สมภารวัดบางจะเกร็ง
ปฏิเสธยันถูกกลั่นแกล้ง
ส่งฟ้อง-ศาลให้ประกัน

บุกรวบพระครูเจ้าอาวาส-เจ้าคณะตำบลวัดดังที่บางจะเกร็ง ตร.ตั้ง 4 ข้อหา ทั้งพรากผู้เยาว์-อนาจาร-ชำเราเด็กหญิง เผยพี่สาวก็โดน ตร.ส่งฟ้องศาลได้ประกันตัว พร้อมสั่งห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐานส่วนสีกาคนสนิทโดนด้วยธุระจัดหา ด้าน ‘หมอปลา’ พร้อมชาวบ้านฮือจี้คณะสงฆ์ ผู้ปกครองสั่งสึก ด้านพระยืนยันถูกกลั่นแกล้ง เผยเด็กสาวเป็นญาตินำอุปการะดูแลตั้งแต่เด็ก

จับสมภาร – ตำรวจจับกุมพระครูสิทธิกิจจากร อายุ 73 ปี เจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง เจ้าคณะตำบลบางจะเกร็ง จ.สมุทรสงคราม หลังถูกแจ้งความกระทำชำเราและอนาจาร 2 ด.ญ.พี่น้อง เบื้องต้นให้การปฏิเสธ ก่อนศาลจะให้ ประกันตัว เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม นำโดยพ.ต.ต.เอนก ขจรจิตร สว.สส. และพ.ต.ท.สงัด เบ้าแบบดี รอง ผกก.ป. นำกำลังเข้าควบคุมตัวนางละเอียด สรุปราษฎร์ อายุ 52 ปี นางนกต่อ และพระครูสิทธิกิจจากร เจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง และเจ้าคณะตำบลบางจะเกร็ง เขต 1 อายุ 73 ปี ไปดำเนินการสอบสวนที่สภ.เมืองสมุทรสงคราม

โดยนำตัวพระครูสิทธิกิจจากรไปพิมพ์ลายนิ้วมือก่อนจะนำเข้าห้องสอบสวนเบื้องต้น แจ้ง 4 ข้อหาแก่พระครูสิทธิกิจจากร คือ 1.พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากผู้ปกครองโดยปราศจากเหตุอันควรเพื่อการอนาจาร

2.พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้

3.กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม 4.เป็นผู้ใช้และผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์

ส่วนนางละเอียด แจ้ง 1 ข้อหาคือ เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยใช้อุบายหลอกลวง และพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจาก ผู้ปกครอง และเป็นธุระจัดหาเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในรูปแบบแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์

จากนั้นเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เดินทางมาที่สภ.เมืองสมุทรสงคราม และร่วมประชุมกับพล.ต.ต. สุเมธ ปุณสีห์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม พ.ต.อ.ศยามศ์ อินทรสุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม และ พ.ต.ต.เอนก ขจีจิตร สว.สส. ก่อนจะเรียกตัวนางละเอียดเข้ามาสอบสวนโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ผบช.ภ.7 จึงเดินทางกลับโดยไม่ได้สอบสวนเจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็งแต่อย่างใด

พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวว่า ทางตำรวจแจ้งข้อหาใดๆ กับบุคคลทั้งสอง ตามเอกสารที่แจกให้ผู้สื่อข่าว แต่ผู้เสียหายเป็นเด็กมีความละเอียดอ่อน จึงไม่ขอตอบถึงรายละเอียดการสอบสวน แต่หากการสอบสวนพาดพิงถึงใครอีก ทางตำรวจก็จะดำเนินการทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดคณะสงฆ์อำเภอเมืองสมุทรสงครามได้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของพระครูสิทธิกิจจากร เจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง และเจ้าคณะตำบลบางจะเกร็ง เขต 1 โดยให้พระครูพิพิธพิพัฒนโกศล เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม เป็นผู้รักษาการเจ้าคณะตำบลบางจะเกร็ง เขต 1 ได้มีคำสั่งที่ 2/2564 แต่งตั้งพระครูปลัดวรนาถ ติสเทโว ผู้ช่วย เจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง เป็นผู้รักษาการแทน เจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.64 เป็นต้นไป

เวลา 11.30 น. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมนายกฤษฎา โลหิตดี พร้อม ผู้เสียหายและชาวบ้านประมาณ 50 คนได้เดินทางมาที่สภ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อคัดค้านการประกันตัว หากฝ่ายผู้ต้องหาจะมีการประกันตัว โดยชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่าวันนี้มายื่นคัดค้านการประกันตัว เพราะต้องการให้อดีตเจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็งสึกจึงวอนขอความเมตตาจากศาลอย่าให้ประกันตัวบุคคลทั้งสองด้วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นายจีรพันธ์ หรือหมอปลา พร้อมนายกฤษฎา โลหิตดี และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สมุทรสงคราม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้เสียหายและหารือกับผู้อำนวยการบ้านพักเด็ก และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สมุทรสงคราม เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 14 ปี และวัย 18 ปี 2 พี่น้องที่ถูกพระครูสิทธิ กิจจากรกระทำชำเราและกระทำอนาจารมานานหลายปี และญาติได้แจ้งความดำเนินคดีที่สภ.เมืองสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 24 พ.ย.64

นอกจากนี้ ยังได้เดินทางไปที่วัดบางจะเกร็งเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยเจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็งปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำชำเราเด็กทั้ง 2 คน อ้างว่าเด็กทั้งสองเป็นญาติกัน ดูแลเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ อีกทั้งเป็นโรคต่อมลูกหมากโต และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมา 8 ปีแล้วจะกระทำชำเราเด็กได้อย่างไร และจริงๆ แล้วเด็กก็ไม่ได้มาอยู่ที่วัดหรือมาช่วยงาน เพิ่งมาช่วง โควิดนี่เองตั้งแต่สายๆ ถึงเพล เวลาเรียนออนไลน์ก็เปิดไว-ไฟให้เรียน โทรศัพท์หลานไม่ค่อยดี หลานขอซื้อโทรศัพท์มือถือ อาตมาจึงใช้งานให้ช่วยที่ทำงานในวัดให้ค่าตอบแทนวันละ 200 บาท แบ่งเป็นผ่อนมือถือ 100 บาท และช่วยเหลือเด็กทั้งคู่ในช่วงที่ผ่านมา เรื่องราวทั้งหมดนี้รู้ว่าถูกกลั่นแกล้งจากพระลูกวัด

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิตะ ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อยื่นเอกสารคัดค้านการประกันตัว โดยมีกลุ่มชาวบ้านฝ่ายผู้เสียหายปักหลักรอคำตอบที่หน้า สภ.เมืองสมุทรสงคราม กระทั่งเวลา 15.00 น. นายกฤษฎาได้เดินทางกลับมาที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม แจ้งว่าศาลให้ประกันตัวแก่พระครูสิทธิกิจจากร อดีต เจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง และนางละเอียด ขณะที่ชาวบ้านกลุ่มที่มาคัดค้านเมื่อทราบว่าศาลให้ประกันตัวก็บอกว่าจะไปรวมตัวกันที่วัดบางจะเกร็ง ไม่ให้พระครูสิทธิกิจจากรเข้าวัด

นายกฤษฎากล่าวว่า เบื้องต้นศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน วงเงินคนละ 2 แสนบาท สั่งห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยอดีตเจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง จำเลยที่ 1 มีผู้นำสลากออมสินมูลค่า 2 แสนบาทมาประกันตัว จึงได้รับการประกันตัวออกไป ส่วนนางละเอียดยังไม่มีใครมาประกันตัว อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านบอกว่าจะลงชื่อขับไล่อดีตเจ้าอาวาสออกจากวัด โดยจะไปยื่นหนังสือต่อเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้พิจารณาวินัยทางสงฆ์ต่อไป

เวลา 16.30 น. ชาวบ้าน ต.บางจะเกร็ง กว่า 100 คน ที่เดินทางไปที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม พร้อมกับหมอปลา และทนายโนปิตะ เพื่อคัดค้านการประกันตัวพระครูสิทธิกิจจากร และนางละเอียด หลังจากศาล จ.สมุทรสงครามอนุญาตให้ประกันตัวแก่บุคคลทั้ง 2 คน คนละ 2 แสนบาท โดยพากันกลับและไปรวมตัวกันที่วัดบางจะเกร็ง เพื่อขับไล่อดีตเจ้าอาวาสให้ออกจากวัดไปอยู่ที่อื่น

นอกจากนี้ยังมีการล่ารายชื่อชาวบ้านเพื่อเสนอเจ้าคณะปกครองสงฆ์พิจารณาวินัยทางสงฆ์ โดยมีชาวบ้านทยอยมาลงชื่อกว่า 200 คน ซึ่งป้าของผู้เสียหายบอกว่า ชาวบ้านไม่พอใจที่ได้รับการประกันตัว แม้จะมีหลักฐานมากมาย แต่ก็ไม่ยอมสึก หากจะยังอยู่ชาวบ้านก็จะไม่ทำบุญ จนกว่าจะสึกออกไป

ต่อมาพระครูพิพิธพิพัฒนโกศล เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม รักษาการเจ้าคณะตำบลบางจะเกร็งเขต 1, พระครูปลัดวรนาถ ติสสเทโว รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบางจะเกร็ง ได้มาพบปะชาวบ้าน โดยพระครูพิพิธพิพัฒนโกศล กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ในคดีความ อดีตเจ้าอาวาสคงจะหลบไปก่อน คดีนี้จะยาวนานเท่าไหร่ไม่ทราบ แล้วแต่ศาล พระสงฆ์หรือฆราวาสไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูกต้องรอศาลตัดสิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จู่ๆ สถานการณ์ก็เริ่มจะบานปลาย เมื่อชาวบ้านได้ฮือขับไล่พระครูพิศาลขันตยาภิรัต พระสงฆ์คนสนิทอดีต เจ้าอาวาสด้วย เนื่องจากชาวบ้านอ้างว่ามีพฤติกรรมหาข่าวให้อดีตเจ้าอาวาสจึงเกรงว่าอดีตเจ้าอาวาสจะรู้ความเคลื่อนไหวของชาวบ้าน ซึ่งพระครูพิศาลขันตยาภิรัตก็ยินยอมออกจากวัดทันทีทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง จากนั้นชาวบ้านก็ทยอยเดินทางกลับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน