แม่นศ.อุเทนก็ร้อง ลูกดับเป็นปีไม่คืบ
พ่อ ‘น้องเปรม’ เหยื่อรุ่นพี่รับน้องดับที่โคราช ห้าม 7 รุ่นพี่ที่ก่อเหตุร่วมงานศพ หวั่นญาติยังทำใจไม่ได้อาจเกิดปัญหา แต่ไม่ห้ามผู้ปกครองหากต้องการเข้าร่วมงานเพราะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย ขณะที่มทร.อีสาน สั่งตั้งกรรมการสอบสวนคาด 1 สัปดาห์รู้ผล ก่อนกำหนดบทลงโทษหนักสุดถึงไล่ออก ด้านแม่น้องปลื้มเหยื่อรุ่นพี่อุเทนถวาย ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกถูกรุ่นพี่ลงโทษจนดับเป็นปีคดีไม่คืบหน้า เริ่มไม่มั่นใจว่าจะมีวันได้รับความเป็นธรรมหรือไม่

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายเอกชัย ชลภักดี อายุ 55 ปี พ่อของนายพัสยศ หรือน้องเปรม ชลภักดี อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่ถูกกลุ่มรุ่นพี่แอบจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ เป็นเหตุให้เสียชีวิตบริเวณไร่อ้อยโล่งเตียน บ้านโคกมะกอก หมู่ 14 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ตั้งศพลูกชายประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดสีคิ้วคณาราม หรือวัดน้อย ต.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา หลังรับศพกลับมาจากสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยตั้งสวดพระอภิธรรม 3 วัน ก่อนประกอบพิธีฌาปนกิจในวันที่ 21 มี.ค.

นายเอกชัย เผยว่า กลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุพยายามติดต่อขอเข้ามาร่วมไว้อาลัยในงานศพ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้มา เพราะเกรงว่าญาติยังทำใจไม่ได้ ส่วนผู้ปกครองหากต้องการมาร่วมพิธีจะไม่ห้าม เพราะไม่รู้เห็นอะไรกับกิจกรรมรับน้องครั้งนี้ นอกจากนั้นผู้ปกครองของกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ผู้ก่อเหตุเสนอที่จะให้เงินเยียวยากับครอบครัวจำนวน 5 แสนบาท แต่ไม่ขอรับไว้เพราะชีวิตของลูกชายอันเป็นที่รักยิ่ง ตีค่าเป็นเงินไม่ได้ ลูกชายกำลังมีอนาคตที่สดใสต้องมาจบชีวิตด้วยการจัดกิจกรรมรับน้องที่ไร้สาระเช่นนี้เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ ดังนั้นเรื่องของคดีความจะขอให้ตำรวจดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด

“ส่วนเรื่องที่ร.พ.ค่ายสุรนารีตรวจพบว่าน้องเปรมติดเชื้อโควิด แต่ทางสถาบันนิติเวชวิทยา ยืนยันว่าไม่ได้ติดเชื้อนั้น ผมไม่ได้ติดใจอะไร เพราะอาจจะเกิดข้อผิดพลาดกันได้ ตอนนี้ก็จะขอบำเพ็ญกุศลให้กับน้องเปรมให้ดีที่สุด หลังจากนั้นก็จะนำกระดูกไปทำบุญต่อที่ จ.นครศรีธรรมราช บ้านเกิดต่อไป” นายเอกชัย กล่าวด้วยความเศร้าใจ

ส่วนที่มทร.อีสาน รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนายพัสยศ โดยประชุมติดตามสถานการณ์ผ่านระบบซูม โดยมี ผศ.สุรพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา เป็นประธานในการประชุม อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา ผู้ช่วยอธิการบดี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ผศ.สุรพจน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ เปิดเผยว่า ในวันนี้ มหาวิทยาลัยประชุมคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เบื้องต้นมอบหมายให้คณะกรรมการปกครอง ประสานขอสำนวนจากพนักงานสอบสวน สภ.มะเริง เพื่อนำมาพิจารณาบทลงโทษนักศึกษาที่กระทำผิดระเบียบของมหาวิทยาลัย

การแอบไปจัดกิจกรรมรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ครั้งนี้ มีบทลงโทษตามลำดับขั้นของความผิด ตั้งแต่พิจารณาตัดคะแนน พักการศึกษา ให้พ้นสภาพนักศึกษา และไล่ออก เป็นต้น โดยจะให้สรุปผลการพิจารณาบทลงโทษภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ประสานเจ้าหน้าที่จิตวิทยาลงพื้นที่ไปหาน้องนักศึกษารุ่นพี่ทั้ง 7 คน เนื่องจากว่าช่วงนี้จะเกิดความเครียดกันมาก เพื่อให้นักจิตวิทยาช่วยพูดคุยให้คลายกังวล รวมทั้งให้นักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยกับแฟนน้องเปรมด้วย เพราะขณะนี้กำลังตั้งครรภ์ 2 เดือน เกรงว่าจะเกิดอาการเครียดจนส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์

ขณะเดียวกันเดิมทีพ่อของน้องเปรม จะรับศพไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่ จ.นคร ศรีธรรมราช แต่ผลการตรวจศพน้องเปรมล่าสุดของสถาบันนิติเวชวิทยา ไม่พบการติดเชื้อโควิด จึงมีการเปลี่ยนแผนด้วยการนำศพมาบำเพ็ญกุศลที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ดังนั้นช่วงนี้ทางมหาวิทยาลัยต้องเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ในงานศพ โดยทางมหาวิทยาลัยจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทั้งในเรื่องการจัดสถานที่ การประกอบพิธีทางศาสนา ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเสียก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ปกครองของน้องเปรม

คดีไม่คืบ – นางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 59 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรม กรณีนายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือน้องปลื้ม ลูกชาย เสียชีวิตเพราะถูกรุ่นพี่อุเทนถวายสั่งซ่อมขณะเตรียมจัดงานรับน้อง เมื่อปี 2564 แต่ผ่านมานานเกือบปี คดียังไม่คืบหน้า เมื่อวันที่ 19 มี.ค.

วันเดียวกัน นางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 59 ปี ชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีนายวีรพัฒน์ หรือน้องปลื้ม ตามกลาง ลูกชายคนเล็ก อดีตนักศึกษาอุเทนถวาย รุ่น 89 แผนกวิศวกรรมก่อสร้าง ที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายหรือซ่อม เพราะไม่ยอมทำตามที่รุ่นพี่สั่ง ขณะเตรียมจัดงานรับน้อง เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2564 จนอาการสาหัส ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 8 วัน ก่อนจะเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2564 จนถึงขณะนี้เวลาผ่านมานานเกือบ 1 ปีแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า

นางมนัสนันท์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทางสถาบันไม่เคยแจ้งอะไรให้ทราบเลย ต้องให้ลูกชายคนโตและทนายความไปสอบถามและติดตามเรื่องเอง เจ้าหน้าที่ก็ให้คำตอบเพียงว่าอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ แต่เท่าที่ทราบจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปสำนวนส่งอัยการเลย เกรงว่าเรื่องจะเงียบหายและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ช่วยติดตามเร่งรัดคดี เพื่อให้ครอบครัวและลูกชายที่เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรมด้วย

“ลูกชายมีความใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนอุเทนถวาย แต่ส่วนตัวแม่ไม่เคยสนับสนุนหรืออยากให้ลูกเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เลย เพราะจะได้ยินข่าวรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายรุ่นน้องบ่อย แต่ลูกชายบอกว่าคงไม่เป็น 1 ในร้อยหรอกแม่ และเขาเคยบอกกับแม่ว่าอยากเป็นวิศวกร กระทั่งลูกได้เข้าเรียนที่อุเทนถวายตามที่เขาใฝ่ฝัน เป็นเวลา 1 ปีกว่า ส่วนสาเหตุที่ลูกชายถูกรุ่นพี่ทำร้าย เพราะลูกชายเคยผ่านการรับน้องมาแล้วตอนเข้าปี 1 แต่ที่ลูกชายถูกทำร้าย เพราะรุ่นพี่สั่งให้จัดเตรียมสถานที่ เพื่อทำกิจกรรมรับน้องที่จะเข้าใหม่ในคณะ จึงถูกทำร้ายหรือซ่อมจนเสียชีวิต” แม่น้องปลื้มกล่าว

นางมนัสนันท์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะคนเป็นแม่เสียใจมาก หลังจากสูญเสียลูกชายต้องใช้ชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น บางวันแทบไม่อยากลืมตา แต่ต้องทำใจให้เข้มแข็งเพราะยังมีลูกอีกคนที่ต้องดูแล แต่สิ่งที่ทำให้ลูกได้คือจะตื่นมาตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้ลูกทุกเช้า แต่ยอมรับว่าทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายอดร้องไห้ไม่ได้ ยิ่งมาเห็นข่าวนักศึกษาที่นครราชสีมา เสียชีวิตเพราะการรับน้องอีกยิ่งเหมือนตอกย้ำความรู้สึกที่ต้องสูญเสียลูกชาย และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดกับครอบครัวใครอีก

“สิ่งที่อยากได้ที่สุดตอนนี้คือ อยากให้รุ่นพี่ที่ทำร้ายลูกชายจนเสียชีวิตได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่ได้อยากได้เงินทองเพราะมันไม่สามารถแลกกับสิ่งที่ตนเองสูญเสียได้ แต่พอเวลาผ่านไปนานเกือบ 1 ปีคดีกลับไม่มีอะไรคืบหน้า จึงเริ่มไม่มีความมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ตอนนี้ก็ 50/50 ไม่รู้จะมีวันนั้นหรือไม่” นางมนัสนันท์กล่าว ทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน