ทรงวางศิลาฤกษ์แท่น
บรมราชานุสาวรีย์ร.9
อภัยโทษ2หมื่นราย

วันพ่อแห่งชาติปีนี้ พสกนิกรชาวไทยปลื้มปีติ เฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่น ‘ในหลวง-ราชินี’ เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศรฯ ที่พระราชทานให้เป็นสวนสาธารณะบนพื้นที่เกือบ 300 ไร่บริเวณสนามม้านางเลิ้ง ทรงตั้งพระราชหฤทัยให้เป็นแหล่งเรียนรู้แนวพระราชดำริของร.9-สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เลียนแบบป่าธรรมชาติ ราษฎรเฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่น ผู้ต้องขังซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอภัยโทษกว่า 2 แสนรายได้ลดวันจำคุก ปล่อยตัว 2 หมื่นคน ด้านนายกฯ-ภริยา นำตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูปที่สนามหลวง ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดร่วมจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9

เมื่อเวลา 16.34 น. วันที่ 5 ธ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพ มหานคร

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จด้วย

เมื่อเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน และธูป แล้วทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวงสังเวย โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมแตร ดุริยางค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐานถวายเครื่องราชสักการะ ทรงโปรยข้าวตอก ดอกไม้ ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย แล้วทรงพระดำเนินไปยังแท่นวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในหลุมศิลาฤกษ์ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายสมเด็จพระสังฆราช และพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์

ต่อมา เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปทอดพระเนตรนิทรรศการอุทยานเฉลิม พระเกียรติฯ จัดแสดงผังแม่บทโครงการ แนวคิดหลักการออกแบบโครงการ การจัดเส้นทางการสัญจร และทัศนียภาพในโครงการ เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังบริเวณที่ทรงปลูกต้นไม้ โดยทรงปลูกต้นรวงผึ้งเป็นปฐมฤกษ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นคำมอกหลวง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงปลูกต้นโมกหลวง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงปลูกต้นรัตนพฤกษ์ (คูนสายรุ้ง) เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ปลูกต้นสุพรรณิการ์ เสร็จแล้ว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราช ดำเนินไปยังพระบรมมหาราชวัง

ทั้งนี้ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกิดขึ้นจากพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แนวพระราชดำริของทั้งสองพระองค์ ผ่านองค์ความรู้เรื่อง “ป่าและน้ำ” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบสวน และเป็นสถานที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้พระราชทานไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของมนุษย์กับธรรมชาติ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นสถานที่ศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป

อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ สร้างบนพื้นที่อดีต “สนามม้านางเลิ้ง” เป็นที่ดินในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อประโยชน์สุขแก่ปวงชน ครอบคลุมพื้นที่ 279 ไร่ โดยเริ่มพัฒนาแบบตั้งแต่พ.ศ. 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 เป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นหัวใจและศูนย์กลางของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีแนวคิดการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อาทิ สระน้ำรูปเลข 9 และสวนป่าธรรมชาติ ที่สอดรับกับแนวคิดเรื่องป่าและน้ำ

สะพานหมายเลข 9 เป็นเส้นทางเดินภายในนำสู่พระบรมราชานุสาวรีย์ สะพานหยดน้ำพระทัย น้ำพระราชหฤทัยดั่งสายน้ำที่หล่อเลี้ยงคนไทยมาตลอด 70 ปี สะพานไม้เจาะบากง จำลองสะพานไม้จากบ้านเจาะบากง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานเมื่อพ.ศ. 2524 และแก้มลิง พื้นที่รองรับน้ำในยามที่เกิดวิกฤตอุทกภัย

บริเวณของอุทยานร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ กว่า 4,500 ต้น จัดวางคล้ายคลึงป่าธรรมชาติ ปลูกไม้ที่มีความหมายและมีประโยชน์ อาทิ การปลูกพืชกรองฝุ่น การปลูกไม้โตเร็ว เพื่อสร้างร่มเงา ต้นไม้ประจำจังหวัด ไม้หายาก และพืชบำบัดน้ำ สร้างระบบนิเวศที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน นอกจากจะให้ความรู้หลากมิติที่เข้าถึงได้ง่าย ผู้คนยังได้รับความสุขจากธรรมชาติ ภายในสวนยังมีเส้นทางเดินและวิ่ง ทางปั่นจักรยาน มีสนามออกกำลังกายกลางแจ้ง ลานกิจกรรมและนันทนาการ ลานริมน้ำ ร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ลานจอดรถ และส่วนอำนวยความสะดวก มีการใช้พลังงานทดแทน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาบริหารจัดการเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯพร้อมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.

ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครั้งนี้ มีราษฎรจำนวนมากมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ภายในบริเวณพื้นที่อุทยาน และตลอดสองฝั่งถนนที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน โดยราษฎรต่างพร้อมใจกันโบกธงชาติ โบกธงพระปรมาภิไธย ว.ป.ร.” และธงพระนามาภิไธย‘ส.ท.’ พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างกึกก้องด้วยความจงรักภักดี ต่างปลื้มปีติที่ได้ชมพระบารมี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้แก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ทั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร ออกให้บริการด้านสาธารณสุข ดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเจลแอลกอฮอล์กับพิมเสนน้ำ และให้ตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ข้าราชการ เอกชน และประชาชนที่เข้าร่วมในพิธี ช่วยกันปลูกต้นไม้เพิ่มเติม อีกจำนวน 104 ต้น 50 พันธุ์กล้าไม้ ภายในอุทยานเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้อุทยานแห่งนี้ เป็นสถานที่ศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างคุณภาพชีวิต พัฒนาร่างกายและจิตใจ เป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจและแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ต่อไป โดยนิทรรศการอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่จัดแสดงที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติ (สนามม้านางเลิ้ง) เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้จนถึงวันที่ 6 ธ.ค.นี้

สำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์ สูง 5.19 เมตร เป็น 3 เท่าของพระองค์จริง ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ สูง 18.7 เมตร บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นรูปไข่ 2,073 ตารางเมตร บนเนินสูง 7 เมตร โอบล้อมด้วยสวนป่าผสมผสาน แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ อยู่บนผังแปดเหลี่ยม ตามคติพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ อันเป็นสัญลักษณ์เบื้องแรกแห่งการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

รับเสด็จ – พสกนิกรเข้าจับจองที่นั่งรอเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เต็มทั่วพื้นที่บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เขตดุสิต กทม. เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.

ต่อมาเวลา 17.21 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี จากอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่พระทวารเทเวศรรักษา พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงยืนหน้าพระราชอาสน์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงยืนหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ยืนหน้าเก้าอี้ที่จัดไว้

ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 พระพุทธมหาราช ฉ ปริวัตน์ และพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดีและทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิของทุกพระองค์ ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์ พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปปักที่จงกลธรรมาสน์ ทั้งสองพระองค์ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงธรรม ประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล

เมื่อพระธรรมราชานุวัตรถวายพระธรรมเทศนาจบแล้ว ลงมานั่งยังอาสน์สงฆ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร 15 ไตร ทรงหลั่งทักษิโณทก เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร

เสด็จฯ ไปทรงกราบพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 พระพุทธมหาราช ฉ ปริวัตน์ และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระมหิตลา ธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา

ต่อมาเสด็จฯ ไปทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระอัฐิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน

ถวายบังคม – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี ถวายบังคมหลังวางพานพุ่ม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9, วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.

เวลา 07.30 น. ที่ท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค.

โดยนิมนต์สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ และสามเณร รวม 89 รูป รับบาตร โดยมีคณะองคมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี หน่วยราชการในพระองค์ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ร่วมพิธี ต่อมาเวลา 08.30 น. นายกฯ และภริยา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มและถวายบังคม

เวลา 16.00 น. นายกฯ เฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และร่วมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันเดียวกันในส่วนภูมิภาค ทุกจังหวัด ผู้ว่าฯ หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ร่วมกันจัดพิธีทำบุญตักบาตรและจัดกิจกรรม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

ด้านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. 2564

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ปี 2564 จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำทั่วประเทศ ประมาณ 20,000 ราย นอกจากนี้ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับสิทธิเข้าหลักเกณฑ์ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวอีกกว่า 200,000 ราย

ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ได้เตรียมประชุมเตรียมความพร้อมรองรับผู้ต้องที่จะได้รับการปล่อยตัวพ้นเรือนจำ ซึ่งขณะนี้กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังเด็ดขาดที่ควบคุมอยู่ 224,674 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 282,620 ราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน