2พันร้านในกรุง
จ่อให้นั่งดื่มได้!

โชเฟอร์แท็กซี่-มอเตอร์ไซค์ วินอายุเกิน 65 ปี ใน 29 จังหวัดที่ลงทะเบียนได้รับสิทธิ์ 7 พันกว่ารายเตรียมเฮ รับเงินเยียวยา 1 หมื่น-5 พันบาท พร้อมโอนรอบแรกวันพรุ่งนี้ ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ปลื้มหลังเปิดประเทศ 2 สัปดาห์ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มเกือบ 4 หมื่นคน สายการบินจากยุโรป-ตะวันออกกลางแห่เพิ่มจำนวนเที่ยวเข้าไทย อธิบดีกรมอนามัยแจง ร้านใน กทม.ผ่านเกณฑ์แล้วกว่า 2 พันแห่ง สามารถนั่งดื่มในร้านได้ ส่วนสถานการณ์โควิดคงตัว ผู้ป่วยใหม่ 7 พัน ดับ 47 ศพ ภาคใต้สูงสุด 18 ราย พบเด็ก 13 ปี เป็นโรคหอบหืดเสียชีวิตด้วย เปิดรายชื่อ 23 จังหวัดติดเชื้อต่ำ

ผู้ป่วยใหม่ 7,079 รายตาย 47

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 7,079 ราย สะสม 2,018,410 ราย หายป่วย 6,917 ราย สะสม 1,902,846 ราย เสียชีวิต 47 ราย สะสม 20,036 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 95,528 ราย อยู่ใน ร.พ. 45,407 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 50,121 ราย มีอาการหนัก 1,808 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 425 ราย

ภาพรวมผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 4,334 ราย คิดเป็น 63% 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1,374 ราย คิดเป็น 20% กทม.และปริมณฑล 1,191 ราย คิดเป็น 17% เรือนจำ 171 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศมี 9 ราย ได้แก่ เดนมาร์ก อังกฤษ และออสเตรเลีย ประเทศละ 1 ราย และรัสเซีย และกัมพูชา ประเทศละ 3 ราย

ผู้เสียชีวิต 47 ราย มาจาก 24 จังหวัด มาจากภาคใต้สูงสุด 18 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 ราย ภาคกลางและตะวันออก 7 ราย ภาคเหนือ 6 ราย กทม. 4 ราย และปริมณฑล 1 ราย ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 27 ราย หญิง 20 ราย อายุ 13 – 99 ปี ค่ากลางอายุ 72 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีและมีโรคประจำตัวรวมกัน 94% ไม่มีโรคเรื้อรัง 4% และเด็ก 13 ปี 1 ราย กทม. เป็นโรคหอบหืด คิดเป็น 2%

จังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 รายมี 19 จังหวัด โดย 10 อันดับที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 694 ราย สะสม 410,020 ราย 2.สงขลา 460 ราย สะสม 53,717 ราย 3.ปัตตานี 371 ราย สะสม 42,629 ราย 4.เชียงใหม่ 357 ราย สะสม 22,008 ราย 5.นครศรีธรรมราช 349 ราย สะสม 34,805 ราย 6.นราธิวาส 339 ราย สะสม 39,682 ราย 7.สมุทรปราการ 250 ราย สะสม 125,644 ราย 8.สุราษฎร์ธานี 244 ราย สะสม 21,526 ราย 9.ยะลา 204 ราย สะสม 44,597 ราย และ10. ชลบุรี 180 ราย สะสม 104,657 ราย

ส่วน 9 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ตรัง 167 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 147 ราย , นครราชสีมา 143 ราย , ราชบุรี 139 ราย , ระยอง 134 ราย , พัทลุง 119 ราย , ขอนแก่น 118 ราย , จันทบุรี 113 ราย และสระแก้ว 108 ราย

เดินทางเข้าไทยติดเชื้อ 52 คน

ขณะที่ติดเชื้อต่ำกว่า 20 ราย มี 23 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ 19 ราย , หนองคาย 19 ราย , พิจิตร 15 ราย , อุตรดิตถ์ 15 ราย , สมุทรสงคราม 14 ราย , เลย 13 ราย , หนองบัวลำภู 13 ราย , กำแพงเพชร 12 ราย , น่าน 11 ราย , อำนาจเจริญ 11 ราย มหาสารคาม 10 ราย , อ่างทอง 10 ราย , อุทัยธานี 8 ราย , ชัยนาท 8 ราย , พะเยา 8 ราย , แพร่ 8 ราย , ลำปาง 8 ราย , ระนอง 7 ราย , นครพนม 4 ราย , ยโสธร 4 ราย , บึงกาฬ 3 ราย , สกลนคร 2 ราย และมุกดาหาร 1 ราย

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 13 พ.ย. ฉีดเพิ่มขึ้น 373,166 โดส สะสม 84,467,731 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 45,204,553 ราย คิดเป็น 62.8% ของประชากร เข็มสอง 36,504,141 ราย คิดเป็น 50.7% ของประชากร และเข็มสาม 2,759,037 ราย คิดเป็น 3.8% ของประชากร

ส่วนผู้เดินทางเข้าประเทศ วันที่ 1-13 พ.ย. สะสม 44,774 คน ได้แก่ ระบบ Test&Go 31,666 คน แซนด์บ็อกซ์ 10,964 คน กักตัว 7 วัน 716 คน และกักตัว 10 วัน 1,428 คน โดยเข้ามาผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 28,958 คน ท่าอากาศยานดอนเมือง 206 คน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 210 คน ท่าอากาศยานภูเก็ต 14,402 คน และท่าอากาศยานสมุย 998 คน ภาพรวมพบผู้ติดเชื้อ 52 คน คิดเป็น 0.12%

สำหรับ 10 ประเทศต้นทางที่มีอัตราการติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ ไนจีเรีย 6.67% ศรีลังกา 1.49% ตุรกี 1.2% รัสเซีย 0.68% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 0.44% กาตาร์ 0.4% โปแลนด์ 0.3% อังกฤษ 0.3% อิตาลี 0.21% ออสเตรเลีย 0.2% และอื่นๆ 0.48%

แอร์ไลน์แห่เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พอใจผลจากมาตรการเปิดประเทศต้อนรับ นักท่องเที่ยวตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย ทั้งรูปแบบ เทสต์ แอนด์ โกแบบ แซนด์ บ็อกซ์ กักตัว 7 และ 10 วัน สะสมเกือบ 40,000 ราย ขณะที่สายการบินที่แสดงความจำนงเปิดเส้นทางบินจากภูมิภาคยุโรป และตะวัน ออกกลางเข้าประเทศไทยเพิ่ม ตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ภาพรวมเที่ยวบินระหว่างประเทศได้เพิ่ม 18 สายการบินด้วยกัน จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ขอทำการบิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิในเดือนพ.ย. 2,008 เที่ยวบิน รวมกว่า 60 สายการบินและตารางบินระหว่างประเทศสนามบิน ภูเก็ต รวม 793 เที่ยวบิน 19 สายการบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 จากเดือนต.ค. โดยบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินรวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 990 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 25 ของเดือนที่ ผ่านมา

สำหรับตัวเลขผู้เดินทางเข้าประเทศ สะสมตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ย. มีจำนวน 39,519 คน แบ่งเป็นระบบ Test and Go 23,715 คน Sandbox 1,325 คน รูปแบบกักตัว 7 วัน 517 คน และรูปแบบกักตัว 10 วัน 1,263 คน โดยนักท่องเที่ยวแบบ Test and Go เข้ามาผ่าน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 22,711 คน ท่าอากาศยานดอนเมือง 202 คน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 211 คน ท่าอากาศยานภูเก็ต 3,592 คน และท่าอากาศยานสมุย 645 คน โดยภาพรวมพบผู้ติดเชื้อ 46 คน คิดเป็น 0.12%

ทั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอรับ Thailand Pass QR Code ผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th แล้ว ตั้งแต่ 1- 13 พ.ย. 173,637 ราย ได้รับการอนุมัติ 134,086 ราย ขณะที่สถิติการสมัครเพื่อรับมาตรฐาน SHA Plus+ปรับตัวเพิ่มขึ้น ณ 11 พ.ย. มีสถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน 5,760 แห่ง โดยมีโรงแรมที่พักและโฮมสเตย์ 2,302 แห่ง และภัตตาคารและร้านอาหาร 578 แห่ง เป็นต้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ในการประชุมศบค.นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เร่งแก้ไขปัญหาระบบ Thailand Pass ที่ใช้ระยะเวลาอนุมัติค่อนข้างนาน คาดว่าต่อไปนี้ระบบจะอนุมัติ Thailand Pass QR Code รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

“ผลตอบรับตั้งแต่ประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย. ทั้งดีมานด์เที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นนั้น สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติเชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพ มีมาตรการสาธารณสุขที่รัดกุม สามารถควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ ควบคู่ไปกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ทำให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการทั้งตลอด ห่วงโซ่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาเปิดกิจการได้มากขึ้น นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค. ยังให้แนวทางเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมในปลายปีนี้และต้นปีหน้าอีกด้วย” นายธนกรกล่าว

โมเดอร์นา – พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี ตรวจการฉีด วัคซีนโมเดอร์นาให้ผู้ขาดโอกาส ผู้อายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.

ฉีดวัคซีนนักเรียนเกือบ 90%

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนว่า นักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,917,736 คน ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 3,423,581 คน คิดเป็น 87.39 % เข็มที่ 2จำนวน 640,731 คน คิดเป็น 16.35% ส่วนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แบ่งตามรายภาค ได้แก่ ภาคอีสาน 242,920 คน ภาคกลาง 161,657 คน ภาคใต้ 99,424 คน ภาคตะวันออก 50,094 คน ภาคเหนือ 49,280 คน และภาคตะวันตก 37,338 คน

ทั้งนี้ ยอดที่ขยับเนื่องจากนักเรียนแจ้งความประสงค์ที่จะฉีดวัคซีนเพิ่มเกือบ 50,000 คน หากฉีดวัคซีนได้รวมเร็วเช่นนี้ ภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ตัวเลขนักเรียนน่าจะแตะเกือบ 90% ขณะที่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 837,392 ราย เข็มที่ 2 แล้ว 594,893 ราย ยังไม่ได้ฉีด 56,995 ราย

นายธนกรกล่าวย้ำว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เปิดการเรียนการสอนได้ คือ 1.การฉีดวัคซีน เป็นการเสริมเกราะป้องกันตัว 2.ตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) ลดแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ขณะนี้รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มอบชุดตรวจ ATK สำหรับตรวจคัดกรองโควิด-19 กว่า 46,000 ชุด ให้โรงเรียนสังกัด กทม. 437 แห่ง ที่มีความพร้อมในการเปิดการเรียนการสอนแบบ On-Site ในวันที่ 15 พ.ย.

หากคัดกรองแล้วพบผลเป็นบวก ระบบสาธารณสุขก็มีความพร้อมในการรักษาให้หาย ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการเตรียมความพร้อม สร้างความมั่นใจให้นักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเปิดการเรียนการสอน โดยสอดคล้องนโยบายของรัฐบาลที่เปิดประเทศ ผ่อนคลายให้ธุรกิจเปิดกิจการได้ ซึ่งนายกฯ ย้ำให้สถานประกอบการ ผู้ประกอบการ ประชาชน ตั้งการ์ดสูง ป้องกันตามมาตรการเข้มงวด สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจ เพื่อช่วยลดการติดและแพร่เชื้อได้

โอนเงิน‘แท็กซี่-จยย.วิน’ 16 พ.ย.

นายธนกรกล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งประกอบอาชีพขับรถอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ว่า กรมการขนส่งทางบกได้เปิดให้ผู้ขับรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้าเงื่อนไข มีรายชื่อในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ยืนยันตัวตนและตรวจสอบข้อมูล ที่ต้องตรวจข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบจากฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มเติม

โดยขณะนี้ยอดลงทะเบียนขอรับสิทธิช่วยเหลือทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 10,789 ราย แบ่งเป็นผู้ขับรถแท็กซี่ 5,921 ราย และผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ 4,868 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ตรวจสอบแล้วว่ามีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ 7,017 ราย และรอผลการตรวจสอบ 3,772 ราย

โดยกำหนดดำเนินการโอนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิรอบแรกในวันที่ 16 พ.ย.นี้ ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารการลงทะเบียน สำหรับผู้ขับรถแท็กซี่ในกรณีรถเช่าขับ กรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบข้อมูลจากผู้ให้เช่าก่อนพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขเป็นผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือหรือไม่ และจะกำหนดวันสำหรับโอนรอบที่ 2 ต่อไป

นายธนกรกล่าวว่า สำหรับผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะและรถแท็กซี่ส่วนบุคคลที่ประกอบอาชีพใน 13 จังหวัด ตามข้อกำหนดฉบับที่ 25 และฉบับที่ 28 (ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) จะได้รับเงินช่วยเหลือในอัตรา 10,000 บาทต่อคน

ส่วนผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ประกอบอาชีพใน 16 จังหวัด ตามข้อกำหนดฉบับที่ 30 (กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง) จะได้รับเงินช่วยเหลือ ในอัตรา 5,000 บาทต่อคน สามารถสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

เล็งเปิดด่านชายแดนใต้ปลายปี

ด้านน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ หลังนายกฯ ตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า) มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นผอ.ศบค.ส่วนหน้า ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด -19 โดยรวมในพื้นที่จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ดีขึ้น แนวโน้มผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิต เริ่มลดลงตามลำดับ ขณะนี้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนโดยตั้งเป้าเปิดด่านชายแดนรับนักท่องเที่ยวช่วงปลายปีในจังหวัดที่พร้อม

“นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และดีใจที่รับทราบว่าประชาชนในพื้นที่ได้ผนึกกำลังเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเปิดประเทศต้อนรับปีใหม่ 2565 ซึ่งศบค.ส่วนหน้าอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดด่านสะเดา จ.สงขลา ด่านโกลก จ.นราธิวาส ด่านเบตง จ.ยะลา และด่านวังประจัน จ.สตูล ช่วงปลายปี ประมาณวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เพื่อให้การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้กลับมาเดินหน้าต่อไป” น.ส.รัชดากล่าว

น.ส.รัชดากล่าวว่า นายกฯ ขอบคุณความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ และจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่จชต. 4 จังหวัดครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการป้องกันการติดเชื้อ ควบคุมการแพร่ระบาด รักษาผู้ป่วย เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรค ตลอดจนการเตรียมความพร้อมสู่การผ่อนคลายมาตรการเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะการทำงานเชิงรุกทั้งการกระจาย ATK ให้ประชาชนในพื้นที่ ในภาพรวมยังมีเตียงว่างอีก 1.6 หมื่นเตียง หรือ 43%

น.ส.รัชดากล่าวว่า ได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนในพื้นที่ โดยฉีดเข็มที่ 1 เฉลี่ยเกินร้อยละ 60 ขณะที่จ.สงขลา มีประชากรที่ได้รับการฉีดเข็ม 1 แล้ว ครอบคลุมกว่าร้อยละ 71 ที่ผ่านมาได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ทั้งรูปแบบในที่ตั้ง และแบบ Mobile Unit เพื่อให้ไปตามเป้าหมายร้อยละ 70 โดยเร่งประชาสัมพันธ์แบบเจาะกลุ่ม เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นหลังการรับวัคซีน

เพราะขณะนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้คนในพื้นที่รู้สึกกลัวก่อนหน้านี้สำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกเผยแพร่คำวินิจฉัย (ฟัตวา) (เมื่อ25 พ.ค. ) ระบุว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ขัดหลักศาสนาและเป็นสิ่งจำเป็นตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของสังคม

ชี้ร้านผ่าน‘COVID Freeฯ’นั่งดื่มได้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงมาตรฐาน SHA สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารย่านข้าวสารว่า ตามที่กทม.ได้ออกประกาศผ่อนคลายให้ร้าน อาหารในกทม.สามารถจำหน่ายและนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ โดยระบุว่าจะต้องผ่านการประเมินมาตรฐาน SHA / SHA Plus หรือผ่านมาตรการ Covid free settings ที่จะมีการสุ่มตรวจเป็นระยะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีป้ายสัญลักษณ์ SHA / SHA Plus

“เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านจำนวนร้านอาหารที่ประเมิน SHA กับ SHA Plus ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่มีร้านจำนวนมากที่อยู่ในมาตรฐาน Thai Stop Covid plus และประเมินตามมาตรการ Covid free settings กว่า 2 พันร้านอยู่แล้ว จึงออกข้อกำหนดใหม่ว่า ถ้าร้านผ่านการประเมิน Thai Stop Covid และทำมาตรการ Covid free settings ก็สามารถอยู่ในเงื่อนไขที่นั่งบริโภคแอลกอฮอล์ในร้านได้ ซึ่งวันที่ 1 ธ.ค.จะดำเนินในส่วนนี้เต็มที่”

นพ.สุวรรณชัยกล่าวและว่า มาตรการ Covid free settings ต้องผ่านการประเมินใน 3 ส่วนคือ 1.สิ่งแวดล้อม ต้องมีการประเมินใน Thai Stop Covid มีระบบระบายอากาศดี 2.ผู้ให้บริการต้องฉีดวัคซีนครบโดสตามเกณฑ์ ตรวจคัดกรอง ATK ตามความเสี่ยง และ 3.ผู้เข้ารับบริการต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือตรวจ ATK แยกตามความเสี่ยงก่อนเข้าบริการ

พะเยาเร่งคุมคลัสเตอร์งานศพ

นพ.ศุภชัย บุญอำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พะเยา ระบุว่า จ.พะเยายังคงพบมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงนี้มีคลัสเตอร์ใหม่ที่ทำให้มีผู้ป่วยนับ 100 ราย คือคลัสเตอร์ร่วมงานศพบ้านสันติสุข ต.ขุนควร อ.ปง ซึ่งทางสาธารณสุข รวมทั้งอ.ปงได้ปิดหมู่บ้านดังกล่าว และตรวจเชิงรุกให้กับชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้าน คาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีพื้นที่ห่างไกลและจะจำกัดคนในพื้นที่เท่านั้นที่มีภาวะในเรื่องของความเสี่ยง ในช่วงนี้จะพบผู้ป่วยลดลง ล่าสุดสามารถตรวจพบผู้ป่วยเพียง 3 ราย คาดว่าในเวลาไม่นานจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

ขณะที่ในจ.พะเยา พบผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ 8 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อเดินทางมาจากต่างจังหวัด 2 ราย ไปสถานบันเทิง จ.เชียงราย และติดเชื้อในจังหวัด 6 ราย ในครอบครัว พื้นที่ ต.เวียง อ.เมืองพะเยา 2 ราย สัมพันธ์กับคลัสเตอร์คุมประพฤติ จ.พะเยา 1 ราย และคลัสเตอร์ร่วมงานศพ บ้านสันติสุข ต.ขุนควร อ.ปง 3 ราย

โคราชปิดหมู่บ้านบางส่วน

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการ จ.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ลงนามในคำสั่งจังหวัดฯ ที่ 11156/2564 เรื่อง ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคติดต่ออันตราย โดยพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในพื้นที่บ้านเก่านางเหริญ หมู่ที่ 5 ต.เกษมทรัพย์ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 5-11 พ.ย. พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 30 ราย

ซึ่งมีประวัติการสัมผัสกับประชาชนในหมู่บ้านจำนวนมาก ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องเฝ้าระวัง 99 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีก 53 ราย จึงมีความจำเป็นต้องควบคุมการแพร่ของเชื้อให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นกรณีมีความจำเป็นรีบด่วน จึงมีคำสั่งให้ปิดพื้นที่บางส่วนของบ้านเก่านางเหริญ หมู่ที่ 5 ต.เกษมทรัพย์ อ.ปักธงชัย ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. เวลา 08.00 น. ถึงวันที่ 26 พ.ย. เวลา 08.00 น. โดยห้ามผู้ใดเข้า-ออกจากพื้นที่ดังกล่าว

กาฬสินธุ์ตรวจกลุ่มเสี่ยงกว่า 700

นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจ.กาฬสินธุ์ เผยว่า คลัสเตอร์งานศพบ้านบัวขาว ม.12 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ ยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อเท่าเดิมคือ 92 ราย ซึ่งทีม เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร.พ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ ร่วมกับหลายหน่วยงานนำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานบริการกลุ่มเสี่ยง 3 จุด ประกอบด้วยที่บริเวณที่ว่าการอำเภอกุฉินารายณ์, บริเวณเทศบาลเมืองกุฉินารายณ์ และสวนสาธารณะเกาะกลางอ่างเลิงซิว มีเด็กและผู้ใหญ่เข้าตรวจกว่า 700 คน อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ และขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนตรวจคัดกรองเชิงรุกเพิ่มเติม เนื่องจากการแพร่ระบาดนั้นเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังเปิดวอล์กอินฉีดวัคซีนให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประชาชนเข้ารับบริการจำนวนมาก

นพ.อภิชัยกล่าวอีกว่า สำหรับคลัสเตอร์งานบุญกฐินสามัคคีวัดบ้านบึง อ.กมลาไสย ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 20 รายนั้น ได้นำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบรักษา พร้อมนำกลุ่มเสี่ยงเข้าสู่ระบบกักตัวเฝ้าระวัง ภาพรวมสามารถควบคุมโรคได้ทั้งหมดแล้ว แต่ในส่วนคลัสเตอร์งานบุญขึ้นบ้านใหม่ในชุมชนหนองผ้าอ้อม อ.สมเด็จ พบผู้ป่วยแล้ว 9 ราย และในอ.สหัสขันธ์อีก 1 ราย เป็นผู้มาร่วมงาน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 19 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้แล้ว 29 ราย อยู่ระหว่างติดตามตัวกลุ่มเสี่ยง

คาดว่าในอีก 2-3 วันจะติดตามกลุ่มเสี่ยงได้ครบ อย่างไรก็ตาม ยังอยากเน้นย้ำและขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่จัดงานบุญ งานประเพณีต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และมาตรการของจ.กาฬสินธุ์อย่างเคร่งครัด ควรงดการรับประทานอาหารร่วมกันแล้วให้ห่อกลับบ้าน และต้องสวมหน้ากากทุกครั้งที่มาร่วมงาน

สงขลาติดเชื้อที่ 2 ของประเทศ

สำนักงาน สสจ.สงขลา รายงานสถานการณ์โควิดยังพบผู้ติดเชื้อทั้ง 16 อำเภอ มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกในครอบครัวและชุมชน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันที่ 14 พ.ย. 460 ราย อันดับ 2 ของประเทศติดต่อกัน 7 วัน วันละ 400 ราย รวมติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือนเม.ย. รวมผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 54,916 ราย นอนรักษาในร.พ. 6,100 ราย รักษาหายกลับบ้าน 48,300 กว่าราย เสียชีวิต 5 ราย สถิติเสียชีวิตสะสม 206 ราย มาจากกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนและมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หัวใจ ไขมันสูง มะเร็ง ไตเรื้อรัง

ส่วนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ที่พบมากติดต่อกันและติดเชื้อสะสมอันดับ 1 อ.หาดใหญ่พบมากในเขตเทศบาล จึงแจกชุดตรวจ ATK ฟรี รองลงมา อ.เมือง และ อ.จะนะ แม้ได้รับวัคซีนร้อยละ 71 แล้วแต่ยังมีพบผู้ติดเชื้อสูงติดอันดับ 2 ของประเทศ และที่ 1 ของ 14 จังหวัดภาคใต้

ส่วนกลุ่มที่ตรวจคัดกรองของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พบผู้ติดเชื้อสูงในกลุ่มผู้สัมผัส ผู้ติดเชื้อในพื้นที่ร้อยละ 70 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด รองลงมากลุ่มตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อจากระบบทางเดินหายใจร้อยละ 20 นอกจากนั้นมีกลุ่มคลัสเตอร์เดิมๆ เช่น จากกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงโรงงาน ตลาด ชุมชน ร้านค้า บริษัท หน่วยงาน ผู้เดินทางจากต่างจังหวัด

เชียงใหม่ฉีดวัคซีนกว่า1.3ล้านคน

ที่จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 376 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 372 ราย อีก 4 รายเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด ทำให้ยอด ผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 18,238 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 89 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกเดือนเม.ย. มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วทั้งหมด 22,407 ราย และรักษาหายแล้ว 17,189 ราย โดยเป็นผู้ป่วยที่รักษาหายวันนี้ 374 ราย ขณะที่การตรวจ ATK เมื่อวานนี้ (13 พ.ย. 64) ตรวจไป 2,084 ราย พบผู้มีผลบวก 150 ราย

ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว 1,306,055 คน คิดเป็นร้อยละ 75.52 จากประชากรจ.เชียงใหม่ 1,729,353 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดแล้ว 240,943 คน คิดเป็นร้อยละ 73.53 กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังฉีดแล้ว 124,908 คน กลุ่มประชาชนอายุ 18-59 ปี ฉีดแล้ว 940,204 คน

ปิดโรงเรียน – จนท.เร่งตรวจคัดกรองบุคลากรและนักเรียน ร.ร.อนุบาลแจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง หลังต้องสั่งปิดเรียนระหว่างวันที่ 15-21 พ.ย. เพราะพบผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.

ร.พ.แจ้ห่มแจ้งกลุ่มเสี่ยงรีบตรวจ

ที่จ.ลำปาง พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด ทั้งหมดซึ่งเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยคลัสเตอร์โรงงานข้าวแต๋น อ.เกาะคา 1 ราย และผู้ป่วยใหม่ อ.แจ้ห่ม 3 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค นายชาญ จูดคง นายอำเภอแจ้ห่มเผยว่า อ.แจ้ห่มพบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย เป็นพนักงานชายร.พ.แจ้ห่ม 2 ราย และจากการตรวจคัดกรองผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและใกล้ชิด ผลสว็อบพบภรรยาผู้ป่วยติดเชื้ออีก 1 ราย รวมเป็น 3 ราย และได้ตรวจคัดกรอง เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ของร.พ.แจ้ห่มทั้งหมด ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ทำงานใกล้ชิดกับภรรยาผู้ป่วยติดเชื้อตรวจคัดกรองแล้วยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มเช่นกัน

ขณะนี้ สสอ.แจ้ห่ม และร.พ.แจ้ห่มอยู่ระหว่างสอบสวนโรคและประเมินกักตัวในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ปัจจุบัน อ.แจ้ห่มมีผู้ป่วยสะสม 21 ราย โดยวันที่ 13 พ.ย. ผู้ประกอบการ-เจ้าของร้านค้า ร้านอาหารที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมดมาตรวจแบบ ATK ผลตรวจเป็นลบ ในส่วนเจ้าหน้าที่ สธ.และผู้ประกอบการและพนักงานร้านเตี๊ยก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 40 ราย ตรวจแบบ RT-PCR ผลตรวจไม่พบเชื้อเช่นกัน

ทั้งนี้ ร.พ.แจ้ห่มแจ้งประกาศผู้ไปใช้บริการสถานที่เสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไปใช้บริการให้มาตรวจประเมินตนเองเบื้องต้นที่ร.พ.แจ้ห่ม หรือรพ.สต.ใกล้บ้านภายในวันที่ 14-15 พ.ย. จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ผู้ไปใช้บริการ ร้านเตี๊ยกมินิมาร์ท ช่วงวันที่ 29 ต.ค.-12 พ.ย. ร้านแม็กอาหารตามสั่งช่วงวันที่ 29 ต.ค.-12 พ.ย. เวลา 12.00-13.00 น. ผู้ร่วมงานศพที่บ้านสบฟ้าในวันที่ 2 พ.ย. เวลา 16.00-17.00 น. ร้านอาหารพี่โบว์หน้าวัดบ้านแป้น ในวันที่ 9 พ.ย. เวลา 12.00-13.00 น.

และร้านก๋วยเตี๋ยวมะระไก่ตุ๋น หน้าร.ร.แจ้ห่มวิทยา ช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. เวลา 09.00-12.00 น. โดย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้ประกอบการได้ปิดร้านให้เจ้าหน้าที่ ทต.แจ้ห่ม นำน้ำยาฉีดพ่นฆ่าเชื้อและปิดทำความสะอาดร้านเตี๊ยกมินิมาร์ท อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย.นี้

ร.ร.อนุบาลแจ้ห่มปิด 15-21 พ.ย.

วันเดียวกัน นายเสถียร หมายมั่น ผอ.ร.ร.อนุบาลแจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม ได้ประกาศเรื่องการปิดสถานศึกษาด้วยเหตุพิเศษ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ 13 พ.ย.64 หลังจากประกาศเปิดเรียนภาคเรียนที่ 2 ปี 2564 เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้เคยประกาศปิดสถานศึกษาเนื่องจากเหตุพิเศษ 2 ครั้งเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 2-8 ส.ค. และระหว่างวันที่ 9-15 ส.ค.ที่ผ่านมา

เนื่องด้วยมีผู้ปกครองนักเรียนตรวจพบติดเชื้อ จึงประกาศปิดสถานศึกษาด้วยเหตุพิเศษ ตั้งแต่ วันที่ 15-21 พ.ย. เป็นเวลา 7 วัน และจะเปิดการสอนตามปกติในวันที่ 22 พ.ย.นี้ และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบออนไลน์ตามตารางเรียนปกติ ทั้งนี้ ให้ครู บุคลากรทุกคนมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และขอความร่วมมือนักเรียนและบุคลากรของร.ร.อนุบาลแจ้ห่ม งดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่ชุมชน ที่อาศัย หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง

กระบี่ติดเชื้อลดไม่เกิน 100 ต่อวัน

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจมาตรการรับนักท่องเที่ยวปลอดภัยจากโควิด-19 ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ใน จ.กระบี่ วันนี้รายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 86 ราย สะสม 8,800 ราย เสียชีวิต 39 ราย คิดเป็น 0.43% การระบาดเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายก.ย.ถึงปลายต.ค. ขณะนี้แนวโน้มลดลง โดยช่วง 20 วันที่ผ่านมามีผู้ป่วยรายวันไม่เกิน 100 ราย สัดส่วนไม่เกิน 20 ต่อแสนประชากร การติดเชื้อช่วงหลังเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ส่วนผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว ไม่ได้รับวัคซีน โดยมีเพียง 3 รายที่รับวัคซีน โดยฉีดเข็มเดียว 2 ราย และฉีดครบ 2 เข็ม 1 ราย

นายสาธิตกล่าวว่า การเปิดประเทศนั้นนักท่องเที่ยวเข้ามาผ่านระบบ Test&Go นั้นพบติดเชื้อ 0.08% ถือว่าน้อย เพราะตรวจจับได้ ที่ห่วงคือเมื่อเปิดประเทศ มีการจ้างงานแรงงานต่างด้าวต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะโรงแรมและร้านอาหาร ไม่อยากให้มีการรับแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้น แต่หากรับต้องถูกกฎหมาย ซึ่งพร้อมจะฉีดวัคซีนให้ รวมถึงระวังคลัสเตอร์ใหม่ๆ โดยเฉพาะประชาชนผ่อนคลายจากการอัดอั้นมานาน ในช่วงลอยกระทงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อยากจะสื่อสารเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าถ้าทำสำเร็จ การรักษาวินัย ฉีดวัคซีนครอบคลุม โฟกัสกลุ่มเสี่ยง คิดว่า 14 วันนี้ถ้ากลั้นใจอดทนรักษามาตรการ 14 วันนี้จะผ่านไปได้ไม่สะดุด

สำหรับการประชุมครม.สัญจรในส่วนของสาธารณสุขจะเสนอ 2 เรื่อง คือ 1.การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ เนื่องจากการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไปจ.ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ใช้เวลาไปจังหวัดละ 2 ชั่วโมงกว่า ซึ่งทางอบจ.จะเป็นเซ็นเตอร์ในการบริหารระบบ EMS และ 2.พัฒนาศักยภาพ ร.พ.กระบี่ เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเพิ่มห้องผ่าตัดและไอซียูเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว

ในระยะถัดไปอยากจะพัฒนาจ.กระบี่ ในส่วนของเกาะลันตาเป็นเวลเนส เซ็นเตอร์ (Wellness Center) เนื่องจากช่วงฤดูหนาวมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะแถบสแกนดิเนเวียมาพักระยะยาว และส่งบุตรหลานมาเรียนร.ร.นานาชาติ แต่ไม่สามารถพาผู้สูงอายุมาอยู่ได้ เนื่องจากระบบการดูแลไม่เพียงพอ จึงต้องปรับเพิ่มศักยภาพให้มี Long Term Care เชื่อมโยงกับน้ำพุร้อนคลองท่อม ส่งไปบำบัดฟื้นฟูหลอดเลือดสมอง และกลับมาพักร.พ. ซึ่งหากสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อยไปแผ่นดินเสร็จจะใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน