ส.ส.เพื่อไทย ‘มหานิยม’ จี้ ‘อนุชา’ แจงปมมหาเถรฯ สั่งปลด 3 เจ้าคณะจังหวัดให้ชัด ย้อนถามตั้งกก.สอบก่อนมีมติปลดแล้วหรือ ชี้มติไม่มีถ้ายังไม่ตั้งกรรมการสอบ ผู้แทนชุมชนวัดเขียนเขตรุดยื่นกมธ.ศาสนาฯสอบปมถอดถอน ด้านพระป่าทั่วอีสานร่วมสวดมนต์ถวายกำลังใจพระเทพสารเมธี ขณะที่พระสายวิปัสสนาจากหลายจังหวัดกว่า 100 รูปร่วมขมาทำสามีจิกรรม ถวายกำลังใจ ‘พระเทพสารเมธี’ ที่ถูกถอดถอน พ้นเจ้าคณะจังหวัด ส่วนยอดรายชื่อถวายฎีกาแตะห้าหมื่นแล้วเตรียมยื่นร้องถวายฎีกาเร็วๆ นี้

จากกรณีปัญหาคำสั่งมหาเถรสมาคมที่แต่งตั้ง พระสังฆาธิการและถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพระเทพสารเมธี (เจ้าคุณ บัวศรี) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) รวมอยู่ด้วย ทำให้คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) มีมติคัดค้านทันที เพราะมองว่าไม่เป็นธรรม ไม่มีเหตุที่จะปลด และคำสั่งนี้ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อการปกครองคณะสงฆ์ เนื่องจาก อดีตเจ้าคณะจังหวัดเป็นพระที่มีปฏิปทา ที่งดงาม จนมีการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อหนึ่งแสนเพื่อถวายฎีกาคัดค้าน เพราะเชื่อว่ามีการสอดไส้หวังทำลายตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ถวายกำลังใจ – พระสายวัดป่าจาก 6 จังหวัดภาคอีสานกว่า 100 รูป เข้ากราบถวายกำลังใจต่อพระเทพสารเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มหาเถรสมาคมสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ที่วัดประชานิยม อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่วัดประชานิยม อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพระเถระ ชั้นผู้ใหญ่ในระดับสังฆาธิการจากฝ่ายมหานิกาย และพระป่าวิปัสนนากัมมัฏฐานจาก 6 จังหวัด(ธ) ประกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี อำนาจเจริญ หนองบัวลำภู และ ศรีสะเกษกว่า 100 รูป เดินทางเข้ามาขอกราบถวายกำลังใจพระเทพสารเมธี และเป็นครั้งแรกที่อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ปรากฏตัวต่อสาธารณะ การเข้ากราบขอขมา ถวายคารวะ ทำสามีจิกรรม ซึ่งพิธีเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในกุฏิรับรอง มีพระญาณสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร(ธ) เจ้าอาวาสวัดกุดเรือคำ เป็นผู้ถวายดอกไม้สักการะและนำกล่าวถวายสามีจิกรรมว่า “มหาเถเร ปะมาเทนะ”

จากนั้นเป็นการสวดมนต์ถวายกำลังใจ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งพระทุกรูปอยู่ในอาการสำรวม โดยเจ้าคุณบัวศรีได้รับพานและยิ้มอยู่ในอาการสงบ โดยไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แต่อย่างใด ขณะที่ลูกศิษย์ผู้ติดตามพระป่าหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความโทมนัสต่อการกระทำที่ไม่เป็นธรรมของมหาเถรสมาคมในครั้งนี้

รายงานแจ้งว่า จำนวนพุทธศาสนิกชนลงชื่อเพื่อถวายฎีกายอดเพิ่มขึ้นแตะเกือบ ห้าหมื่นคนจากจำนวนยอดออนไลน์และในสังคมออนไลน์ทั่วประเทศ ได้ส่งกำลังใจและพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม ที่ต้องการปกป้องพุทธศาสนา เพราะเชื่อว่าหากปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ จะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนา ที่เป็นหนึ่งในเสาหลักของคนไทยทั้งประเทศ

ส่วนที่วัดโสภณพัฒนาราม (วัดภูปูนในฝัน) บ้านดงบัง ต.มหาไชย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ศ.ดร.ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์ ประธานมูลนิธิพิทักษ์พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม และประธานชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนา พร้อมด้วย น.ส.ภูรดา ศรีชญานันทน์ ผู้อำนวยการมูลนิธิพิทักษ์พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ได้เดินลงพื้นที่ ติดตามความเคลื่อนไหวและร่วมหาแนวทางการต่อสู้ขอความเป็นธรรมร่วมกับพระญาณรักขิต (แผน โสภโณ) รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) และเจ้าอาวาสวัดโสภณพัฒนาราม (วัดภูปูนในฝัน)

ภายหลังพระญาณรักขิต ร่วมกับพระสังฆาธิการ (ธ) จัดประชุมวาระเร่งด่วนพิเศษอีกครั้งหนึ่ง หลังมีการประชุมรอบแรกผ่านไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. เพื่อร่วมกันหาแนวทางการคัดค้านคำสั่งแต่งตั้งและถอดถอนของมหาเถรสมาคม ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น หลังคณะสงฆ์ พระสังฆาธิการ (ธ) และชาวพุทธกาฬสินธุ์ ได้ร่วมกันตั้งโต๊ะลงชื่อให้ได้หนึ่งแสนรายชื่อ ทั้งระบบเปิดและออนไลน์ เพื่อนำไปถวายฎีกา ในลำดับต่อไป

ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีอนุชากล่าวถึงการปลดเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป ว่า มส. ดำเนินการออกมติถูกต้องแล้ว ตนขอชี้แจงแทนชาวพุทธว่า มส. ปลดเจ้าคณะจังหวัดโดยไม่ได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมายแต่อย่างใด

ตามกฎหมายต้องตั้งกรรมการสอบก่อน แต่ไม่ได้มีการตั้งกรรมการสอบแต่อย่างใด ทั้งสิ้น แล้วออกมติปลดมาเลย ชาวพุทธเขาจึงสงสัยกันว่า มีการสอดไส้หรือไม่ รัฐมนตรีไปฟังแต่สำนักพุทธฯ เขียนให้อ่าน แต่ไม่ดูข้อกฎหมาย ซึ่งมส. ตั้งขึ้นตามกฎหมายสงฆ์ มาตรา 12 และให้มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 15 ตรี เมื่อให้อำนาจมาแล้ว จะต้องใช้อำนาจนั้นให้ถูกต้อง ทั้งตามกฎหมายและพระธรรมวินัย ที่กำหนดไว้ในมาตรา 15 ตรี

ดร.นิยมกล่าวต่อว่า ขั้นตอนการถอดถอนพระสังฆาธิการ กฎหมายสงฆ์ระบุเอาไว้ชัดเจน ในกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (2541) หมวด 4 ส่วนที่ 1 การละเมิดจริยา ข้อ 55 การถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อพระสังฆาธิการละเมิดจริยา อย่างร้ายแรง ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1.ทุจริตต่อหน้าที่ 2.ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรเกินกว่า 30 วัน

3.ขัดคำสั่งอันชอบด้วยการคณะสงฆ์และการขัดคำสั่งเป็นให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่คณะสงฆ์ 4.ประมาทเลินเล่อ อันเป็นเหตุความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่คณะสงฆ์

และ 5.ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ซึ่งในกรณีเช่นนี้ให้ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดรายงานโดยลำดับจนถึงผู้มีอำนาจแต่งตั้ง เมื่อสอบสวน ได้ความจริงตามรายงานแล้วให้ผู้มีอำนาจ แต่งตั้งถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ได้ ดังนั้น เจ้าคณะผู้ปกครองจะปลด ต้องตั้งกรรมการสอบให้แจ้งชัดเสียก่อนว่าผิดร้ายแรงอย่างไร

ดร.นิยมกล่าวอีกว่า เมื่อ มส. มีอำนาจ ในการออกมติ แต่มติดังกล่าวนั้นไม่ได้ตั้งกรรมการสอบมาก่อน ก็เป็นการออกมติที่ข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ มตินั้นจึงไม่มีผลบังคับใช้ และผู้ออกมติก็อาจมีความผิดได้ ส่วนที่นายอนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกฯ ยืนยันว่า มติมส.ปลด 3 เจ้าคณะจังหวัดถูกต้องแล้วนั้น ต้องตอบชาวพุทธให้ได้ว่าดำเนินการถูกต้องอย่างไร มีการสอบหรือไม่ ถ้ามี ใครเป็นคณะกรรมการสอบบ้าง คำสั่งในการสอบว่าอย่างไร ผลการสอบเป็นอย่างไร มีการรายงานตามลำดับชั้นการปกครองตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่

ดร.นิยมกล่าวต่อว่า กรณีของนครศรีธรรมราช นั้น ยิ่งชัดแจ้งมาก ไม่มีการถอด แต่ มส. มีมติตั้งเจ้าคณะจังหวัดรูปใหม่ทับลงไปเลย แสดงว่าไม่มีการตรวจสอบมาก่อน หากมติ มส. ถูกต้องตามที่รัฐมนตรียืนยัน ตอนนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็มีเจ้าคณะจังหวัดสองรูป อย่างนี้จะเรียกว่า มส. ดำเนินการออกมติ ถูกต้องได้อย่างไร

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนชาวบ้าน ชุมชนซอยวัดเขียนเขต นำโดย นายสมชาย ระภานุสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายนพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะที่ปรึกษากมธ. เพื่อขอความเป็นธรรมให้พระธรรมรัตนาภรณ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ถูกมติมหาเถรสมาคมถอดถอนออกจากตำแหน่ง

นายสมชายกล่าวว่า ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านชุมชนซอยวัดเขียนเขต ซึ่งเป็นวัดที่พระธรรมรัตนาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาส รวมถึงชุมชน ใกล้เคียงและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม มีความไม่สบายใจ จึงต้องการทราบว่า พระธรรม รัตนาภรณ์ ถูกถอดถอนเนื่องจากทำความผิดอะไร เพราะตลอดชีวิตที่รู้จักมา ท่านทำแต่ความดีให้กับพระพุทธศาสนาและประชาชนชาว จ.ปทุมธานี มาโดยตลอด อีกทั้งการถอดถอนดังกล่าวไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนถึงความผิดอันเป็นเหตุให้ถูกปลด จึงขอให้กมธ.พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ความกระจ่างแก่ชาวบ้าน รวมถึงให้ความเป็นธรรมกับ พระธรรมรัตนาภรณ์

ต่อมาเวลา 11.30 น. ตัวแทนชาวบ้านชุมชนซอยวัดเขียนเขต ยื่นหนังสือถึงนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่มติที่ประชุมมส. ทุกอย่างดำเนินการ ถูกต้องตามขั้นตอน ไม่มีอะไรอย่างอื่น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีประชาชนบางส่วนมายื่นหนังสือทวงถามเรื่องดังกล่าวจากรัฐมนตรี นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนั้นก็ค่อยว่ากัน ขอย้ำว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ที่คณะสงฆ์ เป็นมติของมส.ไปแล้ว

เวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่กุฏิเจ้าอาวาส วัดเขียนเขต อารามหลวง ต.บึงยีโถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย เดินทางมากราบนมัสการ พระธรรมรัตนาภรณ์ ซึ่งอดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไม่ประสงค์ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพทำข่าว เนื่องจากเกรงจะมีผลกระทบอื่นๆ ตามมา

นายนิยม เปิดเผยว่า วันนี้มานมัสการ กราบเรียนถาม คือว่า 2 วันแล้วเห็นคำสั่ง เห็นข่าวออกมาแล้วไม่สบายใจ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ ความจริงตนกับท่านไม่เคยเจอกัน ไม่เคยมาพบท่าน ที่มาวันนี้ก็อยากจะดูวัดที่มหาเถรสมาคมถอดถอนจากพระสังฆาธิการ แล้วดูวัดเป็นอย่างไร เห็นพบในคลิปในไลน์ท่านทำงานช่วยเหลือชาวบ้านเยอะ ท่านก็บอกไม่ติดใจแต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าผิดอะไร ก็เป็นคำถามเหมือนศาสนิกชนทั่วไปพูดว่าท่านผิดอะไร และก็คิดเหมือนตน หนังสือที่ขึ้นไปไม่มีคำสั่งถอดถอน ใครเอาใส่ ถอดถอน 3 รูปออกมาขั้นตอนมันอยู่ตรงไหน ใครเอาใส่

นายนิยมกล่าวต่อว่าสิ่งที่จะต้องทำต่อไปหลังจากเปิดสภาซึ่งจะเปิดวันที่ 1 พ.ย. จะยื่นถามกระทู้ว่า สิ่งที่ทำกันอาศัยข้อกฎหมาย ข้อใด และมีการอ้างเบื้องสูง จริงๆ แล้วมีอะไร สอดไส้เข้าไปหรือเปล่า เรื่องนี้ได้ดูหนังสือมันแปลกๆ อยู่ในหนังสือผมมีแค่ 30 แต่มีอีก 3 รูปสอดแทรกเข้าไปในที่ประชุมมส.

“ท่านพระธรรมรัตนาภรณ์เองก็บอกไม่ได้ติดใจ ความจริงท่านคิดไว้แล้วว่าเมื่อครบ 72 ปีท่านจะลาพัก ท่านไม่ได้ยึดติดก็เหมือนกันกับที่อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) เพียงแต่ว่า การถอดถอนท่านบอกเป็นเรื่องใหญ่มากคล้ายๆ เรามีความผิดเหมือนโทษประหาร บอกให้ลาออก ออกอยู่แล้ว แต่นี่ใช้คำว่าถอดถอน มันเหมือนกับประหารกัน เหมือนกับ ท่านมีความผิดอย่างใหญ่หลวง” นายนิยมกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดเขียนเขตในวันเดียวกันนี้ ยังคงมีศิษยานุศิษย์เดินทางมากำลังใจไม่ขาดสาย

ด้านกรรมการมหาเถรสมาคมรูปหนึ่ง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งมีมติถอดถอน 3 เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ทำให้คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์-ปทุมธานี ออกมาเคลื่อนไหวไม่ยอมรับมติดังกล่าวว่า ในวันที่มติออกมาเช่นนี้ พระเถระในที่ประชุมมหาเถรฯ ล้วนไม่ทราบเรื่องและต่างไม่สบายใจ กับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ แต่พอมีวาระออกมาจึงได้แต่เพียงรับทราบไปตามระเบียบเท่านั้น

เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง แต่คณะสงฆ์กลับไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องยอมรับมติดังกล่าว ตามที่เป็นไป และเชื่อว่าพระเถระในกรรมการมหาเถรฯ ต่างก็ระบุว่าต่อไปจะต้องเกิดปัญหาแน่นอน แล้วก็เกิดปัญหาจริงๆ อย่างที่คณะสงฆ์กาฬสินธุ์และคณะสงฆ์ปทุมธานีออกมาเคลื่อนไหว จนกลายเป็นเหตุบานปลาย สร้างความมัวหมองให้คณะสงฆ์ รวมไปถึงกรณีตั้งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชซ้อนตำแหน่งกัน คงสร้างความสับสนให้กับ คณะสงฆ์และชาวพุทธเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเจ้าคณะ จังหวัดรูปเดิมก็ยังอยู่ในตำแหน่ง ส่วนเจ้าคณะ จังหวัดรูปใหม่ที่ได้รับตำแหน่งก็จะวางตัวไม่ถูก

“เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็คงต้องแก้ไขปัญหากันไป ที่ประชุมมหาเถรฯ ก็คงต้องรับบทหนัก เพื่อตอบคำถามให้สังคมชาวพุทธฯ รับทราบข้อเท็จจริง ส่วนการเคลื่อนไหวของคณะสงฆ์แต่ละจังหวัด ถ้าจะทำหนังสือฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้” กรรมการมหาเถรฯ รูปหนึ่ง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. พระธรรมรัตนาภรณ์ได้เข้าพบสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อัคคชิโน) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในคำสั่งปลดออกจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ยืนยันว่า คำสั่งปลด 3 เจ้าคณะจังหวัด มหาเถรฯ ไม่ได้เป็นผู้เสนอ และตนเองก็ไม่ได้ทราบเรื่อง มาก่อนเช่นกัน ทั้งนี้พระธรรมรัตนาภรณ์ เป็นพระเถระที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ไว้ใจ จนแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการโครงการวัด ประชารัฐ สร้างสุข จนมีผลงานโดดเด่น และเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน