เปิดทางทีมปชป. ลุยหาเสียงซ่อม

‘บิ๊กตู่’พาเด็กนั่งเก้าอี้นายกฯ ในทำเนียบ สร้างแรงบันดาลใจในวันเด็กแห่งชาติ ฝ่ายค้านลั่นไม่ยอมแน่ถ้า ‘ชวน’ สั่งงดประชุมสภารอบที่สาม ก้าวไกลกระตุกต้องเป็นกลาง ดักคออย่าใช้คำสั่งเพื่อเปิดทางส.ส.มาลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเพราะกลัวปชป.แพ้คาบ้าน ‘จุรินทร์’นำทัพลุยชุมพร ‘นิพนธ์’มั่นใจคว้าชัยชัวร์ ฝ่ายค้านนัด 12 ม.ค.ถกยื่นซักฟอกรัฐบาลแบบไม่ลงมติ เล็งยื่นญัตติปลายม.ค.นี้ โฆษกเพื่อไทยเตือนนายกฯ เร่งรับมือ โอมิครอน หวั่นบานปลายเศรษฐกิจไทย เผาจริง โฆษกรัฐซัดเลิกมือไม่พาย เอาเท้า ราน้ำ

เก้าอี้ผู้นำ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมกิจกรรมวันเด็ก เปิดห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้ตัวแทนเยาวชนนั่งเก้าอี้นายกฯ และดูโต๊ะทำงาน ซึ่งเป็นการบันทึกเทปล่วงหน้า ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด

‘บิ๊กตู่’ร่วมกิจกรรมวันเด็ก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมกิจกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ใน รูปแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นการบันทึกเทปล่วงหน้า ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยกิจกรรมแรกพล.อ.ประยุทธ์ พาตัวแทนเด็กเยาวชน 5 คน นั่งเก้าอี้นายกฯ ที่ห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กและเยาวชนในอนาคต

พร้อมทั้งนั่งพูดคุยกับเด็กเยาวชนถึงความสนใจในด้านต่างๆ และความใฝ่ฝันถึงอาชีพที่อยากทำในอนาคต ได้แก่ ด.ญ.เพชร เพชรทอง ซึ่งฝันอยากเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง ด.ญ.มลธนัช เผื่อนประเสริฐสุข ที่ชื่นชอบกีฬายิงปืน ด.ญ.ภูวริศา อมาตยกุล อยากเป็นนักธุรกิจ นายปุณณานนท์ ตรีวรรณกุล ที่อยากนำผ้าไทย วัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่ให้เป็นสากล

พล.อ.ประยุทธ์ ยังชื่นชมความสามารถในการคิดเลขของ ด.ช.ปองคุณ บุญเกตุ พร้อมอวยพรขอให้เรียนวิชาที่ชอบอย่างสนุก ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และขอให้ทุกคนมีความฝัน มีความตั้งใจในสิ่งที่อยากทำ ตั้งเป้าอนาคตของตนเอง ค้นหาสิ่งที่ตนเองชอบเพราะอาจมีหลากหลายด้าน ขอให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดา มารดา เพื่อที่ได้เป็นหนึ่งในพลังการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าด้วยกัน

ลั่นเปิดให้ทุกคนร่วมเปลี่ยนปท.

จากนั้นที่ตึกภักดีบดินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยกับตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ พร้อมรับฟัง ข้อเสนอของเด็กๆ เกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนการสอน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานที่ผ่านมามีการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นเก่า กับคนรุ่นกลางและคนรุ่นใหม่ แต่ทั้งหมดถือว่าเราเป็นคนยุคเดียวกัน แบ่งแยกกันมิได้ วันนี้ยินดีที่ได้พบกับลูกหลานทุกคนและขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเยาวชนและเด็กๆ ทุกคน ที่ได้เป็นตัวแทนนำชื่อเสียง กลับมาสู่ประเทศชาติ รวมทั้งเด็กและเยาวชน ทุกคนที่อุทิศตนต่อการทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของ ทุกคน

ในส่วนของรัฐบาลตนยินดีและตั้งใจ อย่างยิ่งที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานของรัฐบาลเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศของเราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม และสิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมีเสถียรภาพ และการเคารพกฎหมาย รวมทั้งการยึดถือยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโตมาแล้ว 800 กว่าปี ทุกคนต้องเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ของเราด้วย ซึ่งประวัติศาสตร์ ไม่ใช่อยู่แค่สมัยยุคที่เราเกิดมา แต่ประวัติศาสตร์ ของเรามีมายาวนานตั้งแต่ยุคคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายและพ่อแม่ของเรา วันนี้ต้องขอบคุณมากๆ และยินดีที่ได้พบกับเด็กและเยาวชนในวันนี้

วันเด็ก – พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจลูกชาย และภรรยานายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ที่เสียชีวิตขณะถูกขังในค่ายทหารเมื่อปี 2562 เนื่องในวันเด็ก ที่บ้านพักอ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 8 ม.ค.

พาชมห้องทำงาน-นั่งเก้าอี้นายกฯ

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เปิดโอกาสให้ผู้แทนเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ 19 คน โดยตัวแทนเยาวชน 5 คนเป็นผู้แทนกล่าวข้อเสนอต่อนายกฯ 4 ประเด็น เกี่ยวกับการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ปัญหาด้านสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนจากความเครียดและการเข้าสังคม ขอให้ช่วยผลักดันระบบอินเตอร์เน็ตให้ดีขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ต้องกลับไปเรียนออนไลน์ และเรื่องสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนของสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อคนทุกกลุ่ม

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ นำเด็กและเยาวชนเยี่ยมชมห้องประชุมและห้องทำงานต่างๆ บนตึกไทยคู่ฟ้าและสถานที่สำคัญภายในทำเนียบรัฐบาล ถ่ายรูปเซลฟี่กับเด็กๆ อย่างเป็นกันเองด้วยอริยาบถที่ผ่อนคลาย และให้เด็กนั่งเก้าอี้นายกฯ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ โดยมีน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเยี่ยมชม

ทั้งนี้ นายกฯ ได้ฝากของขวัญต่างๆ ไปให้กับเด็กและเยาวชนในภูมิภาคทั่วประเทศผ่านคาราวานปันสุขด้วย

ช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ข้อความว่า สิ่งที่ผมถือเป็นภารกิจสำคัญของผมและรัฐบาล ที่พยายามจะทำให้สำเร็จให้มากที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ คือการให้ “ความเสมอภาคทางโอกาส” โดยตั้งเป้าหมายว่า เด็กไทย ทุกคน ต้องได้รับโอกาสในการศึกษา การพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ได้มากที่สุด จะต้องไม่มีเด็กไทย หรือเด็กคนไหนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ถูกปิดกั้นหรือจำกัดโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพียงเพราะฐานะ ถิ่นกำเนิด หรือปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ ทุกคนต้อง “ได้รับสิทธิในโอกาส” ที่เท่าเทียมกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

‘ชวน’สัญจรสมุย-ย้ำให้ยึดสุจริต

เวลา 11.00 น. ที่โรงเรียนบ้านแหลมหอย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติสัญจร ประจำปี 2565 จัดขึ้นโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี นาย ธีระพงษ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย พร้อมคณะครูโรงเรียนบ้านแหลมหอย นักเรียน จากโรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา อสม.อำเภอเกาะสมุย ต้อนรับ

นายชวนได้มอบคำขวัญวันเด็กประธานรัฐสภามอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 “รู้หน้าที่ มีวินัย ยึดมั่นประชาธิปไตยสุจริต” และย้ำให้เด็กและเยาวชนให้ความสำคัญกับคำว่าสุจริต หากบ้านเมืองไม่มีความสุจริตแล้วจะเกิดการคอร์รัปชั่น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อบ้านเมืองและประเทศชาติ จึงขอให้เด็กและเยาวชนยึดมั่นคำว่า “สุจริต” เพื่อนำประเทศให้พัฒนาต่อไป

ส่วนรัฐสภาจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 “Kids สนุก สุข ณ รัฐสภา” ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบซูม โดยเด็กและเยาวชนได้พบปะกับ นายชวน ซึ่งลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติสัญจรที่จ.สุราษฎร์ ธานี และเยี่ยมชมรัฐสภาผ่านทางออนไลน์

เวลา 09.00 น. ที่อาคารรัฐสภา วุฒิสภาจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เฟซบุ๊ก ไลฟ์ เพจ วุฒิสภา โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้มอบคำขวัญว่า “มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม”

กกต.เตือนผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม

วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้แจ้งผู้สมัครที่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง ของจ.สงขลา เขต 6 จ.ชุมพร เขต 1 และกทม.เขต 9 หลักสี่ จตุจักร (แขวงลาดยาว แขวงเสนานิคม และแขวงจันทรเกษม)

รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ใด ระมัดระวังการช่วยเหลือให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใดตามประเพณีต่างๆ อาทิ งานวันเด็กแห่งชาติ งานบุญ งานแต่ง งานบวช เป็นต้น

รวมทั้งพึงระมัดระวังการดำเนินการใดๆที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

‘จุรินทร์’นำทัพปชป.ลุยชุมพร

เมื่อเวลา 13.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และคณะ ลงพบปะประชาชนที่หน้าตลาดเทศบาลเมืองชุมพร เพื่อขอคะแนนสียงให้สนับสนุน นายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพร เขต 1 เบอร์ 1 โดยมีชาวบ้านมาต้อนรับและมอบดอกไม้เป็นกำลังใจด้วย ขณะที่ทีมงานหาเสียงชูป้าย ระบุว่า “เป็นกำลังใจให้ส.ส.ลูกหมี เลือกตาร์ท เบอร์ 1”

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นายอิสรพงษ์ เป็นคนรุ่นใหม่ มีคุณสมบัติเหมาะสมในการที่จะเข้าไปทำงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดขาย การ เลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร เกิดจากอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายชุมพล จุลใส หรือลูกหมี จำเป็นต้องพ้นจากส.ส. เพราะไปก่อการดีให้กับบ้านเมือง ทุกคนทราบดีในเรื่องนี้ ซึ่ง นายอิสรพงษ์เป็นตัวแทนของนายชุมพล มั่นใจว่านายอิสรพงษ์จะดูแลประชาชนแทนนายชุมพลได้

ส่วนการใช้อำนาจรัฐ เสธ. ต. เข้ามาแทรกแซงในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ และเหตุการณ์รอบยิงรถแห่หาเสียงของพรรคกล้า นายจุรินทร์ กล่าวว่า อำนาจไม่ใช่มีไว้เพื่อทำผิดกฎหมาย การมีอำนาจรัฐไม่ใช่มาใช้ในทางไม่ถูกต้องหรือเอารัดเอาเปรียบใคร แต่ต้องตระหนักว่าแม้จะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ต้องละอาย และต้องคิดด้วยว่าสมควรและเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด ซึ่งเป็นจิตสำนึกเฉพาะพรรค เฉพาะบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมหรือเลือกตั้งใหญ่ก็ตาม และไม่เชื่อว่าประชาชนอยากเห็นสิ่งเหล่านี้

‘นิพนธ์’มั่นใจคว้าชัยชัวร์

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ตนมีความมั่นใจและเห็นถึงพลังของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างออกมา ร่วมมือกันทำเพื่อพรรค ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันหลักทางการเมืองของประเทศ เมื่อนำเสนอนโยบายต่อสาธารณะแล้วก็นำไปสู่การปฏิบัติจริง เช่น การประกันรายได้ให้เกษตรกร

อีกทั้งในส่วนของผู้สมัครถือเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจพื้นที่ของจ.ชุมพรเป็นอย่างดี มีความมุ่งมั่นในการทำงานบทบาทของนักการเมืองท้องถิ่น จึงเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ จะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจให้ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่ส.ส.ต่อไป ตนจึงมั่นใจว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์คว้าชัยอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 9 ม.ค. นายจุรินทร์ จะร่วมปราศรัยหาเสียงช่วย น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.สงขลา เขต 6 เบอร์ 1 ที่สนามกีฬาสุขภาพ ต.พะตง บ้านทุ่งครุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

‘พิธา’เดินขอคะแนนตลาดสะเดา

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.) พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคจำนวนหนึ่ง เดินตลาดเทศบาลสะเดาในช่วงเช้า เพื่อรณรงค์หาเสียงช่วยนายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 พรรคก้าวไกล เบอร์ 2

นายพิธากล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากเดินเข้ามาให้กำลังใจ บางรายก็เดินเข้ามาบอกเล่าให้ฟังถึงปัญหาในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พ้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และตนได้ให้ความเชื่อมั่นว่า นายธิวัชร์ มีความรู้ความสามารถ มีจิตใจที่รักประชาธิปไตย มีจุดยืนเคียงข้างประชาชนอย่างหนักแน่น และการันตีประสบการณ์ทำงานในสภาได้จริงจากการที่เป็นผู้ช่วยของตนมาตลอด 3 ปี ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่จนถึงพรรคก้าวไกล

“หากทุกท่านยังจำได้ ผมเคยอภิปรายกระดุม 5 เม็ด ที่เป็นเรื่องของปมปัญหาเกษตรกรไทย นายธิวัชร์ คือผู้อยู่เบื้องหลังการอภิปรายของผมในครั้งนั้น และเป็นกำลังหลักผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานของผมมาตลอด 3 ปี ผมเชื่อมั่นว่า เขาคือความเปลี่ยนแปลงที่พี่น้องเขต 6 สงขลารอคอยอยู่ วันที่ 16 ม.ค.นี้ ผมอยากขอคะแนนพ่อแม่ พี่น้องประชาชนเขต 6 สงขลา ทุกท่าน ให้การสนับสนุนนายธิวัชร์ เข้าไปทำหน้าที่ในสภา เข้าไปพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ให้คนสงขลามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายพิธา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยเพื่อช่วยหาเสียงให้นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัครของพรรค เบอร์ 3 ที่เทศบาลเมืองบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 10 ม.ค. และจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่เทศบาลเมืองสะเดา จ.สงขลา ในวันที่ 14 ม.ค. นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ จะลงพื้นที่ชุมพรใน วันที่ 12 ม.ค. เพื่อช่วยหาเสียงให้นายชวลิต อาจหาญ หรือทนายแดง ผู้สมัครของพรรค เบอร์ 4 หลังจากไปปราศรัยครั้งแรกเมื่อ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา

ขอเสียงเด็ก – นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย หมายเลข 3 ออกหาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 9 กทม.(หลักสี่-จตุจักร) ในช่วงเช้ารับวันเด็ก ย้ำลงทุนกับ ความฝันเด็กคุ้มค่าที่สุด วอนผู้ปกครองเข้าใจและร่วมสนับสนุน ที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 เมื่อวันที่ 8 ม.ค.

‘สุรชาติ’จี้รัฐลงทุนสร้างฝันเด็ก

ส่วนการหาเสียงในสนามกทม.เขต 6 หลักสี่ จตุจักร (แขวงลาดยาว แขวงเสนานิคม และแขวงจันทรเกษม) เป็นไปอย่างคึกคัก

นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครพรรค เพื่อไทย(พท.) เบอร์ 3 ลงพื้นที่หาเสียงอ้อนขอคะแนนเสียงจากประชาชนในตลาดประชานิเวศน์ จากนั้นไปร่วมงานวันเด็กที่แฟลตวิภา และหมู่บ้านปูนซีเมนต์ไทย พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 30 ม.ค.

นายสุรชาติ กล่าวถึงเยาวชนเนื่องใน วันเด็กแห่งชาติว่า เชื่อว่าเด็กทุกคนมีความฝัน ทุกครั้งที่ตนร่วมงานวันเด็ก มักจะเห็นเด็กในชุมชนจากที่ต่างๆ ก็คิดตลอดว่าเด็กเหล่านี้มีความฝันอะไรบ้าง แต่ในความจริงกลับพบว่าเด็กในชุมชนจะถูกจำกัดฝันด้วยสภาพแวดล้อม ทั้งครอบครัวและสังคม จึงอยากฝากถึงผู้ปกครองว่าจะต้องสนับสนุนให้เด็กมีฝัน หากทุกคนมีความฝันก็จะช่วยพัฒนาประเทศได้ ขณะที่ภาครัฐต้องลงทุนให้โอกาสเด็กได้สานต่อความฝัน เพราะหน้าที่เดียวของรัฐคือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ การสร้างโอกาสให้เด็กอย่างเท่าเทียมและ ทั่วถึงในทุกมิติ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ถ้าเขาฝ่าฟันทำตามฝันได้สำเร็จ และกลับมาพัฒนาถิ่นเกิด ถือว่าคุ้มค่าแล้วสำหรับ สังคมไทย

สำหรับนโยบายเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของเด็กนั้น อยากจัดตั้งโครงการแคมป์ของความฝันที่ไม่ได้ให้เข้าไปคุยเรื่องความฝันกับเด็ก แต่เน้นพูดคุยกับผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจให้ผู้ใหญ่ช่วยผลักดันความฝันของเด็ก

‘สุทิน’ไม่ยอม-ถ้างดประชุมสภาอีก

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งให้งดการประชุมสภา สองสัปดาห์ติด เพื่อให้ความร่วมมืองดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ส่วนตัวมองว่ามีผลกระทบต่องานของฝ่ายนิติบัญญัติพอสมควร เนื่องจากยังมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับรอการพิจารณา เช่น กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา กฎหมายปฏิรูปการศึกษา ที่สำคัญคือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งเราได้หารือกันว่าถ้าเป็นแบบนี้ต้องมีทางออก เราจะยอมจำนนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นหากประธานสภา สั่งงดประชุมสภาอีกเป็นครั้งที่ 3 เราคงยอมไม่ได้เพราะไม่เหมาะแล้ว

ที่สำคัญยิ่งกว่าคือญัตติด่วนเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ปัญหาปากท้อง สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ราคาหมูที่แพงขณะนี้จะเอาอย่างไร ความจำเป็นหลายเรื่องที่ต้องสอบถามรัฐบาล เราปล่อยไม่ได้ เพราะประชาชนกำลังรอคอยความหวังอยู่ เราตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลกำลังลอยตัวกับปัญหา เราไม่ปฏิเสธเรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ทางสภาต้องมีมาตรการเพื่อป้องกัน ตอนที่สายพันธุ์เดลตาระบาดซึ่งมีความรุนแรงมากกว่านี้ งานสภายังเดิน ต่อไปได้เลย

ฝ่ายค้านจ่อถกปมซักฟอกรบ.

นายสุทิน ยังกล่าวถึงการยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนด แต่จะมีการพูดคุยกันในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันที่ 12 ม.ค. เพื่อพูดคุยถึงสาระที่จะอภิปราย กำหนดวันที่จะยื่นและอภิปราย ซึ่งอาจจะมีการพูดคุยกันที่พรรคเพื่อไทย เนื่องจากสภา อาจจะไม่เหมาะสมเพราะเขาห้าม โดยความคาดหมายคิดว่าจะยื่นภายในปลายเดือน ม.ค.นี้ และคิดว่าการอภิปรายจะเป็นช่วงกลางเดือนหรือครึ่งหลังของเดือน ก.พ. แม้สภาจะเลื่อนเปิดประชุมต่อไปก็ไม่มีผลกระทบ เพราะอย่างไรก็สามารถยื่นได้

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เบื้องต้นพรรคก้าวไกลคาดว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไท่ไว้วางใจรัฐบาลหลังจากร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ผ่านสภา ตั้งใจว่าจะอภิปรายรัฐบาลภายในสมัยประชุมนี้

ก้าวไกลลั่นเปิดคลาส 101

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่จะนำมาใช้อภิปรายรัฐบาล นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องที่ต้องอภิปรายแน่นอน คือ การบริหารจัดการงบประมาณ การบริหารเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน การสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก เรื่องมาตรการซอฟต์โลนที่ไปไม่ถึงเป้าหมาย การบริหารจัดการเงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท และแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่มีโครงการที่ถูกเสนอขึ้นมาผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ ส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการจ้างงาน ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลบริหารจัดการอย่างไม่ถูกต้อง

“ส่วนเรื่องการบริหารจัดการและการวางแผนระบบสาธารณสุข เพื่อรับมือกับ โอมิครอนนั้น พบว่ายังมีความล้มเหลว และหวั่นว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำเดิมอีก การอภิปรายครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนการสอนมวยรัฐบาล และต้องการเล็กเชอร์การบริหารประเทศ 101 ให้รัฐบาลนี้ เมื่อสอบตกแล้วก็ต้องกลับมาเรียนซ้ำ” นายวิโรจน์ กล่าว

‘โรม’กระตุก‘ชวน’ให้เป็นกลาง

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่ นายชวน สั่งงดการประชุมสภาตั้งแต่ปีใหม่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน แม้จะอ้างสถานการณ์ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่พบการติดเชื้อสูงขึ้น แต่เชื่อว่าหากสภาต้องการเปิดประชุมจริง ภายใต้มาตรการควบคุมโรคก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพราะเชื่อว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 กระตุ้นแล้ว รวมถึงยังสามารถกำหนดมาตรการรักษาระยะห่าง หรืออื่นๆเพื่อทำให้การประชุมสภาสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องสั่งงดประชุม

พวกเรายังมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ค้างการพิจารณาและปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เตรียมนำเข้าหารือต่อสภาเพื่อสะท้อนไปยังรัฐบาลเต็มไปหมด แต่ไม่สามารถทำได้ ท่านจะอ้างสถานการณ์โรคระบาดก็ไม่เป็นไร แต่ตนลงมาพื้นที่ภาคใต้ก็เห็นการระดมคนมาฟังปราศรัยของพรรคท่านแบบแน่นขนัดก็ไม่เห็นพวกท่านจะกลัวการระบาดของโรค

“ผมเลยติดใจอยู่นิดหนึ่งว่า สุดท้ายแล้วการตัดสินใจสั่งงดประชุมสภาเป็นเพราะเหตุผลใดกันแน่ หรือเป็นเพราะรู้ดีว่าขณะนี้ความนิยมของพรรคท่านในพื้นที่ภาคใต้ไม่เหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลก็จ้องจะกินพื้นที่ ผู้สมัครพรรคก้าวไกลก็กำลังเป็น กระแสได้รับความนิยมอย่างมากเลยกลัวแพ้ คาบ้าน เลยจำเป็นต้องทุ่มเต็มกำลัง ใช้คำสั่งงดประชุมสภา เปิดทางให้ ส.ส.กลับมาลงพื้นที่หาเสียง อย่างไรท่านก็เป็นประธานสภ เป็นผู้ใหญ่ของพวกเรา อยากให้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง การใช้ดุลพินิจออกคำสั่งใดๆเพื่อเปิดหรืองดประชุมสภาควรเอาประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเป็นที่ตั้ง”นายรังสิมันต์กล่าว

โฆษกพท.เตือนรับมือโอมิครอน

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า สถาน การณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงกังวลเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือกับสถานการณ์การระบาดของภาครัฐ ที่ไม่เท่าทันกับสถานการณ์ของโรค ภาครัฐควรต้องเร่งทำงานเชิงรุกในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ ยา และบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอ อย่าผลัดวันประกันพรุ่งในการป้องกันการระบาด อย่าปล่อยให้สถานการณ์บานปลายแล้วประกาศล็อกดาวน์แบบกระทันหันอีก เพราะไม่อย่างนั้นในปี 2565 นี้อาจจะเป็นปีเผาจริงของเศรษฐกิจปากท้องของคนไทย จนยากที่จะฟื้นตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

หากจะรอเพียงความสามารถที่มีอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ควบรวมอำนาจการบริหารไว้เพียงคนเดียว คงไม่สามารถบริหารจัดการได้ เพราะผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์จนเป็นที่ประจักษ์แล้ว ว่าล้มเหลวและสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนมากน้อยเพียงใด ใช้งบประมาณแผ่นดินไป 25 ล้านล้านบาท กู้เงินรวมกว่า 5 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะกว่า 9 ล้านล้านบาท แต่คุณภาพชีวิตคนไทยกลับแย่ลงทุกวัน

“รัฐบาลไม่ควรนิ่งนอนใจกับเชื้อ โอมิครอนจนดูถูกว่าเป็นสายพันธุ์กระจอก หากกระจอกจริง การเตือนภัยความรุนแรง คงไม่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4 ทางที่ดีรัฐบาลต้องตื่นรู้ เตรียมการ แต่ไม่ตื่นกลัว” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว

โฆษกรัฐซัดเลิกเอาเท้าราน้ำ

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้โฆษกพรรคเพื่อไทยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานเชิงรุกทั้งป้องกันและเตรียมรับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข เตียงผู้ป่วย ยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมถึงเร่งจัดหาวัคซีน ทำให้จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-31 ธ.ค.2564 อยู่ที่ 104,444,169 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด ดังนั้น การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า นายกฯและรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพิกเฉยต่อการระบาด ติดตามประเมินผลอยู่เสมอ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้สถานการณ์บานปลายเหมือนที่โฆษกพรรคเพื่อไทยกังวลแน่นอน

ยืนยันพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยคิดควบรวมอำนาจการบริหารไว้คนเดียว แต่ละกระทรวงมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกำกับดูแลอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมานายกฯใช้ การบูรณาการงานของทุกส่วนราชการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนมาตลอด ส่วนกรณีที่ระบุว่า ใช้งบประมาณแผ่นดินไป 25 ล้านล้านบาท กู้เงินรวมกว่า 5 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะกว่า 9 ล้านล้านบาท แต่คุณภาพชีวิตคนไทยกลับแย่ลงทุกวันนั้น ยืนยันว่า การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปตามกรอบงบประมาณ ภายใต้ข้อกฎหมายที่กำหนด โดยรัฐบาลมุ่งใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ที่สำคัญ ต้องไม่เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา

“โควิด-19 สร้างผลกระทบทั่วโลก ไม่เพียงแต่ประเทศไทย รัฐบาล ศบค. บุคลากรทางการแพทย์ อสม. รวมถึงภาคสังคม ประชาชน และสื่อมวลชน ต่างร่วมมือกันในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด หวังว่าโฆษกพรรคเพื่อไทย รวมถึงคนเห็นต่างกับรัฐบาล จะหยุดกล่าวหา หยุดซ้ำเติมให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหายไปมากกว่านี้ อย่าทำเหมือนสุภาษิตที่ว่า มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ควรร่วมมือกันก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้”นายธนกรกล่าว

บัตรทองเริ่มฟอกเลือดฟรี1ก.พ.

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้นโยบายว่าประชาชนทุกกลุ่มต้องมีหลักประกันสุขภาพเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียม ต้องไม่ให้ภาระค่ารักษาพยาบาลจากความเจ็บป่วยสร้างปัญหาภาวะล้มละลายในครัวเรือนของประชาชน

ล่าสุดคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานได้เห็นชอบข้อเสนอการช่วยเหลือค่าบริการล้างไตด้วยวิธีฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม แก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ ไม่สมัครใจรับบริการล้างไตผ่านทางช่องท้อง โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2565 เป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า เนื่องจากที่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่หน่วยบริการสาธารณสุขหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ได้รับฟังปัญหาจากผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ที่ป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังที่แพทย์เลือกวิธีการล้างไตทางช่องท้องให้ แต่ตัวผู้ป่วยประสงค์ใช้วิธีล้างไตด้วยการฟอกเลือด จึงต้องแบกรับภาระค่าฟอกเลือดเองครั้งละ 1,500 บาท จึงได้ให้เลขาธิการ สปสช. พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยซึ่งถือบัตรทอง มีสิทธิเลือกวิธีการรักษาและรัฐยังให้การสนับสนุน ซึ่ง สปสช. ศึกษาข้อมูลจากฐานผู้ป่วยไตวายเรื้อรังก็พบว่าทำได้

“การดำเนินการของปีนี้จะเริ่มได้ตั้งแต่ 1 ก.พ. เป็นต้นไปโดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายของ สปสช. ส่วนปีต่อๆ ไปจะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีสนับสนุนที่เพียงพอ ต่อไปโดยนายอนุทินได้ระบุว่านี่คือการดำเนินการที่ยืนยันถึงแนวนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนทุกมิติ ในด้านการรักษาพยาบาลประชาชนต้องเข้าถึงอย่าง เท่าเทียม ข้อมูลของ สปสช. ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง รักษาด้วยการล้างไตทางหน้าท้องอยู่ 32,892 ราย ด้วยวิธีฟอกเลือด 30,802 ราย

ซึ่งในนี้เป็นกลุ่มที่แพทย์เลือกวิธีรักษาด้วยการฟอกเลือด 24,256 ราย และกลุ่มที่แพทย์เลือกวิธีล้างไตทางหน้าท้องให้ แต่ผู้ป่วยไม่สมัครใจและเลือกจ่ายเงินเองเพื่อใช้วิธีรักษาด้วยการฟอกเลือด 6,546 ราย” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน