พ้อถ้าไม่มีประโยชน์-ขอไปเอง
พศ.ระบุไม่ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว
ปทุม-กาฬสินธุ์ป้องเจ้าคณะจว.
จับตามหาเถรฯนัดประชุมวันนี้

พระมหาสมปองเปิดใจ เผยมีขบวนการจ้องจับสึก หลังไลฟ์สดหลั่งน้ำตา ยันไม่เคยไป ขัดแข้งขัดขาใคร ไม่หวังสมณศักดิ์ ระบุ มีอะไรบอกกันได้ ไม่ต้องรังแกกัน หากคิดว่า ตัวเองไม่มีประโยชน์แล้วจะลาสิกขาเอง ด้านสำนักพุทธฯ โต้มีแต่เจ้าคณะปกครองที่จะสึกได้ หากทำตามคำแนะนำของเจ้าอาวาสก็ไม่ต้องวิตก ชาวบ้านชุมชนวัดเขียนเขตล่า 1 แสนรายชื่อถวายฎีกา ให้พิจารณาเรื่องปลดเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ขณะที่กาฬสินธุ์ก็ล่า 1.5 แสนชื่อปกป้องเจ้าคณะจังหวัด จับตาประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้พิจารณาเรื่องปลด 3 เจ้าคณะจังหวัด

พส.เปิดใจ – พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดังจากวัดสร้อยทอง กทม. เปิดใจหลังไลฟ์สดผ่านเพจ เฟซบุ๊ก แล้วพูดระบายความในใจตอนหนึ่ง ว่าที่ผ่านมาเพียงอยากทำให้คนอื่นมีความสุข แต่กลับถูกจ้องจับสึก เมื่อ 10 ต.ค.

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่วัดสร้อยทอง พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต กล่าวถึงกรณีการไลฟ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีช่วงหนึ่งพระมหาสมปองพูดถึงความรู้สึกถูกกดดัน ถูกบางคนมาด่าด้วยคำหยาบคาย และถูกจ้องจับสึก จนถึงกับร้องไห้เป็นบางช่วง และห่วงความรู้สึกของโยมแม่ที่ป่วยติดเตียง เมื่อรู้กระแสข่าวนี้ โดยมีพระมหาไพรวัลย์ และพระมหานภันต์ จากวัดสระเกศที่ร่วมไลฟ์อยู่ด้วย ต่างช่วยกันให้กำลังใจ จนกระทั่งชาว ทวิตเตอร์ได้ทวีตข้อความให้กำลังใจ พร้อมติดเเฮชเเท็ก #saveพระมหาสมปอง

โดยพระมหาสมปอง ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้เป็นการพาดพิงถึงมหาเถรสมาคม หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่เเต่อย่างใด เเต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้มีบางองค์กรซึ่งอาตมาไม่ขอเอ่ยนามองค์กร มีการจ้องจับผิด เเละหาช่องเพื่อจะจับอาตมาสึก เเต่เมื่อมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวดังกล่าว ทำให้เเม่ของอาตมาที่ป่วยติดเตียง เเละอายุมากเเล้ว ได้ติดตามข่าวสาร ทำให้เกิดความเครียดเเละไม่สบายใจ จึงทำให้อาตมารู้สึกเป็นห่วงครอบครัวด้วย

ซึ่งช่วงนี้จะทำอะไรก็ถูกจับจ้องไปหมด หากถามเรื่องพระธรรมวินัย อาตมาทำได้หมด เเต่บางครั้งก็อยากช่วยเหลือญาติโยมบ้าง ซึ่งอาตมาเป็นเพียงพระเล็กๆ รูปหนึ่ง ไม่ได้ต้องการจะขัดขาใคร เเต่เมื่อเจอเรื่องต่างๆ โถมเข้ามาก็ทำให้เกิดความอึดอัด เเละที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีหน่วยงานใดให้ความปกป้องหรือชี้เเนะอาตมาเลย

“ขณะเดียวกัน ตอนนี้มีผู้เเสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางส่วนมองว่าอาตมาทำถูก เเต่บางส่วนก็มองว่าอาตมาทำผิด เเละบางคนถึงขั้นเเสดงความคิดเห็นไล่ให้ไปสึก อาตมาขอยืนยันว่าการที่ครองสมณเพศเป็นพระอยู่ในขณะนี้ เพราะเห็นว่าตัวอาตมาเองยังทำประโยชน์เเก่พระพุทธศาสนาได้ ยังมีญาติโยมนิมนต์ไปเทศน์อยู่บ้าง เเต่หากวันใด ไม่มีคนฟังเทศน์จากอาตมา หรือตัวอาตมาไม่สามารถทำประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาได้ อาตมาก็จะไปเอง”

ส่วนกรณีบัญชีรับบริจาคน้ำท่วม อาตมายอมรับว่าผิดพลาด เนื่องจากขณะนั้นต้องการช่วยเหลือญาติโยมที่กำลังประสบภัยน้ำท่วม จึงขอรับบริจาค โดยที่ไม่ทราบว่าการรับบริจาคดังกล่าว จะต้องมีขั้นตอนต่างๆ มากมาย เเละมีกฎหมายรองรับ

ดังนั้นหลังจากที่ได้ปรึกษากับลูกศิษย์ เเละทนายความที่เป็นห่วงเเละหวังดี ได้ให้คำเเนะนำว่าการเปิดบัญชีในลักษณะนี้จะต้องเปิดเป็นมูลนิธิเเต่อาตมามองว่าส่วนตัวตอนนี้ยังไม่พร้อมถึงขั้นนั้น เบื้องต้นจึงเเก้ไขโดยการปรับเปลี่ยนวิธีการรับบริจาค โดยยกเลิกคำว่าช่วยเหลือน้ำท่วม เเต่เปลี่ยนเป็นบัญชีรวม ที่จะช่วยเหลือพระภิกษุ-สามเณร ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เเละช่วยเหลือด้านอื่นๆ ตามสมควร เเทน

พระมหาสมปอง กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีคนโทร.หาสำนักงานพระพุทธศาสนา รายงานว่าการไลฟ์สดที่ผ่านมาของอาตมาที่อาจจะดูไม่เหมาะสม ทางสำนักพุทธก็มีหนังสือข้อความส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เเละหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ส่งหนังสือมาถึงรักษาการเจ้าอาวาส ซึ่งอาตมาก็น้อมรับ เเละนำมาปรับปรุงเเก้ไข ยืนยันว่าจะยังไลฟ์สดต่อไป เพราะไม่สามารถทอดทิ้งลูกเพจกว่า 1 ล้านคนที่สนับสนุนได้ เเต่จะมีการระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงตอนนี้ลูกศิษย์ ก็กำลังศึกษาข้อมูลทางด้านกฎหมายมากขึ้น

“ยืนยันถึงเจตนาการไลฟ์สด ต้องการเผยแผ่ธรรมะไปสู่พุทธศาสนิกชน พยายามสร้างความน่าสนใจให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้ธรรมะด้วยการสอดแทรกอารมณ์ขัน 50% ธรรมะ 50% แต่ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดว่า สิ่งที่พูดในไลฟ์สด สิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควร ก็อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ให้คำชี้แนะในเรื่องนี้ด้วย จะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ถูกตำหนิ สุดท้ายนี้ ยืนยันจะยังคงไลฟ์สดต่อไป”

นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) รักษาราชการ ผอ.พศ. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวพศ.ยังไม่มีข้อมูล ผู้ที่รู้ดีที่สุดคือตัวท่านพระมหาสมปองเอง เพราะสถานะของพระมหาสมปองเป็นพระลูกวัดสร้อยทอง

ผู้ที่จะสึกพระมหาสมปองได้ก็ต้องเป็นเจ้าคณะผู้ปกครองโดยตรง คือเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ใช่อยู่ๆ ใครจะไปสึกท่านได้ แม้พศ.เองก็ไม่มีอำนาจในการสึกพระสงฆ์ และจากหลายๆประเด็นในช่วงที่ผ่านมาที่เกี่ยวกับพระมหาสมปอง หากท่านปฏิบัติตามคำตักเตือน คำแนะนำของเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนสึก

ส่วนความคืบหน้ากรณีมหาเถรสมาคม สั่งปลด 3 เจ้าคณะจังหวัด ที่ศาลาอเนก ประสงค์ ชุมชนซอยวัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ชาวชุมชนซอยวัดเขียนเขต พร้อมใจรวบรวมรายชื่อกว่า 100,000 รายชื่อ เพื่อเตรียมทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานความเป็นธรรมให้กับพระธรรมรัตนาภรณ์ (สมศักดิ์ โชตินธโร) หรือหลวงพ่อเปี๊ยก เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต อดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ถูกมหาเถรสมาคม (มส.) ถอดถอนออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีอย่างไม่เป็นธรรม โดยไม่มีการสอบสวน พร้อมกันนี้ชาวชุมชนทำบุญเลี้ยงเพลพระสงฆ์ 9 รูป พร้อมนำรายชื่อจำนวน 8 กล่อง เพื่อเตรียมนำเข้าถวายฎีกาในวันที่ 11 ต.ค.

นายนิยม แทบทอง อายุ 54 ปี กล่าวว่า หลังจากที่พวกเราทราบว่าหลวงพ่อโดนถอดจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พวกเราในฐานะที่อยู่ในชุมชนซอยวัดเขียนเขต อยู่ใต้ร่มเงาของท่าน โดยที่ท่านมีเมตตาและให้ความช่วยเหลือคนในชุมชนมาโดยตลอด เมื่อได้รับข่าวนี้มาต่างรู้สึกไม่สบายใจ บางคนนอนไม่หลับร้องไห้คิดไปต่างๆ นานา ว่าหลวงพ่อเราจะเกิดอะไรขึ้นหนอ เนื่องจากมูลความผิดที่ท่านถูกถอดมากลับไม่มีอะไรมาชี้แจงให้ทราบ ว่าท่านผิดในข้อหาหรือ กรณีใด

บ้านเมืองเราทุกวันนี้อยู่ด้วยกฎและกติกา ทุกหน่วยงานทุกองค์กร ที่จะถอดถอนหรือจะเอาพนักงานคนนี้ออกจากงานจากตำแหน่ง เชื่อว่าทุกองค์กรต้องมีการเรียกพนักงานหรือบุคคลคนนั้นมารับทราบเหตุผลในกรณีที่ต้องปลดหรือถอดถอนออก จากความผิดอะไร ผิดจริงหรือไม่จริงก็อยู่ในขั้นตอนในการพิจารณา เนื่องจากเราอยู่ในระบบประชาธิปไตย ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และถ้าเรามาโยนความผิดให้ท่านโดยที่ไม่มีเบาะแสหรือมูลเหตุอะไรเลย

ป้องเจ้าคณะ – ชาวกาฬสินธุ์ร่วมลงชื่อคัดค้านมติ มส. สั่งถอดถอนพระเทพสารเมธี ออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ล่าสุดมีผู้ลงชื่อกว่า 1.5 แสนรายแล้ว ที่วัดประชานิยม อ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เตรียมยื่นต่อ มส.ต่อไป

ที่วัดประชานิยม เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ พุทธศาสนิกชนยังคงเข้าไปทำบุญถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ และร่วมปฏิบัติธรรมกันตามปกติ แต่ “เจ้าคุณบัวศรี” หรือ พระเทพสารเมธี ไม่อยู่วัด เนื่องจากเดินทางไปปฏิบัติกิจนอกพื้นที่

ทั้งนี้ยังมีศิษยานุศิษย์บางส่วนเดินทางมาลงลายมือชื่อที่ตั้งโต๊ะภายในวัน และยังมีประชาชนจากทั่วสารทิศร่วมลงชื่อทางออนไลน์ เพื่อคัดค้านคำสั่งมส.ถอดถอนพระเทพสารเมธี เจ้าคณะจ.กาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยอดลงชื่อทะลุ 150,000 รายชื่อแล้ว

โดยบรรดาญาติธรรมต่างใจจดใจจ่อรอคอยและเรียกร้องให้ทางมหาเถรสมาคมและสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติทบทวนคำสั่งให้ความเป็นธรรมและชี้แจงกรณีถอดถอนพระเทพสารเมธีที่ทราบว่าจะการประชุมกันในวันที่ 11 ต.ค.

ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 10 ต.ค. ตนไปร่วมถวายภัตตาหารเพล สมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และเรียนถามถึงกรณีที่มหาเถรสมาคมมีมติถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 จังหวัด

ทางสมเด็จพระพุฒาจารย์ให้ความเห็นว่า ในวันดังกล่าว กรรมการมหาเถรสมาคมไม่ทราบมาก่อนว่าจะถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูป และมีการแต่งตั้งใหม่อีก 3 รูป ทุกรูปรับทราบเพียงว่า มีการแต่งตั้ง 30 รูปเท่านั้น

ส่วนการถอดถอนและแต่งตั้งใหม่ 3 รูป ต่างก็รับรู้พร้อมกันในการประชุมวันนั้น ดังนั้นเมื่อไม่มีกรรมการมหาเถรสมาคมรูปใดทราบมาก่อน ก็ควรจะทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง แต่หากเป็นพระราชดำริ ก็ต้องกลับมาดูในข้อเท็จจริง เป็นรายๆ ไป

เข้าชื่อ – ชาวชุมชนวัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ร่วมลงชื่อเพื่อถวายฎีกาขอความเป็นธรรมให้พระธรรมรัตนาภรณ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ที่ถูกมหาเถรฯ สั่งปลด ที่ศาลาอเนกประสงค์ ชุมชนซอยวัดเขียนเขต เมื่อ 10 ต.ค.

ดร.นิยมกล่าวอีกว่า หลังเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ ตนเห็นว่า ควรให้ความเป็นธรรมกับเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูป ถูกผิดอย่างไรก็ไม่ควรจะปลดเอาเฉยๆ หากมีการร้องเรียนก็ควรให้ท่านได้แก้ข้อกล่าวหา ใจเขาใจเรา ไม่ใช่ว่าท่านเป็นพระไปคิดเอาเองว่า ท่านปล่อยวางได้ ถูกร้องเรียนไม่ต้องสอบก็ได้ ปลดเลยอย่างนี้ก็ไม่เป็นธรรมกับท่าน

ตนยืนยันว่ากฎมหาเถรสมาคมเกี่ยวกับขั้นตอนการถอดถอนพระสังฆาธิการ ยังไม่ได้ยกเลิก เพียงแก้ไข โดยเพิ่มขั้นตอนสุดท้ายเข้ามาเท่านั้น แต่ไม่ได้ยกเลิกขั้นตอนการสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกลั่นแกล้งกัน เมื่อไม่ยกเลิก ก็ยังต้องใช้อยู่ หากจะไม่ใช้ขั้นตอนการสอบ ก็ต้องระบุเอาไว้ในกฎมหาเถรสมาคมว่า “ยกเลิก” ก็ไม่ต้องใช้

แต่กฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ก่อนจะถอดถอน ให้ ผู้ปกครองสอบหาความจริงมาตามลำดับ ตั้งแต่เจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน จนได้ความชัดเจนตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อน จึงเสนอให้มส. พิจารณาทุกกรณีไป

จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชจึงนำขึ้นทูลเกล้าให้ทรงมีพระราชดำริ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ตามที่แก้ไขใหม่เพิ่มเข้ามา และขั้นตอนนี้มักถูกนำมาอ้างว่า “เจ้าคณะจังหวัด 3 รูป ถูกปลดเพราะใช้กฎหมายใหม่ แก้ไขแล้ว ไม่ต้องสอบก็ปลดได้” ซึ่งไม่ถูกต้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน