ปัดโหวตป่วนในสภา
โพลชี้พท.-พิธามาแรง

พลังประชารัฐยัน เปิดสภาไร้ขัดแย้ง ‘บิ๊กตู่’ มั่นใจคุมเสียงส.ส.ได้ การันตีโหวตผ่านฉลุย กฎหมายทุกฉบับ ย้ำศึกในจบแล้ว เผยปรับโครงสร้างใหม่ แบ่งโซนรัฐมนตรี-แกนนำพื้นที่คุมรายภาค ‘ธรรมนัส’ ไม่ต้องรับผิดชอบครอบจักรวาล ชี้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ร่วมงานเพื่อไทยไม่น่าห่วง‘โจ้ ยุทธพงศ์’ แถลงสวนอาจารย์มือฉีกบัตรเลือกตั้ง ให้หยุดโจมตี จับตาสภาเปิดสมัยประชุม ชี้เป็นช่วงอันตราย เย้ยเสถียรภาพรัฐบาลไม่มั่นคง หวาดเสียวองค์ประชุมล่ม ก้าวไกลเตรียมถกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นเปิดซักฟอกแบบไม่ลงมติ เล็งเปิดเขียงปลายพ.ย. ‘ตู่’ บินสกอตแลนด์ ร่วมประชุมภูมิอากาศโลก

พปชร.ยันเปิดสภาไม่ขัดแย้งบิ๊กตู่

วันที่ 31 ต.ค. นายไผ่ ลิกค์ รองเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงโหวตในสภารอบนี้จะไม่มีความขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมใช่หรือไม่ ว่า ไม่มีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ กฎหมายกี่ฉบับก็ผ่านหมด

เมื่อถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคที่มีข่าวจะเพิ่มรองหัวหน้าพรรคจาก 4 เป็น 5 คน นายไผ่กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเหมือนเดิม และตนยังไม่เคยเห็นหรือได้ยินการพูดถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาตำแหน่งหัวหน้าภาคทั้ง 10 ภาคใหม่อีกครั้ง นายไผ่กล่าวว่า การให้แต่ละภาคจัดการเลือกหัวหน้าภาคกันเองเพื่อความปรองดอง ภาคของตนนัดประชุมกันวันอังคารที่ 2 พ.ย.นี้ ส่วนตนจะเสนอใครเป็นหัวหน้าภาคนั้นจะไปคุยกันในที่ประชุม

เมื่อถามว่าการให้แต่ละภาคจัดการเลือกหัวหน้าภาคเองไม่ใช่การลดบทบาท ร.อ. ธรรมนัส ใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า หัวหน้าภาคมีอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแต่เปลี่ยนคน ซึ่งก็อาจเป็นคนเดิมก็ได้

มั่นใจ 100% คุมเสียงได้

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับเสียงโหวตในสภา ว่า พรรค พปชร.มีระเบียบที่ชัดเจนมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะสามารถคุมเสียงได้ โดยเฉพาะนายวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานประธานวิปรัฐบาล จะสามารถทำหน้าที่ควบคุมเสียงได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยิ่งช่วงนี้มี ข้อวิตกกังวลเกิดขึ้นก็คงมีการพูดคุยกันบ่อยขึ้น ยืนยันเราจะดูแลเรื่องเสียงในสภาให้ผ่านกฎหมายไปได้อย่างเรียบร้อย ไม่แค่เฉพาะช่วงนี้แต่ต้องตลอดสมัยการประชุม

“ผมเชื่อฝีมือท่านวิรัช ว่าสามารถทำได้ ซึ่งภายในพรรคพลังประชารัฐเสียงก็เป็นเอกภาพอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร อีกทั้งการประชุมสภาครั้งนี้เป็นสมัยที่สอง และจะมีกฎหมายสำคัญต่างๆ พิจารณา เชื่อว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะหากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ก็ต้องพิจารณา กฎหมายพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งกฎหมายนี้ทางพรรคเพื่อไทย ก็จะร่วมด้วย” นายไพบูลย์ กล่าว

ไม่ห่วงอุ๊งอิ๊งร่วมงานเพื่อไทย

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดตัวน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ามาร่วมทำงานกับพรรค นายไพบูลย์กล่าวว่า ฝ่ายค้านเขาอยากเห็นการเลือกตั้งโดยเร็วอยู่แล้ว การเปิดตัวโดยนำ น.ส.แพทองธาร มาร่วมงานกับพรรคนั้นก็เป็นเรื่องปกติ และเขาเปลี่ยนหัวหน้าพรรคด้วย เข้าใจว่าอาจรีแบรนด์ ส่วนการรีแบรนด์ครั้งนี้จะดีหรือไม่ดีอย่างไร ค่อยไปตัดสินกันตอนเลือกตั้งครั้งหน้าจะดีกว่า แต่สำหรับตนในฐานะพปชร. มองแล้วว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไร

ศึกในพปชร.จบแล้ว

ที่ศูนย์ลานกีฬาชุมชนห้วยขวางเฉลิม พระเกียรติ 72 พรรษา นางนฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ เหรัญญิก พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างพรรคว่าได้ เเถลงข่าวเรียบร้อยหมดเเล้ว คงไม่ต้องมีความเห็นอะไรเพิ่มเติม เพราะเป็นไปตามที่ได้ เเถลงข่าวไปเเล้ว เมื่อถามว่า มองว่าความขัดเเย้งในพรรคพปชร.ยังไม่จบหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่มี จบเเล้ว อย่างที่ พล.อ.ประวิตรพูดวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า จบหมดเเล้ว

เมื่อถามว่า การประชุมพรรค 28 ต.ค. ที่ให้เลือกหัวหน้าภาคใหม่และขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรค ไม่ต้องผ่านเลขาฯ พรรค ถือว่าลดบทบาท ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า เดิมหัวภาคทั้ง 10 คน ที่หัวหน้าพรรคเเต่งตั้ง ขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรคอยู่เเล้ว เพียงเเต่หลายคนทำงานเเล้วติดขัด หัวหน้าพรรคจึงอยากให้เลือกกันเองตามระบอบประชาธิปไตยเเละขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นการลดบทบาท ส่วนการเพิ่ม รองหัวหน้าพรรคจากเดิม 4 เป็น 5 คน เป็นเรื่องของข้อเสนอ ต้องมาพิจารณากันอีกว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปอะไร ทั้งสิ้น

เสียงโหวตพปชร.ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่าบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะเลขาฯ พรรค ยังเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ยังเหมือนเดิม เเละตำเเหน่งที่สำคัญทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค นายทะเบียนพรรค เหรัญญิกพรรค มีบทบาทหน้าที่ เเละอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอยู่เเล้ว พร้อมข้อบังคับของพรรคเขียนตามพ.ร.ป. พรรค การเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวลพรรคสงบจบหมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันยังรักกันเหนียวเเน่นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง

เมื่อถามว่าสัปดาห์นี้จะเปิดประชุมสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวพรรค เน้นย้ำส.ส.เรื่องใดบ้าง นางนฤมลกล่าวว่า ยังไม่ได้ย้ำเรื่องใดและทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ตามกำหนดวันที่ 2 พ.ย. จะมีประชุมส.ส.พรรคตามปกติ ที่หากมีประชุมสภาทุกสัปดาห์จะมีประชุมส.ส.พรรค เพื่อรับทราบว่าจะมีเรื่องอะไรเข้าสู่การพิจารณาบ้าง เเละจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาการลงมติของส.ส.พรรคพปชร.ไม่เคยมีปัญหา เพราะมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกันมาตลอด เเละหัวหน้าพรรคดูเเลทุกคนอย่างทั่วถึงเต็มที่อยู่เเล้ว

ปรับใหม่แบ่งโซนรมต.ดูแลภาค

รายงานข่าวจากพรรค พปชร. แจ้งว่า ความเคลื่อนไหวหลังประชุม กก.บห.พรรคว่า แกนนำพรรคอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานภายในให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเดินหน้าทางการเมืองและเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพปชร. นำเสนอพิมพ์เขียวโครงสร้างพรรคใหม่

รูปแบบโครงสร้างใหม่จะใช้โมเดลแบ่งโซนทั่วประเทศ ออกเป็น 10 ภาค มีหัวหน้าภาค ที่มาจากการเลือกกันเองของ ส.ส. รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ เพราะการให้ระดับรัฐมนตรี หรือผู้ที่มีศักยภาพ มีฐานเสียงในพื้นที่นั้นๆ รับผิดชอบ จะสร้างความเข้มแข็งให้พรรค ลดการบริหารงานแบบรวมศูนย์ กระจายอำนาจให้แกนนำทุกกลุ่มมีบทบาทขับเคลื่อนพรรค ไม่ก้าวก่ายข้ามโซนกันไปกันมา โดยหลังจากนี้ พรรคพปชร.อาจเพิ่มสัดส่วนรองหัวหน้าพรรคมาดูแลทั้ง 10 โซนทั่วประเทศ จากเดิมที่มีอยู่เพียง 4 คน

หากการปรับโครงสร้างประสบความสำเร็จ จะเป็นเหตุผลสำคัญให้ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมงานการเมืองกับ พปชร.ต่อไป โดยไม่ตัดสินใจไปตั้งพรรคใหม่ เนื่องจากแกนนำพรรค รวมถึงบรรดารัฐมนตรีในซีกที่สนับสนุนนายกฯ จะมีบทบาทดูแลพื้นที่และส.ส. ในส่วน พล.อ.ประวิตร จะมีร.อ.ธรรมนัส อยู่ในตำแหน่งตามเดิมไม่เปลี่ยน แต่บทบาทจากนี้จะชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องรับผิดชอบภารกิจครอบจักรวาลเหมือนที่ผ่านมา

ยังระแวงธรรมนัส-เล่นนอกเกม

นอกจากนี้ การประชุมพรรคสัปดาห์หน้า ส.ส.พปชร.บางส่วนเตรียมเสนอให้ กก.บห.บางคน โดยเฉพาะร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล นายวิรัช แสดงจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการเดินเกมเพื่อต่อรองทางการเมือง และสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งในพรรคขึ้นอีก ส.ส.พปชร.จำนวนหนึ่งจึงจะขอความชัดเจนจาก ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช ว่าจะไม่มีการเล่นนอกเกมในการประชุมสภา เพราะกังวลว่าการพิจารณากฎหมายสำคัญจะล่าช้า หรือถึงขั้นถูกตีตก จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลที่ต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอาจส่งผลให้รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก หรือหากเห็นว่าสภาทำงานไม่ได้ก็อาจถึงขั้นต้องยุบสภาเพื่อไปเลือกตั้งใหม่ และส.ส.บางส่วนมองตรงกันว่า หากเลือกตั้งเร็วๆนี้ จะไม่เป็นผลดีกับพรรค พปชร. ที่ยังมีความขัดแย้งภายใน ความพร้อมในการต่อสู้อาจมีน้อยกว่าพรรคอื่น

“บรรยากาศในพรรค และส.ส.ยังเกิดความหวาดระแวงว่า ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช จะวางเกมสอดรับกับความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวออกมาตลอดว่า หากล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ลงได้ ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช จะดึง ส.ส.เพื่อไทยบางส่วนมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล และมีกรณีทั้ง 2 คน เป็นตัวตั้งตัวตีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่ถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เปรียบกว่าพรรคอื่น จึงต้องการให้ ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช แสดงจุดยืนในที่ประชุม รวมทั้งแถลงข่าวให้ชัดเจนว่าจะไม่หักหลังกัน”

โจ้ฟาดซ้ำไชยันต์โจมตีแพทองธาร

เวลา 10.00 น. ที่ทำการ พท. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค แถลงกรณีนายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงน.ส.แพทองธาร กรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วเมื่อปี 2547 ว่า ขอให้นายไชยยันต์ เคารพการตัดสินใจของน.ส.แพทองธาร

ซึ่งน.ส.แพทองธาร เป็นประชาชนคนหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การเสนอตัวเข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค โดยมีความมุ่งมั่น มีเจตนาอยากจะมาช่วยเหลือ และเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการทำงานให้กับพรรค พท. เพื่อนำเสนอนโยบายที่ดีๆ ให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่

ขณะเดียวกัน นายไชยันต์ เคยฉีกบัตรเลือกตั้งเมื่อ 2 เม.ย. 2549 ที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ การที่นายไชยยัน เป็นอาจารย์สอนวิชารัฐศาสตร์ ให้กับนิสิต นึกศึกษาแต่มีพฤติกรรมฉีกบัตรเลือกตั้ง ที่สุดท้ายก็นำไปสู่การปฏิวัติ 19 กันยา 49 ซึ่งนำความบอบช้ำมาให้ประเทศไทย

“ขอเรียนถามว่า พฤติกรรมของอาจารย์ ไชยันต์ที่ไปฉีกบัตรเลือกตั้ง และเป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์เหมาะสมหรือไม่ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี การที่อาจารย์ไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นหมาะสมหรือไม่ ดังนั้นขอให้หยุดออกมาโจมตีคุณอุ๊งอิ๊ง ได้แล้ว” นายยุทธพงศ์กล่าว

จับตา-สมัยประชุมอันตราย

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตั้งแต่ 1 พ.ย. จะมีการเปิดสมัยประสภา โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมสภา 3-5 พ.ย. ประธานสภามีดำริว่าในสมัยประชุมนี้จะพยายามให้ออกกฎหมายให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นัดประชุมส.ส.วันที่ 2พ.ย.เวลา15.00 น. เนื่องจากพรรคเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุมสภาจะครบหรือไม่ จึงต้องหารือกันว่าส.ส. พรรคต้องเข้าประชุมให้มากที่สุดเพื่อให้องค์ประชุมครบ

จะเห็นว่าในทางการเมืองสมัยประชุมนี้เรียกว่าอันตรายมาก เพราะในพรรค พปชร. ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลก็มีความขัดแย้งกัน ในส.ส.กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส กับรัฐบาล แสดงให้เห็นว่าเสถียรภาพรัฐบาลอาจไม่มั่นคง แม้จะยังไม่มีกฎหมายการเงินเข้าสภาช่วงนี้ก็ตาม แต่กฎหมายต่างๆ ก็ต้องใช้องค์ประชุมของส.ส. อาจเป็นเหตุให้สภาล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบเกิดขึ้นในสมัยประชุมนี้ได้

ขณะเดียวกัน สมัยประชุมนี้ยังมีกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาด้วย โดยเฉพาะ พ.ร.ป.ว่าการการเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ดังนั้นต้องจับตาดูเพราะสมัยประชุมนี้มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องขององค์ประชุม เพราะเมื่อสมัยประชุมที่แล้วก่อนปิดสมัยประชุมสภาก็ล่ม

จี้ยุบสภา-คืนอำนาจประชาชน

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า หลังพรรคจัดประชุมใหญ่ 28 ต.ค.ที่ จ.ขอนแก่น พบว่ากระแสตอบรับดีมาก เนื่องจากได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อม วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ที่พร้อมต่อยอดสู่ความสำเร็จทันทีถ้ามีการเลือกตั้ง เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าเหตุใดประชาชนจึงเลือกพรรค พท. จนเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่งทุกครั้ง

ถือเป็นกระบวนการส่วนหนึ่งของพรรคพท.ในการ disrup เพื่อสร้างสรรค์นโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการประชาชน เพราะทุกๆ นโยบายและแนวคิดพรรคสะท้อนมาจากปัญหาที่แท้จริงหลากหลายรูปแบบ

หนึ่งในนั้นคือการเปิดให้เด็กและเยาวชนประกวดเรียงความและภาพวาดในการประชุมใหญ่ที่ผ่านมา หัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อเด็กไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ผลงานในกลุ่ม ภาพวาด เยาวชนได้วาดภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นกพิราบ รถไฟความเร็วสูง เป็นส่วนประกอบหลักในภาพวาดหลายชิ้นงาน

ขณะที่เรียงความเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงโอกาสของวันนี้ที่ขาดหายไปจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อจนต้องเรียนออนไลน์ สะท้อนโอกาสที่ขาดหายไปในช่วงเกือบ 2 ปี ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยคิดแก้ไขปัญหา

“ในวิกฤตที่หนักหนา เราต้องการคนที่พร้อมและทำได้จริง ถ้าทุกพรรคต้องการทำเพื่อพี่น้องประชาชนจริงๆ ถึงเวลาแล้วหรือยัง วันนี้ควรคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินอนาคตของตนเอง มุ่งสู่การเมืองใหม่ แข่งขันสร้างสรรค์กันที่นโยบายและแผนงาน มากกว่าสร้างความกลัวและวาทกรรมทำลายที่ทำให้ไทยหยุดชะงักนานเกือบ 10 ปี” น.ส.อรุณีกล่าว

ก้าวไกลจ่อถกฝ่ายค้านยื่นซักฟอก

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมเข้าชื่อยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรคก้าวไกลจะยื่นญัตติร่วมกับฝ่ายค้าน เมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญที่จะเริ่มต้น 1 พ.ย.นี้ ก็จะมีการพูดคุยกันในวิปฝ่ายค้านเกี่ยวกับรายละเอียดและวันที่จะยื่นญัตติ ทั้งนี้ ในความเห็นของพรรคก้าวไกลคิดว่าน่าจะยื่นญัตติภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากเปิดสมัยประชุมสภา และอภิปรายประมาณปลาย พ.ย.

อย่างไรก็ตามต้องหารือกันในพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง เพราะเราควรทำงานร่วมกันเพื่อความเป็นเอกภาพ โดยประเด็นที่จะอภิปราย เช่น เรื่องการจัดการโควิด-19 การ เตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ปัญหาของผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับทุนรายใหญ่ ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการอภิปรายครั้งนี้ แน่นอนว่าถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะมอบอำนาจคืนให้ประชาชน ให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำที่จะพาประเทศพ้นวิกฤต เราหวังว่าจะเกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาหรือ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก

ปชป.สั่งส.ส.ร่วมผ่านกฎหมาย

นายชัยชนะ เดชเดโช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการประชุมสภา 3-5 พ.ย.นี้ว่า วันที่ 1 พ.ย. นายชวนเชิญตัวแทนวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน หารือถึงแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะการใช้เวลาของสภาให้คุ้มค่าและพิจารณาร่างกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้ยังมีร่างกฎหมายที่ต้องพิจารณาเป็นจำนวนมาก อาทิ ร่างพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่…) พ.ศ….. ที่มีสาระสำคัญในการคุ้มครองงานที่มีลิขสิทธิ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีอย่างรวดเร็ว และสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ต และเจ้าของลิขสิทธิ์ในการแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ….. เป็นการแก้ไขเพื่อเพิ่มมาตรการพิเศษและขยายระยะเวลาการคุ้มครองพยานและบุคคลผู้ใกล้ชิดในคดีสำคัญๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่…) พ.ศ….. ที่มีเนื้อหาเพิ่มการคุ้มครองเยียวยาผู้เสียหายในความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานในด้านร่างกาย ชีวิต เสรีภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

รวมทั้งยังมีญัตติที่ขอให้สภาตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาเป็นการเฉพาะกว่า 200 ญัตติ ตนจึงหวังว่าการประชุมร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้อง น่าจะมีการวางหลักการและกติกาเพื่อควบคุมให้บรรดา ส.ส.ได้อภิปรายตรงตามประเด็น เพื่อเป็นการเพิ่มเวลาคุณภาพในการพิจารณากฎหมายและญัตติต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่อย่างรอบคอบและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด

ส่วนวันที่ 2 พ.ย. พรรคปชป. มีการประชุม ส.ส.เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมสภา ซึ่ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค กำชับ ส.ส.ของพรรคให้ลุยทำงานในสภาเต็มที่ ส.ส.ถือเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศในการตรากฎหมาย

ไปสกอต – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมคณะเดินทางออกจากกองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปเมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ เพื่อร่วมประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมืองกลาสโกว์ เมื่อ 31 ต.ค.

ตู่บินสกอตแลนด์-ถกภูมิอากาศโลก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ภารกิจสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์ ในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties : UNFCCC COP) (COP 26) ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร คือการนำเสนอเป้าหมายและการดำเนินงานที่แข็งขันต่างๆ โดยเฉพาะการนำเสนอการจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย (LT-LEDS)

ซึ่งเป็นการดำเนินการตามความตกลงปารีส ที่เป็นกติการะหว่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก และมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปี ค.ศ.2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์เร็วที่สุดภายในครึ่งปีหลังของศตวรรษนี้ ไทยเป็น 1 ใน 3 ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ไทยยังมีการดำเนินตามนโยบายของนายกฯ เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศในหลายๆ ส่วน อาทิ การยกร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การกำหนดเป้าหมายให้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 15 ล้านคัน หรือ 1 ใน 3 ของ ยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2578 การปลูกต้นไม้ยืนต้นทั่วประเทศ 100 ล้านต้นภายในปี 2565

เมื่อเวลา 18.20 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 30 คน เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษ เครื่องบินแอร์บัส 320 CEO ไปยังท่าอากาศยาน Glasgow Prestwick เมืองกลาสโกว์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ มีกระเป๋าขนาดใหญ่ 2 ใบ และใบเล็ก 1 ใบ และมีกำหนดการเข้าร่วมประชุม 1-2 พ.ย.

โพลชูพท.-พิธามาแรง

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศต่อกรณีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค.ที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่าง 1,186 คน พบว่า ประชาชนมองว่าการเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆ วันนี้แสดงถึงความแตกแยกในพรรคการเมือง ร้อยละ 60.09 คิดว่าน่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ต้นปี 2565 ร้อยละ 57.86 หากมีการเลือกตั้งใหม่ก็จะทำให้ได้เปลี่ยนรัฐบาล ร้อยละ 58.31

ถ้ามีการเลือกตั้ง คิดว่าพรรคเพื่อไทย น่าจะได้คะแนนเสียงมากที่สุด ร้อยละ 32.94 รองลงมาคือ ก้าวไกล ร้อยละ 25.21 นายกรัฐมนตรีที่อยากได้ คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 28.67 รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 21.27 โดยภาพรวมประชาชนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 70.29

โดยมีการสรุปว่า การขยับตัวของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ช่วงนี้ ดูเหมือนจะเป็นการเตรียมตัวรับการเลือกตั้งใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นไวกว่ากำหนดเดิม ถึงแม้ประชาชนจะมองว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละพรรคช่วงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกภายใน และเป็นเพียงการสร้างกระแส แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนเองก็ลุ้นอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว กระแสของพรรคเพื่อไทยยังคงไปได้ด้วยดี แต่กระแสนายกฯจากการสำรวจครั้งนี้กลับเป็น นายพิธา ที่มีกระแสดีมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน