โพลสธ.ชี้คนไทยผวา
รับนักท่องเที่ยวเข้าปท.
จับตาพันธุ์‘เดลตาพลัส’
พบป่วยติดเชื้อรายแรก

ศธ.ยันเปิดเรียนออนไซต์ 1 พ.ย. แน่ ‘รมต.ตรีนุช’นัดแถลงความพร้อม 27 ต.ค. ศบค.เผยติดเชื้อลดต่อเนื่องเหลือ 8 พันกว่าคน เสียชีวิต 44 ใต้ยังครอง 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุดเกินครึ่ง เรือนจำนครศรีธรรมราชวุ่น นักโทษติดเชื้อเกือบร้อย ปัตตานียังหนัก ที่มายอปิดแล้ว 18 หมู่บ้าน สธ.จับตาโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘เดลตาพลัส’ พบป่วยแล้ว 1 ราย ที่อยุธยา ตอนนี้รักษาหายแล้ว เผยฉีดวัคซีนแล้วเกิน 70 ล้านโดส กรมอนามัยเปิดผลสำรวจพบคนไทย 94% กังวลเปิดประเทศ 1 พ.ย. ขณะที่ 72% ขอให้เพิ่มมาตรการให้เชื่อมั่นเปิดประเทศปลอดภัย เน้นเร่งฉีดวัคซีน ‘อนุทิน-พิพัฒน์’ยันจ้าง ‘ลิซ่า-โบเชลลี’2 นักร้องดังระดับโลกมา เคานต์ดาวน์ที่ภูเก็ตคุ้มค่าแน่นอน ขอดูสัญญาจากต้นสังกัดนักร้องที่จะส่งมาให้ 30 ต.ค.นี้ เตรียมเสนอครม.สัญจรที่กระบี่

ติดเชื้อลดเหลือ 8 พัน-ตาย 44

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 8,675 ราย ติดเชื้อสะสม 1,859,157 ราย หายป่วยเพิ่ม 9,589 ราย หายป่วยสะสม 1,740,316 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 44 ราย สะสม 18,799 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 100,042 ราย อยู่ในร.พ. 42,253 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 57,789 ราย มีอาการหนัก 2,437 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 536 ราย

ภาพรวมผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 5,100 ราย 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1,896 ราย กทม.และปริมณฑล 1,467 ราย เรือนจำ 201 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศมี 11 ราย ได้แก่ เดนมาร์ก 2 ราย รัสเซีย 3 ราย กัมพูชา 4 ราย มาเลเซีย และเมียนมาประเทศละ 1 ราย มาตามช่องทางธรรมชาติ

ผู้เสียชีวิต 44 ราย มาจาก 21 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 6 ราย, กทม. 5 ราย, สมุทรปราการ 4 ราย, ชัยภูมิ ยะลา พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 3 ราย, สตูล สุราษฎร์ธานี ชลบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ อุบลราชธานี มุกดาหาร เลย นครราชสีมา เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ นราธิวาส ระยอง จันทบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 1 ราย ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 19 ราย หญิง 25 ราย อายุ 25-88 ปี ค่ากลางอายุ 69 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีและมีโรคประจำตัวรวมกัน 95% ไม่มีโรคเรื้อรัง 5%

กทม.ป่วยต่ำพันอีกวัน

จังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 รายมี 23 จังหวัด โดย 10 อันดับที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 903 ราย สะสม 394,617 ราย 2.ปัตตานี 618 ราย สะสม 33,608 ราย 3.สงขลา 586 ราย สะสม 43,610 ราย 4.นครศรีธรรมราช 582 ราย สะสม 26,625 ราย 5.เชียงใหม่ 352 ราย สะสม 14,162 ราย 6.นราธิวาส 352 ราย สะสม 34,464 ราย 7.ยะลา 340 ราย สะสม 38,473 ราย 8.ชลบุรี 295 ราย สะสม 99,239 ราย 9.สมุทรปราการ 274 ราย สะสม 120,835 ราย และ 10.ตรัง 248 ราย สะสม 9,535 ราย

สำหรับ 13 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ระยอง 244 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 210 ราย, ขอนแก่น 200 ราย, สุราษฎร์ธานี 187 ราย, พัทลุง 164 ราย, ราชบุรี 150 ราย, ตาก 141 ราย, ชุมพร 137 ราย, อุดรธานี 134 ราย, สตูล 128 ราย, จันทบุรี 115 ราย, ปราจีนบุรี 107 ราย และเพชรบุรี 103 ราย ขณะที่อุทัยธานีเป็นจังหวัดเดียวป่วยเป็น 0

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 24 ต.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 226,178 โดส สะสม 70,505,802 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 39,999,692 ราย คิดเป็น 55.5% ของประชากร เข็มสอง 28,372,531 ราย คิดเป็น 39.4% ของประชากร และเข็มสาม 2,133,579 ราย คิดเป็น 3% ของประชากร

ศบค.แจงเปิดปท.ค่อยเป็นค่อยไป

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า เกณฑ์การเปิดประเทศของ ศบค. นายกฯ ลงนามเรียบร้อย มีคำถามหลายด้าน ประชาชนไม่มั่นใจ กลัวว่ายังมีรายงานผู้ติดเชื้อ สถานการณ์ลดลงไม่มากเท่าที่ควรจะเปิดประเทศได้ หรือไม่

ซึ่งการเปิดประเทศของเรามีประเทศที่อนุญาตให้ไม่ต้องกักตัว 45 ประเทศ และ 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งขึ้นกับประเทศต้นทางด้วย เราอนุญาตให้เข้าได้ แต่บางประเทศยังไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ ที่สำคัญคือการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยต้องจำกัดเที่ยวบิน การเดินทางยังไม่เปิดโดยเสรีเหมือนก่อนการแพร่ระบาด เน้นย้ำเสมอให้ประชาชนมั่นใจว่าเป็นไปภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัย ระบบสาธารณสุขรองรับได้ การเปิดต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป

“การเดินทางต้องเดินทางมาทางอากาศ การเปิดเที่ยวบินก็ต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป สิ่งสำคัญคือการเพิ่มเป็น 45 ประเทศ เพื่อคำนึงถึงคนไทยกลับบ้านด้วย ต้องการให้คนกลับเข้าประเทศไทยยกเว้นการกักตัว และก่อนกลับต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ก่อนเดินทาง 14 วัน ตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อ 72 ชั่วโมงก่อนบิน และมีหลักประกันสุขภาพ 5 หมื่นเหรียญ ยกเว้นคนไทย” พญ.อภิสมัยกล่าว

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า พื้นที่สีฟ้านำร่อง ท่องเที่ยว 17 จังหวัด ถ้าการติดเชื้อยังสูงอยู่จะเปิดได้ไหม ชะลอหรือไม่ ส่วนหนึ่งทางสาธารณสุขมีการประเมินด้วยเกณฑ์หลายด้าน จังหวัดไหนจะมีความพร้อมเปิดได้ เปิดไม่ได้ คงไม่ได้พิจารณาแค่รายงานตัวเลขติดเชื้อ ดูการครอบคลุมวัคซีนพื้นที่นั้น อัตราตายและป่วยหนัก เพื่อประเมินระบบสาธารณสุขพื้นที่นั้นรองรับมีประสิทธิภาพหรือไม่

หากพบการติดเชื้อแพร่ระบาดกลุ่มก้อน สธ.มีเกณฑ์ประเมินมาตรการรองรับที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ เช่น เพชรบูรณ์ถูกปรับระดับจากสีแดงเข้มเป็นสีแดง เมื่อเกิดกรณีระบาดขึ้น ผู้ว่าฯ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประกาศปิดภูทับเบิกใน 2 อำเภอ ถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เพชรบูรณ์จำกัดวงติดเชื้อไม่ให้กระจายพื้นที่อื่น เป็นไปตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 24 ข้อ 5 ที่ผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯ กทม. คณะกรรมการโรคติดต่อ สามารถพิจารณาปรับพื้นที่ย่อยให้เข้มกว่าพื้นที่โดยรวมได้

“แต่พื้นที่นำร่องสีฟ้า หากดูรายละเอียด ถ้ามีแนวโน้มแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น จังหวัด จะมีแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง หากต้องชะลอการเปิดเมือง จนถึงหยุดดำเนินการจนกว่าจะควบคุมได้ ทั้ง 17 จังหวัดต้องมีการเสนอแผนเผชิญเหตุ ดังกล่าว และที่เสนอศบค.มาถือว่าสมเหตุ สมผล เพราะว่าการเปิดเป็นบางพื้นที่ ค่อยเป็นค่อยไป ทยอยเปิด” พญ.อภิสมัยกล่าว

‘พิพัฒน์’ยันดึง‘ลิซ่า-โบเชลลี’

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงความชัดเจนการใช้งบประมาณจ้างน.ส.ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า แบล็กพิงก์ นักร้องเคป๊อปชื่อดัง และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปร่าชื่อก้องโลกชาวอิตาเลียน มาเป็นศิลปินในช่วงเคานต์ดาวน์ปีใหม่ ว่า จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมครม.ในช่วงการ ประชุมครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่จ.กระบี่ ในช่วงพ.ย.นี้ โดยงานดังกล่าวจะมีภาคเอกชนมาร่วมเป็นสปอนเซอร์

ผู้สื่อข่าวถามว่าศิลปินที่จะเชิญมาร่วมงานมีการตอบรับมาแล้วหรือยัง นายพิพัฒน์กล่าวว่า ตอนนี้ยังต้องขอดูสัญญาในวันที่ 30 ต.ค.นี้ที่จะส่งมาก่อน โดยศิลปินที่จะมาคือลิซ่าเพียงคนเดียว ไม่ได้มาทั้งวง

เมื่อถามว่าชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ที่จะเชิญ ลิซ่า แบล็กพิงก์ ศิลปินเคป๊อปชื่อดังระดับโลกชาวไทย และอันเดรอา โบเชลลี นักร้อง โอเปร่าชื่อดังของโลกชาวอิตาเลียน นายพิพัฒน์กล่าวว่า ใช่ ชัดเจนแล้ว

เมื่อถามว่าจะนอกจากการแสดงดนตรี จะโปรโมตประเทศไทยในด้านอื่นด้วยหรือไม่ รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ต้องหารือกันก่อน

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังไม่ได้เสนอของบกลางวงเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าตัวของศิลปินทั้ง 2 ราย คือลิซ่า แบล็กพิงก์” มาร่วมงานเคานต์ดาวน์ ปีใหม่ 2565 ร่วมกับอันเดรอา โบเชลลี นักร้อง โอเปร่าชื่อดังของโลกชาวอิตาเลียน เพราะต้องขอพิจารณาสัญญาการจ้างก่อน เบื้องต้นได้รับแจ้งมาว่าจะส่งมาภายในวันที่ 30 ต.ค.นี้

จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือครม.สัญจร ที่จ.กระบี่ พิจารณา เรื่องนี้เราดูความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและทางสังคม ซึ่งจะมีภาคเอกชนมาร่วมเป็นสปอนเซอร์ มั่นใจว่าศิลปินทั้ง 2 คนจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน”

‘อนุทิน’ยันคุ้มค่าจ้าง‘ลิซ่า-โบเชลลี’

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ว่า ขณะนี้ฉีดวัคซีนได้ตามที่ตั้งเป้าหมายที่ 70% ของประชากรทั่วประเทศแล้ว

ส่วนการแพร่ระบาดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีแนวโน้มลดลง เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคเร่งจัดส่งวัคซีนไปยัง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถือเป็นการควบคุมโรคระบาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และได้ฉีดให้ประชาชนในจำนวนที่มากแล้ว และสัปดาห์นี้จะส่งวัคซีนไปยังจ.นครศรีธรรมราช เพิ่มเติม หลังมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ลดลงเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน

เมื่อถามถึงการใช้งบกลางจ้างลิซ่า แบล็กพิงก์ และอันเดรอา โบเชลลี มาร่วม กิจกรรมเคานต์ดาวน์ ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 ที่จ.ภูเก็ต นายอนุทินกล่าวว่า รายละเอียดต้องหารือกับรมว.การท่องเที่ยวและกีฬาก่อน ยืนยันว่าเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ต้องคุ้มค่าและมีประโยชน์

หวังโปรโมตท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม มอบหมายให้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามมวลชนแทน ถึงกรณีรัฐบาลทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านบาทจ้างลิซ่า แบล็กพิงก์ และอันเดรอา โบเชลลี มาร่วมงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ 2565 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้งบไม่คุ้มค่า และควรนำเงินดังกล่าวไปใช้ช่วยเหลือธุรกิจรายย่อยหรือในการฟื้นฟูประเทศด้านอื่นๆว่า เรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า ขอให้แยกแยะว่ารัฐบาลได้ใช้จ่ายงบประมาณดูแลธุรกิจต่างๆ ไปอย่างไรและเท่าไหร่

ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้รับการชี้แจงจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจะเป็นการโปรโมตการท่องเที่ยว โดยงบประมาณที่ใช้จะเป็นงบที่ได้รับเพิ่มเติมจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาในการเปิดภูเก็ตและอื่นๆ ที่มีผลประกอบการดีขึ้น เราต้องเน้นการโปรโมตการท่องเที่ยวประเทศไทยในการยกระดับการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศด้วย

คนไทย 94% กังวลเปิดปท. 1 พ.ย.

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากผลสำรวจของกรมอนามัย ระหว่างวันที่ 14-20 ต.ค.2564 เกี่ยวกับความคิดเห็นการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. 2564 พบว่า ร้อยละ 94 มีความกังวล โดยร้อยละ 28 เชื่อมั่นต่อการควบคุมป้องกันโรค ร้อยละ 72 เห็นว่าควรเพิ่มมาตรการที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าเปิดประเทศแล้วจะปลอดภัย

ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ทุกคนทั่วประเทศครบตามเกณฑ์ครอบคลุมทุกจังหวัด 70% ขึ้นไป ร้อยละ 60 ให้มีการคุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดน และร้อยละ 55 ให้มีการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานประกอบการและประชาชนอย่างเคร่งครัด

นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า สถานประกอบกิจการต่างๆ ขอให้เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการ ให้พนักงานทุกคนที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือตรวจ ATK ทุก 7-14 วัน คัดกรองพนักงานด้วย “ไทยเซฟไทย” ทุกวัน หากอุณหภูมิเกินกว่าที่กำหนดและมีความเสี่ยงรับเชื้อให้ตรวจด้วย ATK ทันที

สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้ประเมินตนเองตามหลักเกณฑ์ของ Thai Stop COVID Plus ทุกเดือน ติดใบรับรองในบริเวณที่ผู้รับบริการและเจ้าหน้าที่สแกน QR Code เพื่อตรวจสอบได้ ผ่านเกณฑ์การประเมิน SHA Plus ที่เน้นการระบายอากาศที่ดี เพียงพอ เว้นระยะห่าง ควบคุมจำนวนพนักงานและลูกค้า 1 คน ต่อ 4 ตารางเมตร และทำความสะอาดจุดเสี่ยงที่มีการสัมผัสร่วม โดยเพิ่มความถี่เมื่อมีผู้รับบริการมากขึ้นอย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ต้องจัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 70% มีมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าว และกำกับติดตามการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ สมาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยจะต้องไม่มีอาการเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง และได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือตรวจ ATK ทุก 7-14 วัน และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง คัดกรองตัวเองผ่าน “ไทยเซฟไทย” และแสดงให้ผู้รับบริการตรวจสอบก่อนเข้าสถานประกอบการ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องไม่มีอาการเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง คัดกรองไม่พบเชื้อ และได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีผลตรวจ RT-PCR ตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย”

‘ศธ.’ยัน1พย.เปิดเรียนออนไซต์

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 ว่า ตนมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความพร้อมการเปิดเรียนรูปแบบออนไซต์ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 วันที่ 1 พ.ย. ของสถานศึกษาในสังกัดศธ. โดยศธ.จะจัดแถลงข่าวมาตรการเปิดเทอม ในวันที่ 27 ต.ค.นี้

โดยมาตรการเปิดภาคเรียนนั้น ศธ.วางแผนร่วมกับสธ.ซึ่งจะมีรายละเอียดการเปิดเรียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษาไปปฏิบัติตาม ส่วนที่ผู้ปกครองกังวลว่าเมื่อเปิดเทอมแล้วมีนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะมีความปลอดภัยหรือไม่ ศธ.ได้หารือกับสธ.มาตลอด ซึ่งสธ.เห็นว่าเด็กเล็กมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะเด็กไม่ต้องเดินทางมาโรงเรียนเอง เนื่องจากผู้ปกครองมาส่ง อีกทั้งเด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าผู้ใหญ่

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า สิ่งที่ศธ.เป็นห่วงและต้องการผลักดันอย่างมากคือการเร่งให้ครูได้รับวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพราะครูเป็น ผู้ใกล้ชิดกับนักเรียนที่สุด ดังนั้นการจะเปิดเรียนได้ ต้องดูจำนวนครูที่ได้รับวัคซีนด้วย ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าครูแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะครูในพื้นที่สีแดงเข้มและพื้นที่ สีแดง ควรจะได้รับวัคซีนจำนวนเท่าใดถึงจะสามารถเปิดเรียนในรูปแบบออนไซต์ได้ ขอให้รอรายละเอียดในวันที่ 27 ต.ค.

“ยืนยันว่าในวันที่ 1 พ.ย. จะเปิดเทอมแน่นอน เพียงแต่ว่าแต่ละพื้นที่จะสามารถเปิดเรียนในรูปแบบไหนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีน ขณะนี้พบว่านักเรียนได้รับวัคซีนมากกว่า 2 ล้านคนแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ปกครองทยอยแจ้งความประสงค์ให้นักเรียนมาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนครูได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 กว่า 70-80% แล้ว ซึ่งขณะนี้ศธ.อยู่ระหว่างผลักดันให้ครูได้รับวัคซีนให้ครบทั้ง 2 เข็ม ให้ได้มากที่สุด” น.ส.ตรีนุชกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนบางแห่งให้ผู้ปกครองซื้อ ATK เพื่อตรวจนักเรียนก่อนเปิดเรียน น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า ศธ.หารือกับสธ.ในประเด็นนี้มาตลอด เบื้องต้นคาดว่าการใช้ ATK นั้นอาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการพิจารณาเปิดภาคเรียน แต่จะเน้นจำนวนครูที่ได้รับวัคซีนเป็นหลักมากกว่า ส่วนการใช้ ATK อาจจะนำมาใช้ในกรณีที่พบผู้ติดเชื้อแล้วต้องมาสุ่มตรวจ หรือนำมา ใช้ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ โควิด-19 อย่างไรก็ตามขอให้รอความชัดเจนจาก ศธ.อีกครั้ง

คลัสเตอร์น้ำท่วมโคราชป่วยอีก18

จากกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด 34 คนในพื้นที่บ้านดอนแฝก หมู่ 8 และบ้านดอนแฝกพัฒนา หมู่ 15 ต.พลสงคราม อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นการแพร่ระบาดในลักษณะเป็นกลุ่มก้อน จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่าผู้ติดเชื้อมีประวัติสัมผัสกับประชาชนในหมู่บ้านจำนวนมาก โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 89 ราย จึงจำเป็นต้องปิดพื้นที่หมู่บ้านดอนแฝก และหมู่บ้านดอนแฝกพัฒนา ห้ามบุคคลเข้าและออกพื้นที่ 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2564- วันที่ 2 พ.ย. 2564

ล่าสุดจากการตรวจเชิงรุกผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใกล้ชิดกับผู้ป่วย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 18 ราย รวมผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้ 52 ราย ขณะนี้ผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง อยู่ระหว่างการเข้ารักษาและเข้ากักตัวควบคุมโรค ขณะนี้ฝ่ายปกครองอำเภอโนนสูงอยู่ระหว่างการประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือประชาชนในการมาเล่นน้ำที่ท่วมขังลาดผิวถนน รวมถึงเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดซ้ำขึ้นมาอีก

คุกนครศรีฯติดเชื้อเกือบร้อย

ส่วนจ.นครศรีธรรมราช มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 624 ราย ยอดสะสม 28,229 ราย รักษาหายแล้ว 18,438 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 173 ราย ติดเชื้อสูงสุดในอ.เมือง และอ.ท่าศาลา และที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือใน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พบการติดเชื้อในแดน 6/1 และ 6/2 ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูง ติดเชื้อ 91 ราย จากนักโทษทั้งสองแดนรวม 1,100 คน

นพ.จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราชส่งทีมควบคุมโรคพร้อมด้วยเวชภัณฑ์เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ประเมินว่าอาจมีผู้ติดเชื้อกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับการติดเชื้อในเรือนจำทุ่งสงและเรือนจำทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ที่ติดเชื้อมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์

ปิดหมู่บ้าน – เจ้าหน้าที่สนธิกำลังประจำจุดด่านเข้าออกหมู่บ้านใน 18 หมู่บ้าน อ.มายอ จ.ปัตตานี ตลอด 24 ชั่วโมง คัดกรองผู้ที่เข้าออก โดยตรวจเอกสารการฉีดวัคซีน และวัดอุณหภูมิทุกครั้ง หลังโควิด-19 กลับมา ระบาดอีก เมื่อวันที่ 25 ต.ค.

‘มายอ’ปิดมากสุด 18 หมู่บ้าน

ที่จ.ปัตตานี ในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอ.มายอมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง จึงต้องปิดพื้นที่เสี่ยงในการแพร่ระบาดรวม 24 หมู่บ้าน เป็นการปิดทั้งหมู่บ้าน 18 หมู่บ้าน ซึ่งมากที่สุดของปัตตานี โดยไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าออกหมู่บ้านได้ ส่วนบางพื้นที่อนุญาตให้เฉพาะ ผู้ที่ฉีดวัคซีนเท่านั้นเดินทางเข้าออกได้

ขณะที่ผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษาตัวใน อ.มายอจำนวน 854 ราย ทำให้โรงพยาบาลสนามของ อ.มายอไม่เพียงพอต่อการรับผู้ป่วย จึงต้องกระจายผู้ป่วยไปยังสถานที่ต่างๆ

ล่าสุด จ.ปัตตานีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 621 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 34,296 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 354 ราย

ภูเก็ตติดเชื้ออีก 92

ที่จ.ภูเก็ตพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 92 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จากแซนด์บ็อกซ์ 5 ราย ติดเชื้อจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สะสม 177 ราย และติดเชื้อสะสม 14,777 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,450 ราย หายกลับบ้านได้เพิ่ม 238 ราย รักษาหายกลับบ้านได้สะสม 13,399 ราย ผู้ติดเชื้อ เสียชีวิตสะสม 111 ราย

ตรังติดเชื้อเพิ่ม 411

นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น โฆษกศบค.ตรัง แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 411 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในจังหวัด 248 ราย ผู้ติดเชื้อในเรือนจำตรัง 163 ราย ติดเชื้อสะสม 9,535 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิตสะสม 46 ราย

นพ.ตุลกานต์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เรือนจำพัทลุงมีผู้ต้องขังติดเชื้อภายใน จึงต้องฝาก ผู้ต้องขังเข้าสู่เรือนจำตรัง ต่อมาพบผู้ติดเชื้อ 22 รายที่อยู่ในแดนแรกรับ พบเพื่อนร่วมห้องขังติดเชื้อเพิ่ม 17 ราย ก่อนระบาดในที่ต้องขังแดน 1 จำนวน 100 กว่าราย สอบสวนโรคพบว่ามีผู้ต้องขังจากพัทลุงเป็นผู้นำเชื้อแพร่เข้ามาจนเกิดการระบาดในเรือนจำดังกล่าว

สงขลาป่วยพุ่ง 586

ส่วนจ.สงขลาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 586 คน ติดเชื้อสะสม 44,792 คน เสียชีวิตสะสมยังอยู่ที่ 179 คน และยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 5,600 คน

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่จากครอบครัวมากที่สุด ร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด รองลงมา กลุ่มสัมผัสผู้ติดเชื้อในชุมชน โรงงาน ร้านค้า บริษัทที่วนเวียนในอ.จะนะ หาดใหญ่ เมือง สะบ้าย้อย รัตภูมิ สะเดา นาทวี อ.สิงหนคร

ยะลาติดเชื้อเพิ่ม 340

ขณะที่จ.ยะลา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 340 ราย รักษาหายเพิ่ม 575 ราย เฉพาะในอ.เบตง จังหวัดผู้ติดเชื้อสะสมทั้ง 5 ตำบลรวม 3,505 ราย

ด้านทีมตอบโต้โควิด-19 สมาคมกู้ภัยมุสลิมเบตง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเบตงให้มารับร่างผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จึงเดินทางไปยังตึกไอซียู โรงพยาบาลเบตง เพื่อดำเนินการรับร่างผู้เสียชีวิต เพศหญิง 1 ราย อายุ 81 ปี 9 เดือน ซึ่งเสียชีวิตด้วยโควิด-19 ภายหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเบตง เพื่อนำร่าง ผู้เสียชีวิตกลับไปประกอบพิธีฝังตามพิธีการศาสนาอิสลาม ที่กุโบร์บ้านบังนังซีแน ต.ยะรม อ.เบตง

นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง เปิดเผยว่า ยังคงพบผู้ติดเชื้อแต่ยอดติดเชื้อลดลงจากอาทิตย์ที่ผ่านมา สาเหตุการติดเชื้อเกิดจากการสัมผัสร่วมบ้าน และสัมผัสร่วมกิจกรรม

ปราจีนฯติดเชื้ออีก 107

นายสุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี เผยว่า จ.ปราจีนพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 107 ราย ติดเชื้อสะสม 21,568 ราย สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้นักเรียนอายุระหว่าง 12-18 ปี นั้นได้ดำเนินการแผนงานในระบบอย่างต่อเนื่อง โดยประสานความร่วมมือระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการจัดฉีดให้นักเรียน มียอดทั้ง จ.ปราจีนบุรีกว่า 30,000 คน ขณะนี้ดำเนินการฉีดวัคซีนเข็ม 2 แล้ว คาดว่าจะทันตามกำหนดเปิดเทอมในปีการศึกษา 2 /2564 ในวันที่ 1 พ.ย.64

ส่วนที่บริเวณหอประชุมอาคาร 95 ปีเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนปราจีนราษฎรอำรุง (ปรอ.) อ.เมืองปราจีนบุรี มีการฉีดวัคซีนนักเรียนพื้นที่อ.เมืองปราจีนบุรีกว่า 3,000 คน ตลอดทั้งวัน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

สธ.จับตาพันธุ์‘เดลตาพลัส’

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวถึงกรณีการพบสายพันธุ์เดลตาพลัสว่า สายพันธุ์ AY.4.2 เป็นสายพันธุ์ย่อยของเดลตา หรือเรียกว่าเดลตาพลัส ในช่วง 28 วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ย่อยนี้ในอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น เป็นรองเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และพบสายพันธุ์นี้ 6% ของจำนวนผู้ติดเชื้อในภาพรวมของอังกฤษ ซึ่งเดลตาเดิมยังเป็นสายพันธุ์หลัก แต่สายพันธุ์ย่อยนี้อยู่ในช่วงจับตามองและหารายละเอียด ยังไม่ต้องกังวลในเรื่องความรุนแรงกว่าปกติหรือโอกาสดื้อยา ดื้อวัคซีน

เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อัลฟาและเดลตาที่ผ่านมา ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้เร็วชัดเจน จะเห็นลูกคลื่นการระบาดที่เร็วและแรงมาก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศมองว่าเป็นการให้ความสำคัญของประเทศอังกฤษในการจับตามอง ขณะที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ยกระดับ

“สำหรับประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อตรวจสอบดูพบรายงานของเดลตาพลัสเพียง 1 ราย และไม่มีรายอื่นที่เกี่ยวเนื่อง โดยเป็นชายอายุ 49 ปี มีประวัติทำงานที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีการส่งตัวอย่างที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทางทหาร กองทัพบก (AFRIMS) พบสายพันธุ์ AY.4.2 เป็นการตรวจพบตั้งแต่ก.ย.

ซึ่งผู้ป่วยรักษาหายแล้ว และมีการสุ่มตรวจรายอื่นๆ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายนี้ อีกทั้งสุ่มตรวจเป็นระยะๆ ยังไม่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และประวัติ รายนี้ไม่พบว่ามีการเดินทางไปสถานที่เสี่ยงหรือไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความน่ากังวลของสายพันธุ์นี้ คาดการณ์น่าจะมีการติดเชื้อที่ง่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดลตาเดิม โดยในวันที่ 26 ต.ค. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

สธ.ชี้โควิดไทยลด-จับตา 6 จว.

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ทั่วโลกติดเชื้อใหม่ 3.8 แสนราย สะสม 244 ล้านราย เสียชีวิต 4.4 พันราย สะสม 4.9 ล้านราย โดยตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกยังเป็นคลื่น ฉะนั้น เราต้องระมัดระวัง หลายประเทศฉีดวัคซีนครอบคลุมกว้าง แต่จำนวนติดเชื้อก็กลับมาสูงได้ วัคซีนที่ฉีดทุกชนิดยังติดเชื้อได้แต่อาการจะไม่รุนแรง ลดความเสี่ยงเสียชีวิต

ทั้งนี้ ประเทศไทยผ่านจุดการพบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดกว่า 2 หมื่นรายแล้ว ภาพรวมประเทศลดลง สอดคล้องกับกทม.และปริมณฑล แต่ชายแดนใต้พบการติดเชื้อสัดส่วน 23% จังหวัดอื่นๆ สัดส่วน 60% ยังทรงตัว ไม่ได้ลดลง โดยแบ่งจังหวัดจับตา (Watch List) ออกมา 6 จาก 10 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี และที่มีแนวโน้มเพิ่ม คือ เชียงใหม่ และขอนแก่น เราพบคลัสเตอร์เกี่ยวกับตลาด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 19%

“เรียกได้ว่าแนวโน้มภาพรวมลดลง แต่มีบางพื้นที่คงตัว ไม่ลดลงเท่าที่ควร หรือเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง ต้องให้ความสำคัญมุ่งเน้น จับตาโดยละเอียด โดยวันนี้รายงานคลัสเตอร์กลุ่มเล็กหลายจุด คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์ กทม.และปริมณฑล 15 ราย ต่างจังหวัด 52 ราย 2.เรือนจำตรัง 163 ราย 3.โรงงานประจวบคีรีขันธ์ 31 ราย 4.กลุ่มแรงงานแม่ฮ่องสอน 3 ราย แม้ไม่เยอะแต่ต้องติดตามว่าจะสะสมมากขึ้นหรือไม่ 5.ชุมชนและตลาด ลพบุรี 60 ราย เชียงใหม่ 119 ราย เพชรบุรี 10 ราย และ 6.แคมป์ก่อสร้างเชียงใหม่ 4 ราย” นพ.เฉวตสรรกล่าว

4จว.นำร่องท่องเที่ยวฉีดต่ำ 50%

นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อว่า ไทยฉีดวัคซีน โควิด-19 สะสม 70,505,802 โดส เข็ม 1 ฉีดแล้ว 39.9 ล้านโดส คิดเป็น 55.5% ซึ่งผ่านเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปลาย ต.ค. จะต้องฉีดได้ 50% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 28.37 ล้านโดส คิดเป็น 39.4% เมื่อแบ่งตามรายจังหวัด พบว่าฉีดมากกว่า 70% มี 11 จังหวัด ได้แก่ กทม. ปทุมธานี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี และตรัง ขณะที่พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ในภาพรวม ฉีดเข็ม 1 แล้ว 76% มากที่สุดคือกทม. 107.4% ภูเก็ต 82.7% ส่วนจังหวัดที่ฉีดเกิน 50% เพิ่มขึ้นหลายจังหวัด

จังหวัดที่ต้องจับตา 10 จังหวัด ได้แก่ ตาก ราชบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ภาพรวมเข็ม 1 ฉีดแล้ว 48.7% ส่วนสงขลาฉีดได้ 56.5% และระยอง 57.7%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ฉีดวัคซีนเข็ม 1 แล้ว 76.2% ได้แก่ เชียงใหม่ 57.3% ประจวบคีรีขันธ์ 55.4% เพชรบุรี 57.8% ชลบุรี 79.3% สมุทรปราการ 72.4% ระยอง 57.7% ตราด 53.2% เลย 45.6% หนองคาย 45.4% อุดรธานี 45% บุรีรัมย์ 54.4% ภูเก็ต 82.7% สุราษฎร์ธานี 49.2% กระบี่ 59.1% พังงา 63.7% ระนอง 62.1% และกทม. 107.4%

คลัสเตอร์งานศพติดเชื้อ 747

นพ.เฉวตสรรกล่าวถึงกรณีการติดเชื้อในคลัสเตอร์งานศพว่า กองระบาดวิทยารวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 19 ต.ค. 2564 พบติดเชื้อที่มีประวัติชัดเจน 747 ราย ได้แก่ขอนแก่น 4 คลัสเตอร์ จบแล้ว 1 คลัสเตอร์, ชัยภูมิ 3 คลัสเตอร์, นครศรีธรรมราช 3 คลัสเตอร์, อุดรธานี 3 คลัสเตอร์ และจันทบุรี 2 คลัสเตอร์ จำนวนติดเชื้อกระจายหลายจังหวัด เช่นจันทบุรี 153 ราย อุบลราชธานี 119 ราย ปราจีนบุรี 79 ราย อุดรธานี 72 ราย สระแก้ว 39 ราย เป็นต้น

กิจกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อในงานศพ ได้แก่ 1.การรับประทานอาหารร่วมกัน 2.บางพื้นที่ดื่มสุรา วนแก้วหลายคน 3.สวมหน้ากากอนามัยผิดวิธีหรือไม่สวม 4.เล่นพนัน 5.ผู้มาร่วมงานพักค้างแรมกับบ้านเจ้าภาพ และ 6.ไม่ได้คัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยเข้าร่วมงาน

“ต้องขอความร่วมมือ หากต้องไปร่วมงานต้องไม่มีอาการป่วยเดินหายใจ ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ควรจะแจ้งเจ้าภาพว่า ไม่สบาย ขอไม่ไป เพราะโควิดอาจมีอาการน้อยมากๆ ต้องช่วยกันดูแลความหนาแน่น เว้นระยะห่าง และเมื่อไปอยู่รวมกันนานๆ อาจจะอึดอัด ถอดหน้ากากก็เป็นความเสี่ยง ยิ่งดื่มสุราก็ทำให้มีการใกล้ชิด ยิ่งหย่อนการระวังตัว หากจัดอาหารให้กลับบ้านไปได้จะดีที่สุด” นพ.เฉวตสรรกล่าว

เมื่อถามถึงการติดเชื้อจากการเล่นน้ำท่วมจากเดิมพบ 52 รายก็เพิ่มถึง 109 ราย จ.นครราชสีมา นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า การเล่นน้ำในช่วงน้ำหลากหรือมีอุทกภัย ต้องระมัดระวังทั้งการพลัดตก จมน้ำ แม้ระดับน้ำไม่ลึก แต่น้ำไหลแรงก็อันตรายถึงชีวิตได้

กรณีที่พบคลัสเตอร์เกิดจากการอยู่ใกล้กัน อยู่ร่วมกิจกรรมด้วยกัน พูดกันให้เกิดการสัมผัสสารคัดหลั่งน้ำลาย หรือที่ฟุ้งกระจายกับน้ำและนำมาสัมผัสใบหน้า แต่ปริมาณน้ำมากไม่ใช่ประเด็นของการนำเชื้อ จุดสำคัญคือการรวมตัวกัน ซึ่งเกิดเป็นความเสี่ยง นอกจากเล่นน้ำแล้ว บางครั้งคนรู้จักกันใกล้ชิดกัน กลับไปอยู่ในบ้าน ครอบครัวกัน ก็จะเกิดการแพร่โรคได้ ขอย้ำว่า โควิดอาจมาในลักษณะอาการน้อย แต่สามารถแพร่ได้ จึงขอให้ระวัง อย่าให้เป็นปัญหาสุขภาพที่ทับซ้อนในภาวะที่เกิดอุทกภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน