ลูกนัทแฉส่งกลุ่มสื่อปชป.
ป้อมลั่นกวาดเพิ่มสส.กรุง
ดัน‘เมียสิระ’ชนเก่งการุณ

‘บิ๊กป้อม’ ลั่นกลางวงประชุม พปชร. ยันความตายเท่านั้นถึงจะแยกกับ ‘บิ๊กตู่’ ได้ ยันแบ่งหน้าที่กันทำงาน จ่อส่ง ‘เมียสิระ’ ชน ‘เก่ง-การุณ’ ด้าน ‘จุรินทร์’ มั่นใจ ปชป.กระแสดีต่อเนื่อง เชื่อครองใจคนกรุงแน่ เพื่อไทย จ่อยื่นร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับเข้าสภาภายในเดือนธ.ค.นี้ ชี้ฝ่ายค้านแยกกันยื่นได้ นิกรค้านไอเดีย ‘ไพบูลย์’ ใช้โปรแกรม เช็กชื่อส.ส.โดดประชุม ไฮโซลูกนัทแฉ ‘อี้-แทนคุณ’ ชวนเดินขบวนไล่แอมเนสตี้ ส.ว.เอาด้วย หนุน ‘บิ๊กตู่’ สอบปมแทรกแซงไทย บี้ขยายผลถึงพรรคการเมืองรับเงินต่างชาติ ด้านแอมเนสตี้โพสต์แจง ยันยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนไทยมาตลอด 10 ปี โซเชี่ยลผุดแคมเปญ ล่าชื่อจี้รัฐบาลประยุทธ์ หยุดคุกคามแอมเนสตี้

สู้ศึกกทม. – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานประชุมเลือกตัวแทนพรรคในเขตกรุงเทพมหานคร ลั่นไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ต้อง มีส.ส.กรุงเทพมหานคร เพิ่มเป็น 24 คนให้ได้ ที่โรงแรมเดอะ รอยัลริเวอร์ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.

‘บิ๊กป้อม’ลั่นไม่แตกคอ‘บิ๊กตู่’

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานการประชุมเลือกตัวแทนพรรคลงสมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) โดยเมื่อพล.อ.ประวิตรมาถึงได้พบปะกับสมาชิกพรรค และพบปะกับประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 22, 27, 28, 29 และ 30 ซึ่งมีการตั้งแถวมอบดอกกุหลาบให้กับพล.อ.ประวิตร

พล.อ.ประวิตรกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า หัวหน้าภาคเรียนแจ้งให้ทราบว่าจะต้องหาตัวแทนเขตให้ครบ 30 เขตเพื่อเตรียมเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งครั้งที่ผ่านมาพปชร.ได้ส.ส.กทม.เป็นอันดับ 1 คือ 12 ที่นั่ง ความจริงตนอยากได้มากกว่านี้ ตนฝากไว้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าคงจะได้มากเป็นลำดับที่ 1 ตนฝากกับสมาชิกทุกคนช่วยกันดูแลพรรค

“พปชร.ไม่ใช่เป็นพรรคเฉพาะกิจ แต่เป็นพรรคที่ทำงานให้กับประเทศชาติ เราไม่มีการแตกแยกกันในพรรค จำไว้ว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ จะทำงานให้กับประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง ทุกคนต้องร่วมมือกับพรรคดูแลประเทศชาติให้เกิดความสงบ ให้ทุกคนอยู่ดีกินดี หวังอย่างยิ่งว่าทุกคนในพปชร.เข้าใจผม และเข้าใจนายกฯ ผมและนายกฯ ไม่มีการทะเลาะกัน เป็นหนึ่งเดียว รับรองว่าจะไม่มีการแตกแยกจากกันระหว่างผมกับนายกฯ” พล.อ.ประวิตรกล่าว

อ้อนขอเก้าอี้กทม.เพิ่มอีก 12 ที่นั่ง








Advertisement

พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า นายกฯ มีหน้าที่บริหารประเทศ ตนมีหน้าที่ดูแลส.ส. ดูแลพรรคของเราให้เป็นปึกแผ่น เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ฉะนั้น ขอให้รับทราบตามนี้ใครที่บอกว่าผมแตกแยกกับนายกฯ ไม่มีแน่นอนมีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ผมกับนายกฯ แตกแยกกันได้ก็คือความตายเท่านั้น และฝากพรรคไว้กับสมาชิกทุกคน อย่าไปไหน ขอให้ทุกคนอยู่กับเรา เราจะดูแลให้อยู่ดีมีสุข

และอยากฝากว่า 12 คนนี้ยังน้อยไปสำหรับพปชร. เราอยากได้อีก 12 คน ขอฝากทุกคนไปช่วยหาสมาชิกมาเพิ่มเติมให้กับพรรค และขอบคุณทุกคนที่ให้ความเชื่อถือและสนับสนุนพรรค ต่อไป ส่วนการนัดกินข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 3 ธ.ค.นั้น ต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากติดประชุมสภาผู้แทนราษฎร

เลื่อนปาร์ตี้พรรคร่วมรัฐบาล

จากนั้นพล.อ.ประวิตรเปิดเผยถึงการจัดงานเลี้ยงกระชับมิตรพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมถึงส.ส.ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ที่สโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธ ปาร์ค ว่า “ไม่มีแล้ว เลื่อนไปก่อน เดี๋ยวจะคุยอีกที”

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมพล.อ. ประวิตรได้ประกาศส่งส.ก.ทุกเขตในกทม. ในนามพรรคพลังประชารัฐ ยกเว้นผู้ว่าฯ กทม. ส่วนจะสนับสนุนผู้สมัครอิสระรายใดรายหนึ่งนั้น ตอนนี้ยังไม่สรุปว่าเป็นใคร

พปชร.ส่งเมียสิระชนเก่งการุณ

นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง ภริยาของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้คิดจะมาท้าชนกับใคร หรือต้องเกรงกลัวใครที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะทุกคนมีสิทธิ์เลือก ส่วนเหตุผลที่ต้องการเข้ามาดูแลประชาชนในเขตดอนเมืองเนื่องจากตลอด 3 ปีที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ช่วยดูแลคนเขตหลักสี่ ซึ่งเป็นเขตของนายสิระมาอย่างต่อเนื่อง และมีชาวดอนเมืองประสานเข้ามาขอความช่วยเหลือจำนวนมาก ซึ่งตนก็เข้าไปดูแลมาตลอด

นางสรัลรัศมิ์กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าพื้นที่เขตดอนเมืองไม่ใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร หรือเป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลใด ประชาชนมีสิทธิ์เลือกให้บุคคลอื่นเข้าไปทำหน้าที่แทนได้ เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ที่จะสามารถเอาชนะนายการุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทยได้

นางสรัลรัศมิ์กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าประชาชนในพื้นที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่อาจเป็นเพราะไม่มีทางเลือก ถ้าส.ส.คนปัจจุบันทำหน้าที่ได้ดี คงไม่มีประชาชนในเขตดอนเมืองมาขอความช่วยเหลือจากตนจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุที่สำคัญในการตัดสินใจ ลงรับสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้เพราะชาวดอนเมืองเรียกร้องมา

อู๊ดด้าโวปชป.กระแสดีต่อเนื่อง

ที่เขตจตุจักร กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมส่งผู้สมัครส.ส.กทม.ว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมเกือบ 100% ในเขตหลักสี่ พรรคจะส่งพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เป็นผู้สมัคร ส.ส ส่วนของส.ก. พรรคจะส่งนายอนันตชาติ บัวสุวรรณ ลงสมัคร

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับผู้สมัคร ส.ส. ถ้านับเขตเดิม ยังไม่เพิ่มเขตตามรัฐธรรมนูญใหม่ พรรคขาด 4-5 เขตเท่านั้น แต่เมื่อเพิ่มเขตเลือกตั้งขึ้นอีก 4 เขต พรรคจะหาผู้สมัครเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมี ผู้แจ้งความจำนงเข้ามาร่วมงานกับพรรค ทั้งอดีต ส.ส. และคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ซึ่งเราจะให้โอกาสอดีตส.ส.ของพรรคก่อน แว้นแต่บางคนไม่ประสงค์จะลงสมัคร

ส่วน ผู้สมัคร ส.ก. 50 เขต เคาะไปแล้ว 40 กว่าเขต มั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปชป.จะได้รับความไว้วางใจจากชาวกทม.มากขึ้น ได้รับเลือกตั้งในหลายเขต เพราะจากการลงพื้นที่ เห็นได้ชัดว่าปชป.ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วน ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.นั้น พรรคจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงหลังปีใหม่

พรรคร่วมยื่นกม.ลูก-ปลายธ.ค.

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการ เลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป. พรรคการเมือง ของพรรคร่วมรัฐบาลว่า เบื้องต้นคณะทำงานเพื่อเตรียมยกร่างได้พูดคุยกันว่า จะเสนอร่างถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธ.ค. ส่วนการจะยกเลิกไพรมารีโหวตหรือไม่นั้น ได้คุยกันว่าถ้อยคำมันต้องชัด คือเป็นไพรมารี ซีเล็กชั่น หรือการสรรหาเบื้องต้น โดยให้แต่ละพรรคกลับไปคุยกันอีกครั้งก่อน และวันที่ 1-2 ธ.ค. จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง

นิกรค้านทำโปรแกรมเช็กส.ส.

เมื่อถามถึงนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมทำโปรแกรมประมวลผลว่าส.ส.คนไหน ไม่เข้าร่วมประชุมหรือไม่ลงมติ นายนิกรกล่าวว่า ตนเห็นว่าทำแบบที่เคยทำดีกว่า ปัญหาเฉพาะเรื่อง เฉพาะคน จะนำมากำหนดเป็นโครงสร้างใหญ่ในการประชุมไม่ได้ เพราะจะสร้างปัญหา ซึ่งการจะแก้ไขในรายละเอียดปลีกย่อยนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะจะกระทบต่อโครงสร้างขนาดใหญ่ ดังนั้น ต้องพิจารณาให้ดี เพราะบางอย่างใช้มติที่ประชุมโดยความเห็นร่วมของที่ประชุมใหญ่ได้ หากจะยกเลิกหรืองดเว้นข้อบังคับใดข้อบังคับหนึ่งก็ยังทำได้ แต่ควรเป็นเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งสภาถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ควรมีน้ำหนัก ส่วนข้อบังคับเป็นเพียงกรอบให้การดำเนินการสะดวก

‘โรม’หนุนสแกนลายนิ้วมือ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายไพบูลย์ เสนอแก้ปัญหาเรื่ององค์ประชุมสภา โดยนำผลโหวตนับองค์ประชุมทุกครั้งไป เข้าโปรแกรมประมวลผลให้เห็นจำนวน ส.ส. รัฐบาลและฝ่ายค้าน พร้อมเผยแพร่ทางเว็บไซต์ว่า เราสนับสนุนแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตาม การลงชื่อเข้าประชุมของสมาชิกรัฐสภานั้น มีการเก็บข้อมูลเพื่อให้เห็นว่าส.ส.มาทำงานเพื่อประชาชนจริง หากวิธีของนายไพบูลย์ สามารถเก็บข้อมูลและเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก

นายรังสิมันต์กล่าวว่า การแก้ปัญหาองค์ประชุมในระยะยาวคือ การใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือ เพราะไม่สามารถฝากใครลงคะแนนแทนได้ ซึ่งระบบนี้ใช้งบไม่สูง หากยังมากังวลเรื่องงบก็จะเกิดปัญหาเดิมเรื่อยๆ นอกจากนี้ควรเปิดเผยข้อมูล ให้ประชาชนเข้าถึงได้ในเชิงลึกว่า ส.ส.แต่ละคนพูดและโหวตอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจว่าจะเลือก ส.ส.คนนั้นเข้ามาอีกหรือไม่ ทั้งนี้ ส.ส.รัฐบาลควรเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะที่ผ่านมาส.ส.ฝ่ายค้านแบกสภา ตามคำขอร้องของวิปรัฐบาลตลอด ทั้งที่ หากรัฐบาลเข้าประชุมกันครบ จะไม่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม และการผ่านกฎหมายต่างๆ ได้ ก็กลายเป็นผลงานของรัฐบาล

พท.ย้ำฝ่ายค้านเสนอแยกได้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ถึงความคืบหน้าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า พรรคจัดทำร่างทั้งสองเรียบร้อยหมดแล้ว โดยวันที่ 30 พ.ย. จะนำร่างทั้ง 2 ฉบับนี้ ต่อที่ประชุม ส.ส. ให้สมาชิกร่วมเข้าชื่อเสนอ ต่อประธานสภาต่อไป คาดว่าจะเสนอร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ได้ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้

โดยรายละเอียดขอให้สมาชิกพิจารณากันก่อน แล้วจะแถลงให้รับทราบกันต่อไป ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคจะเสนอร่างของตัวเองต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้พิจารณากันต่อไป ไม่ได้เสนอเป็นร่างเดียวเหมือนพรรคร่วมรัฐบาล

อี้แทนคุณตีปี๊บไล่แอมเนสตี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวต่อต้านแอมเนสตี้อย่างหนัก เริ่มจากมีกลุ่มปกป้องสถาบันไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้ขับไล่แอมเนสตี้ออกจากประเทศไทย โดยมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ออกมารับหนังสือ พร้อมประกาศ ถ้าขับไล่แอมเนสตี้ออกจากประเทศไทยไม่ได้ จะลาออกจากตำแหน่ง ต่อมาวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดการกับแอมเนสตี้ ตรวจสอบเรื่องการ จดทะเบียน ตั้งองค์กรในไทย หากทำผิดต้องยกเลิก

นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. ปชป. โพสต์ภาพจากกลุ่มไลน์สื่อมวลชน ปชป. โดยผู้ส่งข้อความชื่อ อี้ แทนคุณ ซึ่งเป็นไลน์ของ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภา และอดีตส.ส.กทม. เขียนข้อความระบุว่า ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าววันที่ 29 พ.ย. เวลา 11.00 น. กลุ่มปกป้องสถาบันจัดกิจกรรมชุมนุมเดินขบวนขับไล่แอมเนสตี้ เริ่มเดินขบวนที่หน้าอาคารสีลมคอมเพล็กซ์ เวลา 11.00 น.

ส.ว.หนุน‘บิ๊กตู่’สอบแทรกแซงไทย

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิ มนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวขององค์กรนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) ว่า เห็นด้วย ซึ่งนายกฯ มีอำนาจสั่งการได้อยู่แล้วว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ เพราะบทบาทของแอมเนสตี้ประเทศไทย ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการชี้นำการชุมนุม สนับสนุนทางการเงินในการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงในไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่หน่วยข่าว และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ควรไปตรวจสอบองค์กรเหล่านี้

ทั้งนี้ คงไม่ใช่แค่เฉพาะแอมเนสตี้ฯ แต่รวมถึงองค์กรอื่นๆ ว่ามีการปฏิบัติเกินหน้าที่ขอบเขตหรือไม่ จะได้ทราบว่าเป็นเรื่องความผิดเฉพาะตัวบุคคลในองค์กร หรือเกี่ยวข้องกับทั้งองค์กร ถ้าเป็นเรื่องตัวบุคคล ต้องแจ้งให้แอมเนสตี้สากลทราบ เพื่อเปลี่ยนตัวบุคคล แต่ถ้าเป็นเรื่องทั้งองค์กร ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายฐานแทรกแซงประเทศอื่น

บี้ขยายผลพรรครับเงินต่างชาติ

นายสมชาย กล่าวอีกว่า การที่นายกฯ สั่งตรวจสอบแอมเนสตี้ประเทศไทย ไม่ใช่การเล่นงานฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล แต่ตรวจสอบกลุ่มทำร้ายประเทศไทยว่า มีบุคคลแฝงตัวเข้ามาทำลายความมั่นคงของประเทศหรือไม่

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบถึงพรรค การเมืองว่า มีพรรคใดรับเงินคนต่างชาติมา สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ เข้าข่ายมีความผิดยุบพรรค ทั้งนี้ ในการ ประชุมกมธ.วันที่ 29 พ.ย.นี้ จะนำเรื่องการเคลื่อนไหวเกินขอบเขตของเอ็นจีโอมาหารือ และเตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยข่าวกรอง ปปง. มาให้ข้อมูลว่าเคยตรวจสอบ ติดตามการเคลื่อนไหวของเอ็นจีโอเหล่านี้ ที่เชื่อมโยงกับการชุมนุมในไทยที่มีการใช้ความรุนแรง หรือเกี่ยวกับความมั่นคงประเทศหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลแจ้งต่อรัฐบาล

แอมเนสตี้ยันเคียงข้างสิทธิมนุษยชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแลนด์ โฟสต์ข้อความระบุว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เราเป็นขบวนการของคนธรรมดามากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก ที่ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อสังคมที่เท่าเทียมและยุติธรรมสำหรับทุกคน เรามีพันธกิจในการศึกษาและปฏิบัติการเพื่อป้องกันและยุติปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกระดับที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้มีเสรีภาพในการแสดงออกและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ

โดยกิจกรรมรณรงค์ของเรามีรากฐานมาจากงานวิจัย ไม่ว่าคุณจะมีความคิด ความเชื่อ หรืออุดมการณ์ทางการเมืองแบบใด หากถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เราจะออกมาปกป้องสิทธิเสรีภาพของคุณ และเราได้ผลักดันสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แอมเนสตี้ยืนหยัดเคียงข้างสิทธิ มนุษยชนและผู้ถูกละเมิดสิทธิมากว่า 60 ปี

ผุดแคมเปญล่าชื่อหยุดคุกคาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ change.org ได้เผยแพร่คำร้องออนไลน์ สร้างโดย Nattharavut Muangsuk เพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต้องหยุดคุกคามองค์กรแอมเนสตี้ ประเทศไทย

โดยเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อ เรียกร้องให้รัฐบาลประยุทธ์ ต้องหยุดคุกคาม องค์กรแอมเนสตี้ประเทศไทย ได้ที่ https://chng.it/mM2HmNsxTK

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน