ห่วงโอมิครอนลามปีใหม่
‘ตู่’สั่งลุยปลอมฉีดวัคซีน

สธ.ห่วง ‘โอมิครอน’ ระบาดปีใหม่ ลั่นใช้มาตรการเข้ม ศูนย์จีโนมเผยทั่วโลกพบโอมิครอนดึงจีโนมไวรัสอื่นมาผสมได้ ลุ้นรวมเดลตาทำรุนแรงขึ้น หรือไม่ ‘ตู่’ สั่งจับ ปลอมเอกสารรับรอง ฉีดวัคซีน ปคม.-อย.บุกจับคลินิกตรวจโควิด ทั้งที่ไร้ใบอนุญาต

โควิดลดต่ำกว่า 3 พัน

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,862 ราย สะสม 2,174,906 ราย หายป่วย 4,818 ราย สะสม 2,106,144 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 37 ราย เสียชีวิตสะสม 21,231 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 47,531 ราย อยู่ใน ร.พ. 23,218 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 24,313 ราย มีอาการหนัก 1,039 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 296 ราย

ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อมาจากการติดเชื้อในประเทศ 2,826 ราย เรือนจำ 17 ราย และเดินทาง มาจากต่างประเทศมี 19 ราย ได้แก่ เยอรมนี อังกฤษ ประเทศละ 4 ราย, รัสเซีย สเปน อิสราเอล สหรัฐอเมริกา ประเทศละ 2 ราย และกัมพูชา ปากีสถาน เบลเยียม ประเทศละ 1 ราย โดยเดินทางทางอากาศทั้งหมด ได้แก่ เข้าระบบ Test&Go 8 ราย แซนด์บ็อกซ์ 5 ราย และเข้าระบบกักตัว 6 ราย

ส่วนผู้เดินทางเข้าประเทศ วันที่ 1-13 ธ.ค. สะสม 95,405 คน ติดเชื้อ 171 คน คิดเป็น 0.18% ได้แก่ ระบบ Test&Go 82,215 คน ติดเชื้อ 93 คน คิดเป็น 0.11% แซนด์บ็อกซ์ 10,642 คน ติดเชื้อ 26 คน คิดเป็น 0.24% และกักตัว 2,548 คน ติดเชื้อ 52 คน คิดเป็น 2.04% (กักตัว 7 วัน 472 คน กักตัว 10 วัน 1,859 คน และกักตัว 14 วัน 217 คน) โดยเข้ามาผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 67,675 คน ท่าอากาศยานดอนเมือง 757 คน ท่าอากาศยานภูเก็ต 25,172 คน ท่าอากาศยานสมุย 1,440 คน และท่าอากาศยานอื่นๆ 361 คน

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 13 ธ.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 250,737 โดส สะสม 97,653,854 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 49,980,431 ราย คิดเป็น 69.4% ของประชากร เข็มสอง 43,461,981 ราย คิดเป็น 60.3% ของประชากร และเข็มสาม 4,211,442 ราย คิดเป็น 5.8% ของประชากร

เร่งเช็กอังกฤษติดโอมิครอนดับ

วันเดียวกัน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีอังกฤษพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เสียชีวิต 1 ราย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลผู้เสียชีวิตรายนี้ว่ามีปัจจัยอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่นโรคประจำตัว รับวัคซีนโควิด-19 แล้วหรือไม่ เนื่องจากผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเมื่อติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหน มีโอกาสที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้

เนื่องจาก สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่งเริ่มมีการระบาดข้อมูลอาจยังไม่มากเพียงพอ ยังคงต้องติดตามต่อไป ส่วนไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบข้อมูลว่า โอมิครอนอาจก่อให้เกิดความรุนแรงของโรค ก็พร้อมที่จะปรับมาตรการ เข้ม ขณะนี้ยังคงมาตรการเดิมในการเฝ้าระวังสายพันธุ์โอมิครอนที่เข้มงวด คือ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านระบบทุกคน หากพบติดเชื้อ ก็จะตรวจหาสายพันธุ์ทันที

ขณะที่นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า หลังจากพบการระบาด ของโอมิครอน มาตรการต่างๆ ในการรักษายังคงเดิม แต่ขณะนี้ได้หารือกับภาคีเครือข่ายให้เตรียมพร้อมในการดูแลผู้ป่วย หากไทยต้องเผชิญกับโอมิครอน โดยส่วนตัวคาดว่าไทยน่าจะเริ่มพบผู้ป่วยโอมิครอนมากขึ้น ช่วงหลังปีใหม่ หรือในกลางเดือนม.ค. ต้องยอมรับว่าโอมิครอนติดง่ายและแพร่ เร็วกว่าเดลตา แม้ผลการรายงานโอมิครอนอาจหลบภูมิคุ้มกันวัคซีน แต่การฉีดวัคซีน ยังช่วยลดอัตราการติดเชื้อรุนแรงได้อยู่

ส่วนเรื่องของยาทั้ง Molnupiravia และ Paxlovid ประสิทธิภาพน่าจะได้อยู่ แต่ที่สามารถ ป้องกันได้ผล 100% คือ มาตรการระยะห่าง สวมหน้ากาก และล้างมือ ช่วยป้องกันโอมิครอน ได้แน่นอน ทั้งนี้ ความรุนแรงของโอมิครอนขึ้นอยู่กับจำนวนการติดเชื้อ หากติดเชื้อมากย่อมมีโอกาสที่จะพบคนมีความรุนแรง โดยอัตราป่วยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น ป่วย 1,000 คน อาจรุนแรง 5% แต่ขณะนี้ จากการติดตามสถานการณ์ไม่พบผู้ป่วยอาการหนักจาก โอมิครอนในไอซียู

ชี้‘โอมิครอน’ไวรัสลูกผสม

วันเดียวกัน ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ในฐานข้อมูลกลางโควิดโลก หรือ GISIAD ได้บันทึกข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยกันสุ่มตรวจตัวอย่างเชื้อ 6 ล้านตัวอย่าง ระบุไม่มีไวรัสสายพันธุ์ไหนสามารถดึงสายพันธุกรรมหรือจีโนมบางชิ้นส่วนของไวรัสตัวอื่นเข้ามาผสมในจีโนมตัวเอง ยกเว้นโอมิครอน ซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต่างจากไวรัสโควิดสายพันธุ์อื่น โดยสามารถดึงเอาจีโนมบางส่วนของบรรดาไวรัสโคโรนาที่ติดต่อในมนุษย์ที่ก่อให้เกิดโรคหวัดเข้ามาผนวกในสายจีโนมของตัวเองได้ และสร้างกรดอะมิโน 3 ตัวที่ต่างไปจากไวรัสโควิด คือ กรดกลูตามิก โปรลีน และกรดกลูตามิก

“นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่า อาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้โอมิครอนต่างจากสายพันธุ์อื่น คือ ไม่รุนแรง แต่ติดเชื้อได้รวดเร็ว คล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา แต่ต้องดูต่อไปและต้องระวัง เนื่องจากการดึงสายพันธุกรรมไวรัส ตัวอื่นเข้ามาได้ หากไปดึงสายพันธุ์อื่นเข้ามา อย่างเดลตา อัลฟา เบตาจะเกิดอะไรขึ้น อาการจะรุนแรงหรืออ่อนกำลังลงยังไม่มีใครรู้ ต้องติดตาม ความจริงโอมิครอนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นไวรัสลูกผสมกลายๆ เนื่องจาก มีสายพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดธรรมดาผนวกอยู่ด้วย มีคุณสมบัติพิเศษ ไม่เหมือนตัวอื่น ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะเห็นชัด ว่าโอมิครอนจะเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดเป็นโรคประจำถิ่นหรือไม่ ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตาอยู่” หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์กล่าว

สั่งฟันใบรับรองวัคซีนปลอม

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโซเชี่ยล มีเดียมีการโพสต์รับจ้างทำใบรับรองฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า การออกใบรับรองวัคซีนปลอม นอกจากเป็นอันตรายต่อตนเองและคนรอบข้างแล้ว ยังมีความผิดทางอาญา เพราะเป็นการกระทำผิดกฎหมายต้องติดคุกด้วย ย้ำว่าไม่คุ้มค่า อย่างยิ่ง ขณะนี้สั่งการให้กรมควบคุมโรคติดตามสืบหาข้อเท็จจริง หากพบการกระทำ ความผิดจริงตามข่าว ให้ดำเนินการทางกฎหมาย ให้ถึงที่สุด และขอให้แจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีข้อมูลของผู้กระทำผิดในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ใบฉีดวัคซีนของจริง ของแท้ ที่ได้จากการรับบริการฉีดในสถานพยาบาลจะมี QR code ซึ่งระบุถึงชื่อผู้ให้บริการ วันที่ รับบริการ ยี่ห้อวัคซีน สถานที่ฉีดวัคซีน ผู้จัดขวดวัคซีน จะอย่างไรก็พิสูจน์ได้ว่าปลอมหรือแท้

นายอนุทินกล่าวอีกว่า วันนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้อนุมัติค่าเสี่ยงภัยให้อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) อีก 6 เดือน เดือนละ 500 บาท เพื่อเป็นของขวัญ ปีใหม่ ให้กับนักรบชุดเทา ทั้งนี้นับตั้งแต่มีโควิด ระบาดอสม.จะได้รับค่าตอบแทนพิเศษรวมแล้ว 18 เดือน โดยก่อนหน้านี้ได้ให้ค่าตอบแทนพิเศษ เดือนละ 500 บาทรวมเป็นระยะเวลา 12 เดือน

ฉีดวัคซีนเข็มแรกทะลุ 50 ล้าน

นายอนุทินยังกล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า ขณะนี้อัตราการฉีดวัคซีนทยอยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้เข้ามารับวัคซีนจำนวนมากแล้ว ล่าสุด ข้อมูลที่รายงานผ่านระบบหมอพร้อม วันที่ 14 ธ.ค. 2564 จนถึงเวลา 12.30 น. สามารถฉีดได้ 140,461 โดส สะสม 97,893,176 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 50,012,231 ราย ซึ่งเกิน 50 ล้านคนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว ส่วนเข็มที่สอง 43,572,451 ราย เข็มที่สาม 4,266,735 ราย และเข็มที่สี่ 41,759 ราย

ทั้งนี้ สธ.ยังเดินหน้าให้บริการวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม รวมถึงการฉีด กระตุ้นเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยร่นระยะเวลาให้ผู้ที่ฉีดวัคซีน โควิด-19 ครบ 2 เข็ม ทั้งวัคซีนชนิดเดียวกันหรือสูตรไขว้ ได้ฉีดเข็มกระตุ้นหลังฉีดเข็มสองแล้ว 3 เดือน ดังนั้น ผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็มในช่วง ส.ค.-ก.ย.จะสามารถมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ใน ธ.คนี้

“ขอให้ประชาชนออกมารับวัคซีนโควิดให้ครบโดส เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ การจัดงานต่างๆ ศบค.กำหนดให้ผู้ประกอบการ พนักงาน และลูกค้าที่จะเข้าร่วมงาน ต้องฉีดวัคซีนโควิดครบ 2 เข็ม จึงจะสามารถเข้า ร่วมงานได้อย่างปลอดภัย” นายอนุทินกล่าว

ททท.จัดปีใหม่-ไม่ขายเหล้า

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม. ถึงของขวัญปีใหม่ว่า ขณะนี้ให้กรมต่างๆ ไปพิจารณาและหาข้อสรุปว่าจะได้อะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่นสำนักงานประกันสังคม อาจออกมาตรการลดเงินสมทบของผู้ประกันตน ตามมาตรา 40 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อาจเปิดฝึกอาชีพทุกอย่างฟรีหมด กรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานอาจจะออกมาตรการ ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ คาดว่าจะนำเข้าครม. ในสัปดาห์หน้า วันที่ 21 ธ.ค. สำหรับมาตรการ การเยียวยาคนกลางคืนขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากลั่นกรองในกระทรวงการคลัง

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนัก นายกฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลประชาสัมพันธ์ การจัดงานเทศกาลปีใหม่ 2565 “Amazing Thailand Countdown 2022” จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในช่วงวันที่ 27-30 ธ.ค.2564 เวลา 16.00-22.00 น. และวันที่ 31 ธ.ค.2564 เวลา 16.00-00.30 น. ซึ่งจะจัดงานใน 5 พื้นที่หลัก ได้แก่ 1.หอคำหลวง อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ 2.หน้าศาลากลาง จังหวัดนครราชสีมา 3.หาดแสงจันทร์ จังหวัดระยอง

4.วัดพระราม จ.พระนครศรีอยุธยา และ 5.หาดปลายแหลมสะพานหิน ต.ภูเก็ต และในพื้นที่อื่นๆ อีกรวม 44 จังหวัดทั่วประเทศ งานในแต่ละพื้นที่ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดว่าจะมีนักเที่ยวเที่ยวเดินทางมาเข้าร่วมงานกว่า 15,000 คน ตลอดการจัดงานในแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กำชับให้การจัดงานรื่นเริงในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุข เคร่งครัด แต่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมกันเฉลิมฉลองช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุข และด้วยความปลอดภัย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศบค. เห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 ตั้งเป้าจัดหาวัคซีน 120 ล้านโดส จากบริษัทผู้ผลิตหลายบริษัทด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอและครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 80 ของประชากรในประเทศไทย

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย อายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถได้รับการฉีดวัคซีนตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน สามารถ เข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ walk-in ได้ตามสถานพยาบาลหรือศูนย์บริการฉีดวัคซีนอีกด้วย

นายธนกรกล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังกรณีที่มีมิจฉาชีพหลอกลวงทำเอกสารรับรองการได้รับ วัคซีนโควิด-19 ปลอม ขออย่าได้หลงเชื่อและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมกำชับกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบเว็บไซต์ เพจ รวมทั้ง SMS ต่างๆ เพื่อเร่งจับกุมนำมาดำเนินคดี เพราะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ซึ่งหากประชาชนพบการกระทำผิดดังกล่าวขอให้ช่วยกันแจ้งมายังเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและตำรวจทราบเพื่อดำเนินการต่อไป

ครม.เยียวยาน.ร.อีก 642 ล้าน

น.ส.รัชดากล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบ การใช้จ่ายเงินกู้ 642 ล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 เพื่อใช้ในโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่ม จากเดิมที่ได้อนุมัติไปแล้ว 23,226 ล้านบาท จึงเท่ากับว่ารัฐบาลได้ช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาแก่นักเรียนรวมทั้งสิ้น 11,934,661 คน

น.ส.รัชดากล่าวต่อว่า โดยครั้งนี้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 321,461 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ (กลุ่มตกหล่น) อาทิ นักเรียนในสังกัด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน นักเรียนในสังกัดโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ 4 หน่วยงาน รวม 15,264 คน

2.กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพปวช. (อายุ 6 – 18 ปี) ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จำนวน 231,839 คน

และ 3.กลุ่มเป้าหมายเด็กเล็ก ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็กเล็กกลางวัน และโรงเรียนอนุบาล ที่มีอายุระหว่าง 2-6 ปี ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดได้ตรวจสอบความซ้ำ กับเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว โดยจะส่งข้อมูลให้กระทรวงศึกธิการ จำนวน 6 หน่วยงาน รวม 74,358 คน

คลินิกเถื่อน – ตำรวจปคบ.และอย. เข้าทลายคลินิกเถื่อนในต.บ้านกระแซง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ลักลอบเปิดห้องตรวจเชื้อโควิดแล้วออกใบรับรองผลการตรวจให้กับประชาชนโดย ผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.

จับคลินิกเถื่อนตรวจโควิด

วันเดียวกัน พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.พร้อมด้วยนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงจับคลินิกเถื่อนที่ลักลอบให้บริการห้องแล็บตรวจคัดกรองโควิด 19 โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ให้บริการก็ไม่ใช่บุคลากรของสาธารณสุข

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้รับการประสานจากสสจ.ปทุมธานีว่า พบคลินิกเถื่อนที่เปิดห้องปฏิบัติการตรวจสารคัดหลั่งของเชื้อโควิด 19 ด้วยชุด ตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และยังออกใบรับรองผลให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งไม่ได้มาตรฐาน และยังสุ่มเสี่ยงให้เกิดการระบาดของโควิด 19 จึงประสานมายังบก.ปคบ. เพื่อสืบสวนจับกุม ก่อนเข้าตรวจสอบที่คลินิกเทคนิคการแพทย์ ดี แล็บ อินเตอร์กรุ๊ป ตั้งอยู่ที่ต.บ้านกระแซง อ.เมืองปทุมธานี

จากการตรวจสอบพบคลินิกดังกล่าวให้บริการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK รายละ 500 บาท และออกใบรับรองผลในนามของคลินิก โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการกับสสจ. ปทุมธานี แต่ใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากที่อื่นมาแสดงเพื่อสร้างความ น่าเชื่อถือ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ และผู้ช่วย ก็ไม่ใช่แพทย์ หรือนักเทคนิคการแพทย์แต่อย่างใด

โดยยังพบอีกว่ามีการจัดเก็บตัวอย่างเลือดและตัวอย่างปัสสาวะนับพันชิ้น ที่ออกไป รับตรวจให้กับโรงงาน หรือบริษัทต่างๆ มาเก็บ รักษาไว้ในตู้เย็นโดยไม่ถูกสุขลักษณะ ที่สำคัญ คือไม่มีการเก็บขยะติดเชื้อที่เป็นไปตามมาตรฐาน ด้วย

เบื้องต้นจึงมีการจับกุมน.ส.วาสิตา (สงวนนามสกุล) เจ้าของและผู้ดูแลสถานที่ ในความผิด ตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล ฐานประกอบกิจการ สถานพยาบาลโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและ ได้รับอนุญาต (คลินิกเถื่อน) และน.ส.พรนภา (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการตรวจ ตามพ.ร.บ.เทคนิคการแพทย์ ฐานประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ดำเนินคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน