สุราษฎร์อ่วมหนัก น้ำนบพิตำซัด 30เรือประมง
น้ำป่าท่วมแล้ว 5 จังหวัด ภาคใต้ นราฯ นครศรีฯ สุราษฎร์ พัทลุง ชุมพรจม 18 อำเภอ 159 หมู่บ้านเดือดร้อน มท.2 สั่งปภ.พร้อมรับสถานการณ์ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะ ‘เขาหลวง’ พื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม ที่นครศรีฯ เริ่มคลี่คลาย ฝนลด มีแสงแดด แต่บางอำเภอยังมืดครึ้ม น้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มริมตลิ่ง อีกทั้งน้ำป่าซัดเรือประมงกว่า 30 ลำจอดคลองลอยออกไปกลางทะเล ส่วน ‘สุราษฎร์’ เจอรับมวลน้ำจาก ‘สิชล-ขนอม’ ฝนยังตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวันเข้าสู่วันที่ 3 ทั้งบ้านเรือน ถนน สวนยาง สวนปาล์มถูกท่วม พระบิณฑบาตไม่ได้

ท่วมหนัก – มวลน้ำจากอ.สิชล จ.นครศรี ธรรมราช ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ หมู่ 1 และหมู่ 2 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ ธานี ขณะเดียวกันฝนยังคงตกหนักต่อเนื่อง บ้านเรือนกว่า 50 หลังจมน้ำ เมื่อวันที่ 6 เม.ย.

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานจากอิทธิพลของลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่งผลให้มีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในห้วงวันที่ 5-6 เม.ย. เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง และชุมพร รวม 18 อำเภอ 50 ตำบล 159 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,607 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ จ.นราธิวาส เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สุคิริน และอ.แว้ง รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผล กระทบ 32 ครัวเรือน

จ.นครศรีธรรมราช เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อ.สิชล อ.ขนอม อ.นบพิตำ อ.เมือง อ.พิปูน อ.พรหมคีรี อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ปากพนัง อ.ชะอวด อ.จุฬาภรณ์ และอ.ท่าศาลา รวม 32 ตำบล 113 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,215 ครัวเรือน, จ.สุราษฎร์ธานี เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.กาญจนดิษฐ์ และอ.ดอนสัก รวม 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชน ได้รับผลกระทบ 38 ครัวเรือน, จ.พัทลุง เกิดอุทกภัยในพื้นที่ อ.ควนขนุน รวม 5 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 221 ครัวเรือน และ จ.ชุมพร เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.พะโต๊ะ และอ.หลังสวน รวม 7 ตำบล 13 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 101 ครัวเรือน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวว่าภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังมีฝนตกหนักและหนักมากตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส และจ.พัทลุง จึงเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น กำชับให้ติดตามสถานการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 6-8 เม.ย โดยเฉพาะพื้นที่ เขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช ที่เคยเสี่ยงอุทกภัยน้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่มจากฝนตกหนัก

รมช.มหาดไทยกล่าวว่า ให้ปภ.เตรียมพร้อมเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาจากฝนตกหนัก และฝนตกสะสม 4 วัน มีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม ฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ แจ้งเตือนประชาชนและ เร่งอพยพประชาชนตามแผนเผชิญเหตุที่ได้เตรียมไว้ เตรียมบุคลากรจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมือ อุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัย

สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ นั้น จ.นครศรีธรรมราช ฝนเริ่มลด มีแสงแดด แต่บางอำเภอยังมืดครึ้ม ฝนตกเล็กน้อย ส่วน อ.สิชล ฝนหยุดตก สถานการณ์ภาพรวม พบยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านประชาชนที่ลุ่มต่ำ ริมตลิ่ง ริมคลอง แต่น้ำลดลงต่อเนื่อง ขณะที่น้ำท่วมสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา และถนน น้ำเริ่มลดกลับสู่ปกติแล้ว โดยเฉพาะถนนสาย 401 นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี น้ำแห้งแล้ว รถทุกชนิดสัญจรผ่านได้ตามปกติ

ส่วนพื้นที่ภูเขาต้นน้ำคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา สถานการณ์เข้าสู่ปกติ แต่ส่งผลกระทบกับชุมชนรับน้ำทางด้านตะวันตกเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เช่น ชุมชนนอกคอก ชุมชนราเมศวร์ ชุมชนบ้านตก ชุมชนท่าช้าง ชุมชนบ่อทรัพย์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมหลายจุด แต่ฝนหยุดตกทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีน้ำทะเลหนุน

ขณะที่นายจิรโรจน์ สำแดง นายอำเภอขนอม นำเจ้าหน้าที่เคลียร์เส้นทางถนนเลียบชายฝั่งทะเลสิชล-ขนอม อ่าวท้องหยี ต.ขนอม เนื่องจากดินภูเขาสไลด์ลงมาพร้อมกับก้อนหินขนาดใหญ่ขวางกั้นถนน เจ้าหน้าที่ใช้รถแบ๊กโฮเคลื่อนหินขนาดใหญ่และฉีดชะล้างดินโคลนไม่ให้ถนนลื่น ก่อนเปิดใช้เส้นทางตามปกติ ส่วน อ.สิชล ถนนสาย 401 สิชล-ขนอม ที่มีน้ำท่วมทั้ง 2 ฝั่ง ขณะนี้น้ำแห้งสนิทแล้ว

ขณะเดียวกัน นายพรชัย สิทธิสงวน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 6 เม.ย. เกิดเหตุเรือประมงขนาดใหญ่ 30 ลำ จอดอยู่ในคลองด่านภาษี หมู่ 9 ต.ท่าศาลา ถูกน้ำป่าไหลหลากมาจาก อ.นบพิตำ ซัดออกไปลอยลำในทะเล ลูกเรือประมงและเจ้าของเรือไม่สามารถออกไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยว กรากและแรงตลอดเวลาเกรงว่าจะได้รับอันตราย

หลังคลื่นสงบเจ้าของและไต้ก๋งเรือประมง นำเรือเล็กออกไปขับเรือประมงที่ลอยเคว้งคว้างกลางทะเลกลับเข้าฝั่งมาได้เกือบ 20 ลำ โดยสภาพเรือแต่ละลำกระแทกกันเองจนกราบและท้ายเรือพังเสียหาย เหลือเรืออีก 12 ลำยังนำกลับเข้าฝั่งไม่ได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง และมีเรือ 1 ลำจมกลางปากอ่าวด่านภาษี มูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท

สำหรับ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะ อ.กาญจนดิษฐ์ ยังคงต้องเฝ้าระวังมวลน้ำจาก อ.สิชล และอ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหมู่ 1 และหมู่ 2 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ บวกกับในพื้นที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเข้า สู่วันที่สาม โดยตลอดทั้งวันยังมีฝนตกลงมา เป็นระยะ และเมฆฝนครึ้มหนาแน่น

จากการสำรวจพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 2 ต.ท่าอุแท บ้านเรือนถูกน้ำท่วมขังกว่า 50 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูง 80-120 เซนติเมตร ถนนในหมู่บ้านบางจุดมีน้ำไหลผ่าน รถทุกชนิดสัญจรผ่านไม่ได้ ชาวบ้านบางส่วนขนของไปไว้ที่สูง และอาศัยอยู่ชั้น 2 ของตัวบ้าน สวนยางพาราและปาล์มน้ำมันถูกน้ำท่วมเช่นกัน รวมทั้งบริเวณ วัดถ้ำธรรมเขาอุทัย น้ำไหลบ่าเข้าท่วมสูง 80-100 เซนติเมตร พระสงฆ์ออกบิณฑบาตไม่ได้

ด้าน จ.พัทลุง แม้ฝนหยุดตกลงมาตั้งแต่ช่วงเมื่อกลางคืนวันที่ 5 เม.ย. แต่มวลน้ำป่ากับน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ก่อนหน้านี้ยังท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือน และเส้นทาง เข้าออกหมู่บ้าน ที่ อ.ควนขนุน ได้รับ ผลกระทบ 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชน 340 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรและ นาข้าวเสียหาย โดยเฉพาะนาข้าว ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน แหล่งปลูกข้าวใหญ่ ของจังหวัด ข้าวนาปรังกว่า 5,000 ไร่ รอเก็บเกี่ยว ถูกน้ำท่วมขังเสียหายกว่า 3,000 ไร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน