ทำกาฬสินธุ์-อุดรธานีป่วน
ยอดป่วยทั่วปท.พุ่ง205คน
‘หัวหิน’ก็วุ่น-เจอแล้ว3ราย
สธ.เล็งฉีดแอสตร้าฯ3เข็ม

ไทยป่วย‘โอมิครอน’พุ่ง 205 ราย ส่วนคลัสเตอร์ผัวเมียกาฬสินธุ์ติดแล้ว 22 กลุ่มเสี่ยงอีกกว่า 100 คน ‘หัวหิน’วุ่น พบนักท่องเที่ยวอังกฤษติดโอมิครอน 3 ราย เป็นชุดแรก หลังเดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก่อนนั่งเครื่องมากทม. และไปเที่ยวต่อหัวหิน ด้านภูเก็ตสั่งฟัน 2 โรงแรมปล่อยนักท่องเที่ยวปล่อยนักท่องเที่ยวออกไปก่อนรู้ผลตรวจ โควิด สธ.เล็งใช้สูตรแอสตร้าฯ 3 เข็มสู้ โอมิครอน ‘บิ๊กตู่’ ย้ำจัดเคานต์ดาวน์ปีใหม่ต้องเข้มมาตรการ ไม่ขายบัตรเพิ่มหน้างาน เผยรู้แล้วคนทำใบปลอมฉีดวัคซีน สั่งดำเนินคดีไปหลายราย สั่งเตรียมพร้อมทั้งเตรียมร.พ. เตียง ยาเวชภัณฑ์ ‘โมเดอร์นา’ ส่งวัคซีนให้อีก 3.7 ล้านโดสเดือนม.ค.65

ติดโควิดเพิ่ม 2,671-ตายอีก 27

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศวันนี้มีรายงานติดเชื้อรายใหม่ 2,671 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 2,558 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 2,502 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 56 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 58 ราย จากต่างประเทศ 55 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 2,766 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 38,192 ราย อาการหนัก 836 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 218 ราย

เสียชีวิตเพิ่มเติม 27 ราย เป็นชาย 13 ราย หญิง 14 ราย เป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 21 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย เสียชีวิตมากสุดที่จ.นครศรีธรรมราช 5 คน ผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,204,672 ราย หายป่วยสะสม 2,144,952 ราย เสียชีวิตสะสม 21,528 ราย

ทั้งนี้ ยอดผู้ฉีดวัคซีนในประเทศเพิ่มเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. จำนวน 530,244 โดส ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 ทั้งสิ้น 101,609,859 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมี ผู้ติดเชื้อสะสม 278,524,003 ราย เสียชีวิตสะสม 5,400,605 คน

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า 10 จังหวัดที่พบ ผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 411 ราย ชลบุรี 175 ราย นครศรีธรรมราช 144 ราย สมุทรปราการ 87 ราย สงขลา 85 ราย ขอนแก่น 71 ราย ราชบุรี 60 ราย พัทลุง 29 ราย พิษณุโลก 59 ราย และเชียงใหม่ 56 ราย

โอมิครอนลามแล้ว 98 ปท.








Advertisement

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน กระทรวงสาธารณสุขยังคงจับตาดูอย่างใกล้ชิด ตอนนี้มีการยืนยันประเทศที่มีการแพร่ระบาดเชื้อดังกล่าวไปแล้ว 98 ประเทศ

สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 205 ราย ส่วนใหญ่มาจากผู้เดินทางในระบบเทสต์ แอนด์ โก โดยรายล่าสุดเป็นคู่สามี-ภรรยา อายุ 47 ปีพบที่จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมาจากประเทศเบลเยียม ทั้งคู่ตรวจ RT-PCR เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. และผลออกมาเป็นลบ เข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. เมื่อมาถึงก็ตรวจ RT-PCR ผลเป็นลบ จึงเดินทางไป จ.กาฬสินธุ์บ้านเกิด ในวันที่ 11 ธ.ค. จากนั้นวันที่ 12 ธ.ค. มีการรับประทานอาหารกับครอบครัว พบว่าร้านอาหารที่ใช้บริการมีลักษณะเป็นพื้นที่ปิด ทั้งสองคนเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. และ 15 ธ.ค. ระหว่างนั้นทั้งสองคนเดินทางไปธนาคาร และสถานที่ราชการหลายแห่ง โดยสารรถตู้ประจำทาง รวมถึงข้ามพื้นที่ไปยังจ.ขอนแก่น มีการพบปะผู้คน จนเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง วันที่ 15 ธ.ค.มีการตรวจ ATK ซ้ำนั้น เข้ารักษาตัว ในโรงพยาบาลวันที่ 17 ธ.ค. ผลยืนยันจากการตรวจ RT-PCR ทั้งสองคนติดโควิด-19 แล้วยืนยันสายพันธุ์ในวันที่ 21 ธ.ค.ว่าเป็นโอมิครอนทั้งสองคน จากคลัสเตอร์นี้ทำให้มีรายงาน ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้ว 21 คน นอกจากนี้ยังมีบางจังหวัด ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะติดตามสอบสวนทุกราย

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานการตรวจสายพันธุ์โควิด ระหว่างวันที่ 20-23 ธ.ค. จาก 874 ตัวอย่าง พบว่าทั่วประเทศเป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 83.8% โอมิครอน 16.2% เฉพาะในกทม. 207 ตัวอย่าง เป็นเดลตา 25.5% โอมิครอน 43.5% ขณะที่ภูมิภาค 667 ตัวอย่าง เป็นเดลตา 92.2% โอมิครอน 7.8% และถ้าดูเฉพาะกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศจำนวน 221 ตัวอย่าง พบเป็นผู้ติดเชื้อโอมิครอน 52.9% เดลตา 47.1% กลุ่มอื่นๆ ในประเทศ 653 ตัวอย่าง เป็นเดลตา 96.2% โอมิครอน 3.8% แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศที่ติดโควิดกว่าครึ่งเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ถือว่ามากกว่าตัวเลขการรายงานเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่เชื่อว่าโอมิครอนในกลุ่มเดินทางเข้าประเทศมีเพียง 1 ส่วน 4

ศบค.ย้ำเข้มจัดปีใหม่เล็ก-ใหญ่

พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า เรื่องการจัดเทศกาลปีใหม่เป็นหัวข้อที่ศบค.มีความเป็นห่วง ซึ่งในที่ประชุมศปก.ศบค.วันนี้มี 5 จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่จัดการเทศกาลปีใหม่เข้ารายงานความคืบหน้าได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา ระยอง พระนครศรีอยุธยา ซึ่งในที่ประชุมต้องขอชื่นชมเนื่องจากทั้งหมดได้ทำการบ้านอย่างหนักและทุกภาคส่วนได้ร่วมออกแบบร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ดังนั้นเหลือภาคประชาชนที่จะต้องให้ความร่วมมือและใส่ใจในมาตรการ และปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรา 9 ฉบับที่ 40 ที่ระบุชัดว่าการเข้าร่วมเทศกาลงานปีใหม่ที่มีเข้าร่วมเกิน 1,000 คน จะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น และจะต้องลงมาตรการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ ผู้ที่เข้าร่วมงานต้องได้รับวัคซีนครบสองเข็ม มีการตรวจ เอทีเคล่วงหน้า 72 ชั่วโมงก่อนเข้าร่วมงาน

ไทยเจอโอมิครอนพุ่ง 205

ด้านนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โควิด- 19 “โอมิครอน” ในประเทศไทย ว่า ขณะนี้พบเชื้อโอมิครอนแล้วใน 106 ประเทศ ซึ่งตัวเลขน่าจะมากกว่านี้ เพราะบางประเทศอาจไม่ได้ตรวจสายพันธุ์ ส่วนสหรัฐอเมริกาพบเกือบครบทุกรัฐแล้ว จากเดิมเป็นเชื้อเดลตาทั้งหมด ล่าสุดพบเป็นโอมิครอนมากกว่า 70% สัดส่วนเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว ยืนยันว่ายังตรวจโอมิครอนพบได้ทั้ง 3 สายพันธุ์ย่อย จากการติดตามข้อมูลการแพร่ระบาดในต่างประเทศ พบว่าแพร่เร็ว อาการไม่รุนแรง เช่น ฮ่องกงทำแล็บด้วยการเอาเชื้อโอมิครอนใส่เข้าไปในหลอดลม พบแพร่ขยายเร็วกว่าเดลตา 70 เท่า แต่พอลงไปถึงปอดที่เป็นจุดอันตรายแก่ชีวิต กลับพบว่าไม่ค่อยทำลายเนื้อปอดมากเท่าเชื้อเดลตา

ส่วนข้อมูลของอังกฤษที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่าหากเป็นการติดเชื้อในครัวเรือน เดลตามีอัตราแพร่เชื้อ 10.3% โอมิครอนเพิ่มขึ้นเป็น 15.8% ถ้าเป็นแพร่ระบาดในชุมชน เดลตามีอัตราแพร่เชื้อ 3% โอมิครอนเพิ่มเป็น 8.7% ส่วนความรุนแรงพบว่า ติดเชื้อเดลตาเข้า ร.พ. 50% นอน ร.พ.มากกว่า 1 วัน 61% โอมิครอนเข้า ร.พ. 20-25% นอนร.พ.มากกว่า 1 วัน 40-45% ขณะที่แอฟริกาใต้สถานการณ์ใกล้เคียงกัน โอมิครอนทำให้นอนร.พ. 2.5% เชื้อตัวอื่น 12.8% โอมิครอนทำให้อาการหนัก 21% เชื้ออื่น 40% แต่ตัวเลขการศึกษายังไม่มากพอ

นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า สถานการณ์ในไทยล่าสุด จากการตรวจคนเดินทางมาจากต่างประเทศ และสุ่มตรวจสายพันธุ์ในประเทศรอบนี้ไม่เจอเชื้ออัลฟาและเบตา แต่พบเดลตา 732 ราย และโอมิครอน 142 ราย บวกของเดิม 63 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อโอมิครอนในไทยแล้ว 205 ราย ภาพรวมตรวจเกือบพันตัวอย่าง เป็นโอมิครอน 16% กทม.อยู่ที่ 40% ภูมิภาค 8% สาเหตุที่กทม.เยอะเพราะส่งตัวอย่างมาจากที่กทม.เยอะ

ส่วนที่เคยรายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. พบ โอมิครอน 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ขณะนี้พบ 53% และเริ่มพบคนที่อยู่ภายในประเทศจำนวนหนึ่งประมาณ 3.8% จะเห็นว่าภาพรวมกราฟชันขึ้น หมายความว่าในช่วงเวลาเดียวกันมีการติดเชื้อค่อนข้างเร็ว ซึ่งเป็นหลักการของโรคติดต่อว่าจะมีการแพร่กระจายได้เร็วขึ้นในระยะเวลาถัดไป

เคสผัวเมียกาฬสินธุ์ติดแล้ว 22

“สำหรับผู้ติดเชื้อโอมิครอน 205 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 180 ราย คนไทยที่ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ 25 ราย แต่ยังเป็นการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ในจำนวนนี้มีคลัสเตอร์ใหญ่ที่สุดคือ สามีภรรยาที่กาฬสินธุ์ ตรวจพบติดเชื้ออีก 20 ราย รวม 2 สามีภรรยาเป็น 22 ราย โดยยังมี 5 รายที่ตัวอย่างไม่สมบูรณ์กำลังเก็บสิ่งส่งตรวจใหม่ ส่วนคลัสเตอร์อื่นอยู่ระหว่างสอบสวนโรค คือ คลัสเตอร์ 3 รายจากผู้แสวงบุญ มีแม่บ้านในโรงแรมแห่งหนึ่งจำนวน 1 ราย และอีก 1 รายคือภรรยาของนักบินที่รายงานไปก่อนหน้านี้ แต่ย้ำว่ายังไม่มีการติดเชื้อโอมิครอนตั้งต้นในประเทศไทย”

นพ.ศุภกิจกล่าวด้วยว่า มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อจากผู้เดินทางจากต่างประเทศ และมีคลัสเตอร์ที่ติดกันเหมือนกรณีกาฬสินธุ์เพิ่มเติมได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเชื้อมีการแพร่ระบาดเร็ว เพราะฉะนั้นมาตรการต่างๆ อยากให้ช่วยกันลดความเสี่ยง เราต้องช่วยกันเพื่อยันการติดเชื้อระดับน้อยออกไปให้ได้นานที่สุด แต่สุดท้ายมันก็จะเกิดการแพร่ในประเทศได้ แต่จากหลักฐานเชิงประจักษ์เชื้อโอมิครอนไม่ได้รุนแรง จึงไม่น่าจะต้องวิตกกังวลมากนัก แต่ขอให้ช่วยมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ

ฉีดแอสตร้าฯ 3 เข็มสู้‘โอมิครอน’

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีการแจ้งและกำชับว่าจะต้องฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 3 ตามข้อมูลวิชาการ อย่างล่าสุด แอสตร้าเซนเนก้าออกแถลงการณ์ผลการศึกษาว่าผู้ได้รับวัคซีนแอสตร้าฯ 3 เข็ม ประสิทธิภาพป้องกันโอมิครอน 90% เทียบเท่ากับป้องกัน เดลตาเมื่อฉีด 2 เข็ม ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ จึงนำข้อมูลนี้มาดำเนินการได้

เมื่อถามว่าฉีดแอสตร้าฯ เป็นเข็ม 3 ได้ จะเปิดเป็นทางเลือกให้ประชาชนบูสต์หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เชื่อหมอดีกว่า เราอย่าเลือกเอง ขอให้ฟังข้อมูลวิชาการว่า มีสูตรอะไร อย่างไร ซึ่งมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะข้อมูลพวกนี้มีการศึกษาอย่างชัดเจน ไม่ใช่ทำออกมาโดยไม่ได้ศึกษา อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมมีอาจารย์บอกว่า เมื่อแอสตร้าฯ บอกว่า มีข้อมูลออกมาก็สามารถใช้ได้ อย่างแอสตร้าฯ 2 เข็มก็บูสต์ด้วยแอสตร้าฯ ได้

กลุ่มเสี่ยงโอมิครอนกว่า 100 คน

นายอนุทินกล่าว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกำชับผู้ว่าฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้อยู่ในพื้นที่ ออกตรวจความเรียบร้อย ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขกำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพ็กคู่กันไป หากพบกิจกรรมที่ทำผิดกฎระเบียบจากที่ขออนุญาตไว้ต้องยกเลิกทันที โดยไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใครทั้งสิ้น เพราะถือว่าเราเปิดให้แล้ว ขอให้ร่วมมือตามระเบียบ เพื่อให้ทุกคนฉลองอย่างปลอดภัย ขอความร่วมมือจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการออกตรวจตราคัดกรองผู้เดินทางเข้าพื้นที่ ตรวจหาเชื้อด้วย ATK หากพบผลเป็นลบ ยังขอให้สังเกตอาการต่อเนื่อง และตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนตัว สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างและล้างมือ

เมื่อถามว่าพฤติกรรมใดน่ากังวลในช่วงปีใหม่ นายอนุทินกล่าวว่า รวมกลุ่มกันเป็นอันตรายที่สุด ชัดเจนด้วยการติดเชื้อโอมิครอนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เรารู้ต้นตอว่ามาจากไหน นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หากใครเดินทางไปกลับบ้าน ขอให้ตรวจ ATK ก่อนไปพบผู้อื่น ญาติพี่น้อง อย่างกรณีสามี-ภรรยา จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมาจากยุโรปตรวจ RT-PCR ผ่านก็กลับกาฬสินธุ์ ต่อจากนั้นไปหาญาติจ.อุดรธานี แล้วไม่ได้ตรวจซ้ำ ก็ไปแพร่เชื้อ 22 ราย จำนวนนี้ 19 คน เป็นพนักงานร้านอาหารที่สามีภรรยาเดินทางไปกินอาหาร ส่วนอีก 3 คน เป็นคนในครอบครัว ทั้งครอบครัวพนักงานร้านอาหาร และลูกค้าในร้าน รวมถึงผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 100 ราย ทั้งหมดเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวสะสม 205 ราย

“นี่ไม่เกี่ยวกับพิษโอมิครอน เป็นการนำเชื้อโดยผู้ติดเชื้อให้คนอื่น ซึ่งเรามีคำแนะนำชัดเจน DMHTT ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน โดยเฉพาะถังน้ำแข็ง แก้วเหล้า แก้วเครื่องดื่ม รวมถึงฉีดวัคซีนให้ครบโดส ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน”

เมื่อถามถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่ลักลอบออกจากโรงแรมกักตัว นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงเพิ่มเติม แต่เป็นสิ่งที่ไม่ดี เนื่องจากเขาไม่ปฏิบัติตามมาตรการของไทย ไม่รอผลตรวจ RT-PCR แต่โชคดีที่เชื้อในระยะที่ไม่แพร่ให้ใคร

ฉีดไฟเซอร์ 5-11 ขวบสมัครใจ

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เสนอให้ฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ขวบ โดยใช้วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับอนุมัติจาก อย.ให้เป็นการฉีดตามความสมัครใจ ใช้โรงเรียนเป็นฐาน และเพิ่มจุดฉีดที่ร.พ.รองรับเด็กป่วย แต่คณะกรรมการมีข้อพิจารณาถึงการฉีดในเด็กเล็กที่อาจมีความกังวล จึงไม่ต้องเร่งรีบ แต่ต้องทำความเข้าใจผู้ปกครอง เท่าที่รับรายงานจากปลัดกระทรวงศึกษาธิการเด็กเล็กมีประมาณ 5.04 ล้านคน

“นอกจากนี้ยังเห็นชอบการฉีดเข็มที่ 4 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ประชาชนโรคเรื้อรัง และกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่มที่ฉีดเกิน 3 เดือนไปแล้ว เพื่อให้ตอบสนองต่อสายพันธุ์โอมิครอน โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ รวมถึงการฉีดใต้ผิวหนังครึ่งโดสก็ดำเนินการได้ แต่ข้อมูลวิชาการแนะนำให้ฉีดครบโดส ซึ่งสามารถดำเนินการได้เลย ได้แจ้งศบค.แล้ว ที่ประชุมยังเห็นชอบออกประกาศ สธ.เพิ่มเติมให้พนักงานเทศกิจเป็นเจ้าพนักงานโรคติดต่อ เพื่อมีบทบาทเพิ่มประสิทธิภาพดูแลควบคุมโรคในพื้นที่กทม.”

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีข้อมูลมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ พิจารณาเรื่องวัคซีนของบริษัทแอสตร้าฯ ว่าการฉีด 3 เข็มมีประสิทธิภาพตอบสนองต่อเชื้อโอมิครอนได้พอๆ กับ 2 เข็มที่สู้กับเดลตา เนื่องจากเป็นข้อมูลล่าสุด กรมควบคุมโรคกำลังประสานขอข้อมูลดังกล่าว เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพิจารณาว่าจะปรับสูตรวัคซีนอย่างไรต่อไป เช่นเดิมแอสตร้าฯ 2 เข็ม ให้กระตุ้นเป็น mRNA อาจเพิ่มเข็มกระตุ้นเป็นแอสตร้าฯ เป็นทางเลือก แต่ตอนนี้ขอให้รอทางคณะอนุกรรมการพิจารณาก่อน

กาฬสินธุ์คลัสเตอร์แรกโอมิครอน

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยพบโอมิครอนประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ แสดงว่าระบบตรวจจับทำงานได้ แต่อย่างที่ทราบระบบ Test&Go แม้จะตรวจก่อนเข้าประเทศไทย 72 ชั่วโมง มาถึงไทยตรวจอีกครั้ง แต่ในเชิงทฤษฎีมีโอกาสคนที่อยู่ในระหว่างฟักตัวของโรค ตรวจวิธีใดก็ไม่เจอ จึงต้องใช้ระบบเฝ้าระวัง มีระบบติดตาม ซึ่งขณะนี้ผู้ติดเชื้อในประเทศมีไม่มาก แต่อย่างที่ทราบที่หลุดออกจากระบบ Test&Go จึงเป็นที่มาปรับระบบการเข้าประเทศ โดยให้หยุด Test&Go ชั่วคราว

“กรณีจ.กาฬสินธุ์เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เข้ามาทาง Test&Go ปกติ ตรวจเป็นลบทุกอย่างต่อมามีอาการจึงไปตรวจจนพบเชื้อ และเมื่อสอบสวนไทม์ไลน์อย่างละเอียดพบว่ามีกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงหลายคน มีปัจจัยเสี่ยงรับประทานอาหารร่วมกัน อยู่ในห้องที่ถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งเป็นปัจจัยที่พูดบ่อย แต่อาจเผอเรอ และยังมีการพูดคุยกันเวลานาน โดยเรามีการติดตามวงต่างๆ เบื้องต้นพบประมาณกว่า 20 ราย ขณะนี้อยู่ในการควบคุม” นพ.โอภาสกล่าว

เมื่อถามว่ากรณีกาฬสินธุ์ถือเป็นคลัสเตอร์แรกในไทยหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า ถือเป็นคลัสเตอร์แรก แต่ถ้ารายแรก คือชายอเมริกันที่ก่อนหน้านี้เข้ามา

อุดรฯยันติดโอมิครอนรายเดียว

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯ อุดรธานี กล่าวว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 29 ราย ติดเชื้อภายในจังหวัด 28 ราย ติดเชื้อภายนอกจังหวัด 1 ราย ยอดสะสม 20,879 ราย รักษาหายกลับบ้าน 27 ราย รักษาอยู่ภายในโรงพยาบาล 252 ราย หายป่วยสะสม 20,460 ราย ส่วนในเรือนจำติดเชื้อเพิ่ม 60 ราย รวมสะสม 220 ราย

สำหรับสายพันธุ์โอมิครอน พบผู้ติดเชื้อในจ.อุดรธานีเพียง 1 ราย นอกจากนี้ตรวจเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อรายดังกล่าว 13 คน ผลออกมาเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อ และตรวจหาเชื้อผู้สัมผัส เสี่ยงกลาง-เสี่ยงต่ำ เป็นประชาชนอาศัยในหมู่บ้านเดียวกัน และคนใกล้ชิดอีก 64 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด 64 ราย โดยหลังจากสื่อบางแขนงเสนอข่าวว่าคลัสเตอร์ผัวเมียกาฬสินธุ์นำเชื้อกระจายอุดรฯ 22 ราย ซึ่งทางจ.อุดรธานีได้รายงานในที่ประชุมว่าอุดรธานียืนยันพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพียง 1 ราย

“ข่าวที่มีการเผยแพร่ออกไปว่ามีผู้ติดเชื้อ โอมิครอน 22 คนของจ.อุดรธานีนั้น ที่จริงแล้วพบผู้ติดเชื้อเพียง 1 คน จากการตรวจเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา และตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 7 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงกลาง เสี่ยงต่ำ 99 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยด้วย ผลการตรวจไม่มีใครติดเชื้อ เป็นผลการยืนยันชัดเจน ทั้งหมดจะต้องกัก 14 วัน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้เสี่ยงกลาง เสี่ยงต่ำ ถ้าใครไม่มีอาการจะไม่มีการตรวจหาเชื้ออีก มีเพียงค่อยสังเกตอาการเท่านั้น”

‘บิ๊กตู่’ย้ำจัดเคานต์ดาวน์

ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการจัดงานเคานต์ดาวน์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า เขาชี้แจงแล้วไม่ใช่หรือ เป็นการเอาข้อมูลที่ถูกต้องมาชี้แจง ซึ่งทั้งหมดการจัดกิจกรรมจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุม โควิดมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ซึ่งจะต้องมีการฉีดวัคซีน และการขอจัดงานไว้ที่จำนวนคนเท่าไหร่ก็ต้องเท่านั้น จะไปขายบัตรหน้างานเพิ่มเติมอีกไม่ได้ ถือเป็นมาตรการที่เข้มงวด ที่นายกฯ สั่งอย่างเคร่งครัด ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องช่วยกันทำเข้าใจ หรือไม่รัฐบาลมีหน้าที่ออกกรอบนโยบายแนวปฏิบัติที่ชัดเจนแล้ว ถ้าทุกคนไม่ช่วยกัน จะทำอะไรไม่ได้ทุกเรื่อง

รู้ตัวแล้วคนปลอมใบฉีดวัคซีน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการทำใบปลอมยืนยันการฉีดวัคซีน นายกฯ กล่าวว่า ทราบนานแล้วและได้สั่งการไปแล้ว ซึ่งดำเนินคดีไปหลายราย ขอให้ช่วยกันเตือนประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่สั่งการให้รัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศเท่าที่จำเป็น นายกฯ กล่าวว่า ให้เดินทางไปเท่าที่จำเป็น โดยขอให้งดเดินทางไปต่างประเทศ แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องไปและมีมาตรการป้องกันตนเองที่เหมาะสม ทั้งนี้ขอให้ประชาชนเตรียมรับปีใหม่ 2565 ในปีเสืออย่างมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะอวยพรประชาชนในปีขาลอย่างไรนั้น พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าขอให้มีความสุขปีใหม่ก็แล้วกัน

มั่นใจรับมือโอมิครอนได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค.สั่งยกระดับการป้องกันและการรักษา เตรียมบุคลากร อุปกรณ์ เวชภัณฑ์ และเครื่องมือต่างๆ ให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเผชิญเหตุ เพื่อรองรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังปีใหม่

นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังมั่นใจว่าหากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้น ระบบด้านสาธารณสุขของไทยยังรับมือไหว ไทยยังสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดียิ่ง นายกรัฐมนตรียังฝากถึงประชาชนคนไทยอย่าวิตกกังวล หากทุกคนดูแลตัวเองและเคร่งครัดใน 3 เรื่องนี้ คือ การฉีดวัคซีน เข็ม 1 และ 2 การรับวัคซีนเข็มกระตุ้น และการป้องกันตัวจากการรับเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล

สธ.ชี้โอมิครอนอาการน้อย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีสามีภรรยา จ.กาฬสินธุ์ กลับจากเบลเยียมติดโควิดโอมิครอนแพร่กระจายให้คนรอบข้าง ว่า เป็นอุทาหรณ์ถึงความไม่ประมาท เพราะการเดินทางเข้ามาด้วยระบบ Test&Go แม้จะมีการตรวจ RT-CPR ก่อนเข้าไทย 72 ชั่วโมง เมื่อเข้าไทยตรวจซ้ำอีกครั้ง ก็ยังไม่การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อ เพราะอาจอยู่ในช่วงระยะฟักตัวของโรค ฉะนั้นสำหรับคนไทยที่เพิ่งกลับเข้าประเทศมาในช่วงนี้ อย่าเพิ่งรีบไปพบญาติหรือรวมตัวกัน เพราะอาจเสี่ยงติดเชื้อจากช่วงระยะฟักตัวนี้ และคนที่มีญาติเพิ่งมาจากต่างประเทศก็อย่าเพิ่งรีบไปเจอหรือรวมตัวกัน

“ข้อมูลของโอมิครอนขณะนี้ ความรุนแรงของโรคที่ทำให้ต้องนอนรักษาในร.พ.เป็นครึ่งหนึ่งของเดลตา เช่นเดียวกับอัตราเสียชีวิตลดลงครึ่งหนึ่งของเดลตา แต่อัตราการติดเชื้อเร็วกว่าเดลตาโดยเฉพาะในคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน” นพ.เกียรติภูมิกล่าว

‘หัวหิน’พบป่วยโอมิครอน 3

ที่ห้องสิงขร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนพ.วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แถลงสถานการณ์โควิด-19 หลังมีผลตรวจยืนยันเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ที่อ.หัวหิน

นพ.วรากล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชาวอังกฤษ 3 ราย ผลตรวจยืนยันติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะนี้กำลังรอผลตรวจยืนยันของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เหลืออีก 1 ราย โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวต้องการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางกลับประเทศต้นทาง จึงเข้ารับการตรวจ และพบเชื้อดังกล่าว ขณะนี้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่อ.หัวหิน เบื้องต้นขอให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ชะลอไว้ก่อน ส่วนภาคเอกชนที่จะจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ใช้มาตรการเข้มงวดป้องกันโควิดโดยใช้แนวทางโควิดพรีเซ็ตติ้ง และขอให้ตรวจหาเชื้อจากผู้เข้าร่วมงานทุกคนด้วยชุดตรวจเอทีเค

ทั้งนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนทั้ง 3 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยรายแรก หญิง อายุ 51 ปี ชาวอังกฤษและสามี อายุ 52 ปี ชาวอังกฤษ โดยสารเครื่องบินเดินทางมาจากประเทศอังกฤษ ลงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต พักที่โรงแรมใน จ.ภูเก็ต ผ่านระบบแซนด์บ็อกซ์ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.-3 ธ.ค. 2564 ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค.2564 เดินทางไปกรุงเทพฯ โดยเครื่องบิน จากสนามบินนานาชาติภูเก็ต-ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และเดินทางต่อด้วยรถแท็กซี่ จากกรุงเทพฯ-ที่พักที่โรงแรม อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

นักท่องเที่ยวกลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายที่ 2 ชาย อายุ 53 ปี ผู้ป่วยรายที่ 3 ชาย อายุ 75 ปี และรายที่ 4 หญิง อายุ 47 ปี ชาวอังกฤษ เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2564 ถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต วันที่ 11 ธ.ค.2564 เดินทางโดยเครื่องบินถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จากนั้นเดินทางโดยเช่ารถแท็กซี่จากกรุงเทพฯ มายังโรงแรมหรูในอ.หัวหิน โดยนัดกับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ 1 เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 11 ธ.ค.2564

โดยกลุ่มผู้ติดเชื้อโอมิครอน พักอยู่ที่อ.หัวหิน ตั้งแต่วันที่ 11-15 ธ.ค.2564 เข้าพักในโรงแรมที่มีมาตรฐาน SHA+ เดินทางไปห้างสรรพสินค้า ชายหาด ตลาด และสถานที่ ท่องเที่ยวต่างๆ ในอ.หัวหิน รับประทานอาหารในร้านอย่างน้อย 5 แห่ง เดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่โดยใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่มีการลงทะเบียนได้รับมาตรฐาน SHA

‘โมเดอร์นา’ส่ง 3.7 ล.โดสม.ค.นี้

ด้านภญ.สุนัยนา กิจเกษตรไพศาล ผู้จัดการทั่วไป แซดพี เทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท ทยอยส่งมอบวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา จำนวน 1.9 ล้านโดสให้ประเทศไทยในเดือนพ.ย.64 ตามแผนการส่งมอบวัคซีนปี 2564 ที่เคยแจ้งไว้ เรายังติดตามผู้ผลิตวัคซีนให้ได้วัคซีนต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะมีการระบาดของโอมิครอนที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว

“บริษัทคาดว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีน โควิด-19 โมเดอร์นาในงวดถัดไปจำนวน 3.7 ล้านโดส ให้แก่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ภายในเดือนม.ค.2565 รวมเป็นการส่งมอบตั้งแต่งวดแรกจนถึงปัจจุบัน รวมจำนวน 5.6 ล้านโดส ถือว่าเร็วกว่าแผนที่ได้กำหนดไว้” ภญ.สุนัยนากล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน