ล่าแก๊งนักโทษ
ตัดลูกกรงหนี

ผบช.ภาค 7 สั่งจัดชุดไล่ล่า 4 นักโทษแหกคุกนครปฐม หลังจับกุมได้แล้ว 5 ราย เตือนประชาชนอย่าให้ความช่วยเหลือ ส่วนนักโทษที่ หลบหนีอย่าคิดต่อสู้ขัดขืน ไม่เช่นนั้น เจอมาตรการขั้นเด็ดขาดแน่ พร้อมลงพื้นที่เก็บหลักฐานใบเลื่อยที่ใช้ตัดลูกกรง ด้านผบ. เรือนจำยอมรับมีโอกาสที่สิ่งของต้องห้ามจะเล็ดลอดเข้าไปในเรือนจำได้ เพราะไม่มีเครื่องตรวจโลหะ ไม่เชื่อกระแสข่าวใบเลื่อย มีราคาถึง 1 แสนบาท สั่งตรวจสอบภายในมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นหรือไม่

ล่าแหกคุก – พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภาค 7 พร้อมพ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม แถลงความคืบหน้าไล่ล่าผู้ต้องขังแหกเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย ภายใน มทบ.11 โดยตามจับได้แล้ว 6 คน ยังเหลืออีก 3 คน เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.

วันที่ 12 ธ.ค. จากกรณีผู้ต้องขังเข้าใหม่ ที่ถูกแยกกักตัวตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 หลบหนีไปจากเรือนนอนชาย (พลเรือน) 9 คน จากเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย ของมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง นครปฐม ประกอบด้วย 1.นายวัชระ นะโมมั่น อายุ 28 ปี ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย 2.นายเอกราช แป้งกลั่น อายุ 18 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 3.นายวีรเชษฐ์ เทพชู อายุ 28 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์

4.นายนัถกร มาตรวังแสง อายุ 24 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ 5.นายไพฑูรย์ มีคลองแบ่ง อายุ 36 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 6.นายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ. ยาเสพติด 7.นายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ อายุ 38 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 8.นายจำรูญ คล้ายสุบรรณ อายุ 33 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 9.นายพานิช บัวศร อายุ 35 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด

ซึ่งตรวจสอบพบผู้ต้องขัง 9 คนดังกล่าวได้ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กตัดซี่ลูกกรงห้องขังเรือนนอน 1/5 แล้วหลบหนีไปออกจากเรือนจำ โดยเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องขัง ที่หลบหนีได้แล้ว 5 ราย ประกอบด้วย 1.นายนัถกร 2.นายเอกราช 3.นายไพฑูรย์ 4.นายวีรเชษฐ์ และ 5.นายวัชระ ยังคงเหลือนักโทษที่ยังคงหลบหนีอีก 4 ราย เจ้าหน้าที่ ตำรวจยังคงติดตามไล่ล่าอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วยนายบำรุง นายพัชรวุฒิ นายจำรูญ และนายพานิช

ที่สภ.สามควายเผือก อ.เมืองนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภาค 7 พร้อมด้วยพล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รองผบช.ภาค 7 (สส) พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณเกิดที่เหตุ เรือนจำชั่วคราว ทุ่งน้อย ม.3 ต.ทุ่งน้อย อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

โดยพล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า จากการ ตรวจสอบพบของกลางในคดี 1. ใบเลื่อย 1 อัน 2 ชิ้น ตรวจยึดได้ที่บริเวณใกล้กับห้องน้ำภายในที่เกิดเหตุ 1 ชิ้น และพบเจออยู่ในกระเป๋าเสื้อของผู้ต้องขังที่นำไปวางไว้บนลวดหนามหีบเพลงใกล้กับกำแพง ที่ผู้ต้องขังหลบหนีไป 1 ชิ้น

2.เสื้อสีฟ้าของผู้ต้องขังตรวจยึดได้บนกำแพงห้องน้ำภายในที่เกิดเหตุ 3.เสื้อสีฟ้าของผู้ต้องขัง 1 ชิ้น ภายในพบบัตรประชาชน ของนายพาณิช บัวศร ตรวจยึดได้บริเวณบนลวดหนามหีบเพลงที่อยู่ใกล้กับกำแพงที่ผู้ต้องขังปีนหลบหนีไป 4. เศษผ้าห่ม และผ้าเช็ดตัว 1 ถุง ตรวจยึดได้บริเวณ รั้วลวดหนามใกล้กับกำแพงที่ปีนหลบหนี

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ขณะนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภาค 7 หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภาค 7 สืบสวนกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันบูรณาการเร่งรัดไล่ล่าผู้ต้องขังที่หลบหนีจากเรือนจำ โดยทางเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปยังเรือนจำที่เกิดเหตุ ทางทีมชุดสืบสวน ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขณะนี้สามารถจับกุม ผู้ต้องขังได้แล้ว 5 ราย ยังเหลือหลบหนีอีก 4 ราย ขณะนี้ทางกรมราชทัณฑ์มอบหมายให้ผบ.เรือนจำ และตำรวจภาค 7 โดยชุดสืบสวนและอินทรี 7 มาร่วมกับชุดปฏิบัติการของเรือนจำและตร.ภ.จว.นครปฐม เพื่อออกติดตามไล่ล่า

ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชน หากท่านพบเห็นบุคคลที่หลบหนีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือบุคคลที่สื่อได้นำเสนอไปแล้วนั้น ขอให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ใกล้เคียง ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่เรือนจำและอย่าให้การช่วยเหลือหรือนำพาหลบหนี เป็นอันขาดเพราะท่านจะมีความผิด ทางตำรวจภาค 7 ได้ส่งสัญญาณแรงๆ ให้กับผู้ที่หลบหนีทั้งหมดว่าอย่าคิดหลบหนี หรือต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอันขาด เพราะขณะนี้ทางตำรวจส่งชุดพิเศษอินทรี 7 ลงพื้นที่ค้นหา หากมีเหตุรุนแรงต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ ทางตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลในทุกมิติ เพื่อหาสาเหตุในการหลบหนีครั้งนี้ว่าเกิดจาก สาเหตุใด มีผู้ใดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้างทางตำรวจของเวลาในการตรวจสอบ

พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม เปิดเผยว่า สำหรับการนำสิ่งของเข้าไปในเรือนจำนั้น ทางเรือนจำ มีมาตรการที่เข้มงวดอยู่แล้ว แต่ของเรือนจำ ทุ่งน้อยที่เกิดเหตุนั้นอาจมีข้อจำกัดของสถานที่ ไม่มีเครื่องตรวจโลหะ หรือเครื่องเอกซเรย์ แบบเรือนจำใหญ่ เป็นไปได้ ที่โอกาสมีสิ่งของเล็ดลอดเข้าไปในช่องทาง ผิดปกติ หรือช่องทางพิเศษ ส่วนนี้เราอยู่ระหว่างการประสานข้อมูลกับฝ่ายสืบสวนและสอบสวน อย่างไรก็ตามไม่ว่าผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากเป็นประชาชนทั่วไป หรือผู้สนับสนุน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่เราจะไม่มีการละเว้น จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

“สำหรับกรณีมีข่าวระบุว่าใบเลื่อยมีราคาถึง 1 แสนบาท น่าจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันเพียงเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ราคา 100,000 บาทของใบเลื่อยคงจะไม่ได้ถึงขั้นนั้น สมัยก่อนมีคนใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการตัดโลหะ หรือกระจก ไม่ใช่มีเพียงแค่ใบเลื่อย แม้กระทั่งหัวไฟแช็กที่เราซื้อขายกันเพียงอันละ 5-10 บาท หินของหัวไฟแช็ก ที่สามารถทำให้เกิดประกายไฟนั้นจะมีความคมมากพอที่สามารถกรีด ตัดกระจก หรือตัดโลหะก็ทำได้ เป็นไปได้ว่าผู้ต้องขังอาจจะมีเวลามากพอในการเตรียมตัว เพราะเท่าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้พบพยาน วัตถุ เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจะเร่งคลี่คลาย เชื่อว่าหลังจากที่เราได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผลของการสอบสวน จะออกสู่สาธารณชนโดยเร็วที่สุด” พ.ต.ท.วรชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน