุ่งหน้าทางแม่น้ำป่าสัก ลักษณะตะแคง

นายภูริพัฒน์กล่าวว่า ร่วมกันประเมินสถานการณ์แล้วจากทุกฝ่าย หลังจากพบร่างของคนขับเรือ แล้วในวันนี้และนักประดาน้ำลงงมสำรวจภายในเรืออย่างละเอียด ไม่พบร่าง ผู้สูญหาย ซึ่งเป็นภรรยาในเรือ การกู้ซากเรือในขณะนี้ด้วยกระแสน้ำที่ไหลแรง การจะลงไปติดตั้งอุปกรณ์กู้ซากเรือทำด้วยความยากลำบากและเสี่ยงต่อการที่จะเกิดอันตราย จึงสั่งยุติการกู้เรือไว้รอจนกว่าระดับน้ำจะกลับสู่สภาวะปกติ จึงจะดำเนินการต่อ

ส่วนเรือจากการประเมิน ตรวจสอบเรื่องของความปลอดภัยในจุดที่จม เรืออยู่ลักษณะของการตะแคงข้าง ที่บริเวณสามแยกแม่น้ำเป็นลักษณะของสะดือที่ความลึกกว่า 20 เมตร เรือยนต์ลากจูง เรือบรรทุกสินค้า สามารถเดินเรือสัญจรผ่านได้ เรือกินน้ำลึกไม่ถึงจุดที่เรือจม ซึ่งจะติดตั้งทุ่นสัญญาณแจ้งเตือนไว้ ด้วยกระแสน้ำที่ไหลแรง ทางกรมเจ้าท่าจะให้ลดการลากจูงเรือบรรทุกสินค้าจาก 4 ลำเหลือเพียง 3 ลำ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูเรื่องของความปลอดภัย

บางบาลฮือจี้เปิดประตูน้ำ

ที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากน้ำท่วมสูง โดยพบว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนชั้น 2 ของบ้านก็กำลังจะ ท่วมและไม่สามารถอยู่ได้แล้ว ซึ่งประชาชนสังเกตว่าประตูระบายน้ำยังเปิดในระดับต่ำ และบริเวณที่เป็นแก้มลิงนั้นยังสามารถระบายน้ำไปได้อีก แต่ไม่มีการดำเนินการในส่วน ดังกล่าว

โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ชาวบ้านรวมตัวกันเจรจา ขอให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช เปิดประตูระบายน้ำบางกุ้งเพิ่มเติมจากเดิม 50 ซ.ม. เป็น 80 ซ.ม. เพื่อระบายน้ำจากตำบลบ้านกุ่มลงสู่คลองบางกุ้ง เนื่องด้วย ต.บ้านกุ่มประสบปัญหาอุทกภัย บ้านเรือนประชาชนเสียหายหลายร้อยหลังคาเรือน และระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปลัดอำเภอบางบาลฝ่ายความมั่นคง ประสานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช โดยนายช่างชลประทาน ลงพื้นที่มาร่วมพูดคุยเจรจากับผู้นำท้องที่และราษฎรตำบลบ้านกุ่ม และจะเปิดบานประตูขึ้นอีกจากเดิม 30 ซ.ม. รวมเปิดบานประตูระบายน้ำบางกุ้งแล้วทั้งหมด 80 ซ.ม. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรตำบลบ้านกุ่ม

เร่งกั้นน้ำ – ชาวชุมชนบ้านรอ ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง ระดมขนกระสอบทรายกั้นเสริมแนวเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเหลือไม่กี่เซนติเมตรน้ำจะล้นสันเขื่อนแล้ว เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

หลายจว.เร่งวางกระสอบทราย

ที่ จ.อ่างทอง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อยู่กับชาวบ้านจำปาหล่อหมู่ที่ 6 อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งลิเกชื่อดัง ศรราม น้ำเพชร ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนหลายหลังคาครัวเรือน โดยมีผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่นี้ช่วยกันเร่งกรอกกระสอบทรายเพื่อนำไปอุดตามจุดเสี่ยงเพื่อไม่ให้ขยายเป็นวงกว้าง

ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 9.15 ม. ซึ่งจุดวิกฤตระดับหน้าศาลากลางอยู่ที่ 9 เมตร แต่ส่วนที่เกินผนังยังรองรับน้ำได้อยู่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มใน อ.เมือง และ อ.ป่าโมกได้รับผลกระทบ

ส่วนที่ชุมชนบ้านรอ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง สามล้อแดงรับจ้างกว่า 100 คัน วิ่งขนกระสอบทรายมาเรียงเสริมป้องกันริมเขื่อน ที่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นระยะทางยาวกว่า 1 ก.ม. หลังน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเกือบถึงสันเขื่อน เหลือไม่ถึง 10 ซ.ม. ก็จะเอ่อล้นข้ามเขื่อนไหลทะลักเข้าหมู่บ้านศูนย์ราชการ โดยขณะที่กำลังเรียงกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นสันเขื่อน เกิดฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักนานร่วม 1 ชั่วโมง แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน ทางสามล้อแดงยังคงขนกระสอบทรายเพื่อเสริมแนวป้องกันอย่างต่อเนื่อง

ฝนที่ตกกระหน่ำลงมานั้นส่งผลให้ภายในเมืองอ่างทองทองบริเวณสี่แยกไฟแดงและตลาดสดเทศบาล 2 ที่เป็นแอ่งกระทะ เกิดน้ำท่วมขังรอเอ่อขึ้นมาเพื่อรอการระบาย โดยทางเทศบาลเมืองอ่างทองเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน หลังฝนหยุดตกลงสักครู่ก็เข้าสู่สภาวะปกติ ด้านสถานการณ์เจ้าพระยาไหลผ่านบริเวณหน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวาน 2 ซ.ม. อยู่ที่ระดับ 9.23 ม. จากระดับตลิ่ง 10 ม. กระแสน้ำไหลผ่าน 2535 ลบ.ม./วินาที

ที่ จ.นนทบุรี เทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี และกำลังทหารจาก พัน.ร.มทบ.11 ระดมเจ้าหน้าที่กว่า 50 คน ช่วยกันเร่งบรรจุทรายลงกระสอบ ที่บริเวณชุมชนบ้านหาด ภายในซอยวัดกู้ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.ปากเกร็ด เพื่อนำไปวางทำแนวคันกั้นน้ำในชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำ เช่น ชุมชนซอยคานเรือ และชุมชนปากด่าน ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน เนื่องจากล่าสุดสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุนสูงสุด

กทม.ฝนถล่ม-ท่วมอุโมงค์ดินแดง

ส่วนที่กทม. พบปริมาณฝนเล็กน้อยถึงปานกลางลักษณะกระจาย ปกคลุมพื้นที่ กทม.โดยทั่วไป เคลื่อนทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แนวโน้มลดลง ปริมาณฝนสะสมสูงสุดพื้นที่เขตวังทองหลาง 100 ม.ม. โดยจากฝนที่ตกลงมา ทำให้มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่

กทม.รายงานว่า เขตราชเทวี จัดเจ้าหน้าที่หน่วย Best ฝ่ายโยธา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจ ตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมขังและต้นไม้ล้มในพื้นที่ โดยได้ดำเนินการจัดเก็บขยะเเละเศษกิ่งไม้ใบไม้ออกจากตะเเกรงท่อระบายน้ำ และตักดินโคลนจากท่อระบายน้ำ บริเวณจุดเฝ้าระวังน้ำท่วมขังในพื้นที่ ดังนี้ 1.บริเวณถนนศรีอยุธยา หน้าวังสวนผักกาด และร.ร.สันติราษฎร์ฯ

2.ถนนพญาไท หน้ากรมปศุสัตว์ 3.ถนนราชปรารภ ซอยราชปรารภ 12 4.ถนนพระราม 6 5.ถนนเพชรบุรี และ 6.แยกมิตรสัมพันธ์ เพื่อเตรียมพร้อมการระบายน้ำท่วมขังให้ไหลออกได้อย่างรวดเร็วและป้องกันปัญหาน้ำท่วมขัง สภาพทั่วไปเป็นปกติไม่พบน้ำท่วมขังและต้นไม้ล้ม

ทั้งนี้ ประชาชนแชร์ภาพสภาพน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ โดยจุดที่สำคัญๆ พบว่า บริเวณอุโมงค์ทางลอดดินแดง ปริมาณน้ำขังรอการระบายสูงจนรถเล็กสัญจรไปได้อย่างยากลำบาก และยังมีภาพจากหลายพื้นที่ ที่อยู่ในสภาพน้ำรอการระบายอีกหลายจุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน