แต่ต้องพร้อมก่อน1สัปดาห์
ผู้ว่าฯกทม.ออกมาตรการย้ำ
ผับ-ร้านเน็ต-อาบนวดยังปิด
ส่งด่วน7แสนโดสกู้เชียงใหม่

คนกรุงเฮไม่สุด กทม.ให้นั่งดื่มเหล้าเบียร์ในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม อนุญาตร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ห้าง เปิดได้ตามปกติ เสริมสวย- ร้านสัก ให้เปิดได้เฉพาะลูกค้าฉีดวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจยืนยันใน 72 ชั่วโมง สนามกีฬาห้ามแห่เชียร์เกินพันคน ส่วนผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ร้านเกม อินเตอร์เน็ต ยังปิดต่อ นายกฯไฟเขียวจัดงานลอยกระทง ยึดปลอดภัย ให้แต่ละจังหวัดเข้มมาตรการโควิด ตรวจความพร้อมก่อน 1 สัปดาห์ ป่วยโควิดยังพุ่ง 9,224 ราย ตาย 88 สธ.เร่งฉีดวัคซีน ตรวจเอทีเค ชาวตลาดเพ ระยอง รับเที่ยวเกาะเสม็ด ส่งด่วนวัคซีน 7 แสนโดสให้เชียงใหม่ คุมโควิดพุ่งขาขึ้นอีก

ป่วยเพิ่ม 9,224-ตาย88

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 9,224 ราย สะสม 1,903,165 ราย หายป่วย 8,305 ราย สะสม 1,783,875 ราย เสียชีวิต 88 ราย สะสม 19,158 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 100,132 ราย อยู่ใน ร.พ. 45,534 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 54,598 ราย มีอาการหนัก 2,217 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 496 ราย แนวโน้มผู้ป่วยอาการหนักและใส่เครื่องช่วยหายใจลดลงต่อเนื่อง ส่วนผู้เสียชีวิตยังคงแกว่งตัวเพิ่มขึ้น

ภาพรวมผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 5,844 ราย คิดเป็น 65% 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1,929 ราย คิดเป็น 21% กทม.และปริมณฑล 1,318 ราย คิดเป็น 14% เรือนจำ 126 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศมี 7 ราย ได้แก่ อุซเบกิสถาน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และตุรกี ประเทศละ 1 ราย และเมียนมา 3 ราย (ช่องทางธรรมชาติ)

ผู้เสียชีวิต 88 ราย มาจาก 30 จังหวัด โดยพบในภาคกลางและตะวันออกมากสุด 31 ราย ภาคใต้ 27 ราย กทม. 13 ราย ปริมณฑล 8 ราย เหนือ 5 ราย และตะวันออกเฉียงเหนือ 4 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูง คือ ตรัง 9 ราย นครศรีธรรมราช 8 ราย ราชบุรี 6 ราย ที่เหลือเสียชีวิตประมาณ 1-4 ราย เป็นชาย 38 ราย หญิง 50 ราย อายุ 21-93 ปี ค่ากลางอายุ 69 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีและมีโรคประจำตัวรวมกัน 92% ไม่มีโรคเรื้อรัง 8%

จังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 รายมี 23 จังหวัด โดย 10 อันดับที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 758 ราย สะสม 398,782 ราย 2.ปัตตานี 666 ราย สะสม 36,185 ราย 3.นครศรีธรรมราช 554 ราย สะสม 29,137 ราย 4.สงขลา 548 ราย สะสม 46,601 ราย 5.ยะลา 425 ราย สะสม 40,499 ราย 6.เชียงใหม่ 414 ราย สะสม 15,960 ราย 7.ชลบุรี 340 ราย สะสม 100,878 ราย 8.นราธิวาส 290 ราย สะสม 36,029 ราย 9.ตาก 281 ราย สะสม 21,081 ราย และ10.ประจวบคีรีขันธ์ 281 ราย สะสม 15,151 ราย

ฉีดวัคซีนแล้ว 74.6 ล้านโดส

สำหรับ 13 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ตรัง 271 ราย, สมุทรปราการ 251 ราย, พัทลุง 250 ราย, ระยอง 241 ราย, ราชบุรี 239 ราย, จันทบุรี 209 ราย, ขอนแก่น 170 ราย, กาญจนบุรี 161 ราย, นครราชสีมา 155 ราย, สุราษฎร์ธานี 155 ราย, ปราจีนบุรี 118 ราย, อุดรธานี 115 ราย และนนทบุรี 100 ราย

ขณะที่ติดเชื้อต่ำกว่า 20 ราย มี 19 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง 18 ราย, อุตรดิตถ์ 17 ราย, ชัยภูมิ 16 ราย, สมุทรสงคราม 15 ราย, อ่างทอง 15 ราย, กำแพงเพชร 13 ราย, แพร่ 12 ราย, แม่ฮ่องสอน 11 ราย, หนองบัวลำภู 11 ราย, สิงห์บุรี 10 ราย, สกลนคร 10 ราย, น่าน 9 ราย, พะเยา 9 ราย, ยโสธร 9 ราย, บึงกาฬ 7 ราย, เลย 6 ราย, อุทัยธานี 1 ราย, นครพนม 1 ราย ส่วนอำนาจเจริญ ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 29 ต.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 1,002,392 โดส สะสม 74,694,431 โดส แบ่งเป็น เข็มแรก 41,924,824 ราย คิดเป็น 58.2% ของประชากร เข็มสอง 30,409,329 ราย คิดเป็น 42.2% และเข็มสาม 2,360,278 ราย คิดเป็น 3.3%

เร่งฉีด-รับเที่ยวเกาะเสม็ด

ที่ตลาด 100 เสา อ.เมือง จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลัง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด-19 และตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยชุดตรวจ แอนติเจน เทสต์ คิต (เอทีเค) ในกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้ประกอบการร้านค้า และแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ว่า เกาะเสม็ด จ.ระยอง เป็นหนึ่ง ในสถานที่ท่องเที่ยวที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. คาดว่า ต.เพ ที่มีท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อเดินทางไปยังเกาะเสม็ด จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยว

โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ผ่านการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองจากโครงการแซนด์บ็อกซ์เข้าพื้นที่จำนวนมาก สธ.จึงได้เตรียมความพร้อม โดยเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 80% ของประชากรโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ โดยภาพรวมการฉีดวัคซีนใน จ.ระยอง เข็มแรก ฉีดได้ 60.8% เข็มสอง 45.25% และกำลังทยอยฉีดเข็มที่ 3 ให้ผู้ที่ได้รับ วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม

ไหว้พระใส – วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.หนองคาย ตั้งจุดตรวจตามมาตรการ ป้องกันโควิด หลังเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย เมื่อวันที่ 30 ต.ค.

เปิดปท.คู่รับคนไทยกลับ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคนไทย ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศโดยไม่ต้องกักตัวว่า หากฉีดวัคซีนครบโดสก่อนเดินทางอย่างน้อย 14 วันแล้ว สามารถเดินทางเข้าไทยได้ทางอากาศโดยไม่ต้องกักตัว เช่นเดียวกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศ และฮ่องกง บนเงื่อนไขตามที่ศบค.กำหนด แต่ในส่วนคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบโดส ยังคงต้องกักตัว 10 วัน แต่หากเดินทางเข้าประเทศทางบกต้องกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ จะยกเลิกระบบการลงทะเบียนเพื่อขอหนังสือรับรอง COE ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป โดยจะใช้ระบบใหม่คือ ไทยแลนด์ พาส ซึ่งจะสะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม

อนุมัติจัดงานลอยกระทง

น.ส.รัชดากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้อนุมัติให้หน่วยงานจัดงานประเพณีลอยกระทง พ.ศ.2564 เพื่ออนุรักษ์ สืบสานและส่งเสริมประเพณีลอยกระทงที่ทรงคุณค่า โดยอาศัยหลัก โควิด-ฟรี เซ็ตติ้ง (มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร) และ ยูนิเวอร์ซอล พรีเวนชั่น (การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล) โดยมีแนวทางและมาตรการรณรงค์ในการ จัดงานประเพณีลอยกระทง ดังนี้

1.ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย และบังคับใช้อย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามปล่อยโคมลอย งดเล่นดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด รณรงค์ลอยกระทงปลอดเหล้า เป็นต้น 2.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับการจราจรทั้งทางบกและทางน้ำ ตรวจสอบความเรียบร้อยของยานพาหนะที่จะใช้รับส่งประชาชนในช่วงประเพณี ลอยกระทง และ 3.ขอความร่วมมือผู้จัดงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวง วัฒนธรรม (วธ.) โดยการควบคุมผู้ร่วมงานไม่ให้แออัด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กำหนดให้เว้นระยะห่างทางสังคมในทุกกิจกรรม

ตรวจก่อนจัดงาน 1 สัปดาห์

ส่วนด้านการเตรียมความพร้อมสถานที่ ให้ทุกสถานที่ที่จัดงานประเพณีลอยกระทง ต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิ จัดให้มีจุดลงทะเบียน ไทยชนะก่อนเข้าและออก จุดบริการเจลแอลกอฮอล์ จัดจุดทิ้งขยะที่มีฝาปิดมิดชิด ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสทั้งก่อนและหลังการจัดงาน และทำความสะอาดห้องสุขาทุก 1-2 ชั่วโมง หากภายในงานมีการแสดงให้ทำความสะอาดก่อนและหลังการแสดงทุกรอบ

“การจัดงานลอยกระทง นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ผู้จัดงานและหน่วยงาน ต้องดำเนินการตามมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัย และมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยต้องตรวจความพร้อมก่อนถึงวันงาน 1 สัปดาห์ หากพบว่าไม่มีความพร้อมจะระงับไม่ให้จัดงาน” น.ส.รัชดากล่าว

วธ.ชูโชว์อนุรักษ์วิถีไทย

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า วธ.ขอความร่วมมือหน่วยงานรัฐ เอกชนและชุมชนร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมไทยอันงดงามด้วยการจัดงานตามประเพณีนิยมของแต่ละพื้นที่ โดยให้แสดงออกถึง อัตลักษณ์ของท้องถิ่น เช่น การแสดงพื้นบ้าน แต่งกายด้วยผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมือง ร่วมกันอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีที่ดีงาม ใช้กระทง ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายง่ายและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ซึ่งปีนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เน้นการจัดงานลอยกระทงแบบปลอดภัย (เซฟตี้) และรณรงค์ให้ผู้ร่วมงานทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล อย่างเคร่งครัด ตามมาตรการของสธ. และสนับสนุน นโยบายรัฐบาลที่มุ่งผลักดันใช้ “ซอฟต์ เพาเวอร์” ความเป็นไทยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และนโยบายวธ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมที่มีศักยภาพของไทย 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) มวยไทย (Fighting) และการอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณี สู่ระดับโลก (Festival) นำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างสรรค์สินค้าและบริการ (Creative Culture) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรมให้แก่ชุมชน และประเทศชาติอย่างยั่งยืน

‘ป๊อก’กำชับบูรณาการปลอดภัย

ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 19 พ.ย. ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นวันลอยกระทง ซึ่งตามประเพณีไทยในแต่ละจังหวัดและกรุงเทพฯ จะจัดสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้ลอยกระทงตามประเพณีในช่วงเวลาที่ต่างกันไป คาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนนิยมเดินทาง ไปร่วมกันลอยกระทงกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณริมน้ำ โป๊ะ ท่าเรือโดยสาร ซึ่งมักจะเกิดอุบัติเหตุทั้งทางถนน ทางน้ำ และเหตุไฟไหม้อยู่เป็นประจำ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดในฐานะผอ.กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เตรียมความพร้อมป้องกันอันตรายให้พี่น้องประชาชนรวมถึงอันตรายจากพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ โดยเข้มงวด กวดขันการออกใบอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาต ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เก็บ ทำ หรือขายดอกไม้ไฟ ให้เป็นไปตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และให้เร่งตรวจตราสถานที่ โป๊ะ ท่าเรือโดยสาร หากพบว่ามีสภาพไม่ปลอดภัย ต้องซ่อมแซมให้มั่นคงแข็งแรง รวมถึงดูแลเต็นท์ และสถานที่จัดงาน

‘อนุทิน’ตรวจตลาดเชียงใหม่

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ในจ.เชียงใหม่ โดยเดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ รับฟังบรรยายสรุปการดำเนินการและมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด ในเขต ชุมชนเมืองของเทศบาลนครเชียงใหม่ รวมทั้งสถานการณ์ของจังหวัด จากนั้นเข้าตรวจเยี่ยมการเปิดตลาดเมืองใหม่ ภายใต้มาตรการควบคุม ป้องกันโรคของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เชียงใหม่ หลังเกิดการระบาดใหญ่ ที่มีผู้ติดเชื้อ กว่า 1,500 คน แล้วลงพื้นที่ชุมชนป่าแพ่ง ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนเชิงรุกและการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกด้วยชุดตรวจเอทีเค ในชุมชนแออัด

เร่งเพิ่มวัคซีนให้ 7 แสนโดส

นายอนุทินกล่าวว่า จะเข้าพบคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ด้วย เพื่อปรึกษาหารือรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด รวมทั้งพูดคุยกันกรณี ที่อาจารย์แพทย์หลายคนแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกทางโซเชี่ยลมีเดีย เป็นห่วงกังวล อย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดที่เชียงใหม่ว่า เข้าขั้นวิกฤต เพื่อร่วมมือกันทำงานอย่างเป็นเอกภาพ แก้ไขปัญหาสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งเชื่อมั่นว่าทุกคนที่ทำงานต่างมีความตั้งใจดีและเจตนาดีเหมือนกัน

สำหรับคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์โควิด จ.เชียงใหม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า จากการทำงานอย่างเต็มกำลังของเจ้าหน้าที่ ขอให้จับตามองว่าในช่วงสัปดาห์ต่อจากนี้ไปจำนวน ผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตจะลดน้อยลง โดยในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นต้องยอมรับว่าจะยังมีอยู่เนื่องจากยังมีการเดินทางไปมาของผู้คน

ทั้งนี้ในเดือนพ.ย.จะมีการจัดสรรวัคซีนให้ จ.เชียงใหม่ 700,000 โดส เพื่อฉีดให้ประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึง และจนครบ 100% ของประชากร ให้เป็นจังหวัดตัวอย่างที่ประชาชนได้ฉีดวัคซีนถ้วนหน้า ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อประชาชนได้รับวัคซีน ทั่วถึงแล้วจะส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน แต่ประชาชนยังมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัดต่อเนื่องเช่นเดิม

เร่งจ่ายเยียวยาแพ้วัคซีน

ด้านนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการแพทย์ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม ได้ออกประกาศเรื่องการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ผู้ประกันตนสัญชาติไทยยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามประกาศ สปสช. เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด-19 พ.ศ.2564 โดยให้มีผล ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.2564 นั้น

จากประกาศดังกล่าวของสำนักงานประกัน สังคม (สปส.) ส่งผลให้ผู้ประกันตนที่ฉีดวัคซีน โควิดและเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ สามารถ ยื่นเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจาก สปสช. ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ กรณีบริการโรคโควิดได้แล้ว ส่วนผู้ประกันตนที่ได้ยื่นเรื่องขอรับการช่วยเหลือไปยัง สปส. ก่อนหน้านี้ สปส.ได้เริ่มทยอยส่งเอกสารคำร้องของ ผู้ประกันตนมายัง สปสช. มีประมาณกว่า 1,000 ราย เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น

“หลังจากที่ สปส. ออกประกาศ สปสช. จะประสานกับอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฯ ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ เพื่อเร่งพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกันตนที่คงค้างและรอรับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดเช่นเดียว กับคนไทยทุกคนที่ได้รับสิทธินี้อย่างเท่าเทียม และด้วยผู้ประกันตนที่รอรับการเยียวยา มีจำนวนมาก ขณะนี้ สปสช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 12 ชุด เร่งพิจารณาในเขตพื้นที่ กทม.แล้ว” นายจเด็จกล่าว

ทั้งนี้ การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีน โควิด-19 แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ 1 มีอาการป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท ระดับ 2 เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท และระดับ 3 กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท

ภูเก็ตป่วยเพิ่ม 63-ตาย 2

ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ภูเก็ต รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากในภูเก็ต 61 ราย และจากโครงการแซนด์บ็อกซ์ 2 ราย รวมผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 15,144 ราย จากต่างจังหวัด 10 ราย ต่างประเทศ 35 ราย ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 195 ราย และจากโครงการรับผู้ป่วยกลับบ้าน 42 ราย

ด้านนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง พร้อมด้วย นพ.ชัยรัตน์ ลำโป นพ.สสจ.ตรัง หัวหน้าส่วนราชการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 จ.ตรัง ประจำวัน มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 271 ราย รวมสะสม จำนวน 10,718 ราย

ตรังงดจัดงานประจำปี

นายขจรศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ทั้งในตลาดสด แพปลา วงพนันงานบำเพ็ญ เรือนจำ งานประเพณีต่างๆ รวมถึงครอบครัว และชุมชน ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอ ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องทุกวัน พร้อมเร่งตั้งร.พ.สนามสำหรับคนในชุมชน อย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ

ส่วนการเรียนการสอนตามปกติ หรือ ออนไซต์ ให้เลื่อนการเปิดเรียนจากวันที่ พ.ย. ออกไป โดยให้เรียนออนไลน์จนกว่าสถานการณ์ โควิดจะดีขึ้น และครูนักเรียนต้องฉีดวัคซีนครบ 85% ขณะที่งานประจำปีที่จะมีในจ.ตรังหลังจากเปิดเมืองในวันที่ 1 พ.ย. เช่น งานประเพณีลอยกระทง งานประจำปีจังหวัดตรัง ฉลองรัฐธรรมนูญ ร่วมทั้งงานฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 ให้งดจัดทั้งหมด หากสถานการณ์โควิดยังไม่ดีขึ้น

บ่อนในสวน – ตำรวจบุกทลายบ่อนในสวนยางพารากลางหุบเขา อ.ด่านซ้าย จ.เลย จับกุมนักพนันได้ 33 คน พร้อมยึดของกลางจำนวนมาก คุมตัวดำเนินคดีลักลอบเล่นการพนัน และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 30 ต.ค.

สงขลายังวิกฤต-จี้วัคซีน

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ.อ. นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้กองบิน 6 จัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 (C-130H) และมอบหมายให้ พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี ผอ.สำนักนโยบายและแผน กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เป็นผู้แทนกองทัพอากาศ อำนวยการลำเลียง ถุงยังชีพพระราชทานจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จำนวน 5,000 ถุง

พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินทางจากกองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังกองบิน 56 จังหวัดสงขลา พร้อมจัดรถยนต์บรรทุกและกำลังพล ลำเลียงถุงยังชีพพระราชทาน นำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

ด้านกลุ่มงานภารกิจสื่อสารความเสี่ยง สสจ.สงขลา เปิดเผยผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ว่า พบเพิ่มอีก 548 คน และเสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ติดเชื้อที่ยังพบมากจากการกลุ่มตรวจ คัดกรองในกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่เกือบ 85%

เร่งคืนร.พ.สนามให้ร.ร.

นายประเวศ หมีดเส็น ผู้ช่วยศอ.บต. และผอ.กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจการพิเศษ กล่าวว่า สถานการณ์ โควิดใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ยังทรงตัวอยู่ 4 ใน 7 ของจังหวัดสีแดงเข้ม เนื่องจากประชากร ได้รับวัคซีนไม่ถึงร้อยละ 60 ยังมีการติดเชื้อสูง ทุกหน่วยได้บูรณาการการทำงาน เดินเคาะประตูบ้านเข้าฉีดวัคซีนให้ทุกกลุ่มพร้อมกับให้ความรู้ในมาตรการป้องกันตนเอง ในส่วนของสถานศึกษายังไม่สามารถเปิดสอนแบบออนไซต์ ทันในวันที่ 1 พ.ย. เนื่องจาก ครูและนักเรียนยังได้รับวัคซีนไม่ถึง 70% สถานศึกษากว่า 94 แห่งในพื้นที่ยังใช้เป็นสถานที่กักกันตัวผู้ติดเชื้อ ซึ่งต้องใช้เวลา ในการบริหารจัดการ จัดสรรสถานที่ใหม่ แก่ผู้ป่วยในแต่ละพื้นที่

ปัตตานีป่วยล้นร.พ.

ด้านจ.ปัตตานี รายงานว่า พบผู้ป่วยใหม่ 559 ราย ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยสะสม จำนวน 36,801 ราย รักษาหาย 21,645 ราย และเสียชีวิตสะสม 369 ราย ขณะที่จำนวนเตียงผู้ป่วยภายใน ร.พ.สนาม ปัตตานีทั้งหมดล้นทั้ง 11 แห่ง จำนวนมากถึง 2,698 ราย ต้องเพิ่มร.พ.สนามอีก 1 แห่ง ที่ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ต.บ่อทอง อ.หนองจิก

โคราชปิดแคมป์

ด้านนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นพ.สสจ.นครราชสีมา กล่าวว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 66 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 6 ราย และสัมผัสผู้ป่วยในพื้นที่ 60 ราย รวม ผู้ป่วยสะสม 29,896 ราย รักษาหาย 27,845 ราย ยังรักษาอยู่ 1,827 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 224 ราย

ขณะที่ นายจีรศักดิ์ แสงหอย นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา พร้อมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอ (ศปก.อ.) เฉลิมพระเกียรติ และผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบผู้ติดเชื้อ โควิด 6 ราย จากคลัสเตอร์ผู้ต้องกักสภ.เมือง และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 40 ราย ในแคมป์ คนงานบริษัทแห่งหนึ่ง อยู่บ้านหนองยาง หมู่ 1 ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ

โดยมีแรงงานต่างด้าว 37 คน เด็กอายุ 1 เดือน 1 คนและแรงงานชาวไทย 3 คน รวม 41 คน โดยศปก. อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้ขอความร่วมมือให้ปิดแคมป์เป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อโรคระบาด

กาญจน์ป่วยอีก 155-ตาย 2

ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจากโรค โควิด-19 จ.กาญจนบุรี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ ใหม่ จำนวน 155 ราย ทั้งหมดตรวจหาเชื้อ ในรูปแบบอาร์ที-พีซีอาร์ เสียชีวิต 2 ราย โดยผู้ป่วยใหม่ แยกเป็นจากในจังหวัด 140 ราย (มีบุคลากรทางการแพทย์ ร.พ.ทองผาภูมิ 1 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ ร.พ.บ่อพลอย 1 ราย) นอกจังหวัด 12 ราย และสถานประกอบการ 3 ราย รวมป่วยสะสม ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.จนถึงปัจจุบัน 21,034 ราย หายป่วย 18,799 ราย รักษาอยู่ร.พ. 2,046 ราย เสียชีวิตสะสม 189 ราย

แจงเงื่อนไขให้ขายเหล้า

วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการกทม. ในการประชุม คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบประกาศกรุงเทพ มหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 45) ตามที่ ศบค. ได้มีคำสั่ง กำหนดให้กทม.เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และมีการกำหนดมาตรการควบคุมแบบ บูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม

คณะกรรมการจึงเห็นชอบให้มีมาตรการผ่อนคลายสถานที่ให้เปิดดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ตามมาตรการที่ศบค.กำหนด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย. หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ตามที่คณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาและมีความห่วงใยในการเปิดให้บริการ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และเพื่อ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน จึงขอให้ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มปรับปรุงสถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเข้ารับการตรวจประเมินความพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA รวมทั้งเคร่งครัดช่วงเวลาการให้บริการให้อยู่ภายในเวลา 21.00 น. ตามที่กำหนด

เสริมสวย-ร้านสักเปิดได้

สำหรับสถานที่ที่เปิดดำเนินการได้ ประกอบด้วย สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์เด็กพิเศษ ให้สำนักอนามัย (สนอ.) กทม. พิจารณาเปิดตามความเหมาะสม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (ผู้รับบริการและเจ้าหน้าที่ได้รับวัคซีนครบ และมีการสุ่มตรวจเจ้าหน้าที่ทุกสัปดาห์) ร้านอาหาร/เครื่องดื่มทั่วไป เปิดให้ บริการตามเวลาปกติ แต่อนุญาตให้มีการบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เฉพาะร้านที่ผ่านมาตรฐาน SHA ของ ททท. และไม่เกินเวลา 21.00 น.ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด เปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติ

ด้านห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ทุกประเภท เปิดได้ โดยผู้ใช้บริการงดบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่ม และงดการจัดกิจกรรม โรงภาพยนตร์ เปิดได้โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนที่นั่ง สถานเสริมความงาม ร้านเสริมสวย ทำเล็บ ร้านสัก เปิดให้บริการผ่านการนัดหมาย (ร้านสัก เฉพาะผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ หรือผลเอทีเค ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง) สปา นวดแผนไทย ให้บริการเฉพาะนัดหมาย (เฉพาะการให้บริการประเภทใช้น้ำ ผู้รับบริการ ต้องได้รับวัคซีนครบ หรือตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ หรือ เอทีเค ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง)

สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬา สระน้ำ กิจกรรมทางน้ำ เปิดได้ ยิม/ฟิตเนส ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด หากมีการอบตัวหรืออบไอน้ำ ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ หรือ เอทีเค ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง การใช้สนามกีฬาเพื่อการแข่งขัน ผู้เข้าชมต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ อาร์ที-พีซีอาร์ หรือ เอทีเค ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม เปิดได้โดยห้ามบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จัดช่วงเวลาพักระบายอากาศ เตรียมอาหารแยกเป็นชุด

ยังห้ามผับ-โอเกะ-อาบน้ำ

ส่วนห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้ตามปกติ แต่งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความแออัด โรงมหรสพ โรงละคร โรงเรียนสอนมวย ศิลปะการต่อสู้ (ยิม) สถาบันลีลาศ ต้องแจ้งขอเปิดดำเนินการต่อสำนักอนามัย กทม. สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก ศูนย์พระเครื่อง สนามพระเครื่อง สวนสัตว์ สถานที่จัดแสดงสัตว์ เปิดได้ สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง เปิดได้โดยห้ามบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จัดให้มีช่วงเวลาพักระบายอากาศ เตรียมอาหารแบบแยกเป็นชุด และสนามเด็กเล่น เครื่องเล่น ให้สำนักงานเขตพื้นที่พิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม

ขณะที่สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ หรือ เอทีเค ในระยะ เวลา 72 ชั่วโมง รวมถึง สวนน้ำ และสวนสนุก

สำหรับสถานที่ซึ่งยังคงให้ปิดดำเนินการ ได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต ตู้เกม สนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ สนามชนโค สนามกัดปลา และสนามม้า รวมทั้งห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มบุคคลเกิน 1,000 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก สนอ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน