พปชร.ยันชู‘ตู่’คนเดียว
ชี้ดวงเมืองสิ้นปีแรงอีก

‘พีระพันธุ์’ ปฏิเสธข่าวนั่งนายกฯ สำรอง พปชร. ชี้เป็นการดิสเครดิตทั้งตนเอง นายกฯ และพรรค ‘อนุชา’ บอกไม่เคยได้ยิน ยัน แคนดิเดตมี ‘ประยุทธ์’ คนเดียว ย้ำยังไม่มีสัญญาณเลือกตั้ง เพื่อไทย-ก้าวไกลรุมขย่ม ‘บิ๊กตู่’ ขออยู่ต่อ 5 ปี ไล่ย้อนดู 7 ปีสร้างความเสียหายอะไรบ้าง ‘โรม’ ซัดอยู่ต่อนาทีเดียวก็นานเกินไป ‘ยุทธพงศ์’ เล็งแถลงเปิดแผล ‘ตู่-ป้อม’ ทุกวันพุธ ส.ว.วันชัยฟันธงดวงเมืองปลายปี 64 ต่อเนื่องต้นปี 65 พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ขัดแย้งรุนแรงหนัก ปัญหาเศรษฐกิจซ้ำเติม

เยี่ยมชาวบ้าน – นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เยี่ยมให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พร้อมรณรงค์สร้างการรับรู้งานประกันสังคม มาตรา 40 เพื่อเสริมสร้างหลักประกัน ทางสังคม ที่ชายหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อ 10 ต.ค.

อนุชาจับตาหลังรธน.ฉบับแก้ไขมีผล

วันที่ 10 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า พปชร. ว่า เป็นเรื่องดีที่นายพีระพันธุ์เข้ามาร่วมกันทำงาน เมื่อถามว่าดูเหมือนเริ่มมีคนมาอยู่พปชร.มากขึ้น เพราะยังมีนายชื่นชอบ คงอุดม ลูกชาย นายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ย้ายมาด้วย นายอนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้หมายความว่ามีคนเข้า-ออกพรรคเป็นจำนวนมาก ยังเป็นส่วนน้อย

เมื่อถามว่ากรณีของนายชื่นชอบ มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ และจะมีการยุบพรรคพลังท้องถิ่นไทมารวมกับ พปชร.ด้วยหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ต้องดูว่าการเมืองวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องอ่านบริบทการเมืองตั้งแต่เรื่องรัฐธรรมนูญว่าถ้าแก้แล้วใครจะคิดอย่างไร พรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจะคิดอย่างไร ก็ต้องไปว่ากันตอนที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะเด็ดน้ำแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขออกมาจึงยังพูดอะไรไม่ได้ เพียงแต่ ทุกคนรอดูแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างไร

ยืนกรานไม่มีสัญญาณเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าถือเป็นความเคลื่อนไหวตามปกติของพรรคการเมือง นายอนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ แต่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐธรรมนูญ ขอให้รอดูแล้วกันว่าหลังจากมีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขออกมาแล้ว พรรคต่างๆ ต้องขยับตัวในเรื่องความคิดต่อประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง 2 ใบที่ถือประเด็น สำคัญสำหรับแนวคิดหรือยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองในวันข้างหน้า

เมื่อถามว่าตอนนี้หลายๆ คนประเมินกันว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว นายอนุชากล่าวว่า ไม่จริง ไม่มีสัญญาณ ไม่มีอะไรแม้แต่นิดเดียว เป็นการประเมินกันเอง

ปัด ‘พีระพันธุ์’ นายกฯ สำรอง

เมื่อถามว่าการได้ร่วมคณะกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไปลงพื้นที่ต่างๆ หลายครั้ง คิดว่าถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ประชาชนจะยังเลือกพล.อ.ประยุทธ์อีกหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า คิดว่ายังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังรักนายกฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้เชื่อว่ามีประชาชนเยอะมากที่ยังรักนายกฯ ถ้าในอนาคตได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจ หรือได้ทราบในวิถีทางต่างๆ คิดว่ามีประชาชนที่รักนายกฯ เพิ่มขึ้น เมื่อถามว่าพื้นที่ใดที่เป็นจุดอ่อนซึ่งนายกฯ ต้องรุกเข้าไปเพิ่ม นายอนุชากล่าวว่า ยังไม่รู้ ยังไม่มีจุดอ่อน

เมื่อถามว่า พปชร.ยังเสนอชื่อพล.อ. ประยุทธ์เป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกฯ เพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ใช่ๆ เพราะยังไม่มีสัญญาณอะไรเป็นอย่างอื่น เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่านายพีระพันธุ์อาจมาเป็นนายกฯสำรอง นายอนุชากล่าวว่า “ไม่มี ไม่เคยได้ยิน นิดเดียวก็ยังไม่เคยได้ยิน บอกหน่อยว่าไปได้ยินกันมาจากไหน”

เจ้าตัวชี้ข่าวดิสเครดิต

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษา นายกฯ และที่ปรึกษาหัวหน้า พปชร. ปฏิเสธกระแสข่าวมีรายชื่อเป็นนายกฯสำรอง ว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นถือเป็นการดิสเครดิต ตัวเอง นายกฯ และพปชร. อย่างไรก็ตาม ยอมรับขณะนี้ตนเองถือเป็นนักการเมืองในนาม พปชร.เต็มตัวแล้ว และพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้า พปชร. ยังไม่ได้มอบหมายงานเรื่องใดเป็นพิเศษ

พปชร.ทำโพลวัดเกรดส.ส.

นายไผ่ ลิกค์ รองเลขาธิการพปชร. กล่าวถึงกำหนดการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพปชร. และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพปชร. ว่า ตอนนี้ยังไม่มี ต้องดูสถานการณ์น้ำก่อน

เมื่อถามถึงแผนยุทธศาสตร์พปชร.วางไว้อย่างไรบ้าง นายไผ่กล่าวว่า ให้ส.ส.ลงพื้นที่และจะมีการทำโพลในการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ว่าดีหรือไม่ ลงพื้นที่ไหมจะเป็นการวัดคะแนนหรือตัดเกรดของแต่ละคนทั้งส.ส.ปัจจุบันและคนที่จะมาลงสมัครด้วย เพื่อให้เลือกคนที่ดีที่สุด ถ้าส.ส.คนใดคะแนนไม่ดีก็จะเตือนและแนะนำว่าต้องทำอย่างไร ส.ส.ก็อยากรู้เพราะบางคนไม่รู้ว่าทำอะไรดี ไม่ดี ระบบเก่าเราทำงานแบบตาบอด

ซึ่งการทำโพลครั้งนี้ไม่ได้มีบทลงโทษอะไรเพียงแค่ทำให้ส.ส.แอ๊กทีฟ และดูว่าตัวเองทำงานถูกหรือไม่ ชาวบ้านชื่นชอบไหม เมื่อถามว่าแผนการจัดทำโพลครั้งนี้เป็นของพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า เรื่องนี้ช่วยกันทั้งเลขาฯพรรคและหัวหน้าพรรค

พท.ขย่มตู่-คิดอยู่ต่อ 5 ปี

เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค แถลงถึงภาวะน้ำท่วมที่ยังไม่คลี่คลายและยังไม่มีการแก้ไข ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก 23 ก.ย.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ครอบคลุม 31 จังหวัด เสียหายกว่า 227,470 ครัวเรือน มีหลายอำเภอและในหลายจังหวัดที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ ตลอด 3 สัปดาห์ที่เกิด น้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้เพียงให้กำลังใจ แจกของแล้วบอกรักจังฮู้ ทั้งที่เคยมีงานวิจัยระบุปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งเกิดจากการบริหารจัดการ ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ

สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำ มีหลายหน่วยงานที่ตั้งขึ้น กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ มีหน้าที่ทำอะไรและใช้ประสิทธิภาพทำงานบริหารจัดการน้ำอย่างไรบ้าง สภาพน้ำที่ท่วมขังกว่า 3 สัปดาห์ วันนี้ยังไม่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำ มีมาตรการหรือแผนเยียวยาที่ชัดเจน ตรงข้ามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

“ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รู้จักคำว่าการบริหารจัดการ ความเสียหายคงไม่เกิดขึ้น ทุกปีๆ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา วันนี้ข้าวในนาเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว เป็นข้าวเน่าของจริง และ 7 ปี ที่ผ่านมาไม่ว่าจะทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์ มักโทษฟ้าโทษฝน แต่ยังคิดจะบริหารประเทศต่ออีก 5 ปี ถ้าคิดจะบริหารประเทศต่ออีก 5 ปี ก็ให้รู้จักอายฟ้าดินบ้าง” โฆษกพท.กล่าว

จี้แก้ท่วม – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล จนทำให้หลายจังหวัดประสบปัญหาน้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 10 ต.ค.

ตั้ง ‘ป้อม’ แก้น้ำท่วมเหลว

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพท. แถลงว่า กรณีอุทกภัยใหญ่ของประเทศอยากจะขอให้พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ. ประวิตร มาฟังว่า ทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้น หรือเกิดจากหลังปฏิวัติไปยกเลิกงบเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ คือสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

โดยใช้คำสั่ง ม.44 ที่ 46/2 560 เพื่อบูรณาการน้ำทั้งหมดที่กระจายไปยังกระทรวงต่างๆ ให้มาอยู่ภายใต้ สทนช. เช่น 1.กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ, กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย นำมาบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหาน้ำท่วม นี่คือความคิดของพล.อ.ประยุทธ์ แต่น้ำท่วมทะลักมากขึ้นกว่าเดิม

ต่อมามีคำสั่งสำนักนายกฯที่ 166/2562 มอบอำนาจให้พล.อ.ประวิตร เป็นประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นอกจากคุมเรื่องน้ำแล้วยังเกี่ยวข้องกับงบประมาณด้วย 15 มิ.ย. 64 ครม.อนุมัติงบ 3,248 ล้านบาท บริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง โดยกระจายไปตามกรมต่างๆ 1.กรมชล 1,202 ล้านบาท 2.กรมทรัพยากรน้ำ 48 ล้านบาท 3.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล 1,447 ล้านบาท โดยงบกลาง 2564 เป็นรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินรองรับอุทกภัยและภัยแล้ง ตั้งไว้ 614,000 ล้านบาท ปี 65 ตั้งไว้ 517,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่พล.อ.ประยุทธ์ นำไปให้พล.อ.ประวิตร

เล็งแฉนายกฯ ทุกวันพุธ

งบกลางที่จัดซื้อที่สูบน้ำแทนที่จะนำไปซื้อข้าว อาหารหรือเยียวยา กลับซื้อเครื่องสูบน้ำ โดยจัดซื้อระบบไฮดรอลิกเครื่องจักรกล ขอย้ำว่าการจัดซื้อไม่เกี่ยวกับรมว.เกษตรฯ หรือกรมชลประทาน แต่ใช้งบกลางโดย พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้อนุมัติ การซื้อก็แตกต่างจากปกติ คัดเลือกร้านค้าบริษัทโดยตรง มีการแบ่งส่วนเครื่องจักรกลในหลายๆ จังหวัด ประกอบด้วย ศูนย์เครื่องจักรกล 1 อยู่ที่เชียงใหม่ ศูนย์ 2 พิษณุโลก ศูนย์ 3 ขอนแก่น ศูนย์ 4 โคราช ศูนย์ 5 อยุธยา ศูนย์ 6 กาญจนบุรี และศูนย์ 7 สงขลา และวิธีพิสูจน์ค่อนข้างพิสดารเนื่องจากมีการแบ่งซื้อ แบ่งจ้าง อนุมัติให้แต่ละศูนย์สั่งซื้อเครื่องจักรกลไม่เกิน 25 ล้านบาท ปรากฏว่ารายการจัดซื้อไม่โปร่งใสเหมือนล็อกสเป๊ก คนที่ต้องรับผิดชอบคือพล.อ.ประยุทธ์

หลังจากนี้ตนจะนำเอกสารและเรื่องราวทั้งหมด เกี่ยวกับพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ. ประวิตร มาเปิดเผยทุกสัปดาห์ วันที่ 12 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันประชุมใหญ่ของพรรค จะนำเรื่องทุจริตไปปรึกษากับหัวหน้าพรรค เพื่อขอขยายเวลาแถลงเป็นวันพุธอีก 1 วันจากวันเสาร์และอาทิตย์ และฝากถามหากไปยื่นเรื่องเกี่ยวกับการอนุมัติงบกลาง งบของ สนทช.และงบน้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์จะรับเรื่องไปตรวจสอบหรือไม่

ไล่ย้อนดูความเสียหายช่วง 7 ปี

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้า พท. กล่าวว่าน้ำยังท่วมขังหลายจังหวัดในภาคอีสาน รวมถึงลุ่มภาคกลาง ตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี อ่างทอง อยุธยา และยังมีคำเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ จ.ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ ให้ขนของขึ้นที่สูง สถานการณ์น้ำสามารถเกิดน้ำท่วมได้อีกในหลายพื้นที่ เป็นหลักฐานสะท้อนชัดว่า ตลอดกว่า 7 ปีตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช.จนถึงรัฐบาล พปชร. ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศล้มเหลว ลูบหน้าปะจมูก ทั้งที่ทุ่มงบประมาณไปเป็นจำนวนมาก เป็นการบริหารจัดการปัญหาที่ผิดพลาด ล้มเหลว ซ้ำกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ลามถึงวิกฤตเศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 7 ปี กำลังจะล่วงเข้าสู่ปีที่ 8 จะโทษใครไม่ได้แล้ว ก่อนจะเนื้อเต้นยินดีเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย ควรหันกลับไปสำรวจความล้มเหลวผิดพลาดเสียหาย นโยบายที่ใช้หาเสียงและแถลงต่อรัฐสภาแล้วทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ จะรับผิดชอบอย่างไร จะเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ขอเวลาเพิ่มอีก 5 ปี เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย เสมือนจำไม่ได้ว่าตนเองและพวกพ้องได้ใช้เวลาไปกว่า 7 ปีแล้ว สภาพบ้านเมืองมีปัญหารอบด้าน ดังนั้น ก่อนพลิกโฉมประเทศควรพลิกกลับการตัดสินใจยุติบทบาททางการเมืองดีกว่า

ก้าวไกลชี้อยู่ต่อนาทีเดียวก็นานไป

นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรค ก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพปชร.ชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดต นายกฯ ว่า อย่าไปฟังคำพูด คนพวกนี้พูดอะไรก็ได้ซึ่งเราเห็นมาโดยตลอด รักกันปานจะกลืนกินสุดท้ายก็เสียบแทงกัน

ตนมองว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ ร้าวฉานไปแล้วแค่รอวันที่จะยุบสภาและแตกหักมากกว่าเดิม ตัวชี้วัดความแตกหักคือ การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และการนำอำนาจ 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาให้ พล.อ.ประวิตร และสุดท้ายคืนกลับให้พรรคประชาธิปัตย์

ชัดเจนว่าทั้งสองแตกหักกันจริง และคงทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพน้อยลง ที่รัฐบาลมีเสถียรภาพน้อยลงนั้นด้านหนึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่อีกด้านหนึ่งหากเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็เป็นห่วงว่าจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกข์ยากในช่วงเศรษฐกิจ การเมืองและโรคภัยไข้เจ็บกำลังถามหา

“การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ขออยู่ต่ออีก 5 ปีนั้น นาทีเดียวก็นานเกินไป อยู่มานานขนาดนี้ประเทศไทยยังไม่ดีขึ้น มีแต่แย่ลง ดังนั้น 5 ปีไม่มีทางที่ประเทศไทยจะดีขึ้น เราให้โอกาสคนแบบนี้นานเกินไปแล้ว คิดว่าถึงเวลาต้องมีความเปลี่ยนแปลงได้แล้ว” นายรังสิมันต์กล่าว

คาดยุบสภาหลังเลือกอบต.

คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การยุบสภาจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง อบต.ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นไปได้แม้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม เพราะไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ แฮปปี้กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พปชร.ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน อาจกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการแตกหักด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถบริหารบ้านเมืองได้หรือไม่ ถ้าบริหารไม่ได้การยุบสภาก็จะยิ่งเร็วขึ้นอีก ซึ่งแนวโน้มที่จะบริหารไม่ได้มีสูงขึ้น ถามง่ายๆ เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล้าจะเชื่อใจ พปชร.ในการผ่านกฎหมายหรือเปล่า

วันชัยชี้ดวงเมืองศุกร์เข้าเสาร์แทรก

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ว่างเว้นการพยากรณ์จากตำราโหราศาสตร์มานาน เจอะเจอใครในสถานการณ์นี้พูดกันไปพูดกันมา ประเมินประมวลและก็คาดว่าการเมืองจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกินเดือนนั้นเดือนนี้ ก็ว่ากันไปตามข้อมูล ตามอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคน แต่เมื่อมาดูเรื่องดวงดาวจะใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือคาดเดากันหรือเปล่า ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.ดาวอังคารจะย้ายเข้าสู่ราศีตุลและจะย้ายออกวันที่ 4 ธ.ค. และม.ค. 65 ดาวศุกร์จะโคจรพักในราศีมังกร ทั้งมีดาวพุธและศุกร์มาทับดาวเสาร์ โดยดาวพุธโคจรมาพักในราศีมังกรและทับดาวเสาร์ด้วย

“ดูดวงดาวแต่ละดวงที่ทับกันไปทับกันมา โคจรเดินหน้าถอยหลัง ยิ่งดาวอังคารเป็นดาวสงคราม เล็งดวงเมืองด้วยแล้ว ท่านว่าเดือน ต.ค, พ.ย. และ ธ.ค.จะมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงทั้งในสภาและนอกสภา ปะทะกันทั้งคำพูดและการใช้กำลัง ที่เป็นอยู่แล้วก็จะเป็นมากยิ่งขึ้น สารพัดถาโถมกันเข้ามาเพราะฤทธิ์เดชของดาวอังคาร และเดือนม.ค.65 ท่านว่าจะมีปัญหาทั้งการเงินและการคลัง เรื่องปากท้อง ปากเสียงทางการเมืองวิวาทะกัน ใหญ่โต ดูแต่ละเดือนแล้วมันไม่ค่อยจะสงบ สักเท่าไร ทั้งดาวเสาร์ ดาวอังคารทำให้สับสนอลหม่านกันทั้งนั้น ก็ดูกันเอาเองก็แล้วกัน

ตามดวงดาวบอกว่าขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงทั้งในและนอกสภา การเงินการคลัง ก็เป็นปัญหาตามเข้ามาอีกระลอก พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก จะรับศึกกันไหวหรือไม่ จะอยู่หรือไปก็เป็นเรื่องของดวงดาวใน ช่วงนั้น ผมไม่เกี่ยว” นายวันชัยโพสต์

พปชร.ร่างกม.ลูกเสร็จแล้ว

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขเพิ่มเติมพพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป. พรรคการเมือง ว่า ขณะนี้ร่างเสร็จแล้ว รอนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล หารือกับวิป 3 ฝ่ายก่อน ชั้นนี้ยังไม่ผ่านกระบวนการภายในอย่างครบถ้วน ต้องรอการหารือของวิปทั้ง 3 ฝ่ายก่อน ประเด็นที่แก้มีเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 บัตร แก้ตามรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยปชป. มาตรา 91 วิธีคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ใช้ถ้อยคำจากรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมปี 2554 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แก้โดยใช้ถ้อยคำมาตรา 98 ใช้คะแนนรวมให้เป็นสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับคะแนนของทั้งประเทศ พ.ร.ป.เขียนเรื่องนับคะแนนรวมทั้งประเทศหารด้วยจำนวนส.ส. ปี 2564 การแก้ไขมาตรา 83 จะเหลือส.ส. 100 คน นำมาหารจากคะแนนรวมทั้งประเทศจะได้คะแนนที่ส.ส.พึงมีต่อ 1 คน

สมมติประชาชนออกเสียง 32 ล้านเสียง เอา 100 หาร ได้ 320,000 คน นำคะแนนไปหารคะแนนที่แต่ละพรรคได้ พรรคไหนได้ 320,000 คะแนนขึ้นไปจะได้ส.ส.ตามจำนวนเต็มก่อน แล้วถึงดูว่าพรรคที่ได้คะแนนเต็มหรือ 1 % ขึ้นไปมีพรรคใดได้เศษมากที่สุด จะได้ส.ส.เพิ่มอีกคน เป็นแนวของพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.ปี 2554 ซึ่งร่างของพปชร. ออกมาแนวนี้

ดังนั้นจะไม่มี ส.ส.ปัดเศษ ส่วนกรณีเสนอให้แก้แบบสัดส่วน หรืออะไรต่างๆ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะถ้าทำจะ ขัดรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะแก้ไขให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งหมด โดยใช้เบอร์ของบัญชีรายชื่อเป็นเบอร์พรรค เหมือนปี 2554 การแก้ไขได้เตรียมไว้หมดแล้วพร้อมยื่นให้ประธานรัฐสภาใน 2-3 วัน เมื่อโปรดเกล้าฯ

ก้าวหน้าเฟ้นแล้ว 210 ทีมชิงอบต.

น.ส.พรรณิการ์ วานิช กก.บห.คณะก้าวหน้า เผยถึงความพร้อมการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่าคณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครลงครบทุกภาค ตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเราประกาศรับผู้สมัครลงเลือกตั้ง อบต.ในนามคณะก้าวหน้า มีผู้สมัครมากว่า 500 ทีม แต่คัดเลือกเฉพาะผู้มีอุดมการณ์และแนวทางการทำงานการเมืองตรงกับเรา 3 ข้อหลักที่เป็นกฎเหล็ก คือ ไม่ซื้อเสียง ไม่ฝักใฝ่ระบอบเผด็จการ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้ ตัวเองหรือพวกพ้อง

หากยอมรับ 3 ข้อนี้จึงจะร่วมงานกับเราได้ ตอนนี้ได้ผู้สมัครแล้วกว่า 210 ทีม จังหวัดที่คึกคักที่สุดคือ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.อุดรธานี มีผู้ลงสมัครในนามก้าวหน้าเกือบ 20 ทีมทั้งสองจังหวัด

พื้นที่คาดหวังในการเลือกตั้งอบต. ปีนี้นอกจากในอีสาน โดยเฉพาะ จ.ร้อยเอ็ด ยังมีอีกหลายพื้นที่ในภาคตะวันออก และปริมณฑล เช่น จ.ระยอง จ.ชลบุรี และจ.สมุทรปราการ เนื่องจากเป็นพื้นที่เมืองใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนวัยรุ่น วัยทำงาน คณะก้าวหน้าเชื่อว่าจะชนะเลือกตั้งได้แน่นอน หากทำนโยบายที่ถูกใจคน ทำให้เห็นว่าองค์กรปกครองท้องถิ่นระดับพื้นฐานอย่างอบต. ถแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนได้

รัฐบาลจัดงานน้อมรำลึก‘ร.9’

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพุธที่ 13 ต.ค. 2564 เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัฐบาลจึงพิจารณาแนวทางการจัดกิจกรรมน้อมรำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสดังกล่าว โดยปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

ซึ่งปีนี้งดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2564 ที่ท้องสนามหลวง เช่นทุกปีที่ผ่านมา

นายธีรภัทร กล่าวต่อว่า การจัดพิธีวางพวงมาลาในนามฝ่ายบริหาร กำหนดจัดพิธีวางพวงมาลา ในวันพุธที่ 13 ต.ค. 2564 เวลา 08.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมภริยา เป็นประธานในพิธี รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมพิธี โดยการจัดพิธีดังกล่าวจะดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายธีรภัทร กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมน้อมรำลึกของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนสามารถพิจารณาดำเนินการได้ ดังนี้ 1.จัดพิธีวางพวงมาลา โดยหน่วยงาน ภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในวันพุธที่ 13 ต.ค. 2564 เวลา 08.30 น. ณ สถานที่ตั้งของหน่วยงานหรือสถานที่ตามความเหมาะสม

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานเป็นประธานในพิธี และมีผู้ร่วมพิธีจำนวนไม่เกิน 12 คน ในต่างประเทศให้สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลดำเนินการจัดพิธีวางพวงมาลาตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม

ทั้งนี้การจัดพิธีดังกล่าวขอให้ดำเนินการตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด-19 อย่างเคร่งครัด

2.จัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะ ตามอาคารสถานที่ กำหนด ระหว่างวันที่ 1-31 ต.ค. 2564

และ 3.จัดทำคำกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมนำเสนอภาพพระราชกรณียกิจ เพื่อเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของหน่วยงานและสื่อออนไลน์ และจัดทำสารคดีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยและสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ในช่วงวันคล้ายวันสวรรคต โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ร่วมกันดำเนินการ ในระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค. 2564

“เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 13 ต.ค. 2564 ทุกภาคส่วนสามารถพิจารณาจัดกิจกรรมน้อมรำลึกได้ตามแนวทางดังกล่าว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน