ผวาพิษน้ำมันรั่วระทึกบีชบูมขาดหาดแม่รำพึงช้ำ

เกาะเสม็ด ระยอง วุ่นอีก คราบ ผงสีดำเกลื่อนชายหาดทรายแก้ว อ่าวใหญ่ ยาวกว่า 2 ก.ม. นักท่องเที่ยวผู้ประกอบการผวาซ้ำ อุทยานเขาเแหลมหญ้า ส่งจนท.ตรวจสอบว่าเป็นคราบน้ำมันรั่วหรือเขม่าเรือกันแน่ ชายหาดแม่รำพึงโอด บีชบูมที่วางเป็นแนวกั้นน้ำมันรั่วกลางทะเลขาด ถูกคลื่นซัดเกยหาด มีคราบน้ำมันดำปี๋ติดมาด้วย จังหวัดเร่งเยียวยาชาวประมง 2,660 คน พิษน้ำมันรั่ว ขายอาหารทะเลไม่ได้ ด้านบริษัทเอสพีอาร์ซี ยันรับผิดชอบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด

จากกรณีน้ำมันดิบ จำนวนกว่า 400,000 ลิตร รั่วไหลจากบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้วางบีชบูม เป็นแนวกั้นคราบน้ำมันไม่ให้ทะลักเข้าสู่ชายหาด ตามที่เสนอข่าวไป แล้วนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ชายหาดแม่รำพึง อ.เมือง จ.ระยอง พบบีชบูมยาวประมาณ 500 เมตร ลอยมาเกยชายหาด ใกล้กับลานหินขาว-หินดำ ต.ตะพง ขณะที่คลื่นลมทะเลแรงกว่าทุกวัน ชาวบ้านยืนมุงดูบีชบูมที่ริมชายหาด ตรวจสอบพบว่ามีคราบน้ำมัน สีดำติดอยู่ตลอดแนวบีชบูม พบมีเชือกที่มีรอยขาด คาดขาดมาจากกลางทะเล ี่มีการวาง บีชบูมกันไว้อยู่หลายจุด โดยคาดว่าบีชบูมคงจะขาดมาตั้งแต่ช่วงกลางดึก คืนที่ผ่านมา ด้านเจ้าหน้าที่เตรียมมาเก็บบีชบูมที่ขาดแล้ว

ต่อมา เวลา 12.30 น. ชาวบ้านแจ้งว่า พบคราบสีดำคล้ายคราบน้ำมัน ลอยมาบริเวณชายหาดเกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง โดยลอยมาที่หาดทรายแก้ว อ่าวใหญ่ ความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ขณะที่ริมหาดทรายแก้ว มีนัก ท่องเที่ยวเล่นน้ำอยู่บางตา ตรวจสอบคราบเป็นผงสีดำลอยมาเกยตลอดแนวชายหาด ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ทำให้ทรายริมชายหาดที่เคยขาวสะอาดกลายเป็นสีดำ บางแห่งมีความหนา ซึ่งที่อ่าวใหญ่ ชายหาดก็มีคราบ สีดำลักษณะแบบเดียวกับที่หาดทรายแก้ว

ขณะที่ผู้ประกอบการต่างตื่นตระหนกมาก เพราะคราบสีดำขึ้นมากับคลื่นตลอด มีเยอะมาก บางจุดก็หนา บางจุดก็บาง ต้องการให้เจ้าหน้าที่มาเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบโดยเร็ว และให้พูดความจริงว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะเชื่อว่าต้องเป็นผลพวงมาจากน้ำมันรั่ว

นายธวัช เจนการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหมู่เกาะเสม็ด กล่าวว่า ได้รับแจ้งปัญหานี้แล้ว ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ให้ลงมาเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ โดยยังระบุไม่ได้ว่าเป็นคราบน้ำมันหรือเขม่าจากเรือ

ด้านนายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รอง ผวจ.ระยอง ได้เดินทางมาตรวจที่ศูนย์รับร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันรั่ว บ้านสบายสบาย หาดแม่รำพึง ซึ่งมีผู้เดือดร้อน ทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งลงชื่อ

โดยนายยุทธพลกล่าวว่า ล่าสุดทาง ผู้บริหารของ บริษัท สตาร์รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมกับ นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ยืนยันว่าจะรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องการเยียวยาโดยให้ทางจังหวัดเป็นผู้ตรวจสอบคัดกรองข้อมูลจากผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย เพื่อตรวจคัดกรอง ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยจะเร่งให้เสร็จโดยเร็ว

นายเสรี เรือนหล้า ประมงจังหวัดระยอง กล่าวว่า จากการสำรวจผลกระทบต่อชาวประมงในพื้นที่ของ จ.ระยอง ซึ่งมีจำนวน 2,660 คน พบว่าได้รับผลกระทบทั้งหมด เกี่ยวกับสัตว์ทะเลลดลง บางพื้นที่ เช่น ที่หาดแม่รำพึง ต้องงดออกหาปลา ที่สำคัญคือ ผู้บริโภคไม่มั่นใจความปลอดภัยของอาหารทะเลเพราะกลัวน้ำมันปนเปื้อน ซึ่งความจริงแล้ว สัตว์ทะเลของระยอง มีการออกหากันในหลายพื้นที่ ส่วนบริเวณที่มีคราบน้ำมันรั่วก็งดออกไป จึงถือว่ามีความปลอดภัย

ส่วนความคืบหน้าล่าสุด ช่วงเช้าของวันเดียวกัน ทางกองทัพเรือได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจตลอดแนวชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ทะเลเกาะเสม็ด โดยไม่พบคราบน้ำมันในทะเลแล้ว

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา ของน.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการแก้ปัญหาน้ำมันดิบรั่วลงทะเล พื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง โดยน.ส.เบญจาถามว่า ในฐานะเป็นตัวแทนรัฐบาลควรจะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่กลับออกมายืนยันแทนบริษัทเอกชนว่าพบน้ำมันรั่วไหลเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ บนผิวน้ำประมาณ 2 หมื่นลิตร หลังจากดูทิศทางการไหลของน้ำแล้วก็วางใจได้ว่าจะไม่พัดเข้าฝั่ง ขณะที่รมว.อุตสาหกรรม ออกมายืนยันว่าการรั่วไหลของน้ำมันครั้งนี้ไม่กระทบกับการท่องเที่ยวและชายหาดแม่รำพึงอย่างแน่นอน จนถึงวันนี้เกิดความเสียหายกับประชาชนท่านจะรับผิดชอบอย่างไร จึงอยากทราบถึงตัวเลขที่ชัดเจนการรั่วไหลของน้ำมันครั้งนี้ และทราบหรือยังว่าเรือบรรทุกน้ำมันสัญญาชาติอะไร และมีจำนวนเท่าไหร่ และจุดที่เกิดรอยรั่วท่อที่เกิดเหตุ เป็นท่อที่บริษัทเอกชนที่รับผิดชอบเป็นผู้ที่บำรุงรักษาหรือไม่ แล้วหน่วยงานใดของรัฐที่เข้ามาตรวจสอบ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้รับมอบหมายตอบกระทู้แทนนายกฯ ชี้แจงว่า เรื่องการเยียวยาต้องมีการชดใช้จากบริษัท เอสพีอาร์ซี และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เรือไม่ได้ต่อท่อกับทุ่นน้ำมัน แต่น้ำมันรั่วออกมาจากท่ออ่อนที่เชื่อมต่อมายังทุ่นด้านบน ซึ่งทราบว่าช่วงดังกล่าวเรือไม่ได้ต่อท่อขนถ่ายน้ำมัน และจุดที่รั่วอยู่ห่างจากพื้นทะเล 1 เมตร ส่วนรอยรั่วขนาดไหนนั้นตนยังไม่มีข้อมูล ทำให้ตอบไม่ได้ ดังนั้นการที่จะตรวจสอบว่าเรือมีน้ำมันเท่าไหร่ รั่วไปทั่วไหร่ คงยังตอบไม่ได้ เพราะเรือไม่ได้ขนถ่ายน้ำมัน แต่น้ำมันรั่วออกมาจากชายฝั่งจากบริษัทด้วยกันเอง และน้ำมันรั่วตอนกลางคืนจึงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นน้ำมันลอยกลางทะเล จึงต้องอาศัยข้อมูลจากบริษัทเอกชนก่อน

“ที่บอกว่ารมว.ทรัพยากรฯ ไม่รักษาผลประโยชน์ของประชาชน เพราะมาบอกว่าเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ก็มันบางจริงๆ ไม่ใช่น้ำมันหนาเหมือนปี 2556 ที่เกิดขึ้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และในฐานะรมว.ทรัพยากรฯ ต้องไม่สร้างความตื่นตระหนก และต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสาธารณชน และจากข้อมูล ถ้าผมพูดว่าแหล่งท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติพังแน่นอน ประมงตายไปอีก 5 ปี ปะการังพังแน่นอน ก็โอเวอร์เกินไป เพราะเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ไปตรวจพื้นทะเลพบว่าปะการังมีสภาพสมบูรณ์ ปริมาณสารพิษที่อยู่ในน้ำมีการตรวจทุกระยะ ผมยืนยันว่ารัฐไม่มีทางที่จะปกป้องบริษัท และจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อแก้ปัญหา” นายวราวุธกล่าว

ก่อนจบกระทู้ถาม น.ส.เบญจาได้กล่าวว่า “จะนำปูที่ชาวบ้านพื้นที่จ.ระยอง ขายไม่ได้ ฝากไปให้ รมว.ทรัพยากรฯ และขอให้โพสต์ลงโซเชี่ยลมีเดียด้วยว่ามีความปลอดภัย” ขณะที่นายวราวุธกล่าวตอบว่า “ขอบคุณสำหรับปู และอย่าลืมน้ำจิ้ม เพราะผมชอบน้ำจิ้ม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน