กทม.-ปริมณฑล
ยังถูกฝนถล่มต่อ
ปลัดมท.ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยชาวจันทบุรี กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนเสี่ยงภัยฝนตกหนัก ส่วนกทม.-ปริมณฑล เจอ 80% ของพื้นที่ ด้านปภ.รายงาน 3 พายุทำ 13 จว.น้ำยังเจิ่งนอง 10 อำเภอในอยุธยาเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่ง ‘คมปาซุ’ พ่นพิษ น้ำป่าไหลทะลักเข้าอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ท่วมบ้าน-ร.ร. ขนของหนีกันจ้าละหวั่น นายกฯ สั่งแบงก์รัฐระดมออกมาตรการเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน เกษตรกร ผู้ประกอบการ ที่ประสบอุทกภัย “บสย.” ใจดีให้ผ่อนจ่ายขั้นต่ำ 500 บาท
เตือนทุกภาคเว้นใต้มีฝนหนัก
วันที่ 16 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางพื้นที่ กับมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร (ม.) ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 ม. และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 ม. ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน
‘จันท์-ตราด’ระดับน้ำลดลงแล้ว
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุ “คมปาซุ” ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี และนครนายก รวม 3 อำเภอ 7 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 410 ครัวเรือน ดังนี้ ปราจีนบุรี น้ำป่าไหลหลากและน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองปราจีนบุรี และอ.ประจันตคาม ระดับน้ำลดลง นครนายก น้ำจากคลองสันทรีย์เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมอ.ปากพลี ระดับน้ำลดลง
ขณะที่อิทธิพลพายุ “ไลอ้อนร็อก” ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง เลย เพชรบูรณ์ ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร และระนอง รวม 20 อำเภอ 90 ตำบล 416 หมู่บ้าน
ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,931 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 7 จ. ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด 7 อำเภอ 23 ตำบล 109 หมู่บ้าน 3,317 ครัวเรือน ดังนี้ จันทบุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เขาคิชฌกูฏ อ.มะขาม อ.ขลุง อ.เมืองจันทบุรี และอ.แหลมสิงห์ ระดับน้ำลดลง
ตราด น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เขาสมิง และอ.เมืองตราด ระดับน้ำลดลง
นายกฯสั่งแบงก์รัฐช่วยปชช.
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม สั่งการให้ทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือในทุกด้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการให้มากที่สุด
โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ได้จัดทำมาตรการพักชำระหนี้และสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผู้ประกอบการผู้ที่ได้รับผล กระทบจากอุทกภัย ซึ่งแต่ละธนาคารได้จัดทำรายละเอียดและเงื่อนไขที่น่าสนใจแตกต่างกัน อาทิ การพักชำระหนี้สูงสุด 1 ปี สนับสนุนวงเงินกู้สินเชื่อเพิ่มเติม ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน สูงถึง 1 ปี เป็นต้น ดังนี้
1.ธนาคารออมสิน มาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน ยื่นคำขอเข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. มาตรการสนับสนุนสินเชื่อฉุกเฉิน
2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาตรการพักชำระหนี้ ไม่เกิน 12 เดือน
3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สำหรับลูกค้าเดิมที่หลักประกันได้รับความเสียหาย สามารถขอรับการลดดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 เดือน
บสย.ให้จ่ายหนี้ขั้นต่ำ 500 บาท
4.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มาตรการพักชำระหนี้ สำหรับลูกค้าที่มีการกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) จะได้รับการพักชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน มาตรการสินเชื่อฉุกเฉิน
5.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะกำไรเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ต.ค.
6.บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาตรการช่วยเหลือลูกค้า SMEs สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นลูกค้าของบสย. มาตรการลดค่างวด โดยการผ่อนจ่าย 20% หรือจ่ายขั้นต่ำ 500 บาท สูงสุด 3 เดือน ขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ต.ค. เป็นต้น
ดันสร้างเขื่อนห้วยสะตอ
ที่อ.เขาสมิง จ.ตราด น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการ มีนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และคณะมอบถุงยังชีพ 700 ชุดให้กับผู้ประสบอุทกภัย
โดยจุดแรกเดินทางไปยังวัดเสนาณรงค์ ต.ประณีต อ.เขาสมิง ระหว่างนั้น นายสังคม นิลฉวี อดีตนายกอบต.ประณีต ได้ยื่นหนังสือให้รมช.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ เพื่อขอให้ผลักดันการสร้างเขื่อนห้วยสะตอเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำและการป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากเวลาน้ำแล้งต้องขออนุเคราะห์น้ำจากเขื่อนคีรีธาร เวลาน้ำท่วมก็ต้องขอให้เก็บน้ำ หากดำเนินการได้จะเกิดผลดีต่อการป้องกันน้ำท่วมและแก้ภัยแล้ง ซึ่งรัฐมนตรีช่วยได้รับหนังสือไว้
น้ำเขาใหญ่จมประจันตคาม
ที่จ.ปราจีนบุรี สถานการณ์น้ำท่วม อ.ประจันตคาม ถนนสายสุวรรณศร (33) สายเก่า (ประจันตคาม-กบินทร์บุรี) บริเวณบ้านโง้ง-บ้านคุ้ม ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม น้ำยังคงท่วมถนนทั้งสองช่องทางจราจรขาขึ้นและขาล่อง ระดับน้ำสูง 20 ซ.ม. ระยะทางยาว 200 ม. รถยนต์สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ตามปกติ นอกจากนี้ น้ำยังท่วมผิวถนนสาย 33 บริเวณบ้านห้วยขื่อ 2 ช่องทางจราจร ตอนควบคุม 0602 ตอนประจันตคาม-พระปรง ระหว่าง ก.ม.171+740-ก.ม.171+900 (บ้านดงยาง) ด้านซ้ายทาง ระดับน้ำท่วม ความสูงระดับน้ำประมาณ 15-50 ซ.ม. ระยะทางยาว 50 ม.
น.ส.ปราณปรียา อุดง ชาวบ้านบ้านนากล่าวว่า น้ำไหลจากประตูระบายน้ำจากน้ำตกตะคร้อ และไหลมาจากน้ำตกธารทิพย์ อุทยานฯ เขาใหญ่ ตั้งแต่เมื่อบ่ายวันที่ 15 ต.ค.หลากเข้าท่วมทุ่งนาของประชาชนในพื้นที่ ระดับน้ำสูง 60 ซ.ม.เอ่อท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ระดับน้ำสูง 10 ซ.ม. ประชาชนยังสามารถเข้าออกหมู่บ้านได้ตามปกติ
เขื่อนอุบลรัตน์เร่งระบายน้ำเพิ่ม
ที่จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำเก็บกักของเขื่อนอุบลรัตน์ล่าสุด อยู่ที่ 2,321 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 95 ของความจุอ่าง โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ 49 ล้านลบ.ม. ในขณะที่การระบายน้ำออกจากเขื่อนตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ไม่ให้กระทบกับแม่น้ำชี โดยระบาย 10 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีกเพียง 109 ล้าน ลบ.ม.ก็จะเต็มความจุอ่าง
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ จึงมีมติในการปรับระดับการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์เป็น 15 ล้าน ลบ.ม.โดยมีผลทันที และให้เพิ่มระดับการระบายน้ำเป็น 18 ล้าน ลบ.ม.ในวันต่อไป พร้อมปรับการระบายน้ำทุกวันอย่างต่อเนื่องทุกวันแบบขั้นบันได และอาจจะสูงสุดที่วันละ 35 ล้าน ลบ.ม. การปรับเพิ่มการระบายน้ำนั้น
อย่างไรก็ตามประชาชนที่อาศัยอยู่ 2 ฟากฝั่งแม่น้ำพองขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการรับมือกับภาวะน้ำล้นตลิ่งจากการระบายน้ำที่กำหนดไว้
น้ำป่าทะลักท่วมตัวอ.ภูเขียว
ที่จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่คืนวันที่ 15 ต.ค. อิทธิพลของพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ส่งผลให้ฝนตกหนักสุดบนเทือกเขาเขียว เขต อ.คอนสาร อ.ภูเขียว น้ำป่าไหลทะลักจากเทือกเขาเขียว ไหลทะลักลงมาจากภูหยวก พื้นที่หมู่บ้านหนองหว้าทองเข้าพื้นที่ ต.กวงโจน ต.ภูเขียว น้ำป่าไหลทะลักไหลแรงตามถนนในตัวอำเภอสูงกว่า 40-50 ซ.ม. ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนตั้งอยู่ริมถนนในเขต ต.กวงโจน ต.ผักปัง และในเขตเทศบาลต.ภูเขียว อ.ภูเขียว ชาวบ้านเร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำอลหม่าน
ทั้งนี้มีรายงานน้ำป่าส่วนหนึ่งไหลทะลักเข้าพื้นที่ชั้นล่างอาคารเรียน โรงเรียนกวงโจนศึกษา ต.กวงโจน อ.ภูเขียว ด้วย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งหน่วยกู้ภัยเร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่น้ำป่าไหลทะลักอย่างรวดเร็วเข้าท่วมชั้นล่างของตัวบ้าน ต่างคนต่างเร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำท่วมบ้านอลหม่าน
ถนนหลายสายถูกน้ำตัดขาด
ขณะนี้พื้นที่ จ.ชัยภูมิ ยังคงเกิดฝนตกหนักเป็นช่วงๆ ปริมาณน้ำป่ายังไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ต.กวงโจน ต.ผักปัง และในเขตเทศบาล ต.ภูเขียว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านส่วนใหญ่ขนของหนีน้ำไม่ทันเนื่องจาก น้ำป่าไหลหลากมาเร็วมาก ซึ่งประชาชนใกล้ 4 แยก ศาลเจ้าแม่ทับทิมภูเขียว หรือแยกธ.ก.ส.สาขาภูเขียว อ.ภูเขียว เล่าว่า มวลน้ำไหลผ่านไหลเข้าท่วมบ้านในช่วงเช้าวันที่ 16 ต.ค. ประมาณ 07.00 น. น้ำป่าเริ่มไหลทะลักผ่านเข้ามายังเส้นทางหน้าบ้านตนเอง ขณะที่หลายครอบครัวเร่งขนย้ายสิ่งของอย่างจ้าละหวั่น
ชาวบ้านบางคนระบุว่าน้ำที่ไหลลงมาหนักที่สุดในรอบ 10 ปีที่เคยเจอมา หลังจากที่มีฝนตกหนัก ทำให้น้ำมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งถนนหลายสายในตัวอำเภอถูกตัดขาดเนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว และค่อนข้างไหลแรง