พท.ปลุกเข้าชื่อรื้อ256ตั้งสสร.
ตู่โวยบิดเบือน‘รถทหาร-ผักชี’
เอนกนั่งหัวหน้า‘พรรคเทือก’
ศรัณย์วุฒขึ้นแท่นหน.เพื่อชาติ

ราชกิจจาฯ ประกาศ โปรดเกล้าฯ แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ‘บิ๊กตู่’ ครวญ กลางงานสภาหอการค้า ลั่นไม่ใช่คนใจร้ายเผด็จการ โอดโดนบิดเบือนปมสั่งทหารปลูกผักชี ใช้รถทหารขนสินค้า ปัดตอบยังอยู่กับพลังประชารัฐหรือไม่ ‘บิ๊กป๊อก’ ปฏิเสธข่าวจับมือนายกฯ ตั้งพรรคใหม่ เพื่อไทยแถลงปลุกประชาชน 1.3 แสนเข้าชื่ออีกครั้ง ยื่นแก้มาตรา 256 ตั้งส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ‘พรรคเทือก’ ประชุมใหญ่ เลือก ‘เอนก’ นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ‘ศรัณย์วุฒิ’ ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กกต.เตือนช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งอบต. อย่าทำผิดกฎหมาย ใส่ร้ายป้ายสี

ไอเลิฟยู – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชูมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้กับสื่อ หลังไปร่วมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ‘จับมือ รวมใจ พาไทยรอด’ ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ที่หอประชุมใหญ่ ม.หอการค้าไทย ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. เมื่อ 21 พ.ย.

ตู่ยันต้องเจรจา CPTTP

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่หอประชุมใหญ่ ม.หอการค้าไทย ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้า ทั่วประเทศ ครั้งที่ 39

โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาชิกหอการค้า ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมงาน เมื่อนายกฯ มาถึง เจ้าภาพเปิดเพลงบ้านเกิดเมืองนอนต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มพอใจและยกมือรับไหว้ทักทายผู้ร่วมงานและปรบมือตามจังหวะเพลง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า การแก้ปัญหาต้องมองภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศรอบบ้านที่มีพื้นที่ติดต่อ และมีกลุ่มประเทศต่างๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจ เช่น สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ต้องนำมาเป็นข้อพิจารณา ต้องใช้สติปัญญาแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ถูกหรือผิด มันเป็นไปไม่ได้ในโลกใบนี้ ข้อสำคัญต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของเรา ขอให้เข้าใจให้ถูกต้องโดยเฉพาะสื่อต้องสร้างความเข้าใจ

ยังมีพันธสัญญากับกลุ่มประเทศต่างๆ เมื่อเป็นมติส่วนใหญ่ไม่สามารถคัดค้านได้ กรณีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTTP) ยอมรับว่ามีข้อเสียแต่ก็มีข้อดี จะทำอย่างไรให้เจรจากับเขาได้ก่อนเท่านั้นเอง แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับหรือไม่รับ แต่หากไม่ร่วมเจรจาวันนี้วันข้างหน้าเมื่อสมาชิกอื่นๆ เข้ามาอีกจำนวนมาก เราจะไม่มีโอกาสเสนอข้อสงวนอีกเลย ขอให้จำคำพูดของตนตรงนี้ไว้ ขอให้แปลเจตนารมณ์ของตนให้ถูกต้อง โดยเฉพาะสื่อหากวันหน้าเกิดปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น

ยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่ครองอำนาจ

เรามีทั้งปัญหาสุขภาพ เศรษฐกิจตกต่ำ และปัญหาที่มีมาตลอดคือความยากจน ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งหมดบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงประเด็นและจัดสรรงบให้ตรงเป้าหมาย

“ยืนยันไม่ได้เป็นเรื่องการยึดครองอำนาจ หรืออะไรทั้งสิ้น เรื่อง 20 ปีโดยผมยังอยู่ มันไม่ใช่ จะวางอนาคตข้างหน้าอย่างไร เป็นสิ่งที่ตนคิดใน 6 ยุทธศาสตร์ชาติ จึงมีแต่หัวข้อกำหนด ถ้าต่างคนต่างทำก็ยังเป็นอยู่แบบเดิม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ตนไม่ต้องการไปก้าวล่วง ยกเว้นการ บูรณาการงานยังไม่เรียบร้อย เช่น เรื่องการบินเข้าประเทศ ยืนยันไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจหน้าที่รัฐมนตรี เราต้องให้เกียรติในฐานะเป็นเพื่อนร่วมงาน ด้วยความหวังดี เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร แม้จะเป็นการปกครองแบบพิเศษก็ต้องคุยกัน การไปเยี่ยมเยียนก็เป็นการทำงานไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองอะไรทั้งสิ้น

โอดถูกว่าเป็นเผด็จการ

ถ้าช่วยคิดให้ตรงกันทุกอย่างจะไปได้หมด แต่ถ้าขัดกันไปขัดกันมา ตรงนั้นดี ตรงนั้นไม่ดี หรือต้องดีกว่านี้อีก เดินหน้าเป็นสเต็ปไปจะดีกว่า เพราะอย่าลืมงบประมาณเราก็มีแค่นี้ การลงทุนถ้าตนเป็นเจ้าของธนาคารจะให้ทั้งหมด เรื่องสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แต่ไม่ใช่ของตน เป็นของเอกชนที่มีผู้ถือหุ้นจะไปสั่งให้ลดนั่นลดนี่ทำไม่ได้ ต้องเข้าใจตรงนี้ ไม่ใช่ว่าทำไมนายกฯ ไม่สั่ง การจะจัดสรรอะไรต้องคิด ต้องปรึกษา ต้องมีคำตอบจากคณะทำงานว่าทำได้หรือไม่ได้ ถ้าสั่งได้ตนสั่งให้ทั้งหมดไปแล้ว แต่ถ้าทำจริงก็จะหาว่าเป็นเผด็จการไปอีก

โวยบิดเบือนปม‘ผักชี-รถบรรทุก’

“แค่ผมสั่งให้ทหารปลูกผักชี พูดไม่ครบถึงผักชนิดอื่นก็โดนแล้ว ทหารเขาปลูกไว้กิน ใครจะซื้อก็ซื้อ ใครไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องไปซื้อของแพง ทหารปลูกไว้แจกด้วยซ้ำ เขาปลูกอยู่แล้วในค่ายทหาร ไม่ได้ว่าจะไปแข่งกับใคร ถ้าใครลำบากก็มาซื้อในที่ทหาร เรื่องรถขนส่งก็เช่นกัน ถ้าเดือดร้อนขึ้นมาจริงๆ ขาดแคลนสินค้าขนส่งก็มาขอทหาร ตนก็ต้องช่วย ไม่ได้เปิดการขนส่งแข่งกับใคร อย่าไปฟังเขาบิดเบือน ถ้ามันเดือดร้อนขึ้นมาไม่มี รถวิ่งเลยแล้วจะทำอย่างไร จะให้แบกกระสอบเดินกันหรือ พูดไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่บางทีก็ถูกบิดเบือนเยอะแยะไปหมด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นในปี 65, 66, 67 ถ้าโรคระบาดไม่กลับขึ้นมาอีก หรือมีอย่างอื่นเข้ามาอีก เช่น ความขัดแย้งในภูมิภาคอาเซียน หรือทะเลจีนใต้ หรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ต้องดูตรงนั้นด้วย รวมถึงราคาน้ำมันเป็นอย่างไร ซึ่งพยายามพยุงราคาดีเซลให้ได้ราคา ลิตรละ 30 บาท ถ้าลดลงได้อีกก็จะพยายาม โครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือน เพียงต้องการให้ข้าราชการไปรับฟังข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา เพื่อจะให้การทำงานสอดคล้องกับสภาพัฒน์ ไม่ได้เป็นการทำการเมืองอะไรทั้งสิ้น

ยันไม่ใช่เผด็จการ

หอการค้าถือเป็นภาคีสำคัญในการ ขับเคลื่อนประเทศ ทำงานร่วมกับรัฐบาล เอกชน ทั้งหมดต้องศึกษาข้อกฎหมาย กฎระเบียบ กฎกระทรวง มีกระบวนการร่วมกันคิดร่วมกันทำ ร่วมกันรับผิดชอบ “ผมยินดีรับฟังจากท่าน รับฟังจากพื้นที่ พร้อมปรับปรุงแก้ไข ผมไม่ใช่คนดื้อ จะพูดอะไรผมคิดในใจตลอดว่าทำได้แค่ไหน การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต้องอธิบายได้ว่าแก้แล้วจะเกิดตรงนี้ คุยกันแบบนี้จะได้เบาลงบ้าง หลานๆ มีอะไรจะถามไหม ลุงไม่ใช่คนใจร้าย ไม่ใช่คนเผด็จการ ทำทุกวัน แต่จะทำได้แค่ไหนเท่านั้นแหละ”

ปัดตอบยังอยู่พปชร.หรือไม่

ภายหลังงาน พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธจะตอบคำถาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ายังจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อใช่หรือไม่ โดยเดินออกจากโพเดียมการให้สัมภาษณ์ทันที และก่อนเดินขึ้นรถฮัมทำนองเพลงไทยเดิมอย่างอารมณ์ดี พร้อมกล่าวว่า “ถามเก่งจริงนะ”

บิ๊กป๊อกไม่ตอบตั้งพรรคใหม่

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าว 6 รัฐมนตรี เตรียมตั้งพรรคใหม่กับพล.อ.ประยุทธ์ ว่า “เธอรู้จักทุกพรรค แต่ผมไม่รู้จักสักพรรคเลย” ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

พล.อ.อนุพงษ์ ยังชี้แจงโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือน ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ว่า ได้วางโครงสร้างแล้ว สภาพัฒน์รวบรวมข้อมูลประชาชนในกลุ่มเปราะบาง อ่อนด้อย ไว้ในระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า หรือ TPMAP จะใช้ข้อมูลเข้าไปดูแลแก้ปัญหาทุกเรื่อง ทุกมิติ ทั้งเรื่องการศึกษา สาธารณสุข รายได้ ชีวิตความเป็นอยู่ ขั้นตอนคือ เมื่อมีข้อมูลในพื้นที่แล้วทั้งหมด จากนั้นส่งข้อมูลให้ทีมระดับพื้นที่ เตรียมตัวลงไปดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นอย่างไรและนำมาวางแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

โครงการนี้ดูต้นแบบมาจากต่างประเทศซึ่งประเทศเหล่านั้น ทำโครงการแบบ 1 ต่อ 1 แต่ประเทศไทยดูทุกช่วงวัย และทุกมิติ จึงต้องประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งจะมากกว่า 1 คน ใน 1 ทีม หรือประมาณ 3-5 คน และเบื้องต้นจะดำเนินการ 1 ทีม ต่อ 15 ครอบครัว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.นี้ จากนั้นต้นปี 2565 จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และจัดทีมพี่เลี้ยงระดับตำบล เบื้องต้น มีครัวเรือนที่จะได้รับการช่วยเหลือประมาณ 1 ล้านครัวเรือน

กกต.เตือนอบต.โค้งท้าย

รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งสมาชิก อบต. และนายก อบต. ว่า เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของสำนักงาน กกต. มหาดไทยจะทำหน้าที่สนับสนุน ตามที่ กกต.ร้องขอ สำหรับในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่หน่วยเลือกตั้งก็ไม่น่าเป็นกังวล ต่างจากห้างสรรพสินค้าที่ขณะนี้คนเริ่มแน่นแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้ กกต.มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเต็มที่ โดยภาพรวมทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใด สัปดาห์นี้ก็จะมีการอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เพื่อให้วันเลือกตั้งมีความพร้อมอย่างเต็มที่ และช่วงนี้เปิดให้ผู้ที่ไม่สามารถออกไป ใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 28 พ.ย. สามารถแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิได้เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ

ขณะเดียวกันอยากเน้นย้ำกับผู้สมัคร โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ให้หาเสียงด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม อย่าไปใส่ร้ายไปสี หรือกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกร้องเรียน ขณะนี้ทราบมาว่ามีเรื่องร้องเรียนแล้วประมาณ 30 เรื่อง แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีเรื่องเกี่ยวกับประเด็นใดบ้าง

ตั้งเป้าคนแห่ใช้สิทธิ์ 70%

อยากเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบต.ใน วันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย.นี้กันให้มากๆ โดย กกต.ตั้งเป้าผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เนื่องจากมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกผู้บริหารที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด เข้าใจว่าประชาชนจะเห็นความสำคัญในการเลือกคนดีเข้าไปบริหารและดูแลระบบสาธารณูปโภค ของ อบต. ดังนั้นช่วยกันออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันให้มากๆ อย่านอนหลับทับสิทธิ์

วิปรัฐแจงปมองค์ประชุม

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ขอความเป็นธรรมให้สภาผู้แทนฯ หลังมี ผู้ระบุ ส.ส.ไม่ตั้งใจทำงาน ทำให้การประชุมสภาล่มบ่อยครั้ง การประชุมสภาสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปิดการประชุมระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.บ.เครื่องสำอาง ข้อเท็จจริงเป็นข้อตกลงที่จะปิดประชุมสภา เวลา 16.00 น. เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 18 พ.ย. และต้องลงมติเวลา 10.00 น. ของวันดังกล่าว จากนั้นต้องประชุมสภาช่วงบ่ายต่อ การปิดประชุมไปก่อนพิจารณาร่างกฎหมายเสร็จไม่ใช่การทำสภาล่ม

“ผมขอความเป็นธรรมให้สภาด้วย เพราะการพิจารณาร่างกฎหมายที่เข้าสภา และการแสดงตนเป็นองค์ประชุมถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน อย่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พรรครัฐบาล ได้แสดงตนเป็นองค์ประชุม เพราะได้ให้ความสำคัญกับประชาชน ลำพังฝ่ายค้านไม่สามารถครบองค์ประชุมได้ การแสดงตนเป็นองค์ประชุม ขอย้ำว่าเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในสภา ใครไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมเท่ากับว่าปฏิเสธร่างกฎหมายที่สภาพิจารณา ” นายนิโรธกล่าว

ยันพปชร.ไม่มีปัญหาภายใน

ส่วนการประชุมวิปรัฐบาลสัปดาห์นี้ไม่ต้องกำชับอะไรมาก เพราะทุกคนรู้หน้าที่ ส่วนส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านมาไม่มีการคาดโทษผู้ไม่มาแสดงตน หรือมาประชุม สัปดาห์ที่ผ่านมาทราบว่าส.ส.พรรคลาประชุมไม่กี่คนเพราะ ป่วยท้องร่วง และติดโควิด-19 ยืนยันภายในพรรคไม่มีปัญหาอะไรที่ส่งผลต่อการประชุมสภาตามที่พรรคฝ่ายค้าน กล่าวหา

เมื่อถามถึงการนัดกินข้าวกระชับมิตรของพรรคร่วมรัฐบาลและแกนนำฝ่ายบริหาร 26 พ.ย. จะกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า ไม่มีอะไร เพราะที่ผ่านมาเคยนัดกันลักษณะดังกล่าวมาแล้ว แต่อาจมีขอความร่วมมือให้ส.ส.ช่วยกันทำงาน หรือมีอะไรติดขัดให้นำมาพูดคุยกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำงานร่วมกัน

แก้ศก.เหลว – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และน.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรค แถลงความล้มเหลวการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยเฉพาะปัญหาราคาผักแพง และน้ำมันแพง ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อ 21 พ.ย.

พท.ปลุกปชช.ยื่นแก้รธน.อีก

เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค แถลงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อยากเสนอแนะว่าไม่อยากให้ประชาชนกว่า 130,000 คน ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขฉบับประชาชนยกเลิกความคิดในการแก้รัฐธรรมนูญ อยากให้ ทุกคนเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยครั้งนี้ขอให้ยื่นแก้ไขมาตรา 256 ให้มีการตั้ง ส.ส.ร. เชื่อว่าจะสามารถผ่านได้ เพราะสภาเคยมีความเห็นโหวตรับหลักการในการแก้ไขมาตรา 256 มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่มี ส.ว.ส่วนหนึ่งยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความทำให้ตกไป

ก้าวไกลขู่ไม้ตายชำแหละรัฐบาล

นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติ ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า จะยื่นญัตติเมื่อไรยังตอบยาก พรรคมองว่าเราพร้อมทำเลย แต่ต้องคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาจมีการประเมินสถานการณ์ที่ต่างกัน พรรคอื่นๆ อาจเห็นว่าการเปิดอภิปรายตอนนี้อาจเป็นไพ่ใบสุดท้ายของเราแล้ว ดังนั้น อาจรอจังหวะให้ดีกว่านี้อีกหน่อย ซึ่งในมุมเรามองว่าควรจะเปิดอภิปรายเลย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ต้องรีบเอาสิ่งที่เรียกว่าเป็นความชั่วมาเปิดเผยให้ประชาชนรู้โดยไว

“หากเราเปิดอภิปรายในสถานการณ์ที่ประชาชนได้รับความทุกข์ยากต่างๆ มากมาย คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานทั้งของฝ่ายค้านและประชาชน อาจเป็นไพ่สุดท้ายแต่ก็อาจเป็นไม้ตายที่ทำให้รัฐบาลไปต่อลำบาก ต้องยอมรับว่าสถานการณ์วันนี้รัฐบาลเต็มไปด้วยปัญหามากมาย หน้าที่ของเราคือการนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาพูด มารวบรวมให้ประชาชนได้ฟังว่ารัฐบาลไม่ไหวจริงๆ จับตรงไหนก็เจอ กดตรงไหนก็เจอความชั่ว หากใช้กลไกมาตรา 152 อภิปราย คิดว่าสามารถโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นได้ว่าทำไมรัฐบาลนี้ถึงไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นรัฐบาลต่อ” นายรังสิมันต์กล่าว

ก้าวไกลเย้ยพปชร.โวยึดอีสาน

นายรังสิมันต์ กล่าวกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศตั้งเป้ายึดภาคอีสาน พรรคก้าวไกลที่ประกาศปักธงอีสานเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร ว่า ซีกรัฐบาลจะปักธงที่ไหนตนคิดว่าปักลำบาก เนื่องจากสถานการณ์ของรัฐบาลแย่มาก ความนิยมของ พล.อ. ประยุทธ์ ก็ลดลงตามลำดับ ร.อ.ธรรมนัส ไปปักธงภาคอีสาน คิดว่าต้องไปปักธงที่ทำเนียบก่อน เพราะไม่รู้ว่าปักธงที่ภาคอีสานแบบนั้นสุดท้ายใครจะเป็นแคนดิเดต นายกฯ ยังคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ และหากเป็นพล.อ.ประยุทธ์ ก็จะกลับไปที่เดิมที่ว่าประชาชนจะเอาหรือไม่ ในส่วนของพรรคก้าวไกล คนที่จะเลือกเราน่าจะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเราทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา

พท.มั่นใจยังครองใจคนอีสาน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่า พื้นที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่ความนิยมพรรคเพื่อไทยอยู่ในระดับสูง เราไม่หนักใจอะไร เดิมก็มีส.ส.อยู่แล้วส่วนหนึ่ง คาดหวังจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นในภาคอีสานแน่นอน เพราะจากกระแสตอบรับของพี่น้องประชาชนอยากให้กลับมาบริหารประเทศ มั่นใจว่าจะไม่มีใครยึดพื้นที่อีสานไปได้มากกว่าพรรคเพื่อไทย ภาคอื่นๆ เราก็ทำอย่างเต็มที่เหมือนกันทุกภาค คิดว่ากระแสไม่ได้เกิดที่ภาคใดภาคหนึ่ง แต่จะเกิดทั่วประเทศ แม้กระทั่งในภาคใต้อาจมีเซอร์ไพรส์ก็ได้

รปช.ตั้ง‘เอนก’หัวหน้าพรรค

เวลา 09.30 น. ที่อาคารหอประชุมใหญ่ (BTU Hall) ม.กรุงเทพธนบุรี พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 ก่อนเริ่มการประชุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาและผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พร้อม นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินทักทายสมาชิกพรรคที่มาร่วมประชุม

การประชุมดังกล่าวมีนายเอนก เป็นประธาน มีการรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งการดำเนินการของกระทรวง อว. จากนั้นเลือกตั้ง กก.บห.พรรคชุดใหม่ รวม 7 คน ประกอบด้วย นายเอนก เป็นหัวหน้าพรรค นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เป็นเลขาธิการพรรค น.ส.จุฑาฑัต เหล่าธรรมทัศน์ เหรัญญิกพรรค นายดนุช ตันเทิดทิตย์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค น.ส.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ น.ส.ยอดขวัญ ชุมวระ และ นายพิรสุต จันทรานุวัฒน์ กก.บห.พรรค

ตั้งเป้าเลือกตั้งหน้าได้รมต.เพิ่ม

นายเอนก กล่าวหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า จะเตรียมพรรคสู่การเลือกตั้งในช่วง 1 ปี ต่อจากนี้ไป เป้าหมายจะเป็นพรรคขนาดเล็ก ขนาดกลางที่มีคุณภาพ เราอาจได้มากกว่า 1 กระทรวง หากได้ตำแหน่ง รมว.อว. อีกครั้งหนึ่ง น่าจะได้เป็นสักขีพยานในการปล่อยยานอวกาศไปดวงจันทร์ ได้เห็นกับตาตัวเอง

ด้านนายสุเทพ กล่าวว่า ภาคภูมิใจที่นายเอนกได้รับความไว้วางใจจากสมาชิก คราวหน้าหากเราได้รับเลือกตั้ง 15-30 คน นอกจากนายเอนกจะได้กลับไปดำรงตำแหน่ง รมว.อว. นอกจากนั้นพรรคยังจะได้บริหารกระทรวงอื่นด้วย

นายเอนกให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เลือกตั้งครั้งหน้าส่วนตัวคิดว่าจะได้ ส.ส. 10 คนขึ้นไป ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ และตั้งเป้าไว้ว่าจะได้มากกว่า 1 กระทรวง ก็น่าพอใจ เมื่อถามว่า ยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายเอนก กล่าวว่า ตอนนี้สนับสนุนเต็มที่ จนกว่าจะหมดวาระหรือจนกว่าจะยุบสภา จากนั้นก็ต้องดูตามหน้างาน หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำการเมืองต่อไปก็ค่อยมาพูดกันอีกทีหนึ่ง เมื่อถามถึงกระแสข่าว นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร อาจย้ายพรรค นายเอนก กล่าวว่า ถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าว และคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคก็ยังมั่นคงกับพรรค

‘ศรัณย์วุฒิ’หน.เพื่อชาติ

ที่ห้องประชุมสนามฟุตบอลลีโอ เชียงราย สเตเดียม จ.เชียงราย พรรคเพื่อชาติ (พช.) จัดประชุมใหญ่ มีวาระสำคัญคือการเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ ผลออกมา คือ 1.นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ เป็นหัวหน้าพรรค 2.นายเทวกฤต พรหมมา รองหัวหน้าพรรค 3.นางลินดา เชิดชัย เลขาธิการพรรค 4.นายองอาจ คำทอง รองเลขาธิการพรรค

5.น.ส.กิ่งดาว สุจริต เหรัญญิกพรรค 6.นางณัฏฐพิชา มีกองทรัพย์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค 7.นายภูมิพัฒน์ บุตุธรรม ผอ.พรรค 8.น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรค 9.นายนรินทร์ สายซอ รองโฆษกพรรค 10.นายเกริกมนตรี รุจโสตถิรพัฒน์ 11.น.ส.รสรินทร์ ศรัณย์เกตุ 12.นายวันชัย ใจแพร่ 13.น.ส.วรัชยา โกแสนตอ และ 14.นายวาริน แก้วเงิน กก.บห.พรรค

ทร.ปรับภูมิทัศน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.ทร. วังนันทอุทยาน ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ เปลี่ยนป้ายข้อความจากเดิม “Moving Forward to Ensure Sustainability รุกคืบหน้า สถาปนาความมั่นคง” ที่เป็นแนวนโยบายยุค พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. เมื่อปี 2562 ออก โดยได้จัดทำป้ายใหม่ข้อความว่า “กยิรา เจ กยิราเถนํ จะทำสิ่งไร ควรทำจริง” ซึ่งเป็นคติสอนใจ พล.ร.อ.พระเจ้าบรม วงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ก่อนหน้านี้ ทร.วังนันทอุทยาน และพระราชวังเดิม ได้ปรับภูมิทัศน์ใหม่โดยรื้อต้นไผ่ที่ปลูกสมัย พล.ร.อ.ลือชัย ออก ให้เหตุผลว่าต้นไผ่ขึ้นสูงจนบดบังอาคารและเส้นทางจราจร จึงตัดถอนออกบางส่วนเพื่อปรับภูมิทัศน์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งใดๆ

โปรดเกล้าฯรธน.แล้ว

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2564 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีผลบังคับใช้ ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจาฯ คือ 22 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นการแก้ไขเนื้อหาว่าด้วยระบบเลือกตั้ง มีเนื้อหาสำคัญ มาตรา 83 ให้สภาผู้แทนฯ มีสมาชิก 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 คน จากบัญชีรายชื่อ 100 คน และให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ, มาตรา 86 ให้แก้ไขจำนวนส.ส.ให้สอดคล้องจำนวนเขต 400 เขต, มาตรา 91 การคำนวณสัดส่วนผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคให้ใช้คะแนนที่พรรคได้รับเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศมาคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ได้รับเลือกตามสัดส่วนที่สัมพันธ์กับคะแนนรวมของพรรค และให้ผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้รับเลือกตามเกณฑ์คะแนนที่คำนวณได้เรียงลำดับหมายเลข

กำหนดบทเฉพาะกาล ไม่ให้นำมาตราที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ บังคับใช้จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปครั้งแรกภายหลังประกาศใช้ ระหว่างที่ไม่ให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้ ให้ใช้เนื้อหาเดิมของมาตราต่อไป และมีหมายเหตุการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯฉบับนี้ เนื่องจากการกำหนดสภาผู้แทนมีส.ส.เขต 350 คน บัญชีรายชชื่อ 150 คน ไม่สอดคล้องจำนวนประชากรในแต่ละเขตเลือกตั้ง

และการคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เป็นธรรมต่อพรรคการเมืองและเคารพหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของประชาชน การให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกพรรคและผู้สมัคร สอดคล้องความเป็นจริงมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน