กำจัดแล้วกว่าร้อยตัว ไหว้ตรุษจีน-แพงหนักหัวหมูพุ่งหัวละ800บ. ศุลกากรยึดอื้อ21ตันสุกรชำแหละจากลาว

เจออีกหมูติดอหิวาต์แอฟริกา ปศุสัตว์ประจวบฯสั่งกำจัดยก 3 ฟาร์ม คาดมาจากรถเร่ที่ตระเวนรับซื้อหมู พาณิชย์สั่งตรึงราคาสินค้า หวั่นกระทบประชาชนช่วงตรุษจีน ล่าสุดราคาหัวหมูพุ่งถึงหัวละ 800 บาท ‘จุรินทร์’ย้ำเนื้อหมูไม่เกิน 210 บาทต่อก.ก. ‘บิ๊กป้อม’เตรียมเรียกถกคณะกรรมการปาล์มน้ำมัน แม่ค้าขอนแก่นโอด ข้าวสาร-ข้าวเหนียวขึ้นไม่หยุด ‘ศรีสุวรรณ’เผยชาวราชบุรี ร้องให้สอบกรณีแอบขนหมูตายส่งโรงเชือด หวั่นเป็นหมูติดโรค ศุลกากรแถลงยึดเนื้อสุกรชำแหละแช่แข็ง 21 ตัน ลอบนำเข้าจากลาว

‘จุรินทร์’ตรวจรถโมบายพาณิชย์
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายจุรินทร์ ลักษณ วิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการโมบาย พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ณ ชุมชนปิ่นเจริญ 2 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ว่าวันนี้ตนได้นำโครงการโมบายพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot16 ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ก่อนสิ้นปีเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ จนถึงสิ้นเดือนม.ค. ซึ่งทำต่อเนื่องถึง 16 ล็อต แล้ว จำหน่ายราคาพิเศษ เช่น ไข่ไก่ แผงละ 80 บาท ฟองละ 2.60 บาท น้ำมัน ขวดละ 48 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท ข้าวหอมมะลิ ถุงละ 5 กิโลกรัม 120 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 18 บาท และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ อีกหลายรายการ ลดสูงสุดถึง 86%

จากการลงพื้นที่พบว่าประชาชนให้ความสนใจมาก ช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะมาก แม้ไม่ทั่วถึงเพราะยังมีข้อจำกัด แต่ทุกทีที่ไปประชาชนเข้ามาซื้อเยอะมาก มีความพอใจอยากให้เดินหน้าโครงการนี้ต่อไป แม้การแก้ปัญหาราคาสินค้าในภาพรวม ต้องใช้ยาขนานอื่นด้วย แต่อันนี้ก็เหมือนกับยาขนานหนึ่งที่ใช้ร่วมกับยาขนานอื่น เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชน โดยหลังจากนี้อาจจะไปต่อกับโครงการที่ ครม. เพิ่งให้ความเห็นชอบใน Lot17 ต่อไปสำหรับรถโมบายจะไปจอดที่ไหน จะมีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอยู่ในเว็บไซต์ ของกระทรวงพาณิชย์ www.moc.go.th หรือที่ https://www.พาณิชย์ลดราคา.com

เตรียมตรุษจีน – บรรยากาศชาวไทยเชื้อสายจีนเลือกซื้อเครื่องประดับตกแต่งและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เตรียมใช้สำหรับเทศกาลตรุษจีนที่จะถึง ทำให้บรรยากาศการค้าย่านตลาดเยาวราชคึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 23 ม.ค.

สั่งตรึงราคาช่วงตรุษจีน
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การควบคุมราคาอาหารสดและผลไม้ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งตรึงราคา และขอความร่วมมือผู้ประกอบการแล้วในหลายหมวดสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการ ดำรงชีพ เพื่อให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชน สามารถแบ่งเบาภาระซึ่งกันได้กันได้ โดยเฉพาะสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ซอสปรุงรส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำอัดลม ที่จะไม่มีการขยับขึ้นราคา หมวดซอสปรุงรส ที่มีข่าวว่าซีอิ๊วจะขึ้นราคา ตัวแทนก็ยืนยันว่าไม่ขึ้นราคา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชัดเจนแล้วว่าไม่มีการขึ้นราคา นอกจากนั้นยังมีหมวดน้ำอัดลมที่มีข่าวว่าจะขึ้นราคาตอนนี้ยุติแล้วไม่ขึ้นเด็ดขาด ถ้าขึ้นราคากระทรวงพาณิชย์คงต้องใช้มาตรการในการบริหารจัดการ

สำหรับหมวดที่ต้องเข้าไปดูใกล้ชิดเพราะมีช่องทางจำหน่ายเยอะมากไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด คือเนื้อสัตว์ แต่หลายหมวดก็ได้ข้อยุติ เช่น ไก่ ในห้างสำคัญ เช่น แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี ไก่ทั้งตัวต้องไม่เกิน 60-65 บาทต่อกิโลกรัม น่องติดสะโพกไม่เกิน 60-65 บาทต่อกิโลกรัม และไก่หน้าฟาร์มไม่เกิน 40 บาทต่อกิโลกรัม และไข่ไก่ ตรึงราคาหน้าฟาร์ม ไม่เกิน 2.90 บาท

ตรึงราคาหมูไม่เกิน 210 บาท
นายจุรินทร์กล่าวต่ออีกว่า ส่วนที่ยังสูงอยู่ คือหมู เป็นการบ้านข้อใหญ่ที่รัฐบาลทั้งรัฐบาล ซึ่งท่านนายกฯ ทราบแล้วเพราะลำพังกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งแก้โดยเบ็ดเสร็จไม่ได้ กระทรวงพาณิชย์เป็นปลายทางของการจำหน่ายหมูชำแหละแต่ต้องแก้ตั้งแต่ต้นทาง ปัญหาใหญ่ของหมูคือปริมาณหมูหายไปจากระบบ กรมปศุสัตว์เคยมาชี้แจงกับกระทรวงพาณิชย์ว่าประมาณ 30% จึงมีผลต่อราคาเพราะปริมาณไม่พอราคาจึงขึ้น ต้องเร่งป้อนหมูเข้าระบบให้เร็วที่สุด








Advertisement

ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน จัดวงเงิน 30,000 ล้านบาทให้ ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ กับผู้เลี้ยงหมู ซึ่ง ธ.ก.ส.และกระทรวงการคลัง จะเข้าไปช่วยให้เกิดการจับคู่กู้เงินให้มากที่สุดหมูจะได้รับเงินทุนต่อลมหายใจและป้อนเข้าระบบได้มากขึ้นโดยเฉพาะรายย่อยและกรมปศุสัตว์ต้องเร่งผลิตลูกหมู ได้รับแจ้งว่าได้ประมาณสัปดาห์ละ 300,000 ตัว รวมทั้งต้นทุนอาหารสัตว์ เรื่องภาษีกระทรวงการคลังต้องเข้าไปดู ราคาน้ำมันกระทรวงพลังงานต้องเข้าไป เพราะเป็นเหตุหนึ่งของต้นทุนการผลิต ทุกกระทรวงต้องช่วยกัน ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ห้ามส่งออกหมูจะช่วยให้หมูเข้าสู่ระบบอีก 1,000,000 ตัวและกำกับปลายทาง ซึ่งเป็นปลายเหตุว่าใครฉวยโอกาสขายราคาเกินสมควร จะแจ้งข้อหาค้ากำไรเกินควร โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

ขณะเดียวกันการกำหนดราคาจะดูจากราคาหมูหน้าฟาร์ม ซึ่งจะมีราคาบอกว่าถ้าหมูหน้าฟาร์มราคาเท่านี้ราคาขายปลีกไม่ควรเกินเท่าไหร่ ซึ่งขณะนี้ตรึงราคาหมูหน้าฟาร์มไว้ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ถ้าเป็นหมูเนื้อแดงไม่เกิน 210 บาท ขณะนี้ราคาเนื้อหมูเริ่มทรงตัว แต่จะทำอย่างไรให้ราคาลดลง มาต้องเร่งผลิตหมูเข้าสู่ระบบให้เร็ว คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

‘ป้อม’เรียกถกปาล์มน้ำมัน
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศก.ในฐานะเลขาคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุววรณ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลการประชุมนโยบายปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติ ที่พล.อ.ประวิตร สั่งการให้เตรียมการประชุม เพื่อประชุมอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 17 ก.พ.2565 ในที่ประชุมจะมีการหารือในเรื่องของผลผลิต ความต้องการ และราคาปาล์มในประเทศ

ส่วนแนวโน้มผลผลิตสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคกลุ่มโปรตีนทั้งพืชและสัตว์ ปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 2564 เกือบทุกตัวยกเว้นหมูที่ สศก.ต้องประเมินผลกระทบจากการเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ) อีกครั้ง ส่วนโปรตีนทั้งจากสัตว์ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากน้ำและสภาพอากาศเอื้ออำนวย ส่งผลให้แนวโน้มผลผลิตเพิ่มขึ้น จึงเชื่อว่า คนไทยจะมีโปรตีนบริโภคอย่างเพียงพอ ไม่ขาดแคลน

แนวโน้มผลผลิตด้านการเกษตร ที่เป็นโปรตีนปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 มี ดังนี้ ไก่เนื้อ มีจำนวน 1,569,852,364 ตัว เพิ่มขึ้น 1.07% จากปีก่อนที่มีจำนวน 1,553,248,592 ตัว, ไข่ไก่คาดมีจำนวน 15,005 ล้านฟอง เพิ่มขึ้น 1.29% จากปีก่อนที่มีจำนวน 14,814 ล้านฟอง, โคเนื้อ จำนวน 1,316,711 ตัว เพิ่มขึ้น 4.22% จากปีก่อนที่มีจำนวน 1,263,372 ตัว, ปลานิล คาดมีจำนวน 222,159 ตัน เพิ่มขึ้น 1.75% จากปีก่อนที่มีจำนวน 218,329 ตัน, ปลาดุก คาดมีจำนวน 97,002 ตัน เพิ่มขึ้น 2.8% จากปีก่อนที่มีจำนวน 94,277 ตัน กุ้งขาวแวนนาไม คาดมีผลผลิต 373,003 ตัน เพิ่มขึ้น 1.22% จากปีก่อนที่มีจำนวน 368,510 ตัน และกุ้งกุลาดำ คาดมีผลผลิตจำนวน 14,628 ตัน เพิ่มขึ้น 2.1% จากปีก่อนที่มีจำนวน 14,327 ตัน เป็นต้น

“โปรตีนที่หาง่าย และคนไทยบริโภคมากสุด คงเป็นปลา เพราะอายุในการเติบโตที่จะสามารถนำมาบริโภคค่อนข้างสั้น ดังนั้นคนไทยจะไม่ขาดแคลนอาหาร มีโปรตีนหลายชนิดสามารถใช้ทดแทนกันได้ และมีราคา ไม่แพง อย่างเช่น ไข่ ไก่ ปลา เพราะวงจรชีวิตสั้นสามารถผลิตและนำออกสู่ตลาด เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ ยังไม่รวมโปรตีนจากพืชอีกจำนวนมาก” นายฉันทานนท์กล่าว

แพงหูฉี่ – บรรยากาศตลาดสดในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ช่วงใกล้เทศกาล ตรุษจีนเงียบเหงา เหตุจากราคาสินค้าทุกประเภทพุ่งพรวดจนผู้คนชะลอการจับจ่าย โดยเฉพาะหัวหมูที่สูงถึง 800 บาท จากเดิมแค่ 450 บาท เมื่อวันที่ 23 ม.ค.

หัวหมูพุ่งหัวละ 800 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พบว่าสินค้าหลายชนิดมีการขึ้นราคา โดยเฉพาะของไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เช่น ประทัด กระดาษไหว้บางชนิด รวมไปถึงบรรดาหมู เห็ด เป็ด ไก่ ก็มีการปรับราคาสูงขึ้น โดยหมูสามชั้นชิ้นละประมาณครึ่งกิโลกรัมขายชิ้นละ 180 บาท จากเคยขาย 150-160 บาท หัวหมูหัวละ 750-800 บาท จากเคยขาย 450-600 บาท ซึ่งแม่ค้าในตลาดหลายรายเปิดเผยว่า ก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนอาจจะมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอีกในส่วนของหมู นอกจากนี้พวกขนมไหว้ต่างๆ ก็มีการปรับราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะขนมจันอับ ที่มีการรวมขนมมงคล 5 อย่างคือ ถั่วตัด (เต้าปัง) งา (อิ้วมั่วปัง) ข้าวพอง (บีปัง) ถั่วลิสงเคลือบน้ำตาลสีขาว-แดง (ซกซา) และฟักเชื่อม (ตังกวยแฉะ) จะปรับราคาขึ้นจากเดิมถุง 50 บาท เป็น 60 บาท

นอกจากขนมจันอับแล้วขนมเปี๊ยะก็มีการปรับราคาจากโรงงานมาแล้ว แต่แม่ค้าบางรายยังไม่ขึ้นราคา นอกจากของคาวและของหวานแล้วผลไม้ก็เป็นอีกหนึ่งของไหว้ที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ที่มีการปรับราคาขึ้นแล้วก็คือองุ่น ส่วนส้ม กล้วยหอมก็จ่อปรับราคาสูงขึ้น อย่างกล้วยหอมขณะนี้ขายอยู่ที่หวีละ 120 บาท แต่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนอาจมีการปรับราคาเป็นหวีละ 150 บาท

นางอุดม ใบสันเทียะ อายุ 66 ปี ชาวบ้าน อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า จากสถานการณ์ของที่แพงขึ้นในขณะนี้ ทำให้ต้องทนรับสถานการณ์ไปโดยไม่รู้จะมีใครมาช่วยได้ รัฐบาลก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อยังมีเรื่องวุ่นวาย อยู่แบบนี้ มีแต่คนเอาผลประโยชน์เข้าตัว ประชาชนจึงกำลังจะอดตายกันอย่างตอนนี้ อยากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จะได้อยู่ได้ หมดหนี้หมดสิน แต่ตอนนี้ยังไงก็ต้องทน ไปก่อน

ข้าวสาร-ข้าวเหนียวขึ้นไม่หยุด
ส่วนนางอำนวย มาซา อายุ 60 ปี เจ้าของร้านอำนวยค้าข้าว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา โรงสีมีการทยอยปรับขึ้นราคาจำหน่ายข้าวสารครั้งละ 20-30 บาท จนทำให้ปัจจุบันราคาข้าวสารปรับขึ้นแล้วกระสอบละเกือบ 200 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่แล้วแต่ละโรงสีจะกำหนดราคาขาย และคาดว่าหลังตรุษจีนราคาจะปรับราคาขึ้นไปอีก โดยเฉพาะข้าวเหนียว ทั้งนี้ทางโรงสีแจ้งว่าเป็นเพราะการซื้อข้าวเปลือกในราคาที่สูงขึ้น ประกอบกับข้าวมีจำนวนน้อยลงจึงต้องปรับราคาการรับซื้อมาตั้งแต่โรงสีที่เพิ่มขึ้น

“ยอมรับว่ากำไรที่ลดลงเพราะช่วงนี้ราคาสินค้าบริโภคหลายอย่างแพงขึ้นพร้อมๆ กัน ซึ่งราคาจำหน่ายวันนี้ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู และข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 เดิมราคากระสอบละ 900 บาท ปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 1,000 บาท ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตองเดิมกระสอบละ 700 บาท ปรับขึ้นกระสอบละ 950 บาท ขณะที่ราคาขายปลีกจะตกอยู่ที่ ก.ก.ละ 24-27 บาท ซึ่งทางร้านยังคงตรึงราคาจำหน่ายอย่างนี้ต่อไป เพราะหากเพิ่มราคาอีกจะเป็นการซ้ำเติมลูกค้า และหากรีบขึ้นราคาในช่วงนี้ลูกค้าก็จะหายไปเพราะราคาสินค้าต่างๆ ต่างปรับราคาขึ้น ทำให้ในระยะนี้ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อนและหากสัปดาห์หน้าราคาข้าวทะลุเกิน 1,000 บาท ร้านก็จะต้องขึ้นราคาไปด้วย” นางอำนวยกล่าว

ชาวอุบลฯ แห่จับปลา
ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง ต.ปทุม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี แหล่งตากอากาศชานเมืองของจังหวัด เจ้าหน้าที่โครงการปรับปรุงก่อสร้างถนนและสะพานตัดผ่านกลางลำห้วยวังนอง เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการวงแหวนถนนเลียบแม่น้ำมูนสายใหม่ จึงต้องปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำวังนองพื้นที่กว่า 45 ไร่ลงสู่แม่น้ำมูน ทำให้มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ของแม่น้ำมูนตกค้างอยู่ตามแอ่งน้ำต่างๆ ที่มีน้ำตื้นเขินหลายหมื่นตัว

ชาวบ้านทราบเรื่องพากันนำอุปกรณ์จับปลาทั้งแห สวิง มาจับปลาที่ติดค้างอยู่ตามแอ่งน้ำของอ่างเก็บน้ำขึ้นมาขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าปลาแม่น้ำธรรมชาติ ที่นำรถมา รอรับซื้อในราคาดีส่งเข้าตลาด ทำให้ชาวบ้านที่มาจับปลานับร้อยคนมีรายได้งาม ช่วงนี้ รายละ 2,000-3,000 บาท ช่วยสร้างรายได้ระหว่างที่ค่าครองชีพสูงขณะนี้ เพราะสินค้ามีราคาแพง

ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัด นำเครื่องมือมาเลือกจับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาสายพันธุ์หายากนำไปเพาะเลี้ยง เพื่อขยายพันธุ์นำลูกปลากลับมาปล่อยสู่ธรรมชาติ หลังการก่อสร้างปรับปรุงโครงการนี้เสร็จในปีหน้าต่อไป

แม่ฮ่องสอนไม่พบกักตุน
ที่ตลาดสายหยุด ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ผกก.สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน พาณิชย์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด และประชาสัมพันธ์จังหวัด ร่วมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ปัญหาราคา การจำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภค ในตลาดสายหยุด และร้านค้าปลีก-ค้าส่งเนื้อสัตว์ ในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาราคา สินค้าอุปโภคบริโภค ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน โดยจากการสำรวจพบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะเนื้อหมูที่มีราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ยอดขายลดลงเนื่องจากราคาเนื้อหมูที่สูง ประชาชนจึงหันไปบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทน

ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการตรวจสอบ พบว่าสินค้ามีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาด และปริมาณสินค้ายังคงมีเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค ไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด โดยได้แนะนำให้ผู้ค้าปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน และขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงหรือลดราคาสินค้าที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชน

‘เพชรบุรี’ขายหมูก.ก.ละ 150
นายธีรวุฒิ คล้ายเคลื่อน พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจร้านจำหน่ายเนื้อหมูที่เข้าร่วมโครงการลดราคาหมู โครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท ทั้งนี้มีร้านค้าเนื้อหมูเข้าร่วมโครงการ 8 ราย ซึ่งเป็นร้านมาตรฐานมีตู้แช่เย็นเนื้อหมูที่ถูกสุขอนามัย โดยอยู่ที่อำเมืองเพชรบุรี 3 แห่ง อำเภอชะอำ 1 แห่ง อำเภอท่ายาง 2 แห่ง อำเภอแก่งกระจาน 1 แห่ง และอำเภอบ้านลาด 1 แห่ง แต่ละร้านที่เข้าร่วมโครงการจะจำหน่ายหมูเนื้อแดงให้ประชาชนรายละไม่เกิน 1 กิโลกรัมต่อวัน รวมแล้วไม่เกิน 50 กิโลกรัมต่อร้าน โดยมีการจำหน่ายตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไปของทุกวัน จนสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ม.ค.

นายธีรวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้ต้องยอมรับหมูเป็นในประเทศไทยมีจำนวนน้อยเนื่องจากโรคระบาด ราคาหมูทั่วไปมีการปรับอย่างต่อเนื่อง จากการสอบถามผู้ประกอบการมีการปรับขึ้นทุกวันพระเรียกว่าทุก 15 วันก็ได้ ตั้งแต่ปลายปีพ.ศ.2564 จนถึงปัจจุบัน การช่วยประชาชนบรรเทาค่าครองชีพก็เป็นนโยบายหนึ่งที่ทางรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์จะทำยังไงไม่ให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนมาก เป็นการบรรเทา ไม่ใช่สามารถช่วยเหลือได้ทุกอย่าง นอกนั้นเราจะต้องมีโครงการอื่นๆ ของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะมีการเร่งรัดให้ออกมาเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจการซื้อสูงขึ้น

‘ศรีสุวรรณ’เผยแอบขนหมูตาย
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า มีตัวแทนชาว จ.ราชบุรี ได้เดินทางมาพบที่สมาคม เพื่อร้องเรียนและ ส่งมอบหลักฐานให้ กรณีมีการเคลื่อนย้าย หมูตาย โดยไม่ทราบสาเหตุเป็นจำนวนมาก และมีการเคลื่อนย้ายเกือบทุกวัน เพื่อนำไปเข้าโรงชำแหละเพราะชาวบ้านหวั่นว่าหมูเหล่านั้นจะตายด้วยโรคอหิวาต์แอฟริกา หรือ ASF

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การขนหมูตายทั้งตัวดังกล่าว มีลักษณะผิดสังเกตจากการขนหมูเข้าโรงฆ่าทั่วไปที่มักใส่คอกหรือกะทอใส่หมูในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ที่พบเห็นในขณะนี้กลับเป็นหมูที่ตายแล้วทั้งตัวกองสุมกันในรถบรรทุกปิกอัพและรถบรรทุกขนาดใหญ่ ให้เป็นที่อุจาดต่อผู้พบเห็นทั่วไป โดยไม่มีภาชนะปกปิดให้มิดชิดแต่อย่างใด จึงไม่แน่ใจว่าได้รับการอนุญาตให้ขนย้ายจากปศุสัตว์แล้วหรือไม่

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตัวแทนชาวบ้านจำนวนกว่า 50 คน จาก 4 อำเภอ 5 ตำบลคือ อ.เมืองราชบุรี ต.ห้วยไผ่, ต.น้ำพุ, อ.จอมบึง ต.รางบัว, อ.วัดเพลง ต.วัดเพลง และ อ.ปากท่อ ต.ทุ่งหลวง ได้รวมตัวกันเพื่อ ขอพบปศุสัตว์ จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ชี้แจงและลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงสุกร และโรงชำแหละในพื้นที่ โดยนำพยานหลักฐานทั้งภาพถ่ายและวิดีโอรถขนหมูตายจำนวนมากที่ชาวบ้านพบในท้องที่ต่างๆ ไปมอบให้ แต่ปศุสัตว์ จ.ราชบุรี กลับไม่ยอมออกมารับเรื่องและชี้แจง แต่ได้ส่งตัวแทนมารับเรื่องกับทางชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ จึงได้รวมตัวเดินทางไปยังศาลากลาง จ.ราชบุรี เพื่อขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดออกมาชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนิ่งเฉยกันได้อย่างไร

นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า ตัวแทนชาวบ้านได้มาร้องเรียนสมาคม เพื่อขอให้ตรวจสอบและร้องเรียนเอาผิดปศุสัตว์ราชบุรี อธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้ว่าฯ ราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง สมาคมได้รับเรื่อง และหลักฐานไว้แล้วทั้งหมด และจะได้นำไปยื่นให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดตามอำนาจหน้าที่

อหิวาต์หมู – ซากสุกรตายเกลื่อนจากโรคระบาดรวมกว่า 100 ตัว ในฟาร์ม 3 แห่ง ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดปศุสัตว์จังหวัดตรวจพบติดเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือเอเอสเอฟ สั่งฆ่าทำลายหมูที่เหลือยกเล้า พร้อมประกาศเขตโรคระบาด เมื่อวันที่ 23 ม.ค.

เจออีกอหิวาต์หมูติด 3 ฟาร์ม
นายยุษฐิระ บัณฑุกุล ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบภายหลังตรวจพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ในฟาร์มสุกร 3 แห่งใน 2 อำเภอ ประกอบด้วยฟาร์มสุกร หมู่ 4 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง ฟาร์มสุกร หมู่ 5 ต.อ่างทอง และฟาร์มสุกร หมู่ 13 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จากนั้นเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์ประจวบฯ ร่วมกันสอบสวนและควบคุมโรค ด้วยการทำลายสุกรในฟาร์มที่ตรวจพบเชื้อรวม 117 ตัว พร้อมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในฟาร์ม รวมทั้งมีการประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราวทันที จากนั้นเฝ้าระวังทางอาการและควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ในรัศมี 5 ก.ม.รอบจุดเกิดโรค

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปฟาร์มหมูที่ หมู่ 5 ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก ของนายปัญญา ตาดทองแกว หลังจากมีการทำลายหมูยกฟาร์มด้วยการฝังกลบ 58 ตัว ขณะที่นายปัญญากล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าพบว่ามีหมูในฟาร์มมีอาการซึม ไม่กินอาหาร จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างจากหมูตัวดังกล่าวและบริเวณถาดอาหาร ไปตรวจสอบ โดยรอผล 7 วัน ระหว่างนั้นหมูในฟาร์มเริ่มทยอยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงนำไปฝังกลบด้วยการโรยปูนขาวฆ่าเชื้อ กระทั่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์แจ้งว่าตัวอย่างที่เก็บไปตรวจพบเชื้อ ทำให้มีการทำลายหมู 58 ตัว ยกเล้าทั้งแม่หมู แม่พันธุ์ หมูขุน

“ปศุสัตว์ได้ประเมินราคาหมูทั้งหมด มีการทำบันทึกเพื่อชดเชยในจำนวน 3 ใน 4 จากราคาประเมิน ในบันทึกมีการประเมินไว้ทั้งสิ้น 371,100 บาท จะมีการชดเชย 278,325 บาท ไม่เกินเดือนเมษายนนี้ พร้อมปิดฟาร์มตามข้อกำหนดอีก 3 เดือน สำหรับหมูที่ ถูกกำจัด มีแม่พันธุ์กำลังตั้งท้อง 13 ตัว หากไม่มีโรค คาดว่าจะมีลูกหมูเกิดใหม่อีกกว่า 200 ตัว ราคาขายลูกหมูหลังจากอดนม ขายตัวละประมาณ 2,000 บาท ยอมรับว่าขาดรายได้กว่า 400,000 บาท ส่วนสาเหตุที่พบการระบาด น่าจะติดมาจากรถเร่ที่เข้ามารับซื้อหมูในฟาร์มเป็นพาหะ” นายปัญญากล่าว

ยึด 21 ตันหมูลอบนำเข้า
วันเดียวกันนายฉลองรัฐ จันทร์ส่งแก้ว หัวหน้าด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร ร่วมแถลงข่าวสกัดจับตู้เย็นคอนเทนเนอร์ บรรทุกเนื้อหมูแช่แข็ง รวมน้ำหนักประมาณ 21 ตัน ลักลอบนำเข้าจาก สปป.ลาว จับกุมได้บนถนนชยางกูรหน้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายข่าวว่าจะมีรถตู้เย็นคอนเทนเนอร์ ลักลอบนำหมูชำแหละแช่แข็งเข้ามาในราชอาณาจักร จึงสนธิกำลังกับหน่วยงานข้างเคียงประชุมวางแผนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสารวัตรสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จัดชุดออกทำการลาดตระเวนติดตามหาข่าว

กระทั่งพบรถตู้เย็นคอนเทนเนอร์ต้องสงสัยบนเส้นทางถนนชยางกูรหน้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ชุดปฏิบัติการ ได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้นภายในตู้เย็นคอนเทนเนอร์พบซากสุกรแช่แข็งจำนวนมากบรรจุในกล่อง น้ำหนักประมาณกล่องละ 10-15 กิโล รวมน้ำหนักประมาณ 21 ตัน จึงได้ทำการตรวจยึดรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พร้อมคนขับคือนายศรีสุวรรณ กลางประพันธ์ อายุ 56 ปี ซึ่งให้การว่า ขับรถสินค้าไปส่งที่ฝั่งสะหวันนะเขตสปป.ลาว และกำลังจะเดินทางกลับ ได้รับการว่าจ้างจากชิปปิ้งหน้าด่านสะหวันนะเขต ให้นำสินค้าตู้คอนเทนเนอร์มาส่งที่ฝั่งไทยที่มุกดาหาร โดยไม่ทราบการแจ้งพิกัดกับทางด่านศุลกากรว่าเป็นสินค้าอะไร

นายฉลองรัฐเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ตรวจพบการลักลอบนำเข้าสุกรจะมีแต่รถกระบะเล็กที่เข้ามาในจ.มุกดาหาร แล้วผ่านไปเลย ซึ่งผู้นำเข้าอาจจะสำแดงเป็นสินค้าประเภทอื่นใดก็ได้ แต่เคสที่ใหญ่ระดับนี้เพิ่งพบเป็นครั้งแรก จากการตรวจสอบแผ่นข้อความที่ติดมากับกล่องกระดาษและพลาสติกที่บรรจุหุ้มห่อซากสุกรชำแหละ มีข้อความน่าจะเป็นภาษารัสเซียที่ระบุว่ามีแหล่งผลิตเป็นบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แช่แข็งอยู่ในสหพันธรัฐรัสเซีย มีบริษัทในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นผู้นำเข้ามาขาย และได้ถูกลักลอบนำมาส่งถึงประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน