ตร.รวบก่อนลงมือยิง ขยายผลถึงผู้บงการ
จับใหญ่ทีมลอบสังหารเสี่ยคนดังปราจีนฯ ทั้งผู้จ้างวานมือปืน-คนชี้เป้า หลังมือปืนจากซุ้มภาคเหนือถูกซ้อนแผนจับให้การซัดทอด เพิ่งรับงานมา 1 แสน แต่ไม่ทันลงมือถูกตำรวจรวบก่อน สาเหตุมาจากปมหักธุรกิจประมูลขยะในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อนรุ่นน้องที่หวังฮุบธุรกิจ เกิดคดีฟ้องร้อง กำหนดวันสังหารเหยื่อไหวตัวกำลังถูกปองร้าย ร้องขอความคุ้มครองจากตำรวจ จนมีการจับกุม-สอบสวนขยายผลตามจับได้เกือบยกแก๊ง แต่ยังให้การปฏิเสธ กำลังเร่งสอบไปยังตัวคัตเอาต์ เพื่อขยายผลตามจับผู้บงการต่อไป

ทีมฆ่า – พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี แถลงจับ 3 ผู้ต้องหาทีมสังหารเสี่ยคนดังปราจีนฯ ได้ตัวก่อนลงมือ ที่สภ.ศรีมหาโพธิ โดยนายอำนาจ งามขำ (รูปเล็ก) ผู้รับงานถูกจับได้ที่นราธิวาส เมื่อวันที่ 6 มี.ค.

กรณีตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จับกุมนายสิฐิโชค หรือหมู จันทร์นิล อายุ 44 ปี ได้ที่ห้องเช่าในพื้นที่หมู่ 4 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองยาว พร้อมด้วยกระสุน 3 นัด, ปืนพกรีวอลเวอร์ ขนาด .38 หนึ่งกระบอก กระสุน 6 นัด, รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นคลิก สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สอบสวนขยายผลจนทราบว่ารับงานมาสังหารนายรณภศ หรือเสี่ยโต วิสุทธิเหม นักธุรกิจคนดังของ ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยมีนายน้อย และนายมาตร เป็นผู้ติดต่อให้มารับงาน ราคา 100,000 บาท รับเงินล่วงหน้ามาแล้ว 20,000 บาท แต่ไม่ทันลงมือก็ถูกจับกุมเสียก่อน โดยเจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานการโอนเงินในบัญชีจากผู้ร่วมขบวนการคือ นายอำนาจ หรือนาจ งามขำ อายุ 62 ปี และนายวศิน หรือน้อย อินตะ อายุ 57 ปี ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 มี.ค. พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี พ.ต.อ.เกรียงไกร บุญซ้อน รองผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี พ.ต.อ.วิวัฒน์ พิศิษฐ์ศักดิ์ ผกก.สภ.ศรีมหาโพธิ พ.ต.ท.โสภณ พรามณี รองสว.สส.สภ.ศรีมหาโพธิ ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายวศิน หรือน้อย อินตะ อายุ 57 ปี และนายอำนาจ หรือนาจ งามขำ อายุ 62 ปี

พล.ต.ต.วินัยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ เข้าจับกุมตัวนายสิฐิโชค หรือหมู จันทร์นิล พร้อมด้วยอาวุธปืน 2 กระบอก สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้รับว่าจ้างให้มายิงนายรณภศ หรือเสี่ยโต วิสุทธิเหม แต่ถูกตำรวจจับได้เสียก่อน และยังให้การซัดทอดมายังผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้

ต่อมาวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจเข้าจับกุมนายอำนาจ ตามหมายจับของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ จ.49/2565 ลงวันที่ 3 มี.ค.2565 ความผิดฐาน “ร่วมกันก่อให้ ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับขู่เข็ญ จ้างวานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใดให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยผู้ถูกใช้ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร” ได้ที่ห้องพักเลขที่ 2005 โรงแรมริเวียร่า ถ.ประชาวิวัฒน์ ซ.3 ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นรา ธิวาส พร้อมรถยนต์ของกลาง ที่ใช้ขับมาส่งมือปืนที่ห้องเช่า-ชี้เป้าเหยื่อ คือรถโตโยต้าแลนด์ครุยเซอร์ สีดำ ทะเบียน 2 กพ 353 กทม. ที่ตรวจสอบแล้วเป็นทะเบียนปลอม ต่อมาวันที่ 4 มี.ค. เข้าจับกุมนายวศิน ตามหมายจับของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ จ.50/2565 ลงวันที่ 3 มี.ค.2565 ข้อหาเดียวกันได้ที่เล้าไก่หลังบ้านเลขที่ 20/4 ม.10 ต.ทะนง อ.โพทะเล จ.พิจิตร สอบสวนทั้งสองยังให้การปฏิเสธ

พล.ต.ต.วินัยกล่าวต่อว่า ก่อนการจับกุมตำรวจได้รับประสานขอความคุ้มครองจากนายรณภศ หรือเสี่ยโต ผู้เสียหาย ว่า กำลังถูกปองร้ายปมขัดแย้งทางธุรกิจกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ที่ก่อหน้าเคยสนับสนุนให้มาร่วมทำธุรกิจประมูลกำจัดขยะในโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรม แต่ภายหลังพยายามฮุบธุรกิจและบริษัทดังกล่าว จนมีเรื่องฟ้องร้องกันในศาล กระทั่งวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลกบินทร์บุรีนัดหมายเจรจา ซึ่งเป็นวันที่นายสิฐิโชคจะลงมือก่อเหตุ แต่ผิดพลาด ไม่สามารถลงมือได้เพราะถูกจับกุมเสียก่อน

พล.ต.ต.วินัยกล่าวอีกว่า นายสิฐิโชคยังให้การซัดทอดว่ารับงานมาจาก 2 ผู้ต้องหานี้ ในราคา 100,000 บาท รับค่าล่วงหน้ามาแล้ว 20,000 บาท ก่อนนำไปซื้อรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาจาก จ.พิจิตร และมีผู้นำมาส่งให้โดยนำไปจอดซุกไว้ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนเจ้าของบ้านเช่าให้การว่า นายสิฐิโชคมาวางเงินค่าเช่าบ้าน ตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 ราคา 3,000 บาท จ่ายเงินแล้ว 2,500 บาท และเพิ่งเข้าอยู่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรอลงมือสังหาร สำหรับประวัติของนายสิฐิโชค ทราบว่าเป็นมือปืนรับจ้างซุ้มมือปืนภาคเหนือ เคยก่อคดีฆ่าคนตายมาแล้ว 2 ครั้ง คดีแรกติดคุก 9 ปี คดีที่ 2 ศาลยกฟ้อง ส่วนคดีนี้ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนไว้ก่อน ส่วนฐานความผิดอื่นขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน

พล.ต.ต.วินัยกล่าวด้วยว่า คดีนี้ยังมีนายเอ (นามสมมติ) หรือตัวคัตเอาต์ที่รับงานมาจากผู้บงการใหญ่ เพื่อมาติดต่อนายอำนาจที่รู้จักกับซุ้มมือปืนหลายกลุ่ม ขณะนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเชื่อมโยงคือกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพรถยนต์คันที่ตรวจยึดมาได้ ที่ใช้พามือปืนมาดูบ้าน เป้าหมาย ทราบอีกว่าหลังนายสิฐิโชคถูกจับ นายมาตรยังโทร.เข้ามาหาโดยไม่รู้ว่านายสิฐิโชคนั้นถูกจับแล้ว เพื่อสอบถามว่างานที่ทำเป็นอย่างไร นายสิฐิโชคตอบไปว่างานสำเร็จแล้ว ขอเบิกเงินที่เหลือ แต่ผ่านไปได้ไม่นานเหมือนนายมาตรจะรู้ตัว จึงวางสายแล้วไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ก่อนตำรวจจะตามจับกุมได้ดังกล่าว จากนี้ต้องเร่งสืบสวนหาหลักฐานจับกุมนายเอ ที่เป็นผู้รับงาน จากนั้นขยายผลไปยังผู้บงการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน