นนทบุรีติดเชื้อกระฉูด กทม.เร่งฉีดวัคซีนเด็ก

ป่วยโควิดทุบสถิติรายวัน ติดเชื้อเพิ่ม 16,330 เสียชีวิตอีก 25 กทม.ป่วยรายวันเกิน 3 พัน เร่งฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียน ส่วนนนทบุรีป่วยนิวไฮในระลอกม.ค. ส่วนโคราชยังหนัก คลัสเตอร์ 2 ตลาดในเมือง ป่วยแล้ว 120 สั่งปิดตลาด แจ้งให้คนไปตลาด 1-10 ก.พ.กักตัว ตรวจหาเชื้อ ส่วนที่บัวใหญ่ ปิดโรงเรียน 5 วัน เนื่องจากพบนักเรียน ครูติดเชื้ออื้อ ด้านเชียงใหม่ป่วยอีก 226 ภูเก็ตก็ยังหนัก ติดเชื้อใหม่ 587 ทั้งจากแซนด์บ็อกซ์ และเทสต์แอนด์โก

ติดโควิดยังพุ่ง 1.6 หมื่น-ตาย 25
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ถึงหลักหมื่นรายเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน นับจากการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา คือ 16,330 ราย ติดเชื้อสะสม 2,577,445 ราย หายป่วยเพิ่ม 9,205 ราย หายป่วยสะสม 2,436,540 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 25 ราย เสียชีวิตสะสม 22,412 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 118,493 ราย มีอาการหนัก 610 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 128 ราย

ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 25 ราย มาจาก 16 จังหวัด ได้แก่ กทม. 4 ราย, ราชบุรี 3 ราย, นครปฐม ร้อยเอ็ด เชียงราย สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และปทุมธานี สมุทรปราการ มหาสารคาม เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ลำพูน ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส และปราจีนบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 13 ราย หญิง 12 ราย อายุ 40-100 ปี โดยเป็น ผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 100%

ส่วน 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 3,233 ราย 2.สมุทรปราการ 949 ราย 3.นนทบุรี 841 ราย 4.ชลบุรี 813 ราย 5.ภูเก็ต 478 ราย 6.นครปฐม 383 ราย 7.นครศรีธรรมราช 367 ราย 8.ปทุมธานี 364 ราย 9.สมุทรสาคร 350 ราย และ 10.นครราชสีมา 336 ราย

สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 33 จังหวัด คือ ราชบุรี 315 ราย, ขอนแก่น 302 ราย, สุรินทร์ 282 ราย, เชียงใหม่ 274 ราย, บุรีรัมย์ 266 ราย, ระยอง 246 ราย, มหาสารคาม 231 ราย, ร้อยเอ็ด 231 ราย, กาญจนบุรี 227 ราย, สระบุรี 219 ราย, อุบลราชธานี 206 ราย, ฉะเชิงเทรา 201 ราย, สุพรรณบุรี 192 ราย, นครสวรรค์ 182 ราย, ชัยภูมิ 175 ราย, พระนครศรีอยุธยา 174 ราย, ลพบุรี 172 ราย, สุราษฎร์ธานี 155 ราย, ชุมพร 154 ราย, สงขลา 153 ราย, พิษณุโลก 150 ราย, กาฬสินธุ์ 140 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 136 ราย, หนองบัวลำภู 127 ราย, ปราจีนบุรี 126 ราย, เพชรบุรี 121 ราย, ศรีสะเกษ 117 ราย, เพชรบูรณ์ 114 ราย, อุดรธานี 114 ราย, ตาก 111 ราย, สุโขทัย 106 ราย, พัทลุง 105 ราย และเลย 103 ราย

ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำ 131 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 150 ราย ใน 38 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มี การติดเชื้อมาก เช่น รัสเซีย 43 ราย, คาซัคสถาน 14 ราย, ยูเครน 9 ราย, เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี ประเทศละ 7 ราย, สวีเดน โรมาเนีย ประเทศละ 6 ราย, อังกฤษ กัมพูชา ประเทศละ 5 ราย เป็นต้น
ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 35 ราย แซนด์บ็อกซ์ 109 ราย ระบบกักตัว 5 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 1 ราย

สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-11 ก.พ. 2565 จำนวน 62,837 ราย รายงานติดเชื้อ 1,977 ราย คิดเป็น 3.15% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 28,344 ราย ติดเชื้อ 201 ราย คิดเป็น 0.71% แซนด์บ็อกซ์ 29,099 ราย ติดเชื้อ 1,625 ราย คิดเป็น 5.58% และกักตัว 5,394 ราย ติดเชื้อ 151 ราย คิดเป็น 2.8%

ฉีดวัคซีนจ่อ 120 ล้านโดส
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 11 ก.พ. ฉีดได้ 451,666 โดส สะสมรวม 119,463,313 โดส เป็นเข็มแรก 52,728,528 ราย คิดเป็น 75.8% ของประชากร เข็มสอง 49,180,123 ราย คิดเป็น 70.7% ของประชากร และเข็มสาม 17,554,662 ราย คิดเป็น 25.2% ของประชากร

เชียงใหม่ติดเชื้อเพิ่ม 226
ส่วนจ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 226 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 223 ราย ส่วนอีก 3 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจาก ต่างจังหวัด ยอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564 จำนวน 36,788 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 215 ราย ยังคงรักษาตัว 2,017 ราย และรักษาหายแล้ว 34,495 ราย ส่วนการตรวจ ATK 7,681 ราย พบผลบวก 1,576 ราย

จับตา 4 คลัสเตอร์
โดยมีคลัสเตอร์ที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 4 กลุ่ม ประกอบด้วย คลัสเตอร์กลุ่มโรงเรียน ได้แก่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม ตรวจ ATK พบเพิ่ม 1 ราย สะสม 285 ราย โรงเรียนบ้านแจ่งกู่เรือง ต.เวียง อ.พร้าว ตรวจ ATK พบเพิ่ม 1 ราย สะสม 6 ราย วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ สาขาช่างยนต์ ปวส.1 ตรวจ ATK พบเพิ่ม 7 ราย สะสม 8 ราย คลัสเตอร์กลุ่มร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม พบทั้งหมด 3 ร้าน ได้แก่ร้านเลอเนิร์ฟ คาเฟ่ ตรวจ RT-PCR พบเพิ่ม 1 ราย ยอดรวม 10 ราย ร้านฮอมบาร์ ตรวจ RT-PCR พบเพิ่ม 1 ราย รวม 2 ราย และร้านฉลุยคาเฟ่ ตรวจ ATK พบเพิ่ม 1 ราย รวม 11 ราย คลัสเตอร์กลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พบเพิ่ม 2 ราย สะสม 17 ราย โรงพยาบาลแม่ออน พบเพิ่ม 2 ราย สะสม 4 ราย

นอกจากนี้ยังมีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์อื่นๆ ได้แก่ชุมชนหมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง 7 ราย ฟาร์มหมู ห้วยเหียะ หมู่ 2 ต.แม่แตง 7 ราย บริษัทนิ่มซี่เส็งรถยก หนองป่าครั่ง 5 ราย บาเซโลนามอเตอร์เชียงใหม่ ฟ้าฮ่าม 1 ราย สถานสงเคราะห์บ้านเด็กชาย แม่ริม 2 ราย

ขณะที่การระบาดในครอบครัว พบเพิ่ม 13 ราย จากครอบครัวในอ.เมืองเชียงใหม่ อ.หางดง อ.สันกำแพง อ.เชียงดาว อ.สันทราย และอ.ดอยสะเก็ด ส่วนผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า พบเพิ่ม 108 ราย และมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค เชื่อมโยงคลัสเตอร์อีก 77 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 71 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ติดเชื้อจากคนใกล้ชิด และยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน โดยวันที่ 18 ม.ค. มีอาการไอ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ต่อมามีอาการเหนื่อยมากขึ้น และตรวจ RT-PCR พบติดเชื้อโควิด-19 จากนั้นเก็บตัวอย่างวิเคราะห์สายพันธุ์ พบว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน วันที่ 24 ม.ค. พบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน แพทย์รักษาประคับประคอง เรื่อยมา กระทั่งวันที่ 8 ก.พ. ระบบหายใจ ล้มเหลว และเสียชีวิต

ภูเก็ตป่วยโควิดเพิ่ม 587
ด้านจ.ภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากในจังหวัดและต่างประเทศรวม 587 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัด 478 ราย ผู้ติดเชื้อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 95 ราย ผู้ติดเชื้อ test&go 14 ราย ผู้ติดเชื้อกลับบ้าน 337 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 21,086 ราย เสียชีวิตสะสม 15 ราย และคงพยาบาล 5,151 ราย
สถานการณ์การใช้เตียงจากจำนวนเตียงทั้งหมด 3,499 เตียง ครองเตียง 2,191 เตียง คิดเป็น 62.62% จำนวนเตียงว่าง 1,308 เตียง คิดเป็น 37.38%

เร่งตามหาหนุ่มมะกันหนีกักตัว
ด้านศูนย์ 191 ภ.จว.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากโรงแรมโนโวเทลกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ว่า มีนักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หายออกจากโรงแรม เมื่อเวลา 15.34 น. วันที่ 11 ก.พ.65 ยังติดต่อไม่ได้ เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวอเมริกัน ชื่อนายบราวน์ แอชบี มีผลโควิดเป็นบวก

ฝรั่งจองเที่ยวสมุยเพิ่ม-ก.พ.6พัน
หลังจากเปิดระบบเทสต์แอนด์โก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่ามากขึ้น โดยเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะสมุยมากที่สุด 5 ประเทศอันดับแรก ได้แก่ เยอรมัน รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์
ในเดือนก.พ.นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานเกาะสมุย ระบุว่ามียอดจองเดินทางเข้ามาแล้วกว่า 10,500 คน และมีการจองห้องพักอีกกว่า 6,000 ห้อง อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 7 วัน

โดยเมื่อ 11 ก.พ. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าทางสนามบินสมุย 219 คน จากสมุยพลัส แซนด์บ็อกซ์ 103 คน เทสต์แอนด์ โก 116 คน สำหรับนักท่องเที่ยวจะต้อง ติดตั้งแอพพลิเคชั่น “หมอชนะ”ที่มีระบบกำกับติดตามตัวนักท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ให้ครบ 2 ครั้ง ในวันแรกและวันที่ 5 ของการเดินทางเข้าไทย และนักท่องเที่ยวต้องอยู่รอในที่พักหรือสถานที่ที่กำหนดจนได้รับผล การตรวจ

นอกจากนี้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุยเปิดจุดให้บริการ สมุย สว็อบ เซ็นเตอร์ ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับนักท่องเที่ยว สมุยพลัส แซนด์บ็อกซ์ และ เทสต์แอนด์ โก
สำหรับจ.สุราษฎร์ธานีพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ 169 คน ในพื้นที่ท่องเที่ยวเกาะสมุย 18 คน เกาะพะงัน 14 คน เกาะเต่า 3 คน และจากตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มจากการตรวจครั้งที่ 1 มีผู้ติดเชื้อ 1 คน ตรวจครั้งที่ 2 มีผู้ติดเชื้อ 7 คน มียอดสะสม 169 คน

วัคซีนน.ร. – ร.พ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กนักเรียนอายุ 5-11 ขวบ จำนวน 8 โรงเรียนเขตอำเภอเมืองสระแก้ว รวม 480 คน และจากการสำรวจพบผู้ปกครองยินยอมให้บุตรหลานฉีดแล้วร้อยละ 61 เมื่อวันที่ 12 ก.พ.

สระแก้วเร่งฉีดวัคซีนเด็ก
ด้านนพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยถึงความคืบหน้าฉีดวัคซีนเข็ม 1 ในเด็กอายุ 5-11 ขวบ ของจ.สระแก้ว ว่าข้อมูลจากการสำรวจรอบแรกของสำนักงานศึกษาธิการจ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2565 มีจำนวนเด็กนักเรียนกลุ่มดังกล่าวทั้งหมด 47,291 คน มีความประสงค์ฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ 28,866 คน หรือร้อยละ 61

ทั้งนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณ สุขสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมกลุ่มเด็ก 5-11 ขวบ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบสถานศึกษา เด็กที่ป่วยไม่ได้เรียน ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจ สำหรับนโยบายการฉีดวัคซีนของ จ.สระแก้ว จะเริ่มจากเด็กป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เด็กอ้วน และเด็กโต ป.6 -ป.5 ก่อน โดยทุกรายต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนฉีดวัคซีน และเน้น ฉีดเชิงรุกในสถานศึกษาหรือสถานที่ ใกล้เคียง

“จ.สระแก้วได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฝา สีส้มสำหรับเด็ก 5-11 ขวบจากกรมควบคุมโรค ตามแผนจัดสรร 5 ล็อต ล็อตละ 2,460 โดส ขณะนี้วัคซีนมาถึงสระแก้วแล้ว 2 ล็อต ซึ่งแต่ละอำเภอกำลังทยอยฉีด ซึ่งวันที่ 11 ก.พ.65 มีอำเภอที่ฉีดไปแล้วได้แก่ อ.วังน้ำเย็น อ.วัฒนานคร อ.ตาพระยา อ.คลองหาด รวม 944 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.27 ยังไม่พบว่ามีผล ข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนรุนแรง มีเพียงปวดบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย”

สำหรับแผนการฉีดในวันที่ 12 ก.พ.65 กำหนดฉีดในเขตอ.เมืองสระแก้ว โดย โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว เป้าหมาย 490 ราย จำนวน 8 โรงเรียน ได้แก่โรงเรียนอนุบาลวัดสระแก้ว โรงเรียนอนุบาลบ้านจันทร์ โรงเรียนดารา สมุทร สระแก้ว โรงเรียนเทศบาล 1 และโรงเรียนเทศบาล 2 โรงเรียนบ้านสี่แยก โรงเรียนบ้านคลองหมี และโรงเรียนบ้านเนินสะอาด
ส่วนผลการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ นักเรียน 12-18 ปี จ.สระแก้ว เมื่อ 11 ก.พ.65 มีนักเรียนที่ประสงค์ฉีด 40,053 ราย กำหนดเป้าหมายไว้ที่มากกว่าร้อยละ 85 ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 38,518 ราย หรือร้อยละ 96.17 และฉีดเข็ม 2 แล้ว จำนวน 30,474 ราย หรือร้อยละ 79.12 ซึ่งจะต้องเร่งฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 2 ในนักเรียนกลุ่มนี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น

โคราชป่วยใหม่พุ่ง 569
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนคร ราชสีมา รายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 569 ราย ถือเป็นสถิติสูงสุด นับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.2564 โดย 29 รายมีประวัติติดเชื้อจากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ชัยภูมิ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ลพบุรี เพชรบูรณ์ ภูเก็ต มุกดาหาร และสุรินทร์ ส่วนอีก 540 ราย เป็นการติดเชื้อกันเองในจังหวัด พบในอ.เมืองนครราชสีมา มากสุด 174 ราย รองลงมาคืออ.ปากช่อง 64 ราย, อ.ปักธงชัย 51 ราย และ อ.บัวใหญ่ 50 ราย

ส่วนอีก 21 อำเภอ พบผู้ป่วยรายใหม่ น้อยกว่า 50 ราย ได้แก่ อ.สูงเนิน สีคิ้ว จักราช ชุมพวง พิมาย ด่านขุนทด ขามทะเลสอ ประทาย คง วังน้ำเขียว สีดา โนนสูง โนนแดง แก้งสนามนาง ครบุรี บัวลาย โนนไทย โชคชัย เฉลิมพระเกียรติ เสิงสาง และ อ.เมืองยาง ยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 41,892 ราย รักษาหายแล้ว 38,469 ราย ยังรักษา 3,119 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสม 304 ราย รายล่าสุด เป็นหญิง อายุ 82 ปี อยู่ต.บ้านเกาะ อ.เมืองนครราชสีมา มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย โควิด-19 มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือด ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 26 ม.ค.65 เข้ารับการรักษา ที่ ร.พ.มหาราชนครราชสีมา จนวันที่ 11 ก.พ.2565 อาหารไม่ดีขึ้นได้ถึงแก่กรรมเมื่อเวลา 15.30 น. ขณะเดียวกัน ทางศบค.จังหวัดกำชับไปยังศปก.อำเภอทั้ง 32 อำเภอให้เร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่

แจ้งคนไป2ตลาดดังโคราชกักตัว
ด้านสาธารณสุขอำเภอเมืองนครราชสีมา และสาธารณสุขเทศบาลนครนครราชสีมา ประกาศให้ผู้ใช้บริการตลาดประปา และตลาดเพ็ชรสีมา ระหว่างวันที่ 1-10 ก.พ.2565 กักตัวเอง 3-5 วันหลังการสัมผัส ก่อนไปตรวจหาเชื้อ หากมีอาการป่วย มีไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ ให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 1 (โพธิ์กลาง) เทศบาลนครนครราชสีมา เนื่องจากตรวจพบแม่ค้าในตลาดประปาติดโควิด 11 ราย เมื่อตรวจ ATK ผู้ค้าในตลาด 1,208 ราย พบผลบวก 86 ราย ซึ่งเป็นผู้ค้าจากตลาดประปา 41 ราย ตลาดเพ็ชรสีมา 24 ราย ร้านแผงลอย 14 ราย พนักงานทำความสะอาดตลาด 1 ราย ประชาชนทั่วไป 4 ราย และวินมอเตอร์ไซค์ 2 ราย ขณะนี้รอยืนยันผล RT-PCR

เทศบาลนครสั่งปิดแผงที่มีการระบาดแล้ว และขอความร่วมมือให้ตลาดเร่งตรวจ ATK ผู้ค้าให้ครบ 100% และไม่อนุญาตให้ผู้ค้าที่ไม่มีผลตรวจ ATK เข้าไปขายของในตลาด โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าตรวจสอบว่าดำเนินการตามข้อสั่งการหรือไม่ หากพบว่าละเลย ไม่ปฏิบัติตามจะนำเรื่องเข้าเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อพิจารณาปิดตลาดต่อไป

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 1 โพธิ์กลาง สำนักงานเทศบาลนคร(ทน.) นครราชสีมา นายไกรสีห์ หล่อธราประเสริฐ รองนายกทน.นครราชสีมา พร้อมบุคลากรสาธารณสุขกลุ่มงานป้องกันโรคดำเนินมาตรการค้นหาเชิงรุก ตรวจ ATK ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ความเชื่อมโยงกับ ผู้ป่วยหรือเคยใช้บริการตลาดประปายุคใหม่ ตลาดเพ็ชรสีมา ช่วงระหว่างวันที่ 1-10 ก.พ.ที่ผ่านมา พบผลบวกจำนวนหนึ่ง

สำหรับไทม์ไลน์ วันที่ 4 ก.พ.พบผู้ป่วยเป็นผู้ค้าในตลาดประปายุคใหม่ จึงค้นหากลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติเชื่อมโยงจากกิจกรรมทางสังคมไปมาหาสู่ พบปะพูดคุยและทานอาหารร่วมกัน พบผู้ป่วยเพิ่มรวม 13 ราย ประกอบด้วยแผงเบเกอรี่ 7 ราย แผงปลา 3 รายและแผงหมู 3 ราย ช่วงสายที่ผ่านมาพบครอบครัวผู้ค้าที่ต.พุดซา อ.เมือง ป่วย 10 ราย และตำบลรอบนอกในเขต อ.เมือง และอำเภอใกล้เคียงนับ 10 ราย ล่าสุดมีผู้ป่วยสะสม 120 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดประปา ยุคใหม่ และตลาดเพ็ชรสีมา เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนง.สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ทน.นครราช สีมา พร้อมผู้ค้าในตลาดร่วมกันฉีดล้างและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยง เช่น ทางเดิน แผงจำหน่ายสินค้า รวมทั้งจุดสัมผัสต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้กับชาวโคราช
นายไกรสีห์เปิดเผยว่า การดำเนินการทำความสะอาดครั้งนี้เพื่อกำจัดแหล่งเพาะเชื้อและจุดเสี่ยงต่างๆ ภายในตลาดทุกจุดตามมาตรการอนามัยสิ่งแวดล้อม

ตรวจนร.สอบโอเน็ตติดเชื้อ 12
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หอประชุมโรงเรียนบ้านหนองพลวง ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา สถานศึกษาขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม.1) นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท นายกเทศมนตรีตำบล(ทต.)โพธิ์กลาง พร้อม นายวุฒิชัย อัจฉริยะเมธากุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองพลวงมะนาว และบุคลากรดำเนินมาตรการตรวจเชิงรุกให้กลุ่มเสี่ยงที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วย โดยมีผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองและนักเรียน จำนวน 220 ราย ตรวจ ATK พบผู้ปกครอง 2 ราย มีผลบวก จึงมอบหมายให้กองสาธารณสุข ทต.โพธิ์กลาง นำไปตรวจ RC-PCR ที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เพื่อยืนยันผล

นายวุฒิชัยเปิดเผยว่า ได้รับการแจ้งจากผู้บริหารร.ร.บ้านหนองพลวง ตรวจ ATK นักเรียนชั้นป.6 และ ม.3 ที่ต้องเข้าสอบโอ-เน็ต พบผู้ติดเชื้อรวม 12 ราย เป็นนักเรียนชั้น ป.6 จำนวน 9 ราย นักเรียนชั้น ม.3 จำนวน 2 ราย และครูฝึกประสบการณ์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 1 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค

บัวใหญ่วุ่นคลัสเตอร์โรงเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา พบคลัสเตอร์ใหม่ คือคลัสเตอร์โรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ) เทศบาลเมืองบัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ ผู้ติดเชื้อเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียน ทางโรงพยาบาลบัวใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่ออำเภอบัวใหญ่ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมืองบัวใหญ่ จึงตรวจคัดกรองผู้สัมผัสใกล้ชิด พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย เป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.2 ซึ่งครูคนดังกล่าวสอน

ต่อมาตรวจเชิงรุกเพิ่มเติม พบครูประจำชั้น และนักเรียน ป.3 มีผลเป็นบวกเพิ่ม 6 ราย และมีนักเรียนชั้น ม.3 อีก 1 รายที่ขึ้นรถรับ-ส่งคันเดียวกับเด็กป.2 ที่ติดเชื้อ ทำให้เกิดการแพร่กระจายออกไปอีก โดยพบญาติของเด็ก ป.2 ป่วยติดเชื้ออีก 3 ราย และนักเรียนชั้นป.6 อีก 1 ราย ที่ครูชั้น ป.2 มาคุมสอบ ก็ติดเชื้อด้วยเช่นกัน รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 15 ราย

สั่งปิดโรงเรียน 5 วัน
ทางเทศบาลเมืองบัวใหญ่จึงออกประกาศปิดสถานศึกษากรณีพิเศษ เนื่องด้วยโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายราย และมี ผู้สัมผัสใกล้ชิดมีความเสี่ยงสูงทั้งครูและนักเรียนจำนวนมาก ทางโรงเรียนจึงขอปิดตั้งแต่วันที่ 14-18 ก.พ. 2565 โดยให้จัดการเรียนการสอนออนไลน์ และขอความ ร่วมมือผู้ปกครองกำกับดูแลนักเรียนให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด
หลังจากนี้เทศบาลเมืองบัวใหญ่จะ จัดเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบอาคาร ห้องเรียน โรงอาหารและพื้นผิวสัมผัสต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

กทม.เร่งฉีดวัคซีนเด็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ ‘ผู้ว่าฯ อัศวิน’ โดยระบุว่าฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5-11 ขวบ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และสำรวจจำนวนกลุ่มอื่นเพื่อเร่งกระจายฉีดให้เร็วที่สุด เพื่อลดอาการรุนแรงหากติดเชื้อ และให้เด็กสามารถทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการตามวัยได้อย่างปกติ กทม.เร่งกระจายวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก (ฝาสีส้ม) ในเด็กอายุ 5-11 ขวบ ทันทีที่ได้รับจัดสรร โดยกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนเป็น กลุ่มเด็กอายุ 5-11 ขวบที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค จากจำนวนที่สำรวจ 54,833 คน ขณะนี้กระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลต่างๆ จำนวน 67 แห่ง และจะจัดสรรเป็นรายสัปดาห์ จนครบตามเป้าหมาย

นอกจากนี้สำรวจจำนวนเด็กนักเรียนอายุ 5 ขวบ ถึง 11 ขวบ 11 เดือน 29 วัน ในระบบการศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่กทม. ที่ประสงค์รับวัคซีนไฟเชอร์ (ฝาสีส้ม) เพื่อวางแผนการกระจายวัคซีน และฉีดทันทีเป็นกลุ่มถัดไป
สำหรับกลุ่มอื่นๆ กทม.ยังคงกระจายวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และประชาชนทั่วไปซึ่งครบ 2 เข็มแล้วกว่า 110.31% และตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ได้มากที่สุดครับ#วัคซีนเด็ก #CovidBKK

นนทบุรีทุบสถิติติดเชื้อพุ่ง 735
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 จ.นนทบุรี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 735 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 โดยแยกเป็นหญิง 397 ราย และชาย 338 ราย ต่างชาติ 24 ราย
อ.เมืองนนทบุรีพบมากสุด 213 ราย อ.บางบัวทอง 158 ราย อ.บางใหญ่ 123 ราย อ.ปากเกร็ด 122 ราย อ.บางกรวย 70 ราย อ.ไทรน้อย 49 ราย ผู้ติดเชื้อยืนยัน (RT-PCR) สะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จำนวน 14,937 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

‘บิ๊กตู่’ปลื้ม3โครงการช่วยชาวบ้าน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีที่มีกระแสตอบรับจากประชาชน พอใจและชื่นชอบมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ของรัฐบาล 3 โครงการ หลังเปิดให้ใช้จ่ายเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าการใช้จ่ายถึงวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้สิทธิสะสม 34.42 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 23,032.55 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 22.23 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 20,612.3 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 10,433.8 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 10,178.5 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 11.32 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,248.45 ล้านบาท และ 3.โครงการ เพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 0.87 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 171.80 ล้านบาท

นายธนกรกล่าวต่อว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่เปิดลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ลงทะเบียนครบแล้วจำนวน 29 ล้านสิทธิ ซึ่งประชาชน ทั่วไปฯ ที่ลงทะเบียนโครงการ ระยะที่ 4 สำเร็จ จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.-30 เม.ย. ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 สามารถ กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการระยะที่ 4 ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ได้ต่อเนื่อง และต้องเริ่มใช้สิทธิ ภายในวันที่ 28 ก.พ.เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะถูก ตัดสิทธิ

นายธนกรกล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ชื่นชมมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐ และขอบคุณรัฐบาล ขอบคุณนายกฯ ต่อมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ช่วยประคับประคองการบริโภค ทำให้ประชาชนมีการวางแผนการใช้จ่ายที่ดีขึ้น กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้คล่องตัวมากขึ้น สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ เศรษฐกิจชุมชนจะขยายตัว ประชาชนและร้านค้าได้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาลในการพลิกโฉมประเทศไทย เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมสู่อนาคต

ย้ำโรงเรียนพื้นที่ปลอดภัย
นายธนกรกล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในภาพรวมว่า ขณะนี้ เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 4,129,663 คน คิดเป็น 95.11% เข็มที่ 2 จำนวน 3,100,458 คน คิดเป็น 71.41% ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษา รับวัคซีน จำนวน 1,027,269 ราย เข็มที่ 1 แล้ว 99.99% เข็มที่ 2 แล้ว 79.45% ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย

“นายกฯ เน้นว่าการเปิดเรียนในที่ตั้งหรือออนไซต์ให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยยึดหลัก 6-6-7 เพื่อดูแลเด็กนักเรียนให้ครอบคลุมที่สุด และจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด คือ 6 มาตรการหลัก DMHT-RC ได้แก่ เว้นระยะห่าง, สวมหน้ากาก, ล้างมือ, คัดกรองวัดไข้, ลดการแออัด, ทำความสะอาด 6 มาตรการเสริม SSET-CQ ได้แก่ ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว, กินอาหารปรุงสุกใหม่, เช็กอินผ่าน แอพฯ ไทยชนะ, สำรวจตรวจสอบ, กักกันตัวเอง และ 7 มาตรการ เข้มงวด ได้แก่ ประเมิน TSC+ (Thai Stop Covid+) และรายงานผลผ่าน MOE Covid, กิจกรรมแบบกลุ่มย่อย, จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและ หลักโภชนาการ, อนามัยสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์มาตรฐาน, แผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม, ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียน, School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรสถานศึกษา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน